มศว องครักษ์ แบบของผม

วันนี้ผมขอมารีวิว มศว องครักษ์ ผสมกับเล่าประสบการณ์ที่ผมได้พบเจอหน่อยนะครับ จริงๆผมอยากจะรีวิวมาตั้งนานแล้วหละแต่ไม่มีแรงบันดาลใจสักที มาวันนี้เห็นเพื่อนแชร์คนรีวิว มศว องครักษ์มา http://ppantip.com/topic/32519968 ผมเข้าไปอ่านแล้วขอไม่แสดงความคิดเห็นนะครับ แต่ครั้งนี้ผมขอมารีวิว มศว องครักษ์ในแบบมุมมองของผมบ้างนะครับ ขอออกตัวไว้นิดนึงว่าตอนนี้ผมไม่ได้เรียนอยู่ที่ องครักษ์ แล้ว ย้ายเข้ามาเรียน ประสานมิตรครับผม การรีวิวอาจไม่เป็นทางการนะครับเขียนเพลินๆตามอารมณ์ที่คิดถึง หากผิดพลาดยังไงขออภัยไว้ก่อนนะครับผม จากนี้ผมหวังว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านจะมีความสุขและได้เห็นดิดแดนแห่งนี้จากแง่มุมของเด็กคนหนึ่งที่เคยเรียกที่นั่นว่า "บ้าน"

“ วันแรก จำได้ มีวิธีการใดไหมที่ไม่ต้องเรียนที่นี่ 1 ปี ตอนนี้ วันสุดท้าย มีวิธีการใดไหมที่จะได้อยู่ที่นี่ต่อ อีกสักปีก็ยังดี “

นี่เป็นสเตตัสเฟสบุ๊คที่ผมได้อัพขึ้นเฟสบุ๊คในคืนสุดท้ายของการใช้ชีวิตเด็กหอในองครักษ์

วันแรกที่ย้ายเข้าหอช่วงนั้นผมจำวันที่ไม่ได้แล้วครับว่าวันที่เท่าไหร่ แต่น่าจะเป็นช่วงก่อนเปิดเทอมเดือนพฤษภาคมครับ เด็กๆทุกคนก็จะพากันขนของย้ายเข้ามาในหอกันครับ ตอนแรกผมไม่ค่อยรู้จัก มศว เท่าไหร่เลยได้แต่หาข้อมูลตามเน็ตและก็ฟังคนอื่นเล่าต่อๆกันมา ก็เชื่ออะไรมากไม่ได้ แต่ในใจก็คิดว่ามันต้องกันดาลแน่ๆ  ตอนนั่งรถที่คุณพ่อกับคุณแม่ไปส่งก็กังวลในใจนิดๆ นั่งรถจากกรุงเทพไปไม่นานครับ ราวๆ หนึ่งชั่วโมงครึ่งได้ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ พอเราเดินทางมาถึงที่ มศว องครักษ์ สิ่งแรกที่เราจะเห็นคือโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพฯ เด่นมาแต่ไกลเลยครับ โดยว่ากันว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในองครักษ์ (แหมน่าภูมิใจจริงๆนะครับ 55555) หลังจากนั้นก็จะเจอกับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ องครักษ์ นะครับ

หลังจากนั้นก็ขับรถเข้าไปตามทางเราก็จะเจอกับหอพักนิสิตของเราครับ ในวันนั้นรถค่อนข้างติดครับเพราะเป็นวันเข้าหอวันแรก แต่สิ่งหนึ่งที่ผมแปลกใจถึงกับต้องอุทานออกมากับตัวเองว่า “เฮ้ย มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนี่หว่า” สภาพแวดล้อมต่างๆ ภายในมอ ร่มรื่นครับ และสภาพของหอก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่เลย หอหญิงนี่ผมว่าได้มาตรฐาน ที่หอทั่วไปควรจะมีเลยหละครับ
ในวันนั้นผมก็ได้ขนของเข้าห้องเป็นที่เรียบร้อยสำรวจสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆก็จะมี ที่นอน โต๊ะอ่านหนังสือ แล้วก็ตู้เสื้อผ้าให้คนละหนึ่งชุดครับ ส่วน ผ้าปูที่นอน หมอน มุ้ง เครื่องใช้ส่วนตัวต่างๆ ต้องขนไปเองครับ แต่ไม่ต้องกังวนมากนะครับ ว่าจะลืมอะไรหรือเปล่า ขาดเหลืออะไรไหม ไว้เราอยู่ๆไปเราจะรู้เองครับว่าเราต้องใช้อะไรบ้างแล้วอะไรที่เราขนไปเกินๆบ้าง สำหรับหอจะแบ่งออกเป็นสองประเภทครับ คือ หอแอร์และหอพัดลม โดยจะมีหอทั้งหมด 11 หอครับ แบ่งเป็น หอชาย 2 หอ หอหญิงอีก 7 หอ ครับ และจะมีหอของรุ่นพี่อีก 2 หอครับ (และยังมี หอแพทย์ ต่างๆอีกเยอะครับ แต่ขอไม่พูดถึงละกันนะครับเพราะผมไม่ได้อยู่ 555555)
โดยวิธีการจองหอเราก็จะจองผ่านเว็บไซต์ครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยตอนจองหอนั้น บอกได้เลยครับว่ามันคือช่วงเวลาแห่งการแย่งชิงเป็นอย่างมาก เพราะว่าหอแอร์นั้นมีจำนวนไม่มากพอสำหรับนิสิตทุกๆคนดังนั้นระบบจึงจะอนุมัติให้คนที่จองก่อนได้หอแอร์และคนที่พลาดจะได้หอพัดลมครับผม ( แต่ทุกเอกทุกคณะจะมีโควตาหอแอร์ครับ คือทุกเอกทุกคณะมีสิทธิพอๆกันครับต้องแย่งชิงกันในเอกเท่านั้นเอง 555555 ) และแต่ละห้องจะมีรูมเมทอยู่ประมาณ 3-4-5 คนตามแต่ดวงไปครับ โดยจะคละคณะคละเอกกกันไปครับ ถือว่าเป็นการได้เปิดสังคมใหม่ๆ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตัวผมนั้นพ่ายแพ้ในสงครามการชิงหอครั้งนี้ครับ ก็ได้หอพัดลมไปตามระเบียบ สำหรับหอพัดลมนั้นในหน้าหนาวและหน้าฝน อากาศไม่ถือว่าแย่นะครับ ก็พออยู่ได้สำหรับคนไม่ขี้ร้อนมาก แต่สำหรับหน้าร้อนก็ทำใจครับขนพัดลมมาจากบ้านสามสี่ตัวจ่อกันเข้าไป ในส่วนของห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวมครับผม [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ก็ถ้าไม่ซีเรียสมาก ก็อาบน้ำทำธุระส่วนตัวได้ปกติดีครับ แต่ก็ต้องช่วยๆกันรักษาความสะอาดหน่อยนะครับเพราะเป็นห้องน้ำรวม  ส่วนเรื่องของ internet wifi ที่หอก็มีให้ใช้ครับจะแรงเป็นช่วงเวลา(ช่วงดึกๆครับ คนใช้กันน้อยโหลดหนังเกาหลี ดูคลิปญี่ปุ่นกันได้ไม่กระตุกนัก) และห้องที่อยู่ใกล้เร้าเตอร์ก็จะได้เปรียบหน่อยนะครับ แต่ถ้าหากมีงานจริงๆหรือมีความต้องการใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง แนะนำให้ไปที่ศูนย์คอมครับผม อยู่ที่อาคารเรียนรวม รับรองแรงถึงใจครับ
หลังจากได้ก้าวเข้าไปในดินแดนอันห่างไกลผู้คนแห่งนี้วันแรก ผมก็ยังไม่เจอใครเลยครับ รูมเมทไปไหนกันหมดไม่รู้ (ช่วงนั้นมีกิจกรรมรับน้องกันเรื่องเปื่อยครับ บรรยากาศแบบมหาวิทยาลัยจริงๆเลยหละ) ตกเย็นผมก็ได้ไปกินข้าวเย็นที่อ๊อกตะครับ (ตอนนั้นยังใช้อ๊อกตะเป็นโรงอาหารชั่วคราวครับ เนื่องจากโรงอาหารหลักมีปัญหา)
เมนูวันแรกไม่รู้จะสั่งอะไรบอกพ่อค้าไปว่า “เอาอะไรอร่อยๆสักอย่างสิครับ”
พ่อค้าตะโกนไปบอกแม่ครัวว่า “เอาผัดโย มาจานนึง ”
ตอนแรกก็งงนะครับว่าผัดโย มันคืออะไร โยอะไรกันนะ โยเกิร์ตหรอ? สักพักก็ได้ข้าวราดผัดอะไรสักอย่างมาสีออกแดงๆหน่อย ตอนแรกแทบไม่อยากกินครับ แต่พอได้กินเข้าไปเท่านั้น นั่นถือเป็นหนึ่งในเมนูโปรดประจำองครักษ์ของผมเลย พูดแล้วอยากกินอีก 55555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากกินข้าวเสร็จก็ไม่ได้ทำอะไรครับ ก็เดินดูรอบๆหอนิดหน่อยแล้วก็ขึ้นห้องนอน พร้อมกับเจอชายแปลกหน้าอีก 3 คนที่เราต้องนอนร่วมด้วยในคืนแรก และที่สำคัญครับ ไฟดับทั้งหอหรืออาจเรียกได้ว่าระแวกแถวนั้นทั้งหมด 55555 แต่มันก็กลับมาใช้ได้เป็นปกติครับตต้องทำใจนิดนึง เจอครั้งแรกกก็ตกใจครับ สำหรับคือแรกก็หวิวๆแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ
ตอนนี้ก็เขียนมาเยอะพอสมควรแล้วนะครับ อ่านไปอ่านมาเพิ่งได้วันแรก ต้องขออภัยจริงๆนะครับหากสาระน้อยไปหน่อย แต่ผมอยากถ่ายทอดองครักษ์ในมุมมองของผมและที่ผมได้เจอมาให้ได้อ่านกันจริงๆ อาจเขียนไม่ค่อยดีแต่มันก็เป็นความทรงจำที่ดีมากๆเลยนะครับ ไว้เดี๋ยวต่อไปผมจะเล่าเกี่ยวกับวิถีชีวิตต่างๆ ทั้งการไปเรียนและการใช้ชีวิตอยู่คราวๆ และก็มีเรื่องราวแปลกๆ และต้องขอไปหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยนะครับสำหรับวันนี้ขอนอนก่อนนะครับ ไว้มาเขียนต่อ
ขอขอบคุณภาพจากเพจ เรารักมศว องครักษ์ - We Love SWU Ongkharak และภาพจากรุ่นพี่และเพื่อนๆ และในgoogle

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่