ยูเครนเครียดหนัก.. ข่าวกรองหลายสำนัก ยืนยัน รัสเซียส่งทหารนับพันนาย พร้อมอาวุธหนักเต็มพิกัดข้ามชายแดนทางใต้ของยูเครน ไปช่วยกบฏแบ่งแยกดินแดนจริง ขณะที่นายกฯยูเครนโวย ประธานาธิบดีปูตินเริ่มต้นก่อสงครามในยุโรปแล้ว
เมื่อ 29 ส.ต.สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนน่าวิตกหนัก หลังจากกองทัพรัฐบาลรัสเซียส่งทหารนับพันนายข้ามชายแดนเข้าไปทางตอนใต้ของประเทศยูเครนแล้ว เพื่อช่วยเหลือกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครน ว่า ทำให้ประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโกแห่งยูเครน ยกเลิกการเดินทางเยือนตุรกีทันที เมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา ( 28 ส.ค.) เนื่องจากสถานการณ์ในแคว้นโดเนสก์ ทางภาคตะวันออกทวีความตึงเครียดมากขึ้น
ขณะที่ นายกรัฐมนตรีอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค แห่งยูเครน กล่าวหลังร่วมประชุมฉุกเฉินคณะรัฐมนตรีหารือวิกฤติการณ์ทางภาคตะวันออกของยูเครน ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ได้เริ่มต้นก่อสงครามในยุโรปขึ้นแล้ว และไม่มีทางจะปิดบังความจริงในเรื่องนี้
ก่อนหน้านี้ นายทหารระดับสูงของยูเครน ออกโรงยืนยัน รัสเซียกำลังส่ง ทหารเข้ามารุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่ สภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน กล่าวว่า กองกำลังรัสเซียได้ยึดครองพื้นที่เมืองโนวอซอฟสก์ได้ทั้งหมดแล้ว เมื่อบ่ายวันพุธที่ผ่านมา
ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเปิดเผยต่อสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ระบุว่า รายงานที่ได้รับ จากหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ชี้ว่า มีทหารรัสเซียนับ 1,000 นายข้ามชายแดนเข้าสู่ภาคใต้ของยูเครนจริง พร้อมด้วยอาวุธยุทธโธปกรณ์ อีกทั้งยังเกิดการสู้รบกับทหารรัฐบาลยูเครนด้วย
นายกรัฐมนตรีเดวิด แคเมอรอน แห่งอังกฤษ ออกมาเรียกร้องถึงรัสเซียว่า ต้องยุติปฏิบัติการทางทหารทางภาคตะวันออกของยูเครนโดยทันที พร้อมกล่าวด้วยว่าตนมีความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อหลักฐานมากมายที่บ่งชี้ว่า กองทัพรัสเซียได้ส่งทหารเข้าไปทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน และขณะนี้ประชาคมโลกได้เตือนรัสเซียให้หยุดการกระทำยุยงปลุกปั่นดังกล่าว เพราะถือเป็นการกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้และยังขัดต่อกฏหมายระหว่างประเทศ
ตามรายงานที่ได้จากหน่วยข่าวกรองอังกฤษนั้น ทางการอังกฤษประเมินว่ากองทัพรัสเซียได้มีการนำ ปืนใหญ่ และจรวดจำนวนมากข้ามชายแดนเข้าไปในยูเครน ขณะที่ มีการติดตั้งระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศด้วยขีปนาวุธและปืนแบบ SA-22A จำนวน 2 เครื่อง ในจังหวัดลูฮานส์ก ทางภาคตะวันออกของยูเครน ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.
ขณะที่ องค์กรสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต) ได้แสดงหลักฐานที่ได้จากภาพถ่ายทางดาวเทียมเมื่อปลายเดือนสิงหาคม แสดงให้เห็นว่ามีทหารรัสเซียเข้าไปเกี่ยวข้องกับปฏิบ้ติการทางทหารในดินแดนของยูเครน
ทหารรัสเซียข้ามแดนเข้ายูเครนแล้ว
เมื่อ 29 ส.ต.สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนน่าวิตกหนัก หลังจากกองทัพรัฐบาลรัสเซียส่งทหารนับพันนายข้ามชายแดนเข้าไปทางตอนใต้ของประเทศยูเครนแล้ว เพื่อช่วยเหลือกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครน ว่า ทำให้ประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโกแห่งยูเครน ยกเลิกการเดินทางเยือนตุรกีทันที เมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา ( 28 ส.ค.) เนื่องจากสถานการณ์ในแคว้นโดเนสก์ ทางภาคตะวันออกทวีความตึงเครียดมากขึ้น
ขณะที่ นายกรัฐมนตรีอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค แห่งยูเครน กล่าวหลังร่วมประชุมฉุกเฉินคณะรัฐมนตรีหารือวิกฤติการณ์ทางภาคตะวันออกของยูเครน ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ได้เริ่มต้นก่อสงครามในยุโรปขึ้นแล้ว และไม่มีทางจะปิดบังความจริงในเรื่องนี้
ก่อนหน้านี้ นายทหารระดับสูงของยูเครน ออกโรงยืนยัน รัสเซียกำลังส่ง ทหารเข้ามารุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่ สภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน กล่าวว่า กองกำลังรัสเซียได้ยึดครองพื้นที่เมืองโนวอซอฟสก์ได้ทั้งหมดแล้ว เมื่อบ่ายวันพุธที่ผ่านมา
ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเปิดเผยต่อสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ระบุว่า รายงานที่ได้รับ จากหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ชี้ว่า มีทหารรัสเซียนับ 1,000 นายข้ามชายแดนเข้าสู่ภาคใต้ของยูเครนจริง พร้อมด้วยอาวุธยุทธโธปกรณ์ อีกทั้งยังเกิดการสู้รบกับทหารรัฐบาลยูเครนด้วย
นายกรัฐมนตรีเดวิด แคเมอรอน แห่งอังกฤษ ออกมาเรียกร้องถึงรัสเซียว่า ต้องยุติปฏิบัติการทางทหารทางภาคตะวันออกของยูเครนโดยทันที พร้อมกล่าวด้วยว่าตนมีความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อหลักฐานมากมายที่บ่งชี้ว่า กองทัพรัสเซียได้ส่งทหารเข้าไปทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน และขณะนี้ประชาคมโลกได้เตือนรัสเซียให้หยุดการกระทำยุยงปลุกปั่นดังกล่าว เพราะถือเป็นการกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้และยังขัดต่อกฏหมายระหว่างประเทศ
ตามรายงานที่ได้จากหน่วยข่าวกรองอังกฤษนั้น ทางการอังกฤษประเมินว่ากองทัพรัสเซียได้มีการนำ ปืนใหญ่ และจรวดจำนวนมากข้ามชายแดนเข้าไปในยูเครน ขณะที่ มีการติดตั้งระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศด้วยขีปนาวุธและปืนแบบ SA-22A จำนวน 2 เครื่อง ในจังหวัดลูฮานส์ก ทางภาคตะวันออกของยูเครน ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.
ขณะที่ องค์กรสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต) ได้แสดงหลักฐานที่ได้จากภาพถ่ายทางดาวเทียมเมื่อปลายเดือนสิงหาคม แสดงให้เห็นว่ามีทหารรัสเซียเข้าไปเกี่ยวข้องกับปฏิบ้ติการทางทหารในดินแดนของยูเครน