จาก Statue of Liberty...สู่ The Eiffel Tower (อย่างน้อยคนออกแบบก็คนเดียวกันคือ Alexandre Gustave Eiffel)
La Tour Eiffel...ค้นฟ้าคว้าหอไอเฟล
หอไอเฟลเป็นผลงานการออกแบบคนเดียวกับที่ออกแบบเทพีแห่งเสรีภาพที่นิวยอร์ก
ครั้งหนึ่งที่นี่เคยได้รับการขนานนามว่าเป็นเพียงซากเหล็กอันน่าอัปลักษณ์
แต่ในปัจจุบันหอไอเฟลกลับกลายเป็นสัญญลักษณ์ประจำชาติของประเทศฝรั่งเศส
และยังเป็นสถานที่ๆดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาเยี่ยมเยือนตลอดทั้งปี
..........................................................................................................
จาก The Met...สู่ Louvre Museum (พิพิธภัณฑ์ทั้งสองต่างก็ติดอันดับใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเช่นเดียวกัน)
Musée du Louvre...พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์
ลูฟวร์เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ที่นี่เป็นสถานที่จัดแสดงผลงานทางศิลปะอันทรงคุณค่าระดับโลกไว้มากมาย
รวมถึงภาพวาด ''โมนาลิซ่า'' อันโด่งดังซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก
และที่นี่ยังถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ The Da Vinci Code อันก้องโลกอีกด้วย
...........................................................................................................
จาก Brooklyn Bridge...สู่ Pont Alexandre III (โรแมนติกเหมือนกันแต่สะพานที่ปารีสเน้นความอลังการงานสร้างมากกว่าค่ะ)
Pont Aleandre III...สะพานอะเลคซันดร์ที่ 3
ปงอาแล็กซ็องดร์-ทรัว เป็นสะพานเชื่อมต่อฝั่งแม่น้ำด้านหอไอเฟลกับฝั่งช็องเซลีเซเข้าด้วยกัน
โดยได้ถูกกล่าวขานว่าเป็นสะพานที่ประดับประดาไปด้วยงานศิลปะชั้นเลิศและหรูหราที่สุดในปารีส
โดยในปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์แห่งฝรั่งเศส
..............................................................................................................
จาก Central Park..สู่ Gardens of Versailles (ร่มรื่นและงดงามแต่ต่างกันตรงสวนที่แวร์ซายแต่งสไตล์หรูหราแบบเจ้าหญิงๆ)
Château de Versailles...พระราชวังแวร์ซาย
พระราชวังแวร์ซายได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่
และยังเป็นพระราชวังที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
อีกทั้งยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคปัจจุบันอีกด้วย
.......................................................................................................................
จาก Fifth Avenue...สู่ Champs-Élysées (ถนนสายแฟชั่นของโลกเช่นเดียวกัน ประหนึ่งเดินเฉิดฉายอยู่บนแคทวอล์คของโลก)
Champs-Élysées...ถนนสายแฟชั่น
ช็องเซลีเซ...ได้รับการขนานนามว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก
และยังเป็นที่นิยมของนักช็อปแบรนด์เนมระดับโลกอย่างหลุยส์ วิตตองอีกด้วย
อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของร้าน Laduree ที่ทำ Macaron ได้อร่อยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
และสุดปลายถนนสายนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Arc de Triomphe หรือประตูชัยแห่งนโปเลียน
.................................................................................................................
26 August 2014
เราเดินทางมาถึงปารีสในช่วงเย็นด้วยสายการบิน SAS
โดยจองผ่านเว็ปไซต์ kayak ราคาไป-กลับ (นอร์เวย์-ปารีส-นอร์เวย์) คนละประมาณ 7,000 บาท
จากนั้นเราจึงเดินทางจากสนามบินสู่โรงแรม โดยรถ Shuttle Bus ของบริษัทเอกชน
เนื่องจากสะดวกเพราะไปส่งถึงโรงแรมเลยค่ะ ราคาคนละ 18 ยูโร
แต่ราคาไม่ตายตัวนะคะเพราะขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่เราจองไป
(ป.ล. เราลืมถ่ายรูปรถมาเลยไปก็อปจากกูเกิ้ล สีและแบบไม่ใช่คันนี้นะคะ แต่ไซส์ประมาณนี้เลยค่ะ)
CHARLES DE GAULLE AIRPORT - PARIS CITY (ALL ZIP CODES 75XXX)
Persons Shared Shuttles
1 29 € Per Person
2 to 3 18 € Per Person
4 to 5 16 € Per Person
2+2 (Family) 15 € Per Person
6 to 7 14 € Per Person
8 13 € Per Person
โรงแรมเราเลือกพักที่ Timhotel Tour Eiffel ตามรีวิวของคุณ vinny ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ที่นี่อยู่ใกล้กับหอไอเฟลและสถานีเมโทร Dupleix
แต่ตอนนี้ Dupleix ปิดปรับปรุงซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเปิดใช้ได้อีกเมื่อไหร่นะคะ
ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีที่ไม่ไกลกันนักยังมีอีกหนึ่งเมโทรนั่นก็คือสถานี La Motte-Picquet
ส่วนราคาหากจองโดยตรงกับโรงแรมอยู่ที่ 90 € ต่อคืนนะคะ ซึ่งถูกกว่าจองผ่านเอเจนท์อีกค่ะ
แต่เรามีเพียงบัตรเดบิต ไม่สามารถจองได้เพราะโรงแรมรับแต่บัตรเครดิตเท่านั้น
เราเลยต้องไปจองผ่านอโกด้าเหมือนเดิม
ตํวโดยสารและพิพิธภัณฑ์ เราเลือกซื้อ Paris City Passport สำหรับ 2 วันคนละ 72 €
Paris Visite (Zone 1-3) ใช้บริการได้ทั้ง bus, metro, tram and RER สำหรับ 2 วัน
Paris Museum Pass ใช้บริการพิพิธภัณฑ์ในปารีสและนอกเมืองได้มากกว่า 60 แห่ง สำหรับ 2 วัน
Bateaux Mouches ใช้บริการล่องเรือในแม่น้ำแซนน์ได้ 1 ครั้ง
หากคุณพร้อมทั้งแรงกายที่จะไปเยือนในหลายๆที่เราว่าคุ้มค่าดีค่ะ
แต่หากคุณสภาพ Teen ไม่อำนวยก็อาจจะขาดทุนแบบเราเช่นกันค่ะ
เนื่องจากตอนแรกเราแพลนในแต่ละวันหลายที่มาก
แต่สุดท้ายตัดออกเหลือวันละ 2 ที่เองค่ะ
..................................................................................................
ทริปที่ 1
La Tour Eiffel...หอไอเฟล
เราเลือกเดินเท้าในวันแรก เนื่องจากต้องการใช้ Paris Visite และ Paris Museum Pass ในสองวันที่เหลือ
Google Maps เป็นอะไรที่เริ่ดมากเลยค่ะ เราเดินตามแผนที่ๆปริ๊นมาไม่มีหลงแต่อย่างใด
สถานที่ๆเราอยากไปถ่ายรูปกับหอไอเฟลที่สุดไม่ใช่ Trocadero ที่เค้าฮิตๆกันนะคะ
หากแต่เป็น The Wall for Peace หรือ Peach Monument นั่นเองค่ะ
เห็นรูปจากกูเกิลครั้งแรกแล้วประทับใจมากๆ
เราต้องหาอยู่นานเลยค่ะว่าเค้าเรียกว่าอะไร
สำหรับเรา เราว่าที่นี่สวยที่สุดในการถ่ายกับหอไอเฟล
แต่ทำไมมีตะแกรงมาปิดล้อมไม่ให้เข้าไปข้างในนะ
เฮ้อ แต่ยังไงซะเราก็ต้องถ่ายมุมนี้ให้ได้โดยมีตะแกรงเป็นของแถม
จบวันแรกไปอย่างชุ่มชื่นหัวใจ เสียดายที่วันนี้มีฝนตกปรอยๆ เดํยวหยุด เดํยวตก
เราแพลนไว้ว่าจะไปล่องเรือชมแม่น้ำแซนน์เลยต้องยกยอดไปในวันถัดไปแทนค่ะ
ปิดท้ายวันแรกด้วยภาพไอศกรีมโคนหน้าตาน่าทานที่หอไอเฟล
สรุปค่าเสียหายวันแรกนะคะ
ไอศกรีมโคน 3 €
โคคา โคล่า 3 €
แซนวิช 5 €
บราวนี่ 3.80 €
รวม 14.80 €
....................................................................................................................
[CR] อกหักจาก...''New York''...เลยเลือกมาดามใจ ณ มหานคร...''Paris''
แต่มันเกี่ยวกับทริปในฝันเพราะ...''นิวยอร์ค''...เป็นทริปที่เราอยากไปมากที่สุดในชีวิต
............................................................................................
ปีที่แล้ว (July 2013) เราไปยื่นเรื่องขอวีซ่าอเมริกา เราไปแบบมีแต่คนเตือนว่าไปก็เสียเงินและเสียเวลาเปล่าๆ
เพราะงานก็ไม่มี เงินก็ไม่มี แถมยังมีวีซ่าที่เคยทำงานร้านอาหารที่ดูไบมาสำทับให้ความริบหรี่มากขึ้นไปอีก
ตอนนั้นเราลังเลจนเลื่อนการสัมภาษณ์วีซ่าออกไปทั้งหมด 3 ครั้งจนเลื่อนไม่ได้แล้วนอกจากยกเลิกไปเลย
เราก็เลยลุยไปในนาทีสุดท้าย คือไปแต่ตัวกับ Passport เล่มเดียว
นาทีที่เข้าสัมภาษณ์ยังจำได้ดีว่าคนที่สัมภาษณ์เราลุกไปจากที่ตรงนั้นเกือบ 5 นาทีได้
มันเป็น 5 นาทีที่ยาวนานและทรมานมากกกกสำหรับเรา
ในที่สุดฮีก็กลับมาพร้อมคำถามสุดท้ายว่าแฟนโทรมาล่าสุดเมื่อไหร่
เราตอบไปตามความจริงว่าเมื่อคืนวานนี้ค่ะ
Have a great holiday in America!...โอ้นี่มันคือเสียงสวรรค์ชัดๆ
ยิ่งวันที่ได้รับ Passport กลับมาแล้วเปิดเจอวีซ่า 10 ปี มันดีใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
เพราะอย่างน้อยความฝันก็ง่ายขึ้นมาอีกเยอะเลยหากมีวีซ่าไว้ครอบครองแล้ว
ต่อไปก็ต้องพยายามทำความฝันให้มันเป็นความจริงให้ได้ภายใน 10 ปีนี้
ช่วงที่ยื่นวีซ่านอร์เวย์ เราเลยเลือกเป็นแบบ Multiple Entry โดยมั่นใจแบบสุดๆเลยค่ะว่าไม่มีปัญหาแน่นอน
ช่วงนั้นนั่งอ่านแต่รีวิวจาก Pantip นี่แหละค่ะ เห็นคำว่า New York เป็นไม่ได้รีบคลิกเข้าไปอ่านอย่างไว
ตํวเครื่องบินก็ดูไว้แล้ว เกือบซื้อไว้แล้วด้วยนะคะ
ส่วนโรงแรมก็เล็งๆไว้แล้วเช่นกัน
แพลนแต่ละวันก็มีคร่าวๆไว้ในใจ
และโดยเฉพาะเสื้อผ้าที่จะใส่ไปนี่ก็เตรียมไว้เรียบร้อย
เนื่องจากเราเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปมากถึงมากที่สุด
ฉะนั้นเสื้อผ้าสำคัญมากๆสำหรับคนหลงรักตัวเองแบบเรามากเลยค่ะ
และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง
เปิดดูวีซ่าอย่างมั่นใจว่าเรียบร้อยแน่นอน
น้ำตาตกใน เข้าใจอาการของคนที่อกหักก็คราวนี้
แพลนทุกอย่างที่เตรียมไว้ต้องมาพังทลายลงไปในพริบตา
และนี่เองคือสาเหตุที่ทำให้ทริปปารีสเกิดขึ้นมาเพื่อดามใจให้กับคนอกหักอย่างเรา
...........................................................................................................
จาก Statue of Liberty...สู่ The Eiffel Tower (อย่างน้อยคนออกแบบก็คนเดียวกันคือ Alexandre Gustave Eiffel)
หอไอเฟลเป็นผลงานการออกแบบคนเดียวกับที่ออกแบบเทพีแห่งเสรีภาพที่นิวยอร์ก
ครั้งหนึ่งที่นี่เคยได้รับการขนานนามว่าเป็นเพียงซากเหล็กอันน่าอัปลักษณ์
แต่ในปัจจุบันหอไอเฟลกลับกลายเป็นสัญญลักษณ์ประจำชาติของประเทศฝรั่งเศส
และยังเป็นสถานที่ๆดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาเยี่ยมเยือนตลอดทั้งปี
Musée du Louvre...พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์
ลูฟวร์เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ที่นี่เป็นสถานที่จัดแสดงผลงานทางศิลปะอันทรงคุณค่าระดับโลกไว้มากมาย
รวมถึงภาพวาด ''โมนาลิซ่า'' อันโด่งดังซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก
และที่นี่ยังถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ The Da Vinci Code อันก้องโลกอีกด้วย
...........................................................................................................
Pont Aleandre III...สะพานอะเลคซันดร์ที่ 3
ปงอาแล็กซ็องดร์-ทรัว เป็นสะพานเชื่อมต่อฝั่งแม่น้ำด้านหอไอเฟลกับฝั่งช็องเซลีเซเข้าด้วยกัน
โดยได้ถูกกล่าวขานว่าเป็นสะพานที่ประดับประดาไปด้วยงานศิลปะชั้นเลิศและหรูหราที่สุดในปารีส
โดยในปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์แห่งฝรั่งเศส
..............................................................................................................
Château de Versailles...พระราชวังแวร์ซาย
พระราชวังแวร์ซายได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่
และยังเป็นพระราชวังที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
อีกทั้งยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคปัจจุบันอีกด้วย
.......................................................................................................................
Champs-Élysées...ถนนสายแฟชั่น
ช็องเซลีเซ...ได้รับการขนานนามว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก
และยังเป็นที่นิยมของนักช็อปแบรนด์เนมระดับโลกอย่างหลุยส์ วิตตองอีกด้วย
อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของร้าน Laduree ที่ทำ Macaron ได้อร่อยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
และสุดปลายถนนสายนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Arc de Triomphe หรือประตูชัยแห่งนโปเลียน
.................................................................................................................
26 August 2014
เราเดินทางมาถึงปารีสในช่วงเย็นด้วยสายการบิน SAS
โดยจองผ่านเว็ปไซต์ kayak ราคาไป-กลับ (นอร์เวย์-ปารีส-นอร์เวย์) คนละประมาณ 7,000 บาท
จากนั้นเราจึงเดินทางจากสนามบินสู่โรงแรม โดยรถ Shuttle Bus ของบริษัทเอกชน
เนื่องจากสะดวกเพราะไปส่งถึงโรงแรมเลยค่ะ ราคาคนละ 18 ยูโร
แต่ราคาไม่ตายตัวนะคะเพราะขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่เราจองไป
(ป.ล. เราลืมถ่ายรูปรถมาเลยไปก็อปจากกูเกิ้ล สีและแบบไม่ใช่คันนี้นะคะ แต่ไซส์ประมาณนี้เลยค่ะ)
CHARLES DE GAULLE AIRPORT - PARIS CITY (ALL ZIP CODES 75XXX)
Persons Shared Shuttles
1 29 € Per Person
2 to 3 18 € Per Person
4 to 5 16 € Per Person
2+2 (Family) 15 € Per Person
6 to 7 14 € Per Person
8 13 € Per Person
โรงแรมเราเลือกพักที่ Timhotel Tour Eiffel ตามรีวิวของคุณ vinny ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ที่นี่อยู่ใกล้กับหอไอเฟลและสถานีเมโทร Dupleix
แต่ตอนนี้ Dupleix ปิดปรับปรุงซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเปิดใช้ได้อีกเมื่อไหร่นะคะ
ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีที่ไม่ไกลกันนักยังมีอีกหนึ่งเมโทรนั่นก็คือสถานี La Motte-Picquet
ส่วนราคาหากจองโดยตรงกับโรงแรมอยู่ที่ 90 € ต่อคืนนะคะ ซึ่งถูกกว่าจองผ่านเอเจนท์อีกค่ะ
แต่เรามีเพียงบัตรเดบิต ไม่สามารถจองได้เพราะโรงแรมรับแต่บัตรเครดิตเท่านั้น
เราเลยต้องไปจองผ่านอโกด้าเหมือนเดิม
ตํวโดยสารและพิพิธภัณฑ์ เราเลือกซื้อ Paris City Passport สำหรับ 2 วันคนละ 72 €
Paris Visite (Zone 1-3) ใช้บริการได้ทั้ง bus, metro, tram and RER สำหรับ 2 วัน
Paris Museum Pass ใช้บริการพิพิธภัณฑ์ในปารีสและนอกเมืองได้มากกว่า 60 แห่ง สำหรับ 2 วัน
Bateaux Mouches ใช้บริการล่องเรือในแม่น้ำแซนน์ได้ 1 ครั้ง
หากคุณพร้อมทั้งแรงกายที่จะไปเยือนในหลายๆที่เราว่าคุ้มค่าดีค่ะ
แต่หากคุณสภาพ Teen ไม่อำนวยก็อาจจะขาดทุนแบบเราเช่นกันค่ะ
เนื่องจากตอนแรกเราแพลนในแต่ละวันหลายที่มาก
แต่สุดท้ายตัดออกเหลือวันละ 2 ที่เองค่ะ
ทริปที่ 1
La Tour Eiffel...หอไอเฟล
เราเลือกเดินเท้าในวันแรก เนื่องจากต้องการใช้ Paris Visite และ Paris Museum Pass ในสองวันที่เหลือ
Google Maps เป็นอะไรที่เริ่ดมากเลยค่ะ เราเดินตามแผนที่ๆปริ๊นมาไม่มีหลงแต่อย่างใด
สถานที่ๆเราอยากไปถ่ายรูปกับหอไอเฟลที่สุดไม่ใช่ Trocadero ที่เค้าฮิตๆกันนะคะ
หากแต่เป็น The Wall for Peace หรือ Peach Monument นั่นเองค่ะ
เห็นรูปจากกูเกิลครั้งแรกแล้วประทับใจมากๆ
เราต้องหาอยู่นานเลยค่ะว่าเค้าเรียกว่าอะไร
สำหรับเรา เราว่าที่นี่สวยที่สุดในการถ่ายกับหอไอเฟล
แต่ทำไมมีตะแกรงมาปิดล้อมไม่ให้เข้าไปข้างในนะ
เฮ้อ แต่ยังไงซะเราก็ต้องถ่ายมุมนี้ให้ได้โดยมีตะแกรงเป็นของแถม
จบวันแรกไปอย่างชุ่มชื่นหัวใจ เสียดายที่วันนี้มีฝนตกปรอยๆ เดํยวหยุด เดํยวตก
เราแพลนไว้ว่าจะไปล่องเรือชมแม่น้ำแซนน์เลยต้องยกยอดไปในวันถัดไปแทนค่ะ
ปิดท้ายวันแรกด้วยภาพไอศกรีมโคนหน้าตาน่าทานที่หอไอเฟล
ไอศกรีมโคน 3 €
โคคา โคล่า 3 €
แซนวิช 5 €
บราวนี่ 3.80 €
รวม 14.80 €
....................................................................................................................