What If (Michael Dowse,2013) คะแนน C+
By Form Corleone
"ความรักระหว่างเพื่อน แสดงออกด้วยความรู้สึก" ระดับความสัมพันธ์มักเริ่มต้นด้วยการกระทำ ไม่มีใครผิดถ้าจะผิดก็คงเป็นทั้งสองฝ่าย เรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบสาวที่พึ่งรู้จักจนได้เป็นเพื่อนกัน สนิทกันและสร้างความสัมพันธ์ที่เกินเพื่อน ถึงแม้ว่าฝ่ายหญิงนั้นมีแฟนอยู่แล้วก็ตามที ด้วยข้อจำกัดของสถานะ ทำให้ชายหนุ่มเป็นได้เพียงเพื่อนชาย แต่เพราะเขาและเธอมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกันและตรงกัน ข้อจำกัดของคำว่าเพื่อน และการนำเสนอของตัวหนังเองก็ทำให้คนดูหาทิศทางของหนังไม่เจอในช่วงเวลาหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดตัวหนังเองก็แสดงอาการออกมาให้เราคาดเดาได้อยู่ดี!!
ความฟินของหนังและความน่ารักบวกด้วยมุกตลกที่เป็นแนวทางของหนังรอมคอม ปกติทั่วไปครับ แต่ถ้าใครอยู่ในช่วงสภาวะที่พฤติกรรมของตัวเองตรงกับช่วงเวลาที่หนังนำเสนอ คงได้รับผลกระทบไปเต็มๆและมีความสุขเมื่อออกจากโรงแล้วภาวนาให้มันเกิดขึ้นจริง ในโลกความเป็นจริงสักที!! แต่สำหรับผมตัวหนังพยายามเกินไป และดูจงใจเกินไป แต่ก็สนุกดีครับดูเพลินๆก็โอเคในระดับหนึ่ง มีบางช่วงที่รู้สึกเบื่อมากและก็มีบางช่วงที่รู้สึกดีสลับกันไป เหมือนหนังนำเสนอปัญหาชีวิตของฝ่ายชายในมุมมองที่ดูเหมือนผู้หญิง ก็น่ารักดี แม้เป็นได้แค่เพื่อนแต่ก็รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้กัน ได้ใช้เวลาร่วมกัน ได้คิดถึงกันเมื่อเวลาอีกฝ่ายมีปัญหา สภาวะของความรู้สึกนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียผสมกันไปคนละครึ่งทางและมันก็ไม่ต่างอะไรกับภาพรวมทั้งหมดของ “What If”
“เขาว่า เคมี เราตรงกัน” คงเป็นอะไรที่โดนไปเต็มๆครับสำหรับ What If เพราะการแสดงของคู่พระนางลงตัวสุดครับ เป็นการแสดงที่เข้าล็อคกัน เหมือน “ลูกกุญแจกับแม่กุญแจ” เราเข้ากันดีเหลือเกิน!!! ถึงแม้ตัวโครงเรื่องจะดูดีในระดับหนึ่ง แต่จังหวะการตัดเรื่องเร็วเกินไป จนบางครั้งก็เสียความรู้สึกไปเลย ที่ชอบคงเป็นโทนสีของหนังครับ ชอบเป็นพิเศษ ภาพของตัวหนังสวยมาก รวมถึงความสัมพันธ์ที่ใช้เหตุผลคงจะไม่ได้เพราะมันมาจากความรู้สึกภายในกับเจ้าสิ่งที่เรียกว่า “หัวใจ” รวมทั้งบทสนทนาที่ไหลลื่นจนเป็นธรรมชาติส่งผ่านการแสดงที่เข้ากันดีเหลือเกิน ทั้งหมดก็คงส่งให้ What If แปลงร่างเป็นหนัง “Feel Good” จนทำให้เรารู้สึกอมยิ้มไปตามๆกัน ^__^
สุดท้าย What If คือ ความสัมพันธ์ของคนสองคน ในสถานะของเพื่อนจนกลายเป็น “คนรัก” แม้ว่าการตัดเรื่องจะเร็วเกินไปแต่มันก็ไม่ได้ลดทอนความสัมพันธ์ที่แสนน่ารักผสมโรแมนติกไปพร้อมกัน เราอาจเจอใครสักคนที่ทำให้เรา “ตกหลุมรัก” แต่ถ้าเราจะตกหลุมรักอีกครั้ง มันคงเป็นรักที่มากกว่าครั้งก่อน >< ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ปล.ขอบคุณที่สละเวลาอันมีค่า อ่านความรู้สึกของผมครับ
อ่านเรื่องอื่น
http://moviesdelightclub.blogspot.com/ 
Review : What If (Michael Dowse,2013)
By Form Corleone
"ความรักระหว่างเพื่อน แสดงออกด้วยความรู้สึก" ระดับความสัมพันธ์มักเริ่มต้นด้วยการกระทำ ไม่มีใครผิดถ้าจะผิดก็คงเป็นทั้งสองฝ่าย เรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบสาวที่พึ่งรู้จักจนได้เป็นเพื่อนกัน สนิทกันและสร้างความสัมพันธ์ที่เกินเพื่อน ถึงแม้ว่าฝ่ายหญิงนั้นมีแฟนอยู่แล้วก็ตามที ด้วยข้อจำกัดของสถานะ ทำให้ชายหนุ่มเป็นได้เพียงเพื่อนชาย แต่เพราะเขาและเธอมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกันและตรงกัน ข้อจำกัดของคำว่าเพื่อน และการนำเสนอของตัวหนังเองก็ทำให้คนดูหาทิศทางของหนังไม่เจอในช่วงเวลาหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดตัวหนังเองก็แสดงอาการออกมาให้เราคาดเดาได้อยู่ดี!!
ความฟินของหนังและความน่ารักบวกด้วยมุกตลกที่เป็นแนวทางของหนังรอมคอม ปกติทั่วไปครับ แต่ถ้าใครอยู่ในช่วงสภาวะที่พฤติกรรมของตัวเองตรงกับช่วงเวลาที่หนังนำเสนอ คงได้รับผลกระทบไปเต็มๆและมีความสุขเมื่อออกจากโรงแล้วภาวนาให้มันเกิดขึ้นจริง ในโลกความเป็นจริงสักที!! แต่สำหรับผมตัวหนังพยายามเกินไป และดูจงใจเกินไป แต่ก็สนุกดีครับดูเพลินๆก็โอเคในระดับหนึ่ง มีบางช่วงที่รู้สึกเบื่อมากและก็มีบางช่วงที่รู้สึกดีสลับกันไป เหมือนหนังนำเสนอปัญหาชีวิตของฝ่ายชายในมุมมองที่ดูเหมือนผู้หญิง ก็น่ารักดี แม้เป็นได้แค่เพื่อนแต่ก็รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้กัน ได้ใช้เวลาร่วมกัน ได้คิดถึงกันเมื่อเวลาอีกฝ่ายมีปัญหา สภาวะของความรู้สึกนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียผสมกันไปคนละครึ่งทางและมันก็ไม่ต่างอะไรกับภาพรวมทั้งหมดของ “What If”
“เขาว่า เคมี เราตรงกัน” คงเป็นอะไรที่โดนไปเต็มๆครับสำหรับ What If เพราะการแสดงของคู่พระนางลงตัวสุดครับ เป็นการแสดงที่เข้าล็อคกัน เหมือน “ลูกกุญแจกับแม่กุญแจ” เราเข้ากันดีเหลือเกิน!!! ถึงแม้ตัวโครงเรื่องจะดูดีในระดับหนึ่ง แต่จังหวะการตัดเรื่องเร็วเกินไป จนบางครั้งก็เสียความรู้สึกไปเลย ที่ชอบคงเป็นโทนสีของหนังครับ ชอบเป็นพิเศษ ภาพของตัวหนังสวยมาก รวมถึงความสัมพันธ์ที่ใช้เหตุผลคงจะไม่ได้เพราะมันมาจากความรู้สึกภายในกับเจ้าสิ่งที่เรียกว่า “หัวใจ” รวมทั้งบทสนทนาที่ไหลลื่นจนเป็นธรรมชาติส่งผ่านการแสดงที่เข้ากันดีเหลือเกิน ทั้งหมดก็คงส่งให้ What If แปลงร่างเป็นหนัง “Feel Good” จนทำให้เรารู้สึกอมยิ้มไปตามๆกัน ^__^
สุดท้าย What If คือ ความสัมพันธ์ของคนสองคน ในสถานะของเพื่อนจนกลายเป็น “คนรัก” แม้ว่าการตัดเรื่องจะเร็วเกินไปแต่มันก็ไม่ได้ลดทอนความสัมพันธ์ที่แสนน่ารักผสมโรแมนติกไปพร้อมกัน เราอาจเจอใครสักคนที่ทำให้เรา “ตกหลุมรัก” แต่ถ้าเราจะตกหลุมรักอีกครั้ง มันคงเป็นรักที่มากกว่าครั้งก่อน >< ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ปล.ขอบคุณที่สละเวลาอันมีค่า อ่านความรู้สึกของผมครับ
อ่านเรื่องอื่น http://moviesdelightclub.blogspot.com/