วันก่อน เห็น ไอ้โล้น อินดี้ มันนั่ง วางท่า เป็น ประธานเรื่อง ปฎิรูปพลังงาน แล้ว เกิดอาการคันในง่ามเท้าเป็นอันมาก..
น้ำก็ยังไม่ท่วม แต่ไหง ฮ่องกงฟุต มันถามหาแต่หัววัน .. เห็นไอ้โล้น มันพ่น วนไปวนมา อยู่ ไม่กี่ประโยค
" ชั้นก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมน้ำมันที่ส่งออกไปขาย มันถึงได้ถูกกว่าที่คนไทย ใช้กัน น้ำมันก็น้ำมันของเราเองแท้ๆ "
มามะ หลวงพี่ อินดี้ กับ สาวก สลิ่ม ทั้งหลาย วันนี้ ฟายแดง จะเอา บทความที่อธิบายเรื่องนี้ แบบ เข้าใจง่ายที่สุด มาให้อ่านกัน
( คาดว่า แม่มม ก้อไม่อ่านกันอีกนั่นล่ะ สลิ่มศรี อีโบล่า เกินห้าบรรทัด สลิ่มท้ออออออออ)
เอางี้ๆ จะยอมเหนื่อยอธิบายให้ฟังแบบเพื่อไม่ให้เกิดอคติ ขอไม่ใช่คำว่า "น้ำมัน" แล้วกัน
เพราะรู้สึกเมื่อไหร่มีคำว่า "น้ำมัน" เข้ามาเกี่ยวข้องนี่ ไอ้พวกชอบพูดชอบแชร์เรื่องทวงคืน น้ำลายฟูมปากทู๊กที
สมมุติว่าเราอยู่ในหมู่บ้าน "กะลาแลนด์" แระกัน ทีนี้พวกเราชาวกะลาเนี่ย กินข้าวเป็นหลักใช่ป่ะ?
ทีนี้หมู่บ้านกะลาแลนด์เนี่ย มันมีที่ดินเยอะแต่มันเป็นที่ดอน ปลูกข้าวได้แต่ปลูกยาก ลงแรงเยอะกว่าชาวบ้านชาวช่อง ในปริมาณข้าวที่ได้พอๆกัน
มันไม่ใช่ว่าปลูกข้าวได้มากมายอะไรหรอก ที่แย่เข้าไปอีกคือหมู่บ้านกะลาแลนด์เนี่ย แมร่มแดรกข้าวกันทิ้งขว้าง หยั่งกะข้าวมันร่วงมาจากฟากฟ้ายังงัยหยั่งงั้นเลย เสร็จแล้วมันก็ออกมาโวยวายกันว่าทำไมข้าวบ้านกรูมันแพงว๊ะ?
ทำไมกรูต้องจ่ายราคาเท่าไอ้หมู่บ้านกะโปร์โตกใกล้ๆกันว๊ะ? ทั้งๆที่กรูมีข้าวเอง "เหลือเฟือ" (อันนี้มโนเต็มๆ)
อ่ะมาดูกันว่าทำไม
ครืออีกะลาแลนด์เนี่ย แมร่งปลูกข้าวได้วันละ ล้านกระสอบแต่
แดรกกันวันละสามล้านกระสอบ
จะให้มีข้าวพอแดรก เมริงต้องไปสั่งซื้อข้าวเปลือกมาจากหมู่บ้านอื่นๆ ที่มันปลูกข้าวได้เยอะกว่าเมริง เอามาสีเป็นข้าวสาร
ทีนี้ไอ้การที่จะมีข้าวสารไว้กินไว้แดรกแบบสบายๆหน่อยไม่เหนื่อยไม่เปลืองมาก เมริงก็ต้องมีโรงสีไว้ใช้เอง เพื่อสีข้าวเปลือกให้เป็นข้าวสาร ทีนี้หล่ะปัญหาเรย
ครืองี้ ไอ้กะลาแลนด์เนี้ยมันไม่ใช่เศรษฐีน๊ะครับ มันไม่มีปัญญาสร้างโรงสีเอง เพราะโรงสีเนี่ยมันแพง สร้างทีเป็นหนี้เป็นสินแบ๊งค์กันยันลูกยันหลานยันโหลน ก็ต้องไปอ้อนวอนให้คนที่เค้ามีตังค์ มาลงทุนสร้างมาสีข้าวให้พวกเมริงๆอ่ะ รับทานกัน
เพราะข้าวเปลือกอ่ะ มันแดรกบ่ได้ ต้องสีให้เป็นข้าวสารก่อน พอสีแล้วก็ได้ของอย่างอื่นมาใช้ประโยชน์ด้วย โรงสีมันก็ได้ตรงนั้นไปเป็นสิ่งจูงใจด้วย คนเค้าก็อยากมาสร้างโรงสีให้เมริง แต่หลักการครือถ้าเค้ามาลงทุนเค้าต้องได้กำไร ถ้าเค้ามาลงทุนสีข้าวให้เมริงแดรกข้าวกันฟรีๆ
เค้าจะมาทำหอกอะไร?
ทีนี้ปัญหาเรยครือ พอมีการสร้างโรงสี โรงสีมันก็ต้องสีข้าวสารให้มันเยอะๆ เพื่อที่จะได้ขายข้าวให้ได้กำไรไปจ่ายดอกเบี้ยแบ๊งค์
เมริงจะให้เค้ามาสีข้าวแค่พอพวก
แดรกแล้วหยุด ก็พอดีหล่ะอีกไม่นานคงหมดตัว โรงสีมันก็ต้องสีข้าวให้มากกว่าที่เมริงจะแดรกทัน แล้วส่งไอ้ส่วนที่เหลือแดรกกันในกะลาแลนด์ไปขายที่อื่น
แต่ตรงนี้อ่ะไม่ได้หมายความว่าเมริงปลูกข้าวได้มากกว่าที่เมริงแดรก เพราะไอ้ข้าวเปลือกที่เอามาสีเพิ่มอ่ะ มันนำเข้ามาจากที่อื่น กะลาแลนด์อ่ะ มันปลูกข้าวได้อยู่เท่าเดิมครือวันละล้านกระสอบ
ตรงนี้อ่ะที่มีอีพวกทวงคืนข้าวไทยแมร่มชอบมึนเหมาเอาว่า ส่งออกได้ แปลว่าผลิต "ข้าวเปลือก" ได้เกินแดรก
ไม่ใช่น๊ะครับเว้ย !!!
ยิ่งไปกว่านั้น อีพวกชาวบ้านเนี่ยแมร่มตีมึน ชอบนึกว่าพวกคณะกรรมการหมู่บ้านอ่ะ เป็นเจ้าของโรงสี
ตรงนี้ ผิด! ไม่ใช่โว้ย!
แค่ถือหุ้นใหญ่ มีสิทธิ์เข้าไปบริหารแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของ
โรงสีที่มีทั้งหมดหกโรงเนี่ย ไอ้คณะกรรมการหมู่บ้านถือหุ้นอยู่ห้าโรง มีถือหุ้นเด็ดขาดเป็นเจ้าของแค่โรงเดียว
ไอ้คำว่าถือหุ้นใหญ่มีสิทธิ์บริหารอ่ะ หมายความว่าอาจจะถือหุ้น สี่สิบเปอร์เซ็นต์แต่อีกหกสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลืออยู่มันเป็นของคนที่เค้ามาร่วมลงทุน เมริงจะไปตัดสินใจทำอะไรเด็ดขาดเพียงผู้เดียวอ่ะ ทำไม่ได้
เมริงจะกำหนดราคาขายข้าวให้คนในหมู่บ้านแดรกกันถูกตามอำเภอใจ ไม่สนใจคนที่เค้าหอบเงินเป็นหนี้มาลงทุนสร้างโรงสีให้เมริงอ่ะ ไม่ได้!
ทีนี้มันก็มาถึงคำถามว่า แล้วทำไมกรูในกะลาแลนด์ต้องกินข้าวราคาเดียวกะไอ้หมู่บ้านกะโปร์โตกว๊ะ?
ก็ลองคิดดูสิว๊ะครับ ก็อย่างที่บอกไอ้หมู่บ้านกะลาแลนด์อ่ะ มันไม่ได้เป็นเจ้าของโรงสี มันแค่ถือหุ้นใหญ่ ที่ไม่ใช่ว่าเด็ดขาดแต่อย่างใด มีถือหุ้นเด็ดขาดอยู่โรงเดียวจากหกโรง เกิดเมริงทะลึ่งออกมาบอกว่า กรูจะขายข้าวให้คนในกะลาแลนด์ราคาตามใจกรู ไอ้คนที่มันเป็นเจ้าของหุ้นโรงสีคนอื่นๆเค้าบอกว่า
"เออ ตามใจเมริง งั้นเมริง ก็เอาข้าวสารส่วนของออกไปขายให้ไอ้พวกกะลาแลนด์แดรกกันที่ราคาเมริงต้องการแระกัน แต่กรูขอแบ่งส่วนของกรูไปขายที่ กะโปร์โตกแลนด์น๊ะ เพราะได้ราคาดีกว่าและใกล้ เดินข้ามคันนากรูก็ได้ราคาดีกว่าแระ"
ทีนี้ใครซวยหล่ะ? เออ ก็ไอ้พวกกะลาแลนด์นี่หล่ะซวย กลายเป็นต้องไปนำเข้าข้าวสารมาแดรกจากที่อื่น ที่อาจจะต้องแพงกว่าซื้อจากกะโปร์โตกแลนด์อีกดิเมริง ทีนี้หล่ะครัช
ของจริง
เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น คณะกรรมการหมู่บ้านกะลาแลนด์มันถึงต้อง กำหนด ให้ไอ้พวกโรงสีข้าวอ่ะ ขายตามราคา หมู่บ้านกะโปร์โตกแลนด์ได้ แล้วเรียกว่าค่าพรีเมี่ยม เพราะถ้าไม่งั้น ไอ้พวกที่ถือหุ้นที่มันมาร่วมสร้างโรงสีให้เมริง มันก็หอบข้าวสารออกไปขายที่อื่นที่ได้ราคาดีกว่า ชัดมั๊ย?
ถ้าเมริงอยากจะลดค่าพรีเมี่ยมว่าให้มันเพลาๆหน่อยอะไรก็ว่าไป
แต่อย่า
ไปเหมาว่า การกำหนดราคาข้าวสารตามกะโปร์โตกแลนด์ ว่าเป็นการคอรัปชั่นให้คนกลุ่มหนึ่งรวยบนหลังชาวบ้านชาวช่อง เพราะมันผิด!
ทะลึ่งไปกำหนดราคาตามที่อยากได้แล้วจะซวยกัน
อ่ะทีนี้กลับไปอ่านใหม่เปลี่ยน "ข้าวเปลือก" เป็น "น้ำมันดิบ" เปลี่ยน "โรงสี" เป็น "โรงกลั่น" แล้วลองไปอ่านที่คุณป้าให้สัมภาษณ์ที่แชร์ๆกันอยู่เนี่ยว่า
ใครมั่ว?
CR . คัดลอกมาจาก หน้าเพจ ของ รุ่นพี่ที่นับถือกันคนนึง
เอามาปรับปรุงนิดหน่อย เพราะของเดิม มันดิบมาก เกรงว่าจะไม่ผ่านเซนเซอร์
" ทวงคืน ปตท. " ฉบับเรียบเรียงใหม่ อ่านสนุก เข้าใจง่าย ... เหมาะสำหรับ สลิ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ห้ามพลาด !!!
น้ำก็ยังไม่ท่วม แต่ไหง ฮ่องกงฟุต มันถามหาแต่หัววัน .. เห็นไอ้โล้น มันพ่น วนไปวนมา อยู่ ไม่กี่ประโยค
" ชั้นก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมน้ำมันที่ส่งออกไปขาย มันถึงได้ถูกกว่าที่คนไทย ใช้กัน น้ำมันก็น้ำมันของเราเองแท้ๆ "
มามะ หลวงพี่ อินดี้ กับ สาวก สลิ่ม ทั้งหลาย วันนี้ ฟายแดง จะเอา บทความที่อธิบายเรื่องนี้ แบบ เข้าใจง่ายที่สุด มาให้อ่านกัน
( คาดว่า แม่มม ก้อไม่อ่านกันอีกนั่นล่ะ สลิ่มศรี อีโบล่า เกินห้าบรรทัด สลิ่มท้ออออออออ)
เอางี้ๆ จะยอมเหนื่อยอธิบายให้ฟังแบบเพื่อไม่ให้เกิดอคติ ขอไม่ใช่คำว่า "น้ำมัน" แล้วกัน
เพราะรู้สึกเมื่อไหร่มีคำว่า "น้ำมัน" เข้ามาเกี่ยวข้องนี่ ไอ้พวกชอบพูดชอบแชร์เรื่องทวงคืน น้ำลายฟูมปากทู๊กที
สมมุติว่าเราอยู่ในหมู่บ้าน "กะลาแลนด์" แระกัน ทีนี้พวกเราชาวกะลาเนี่ย กินข้าวเป็นหลักใช่ป่ะ?
ทีนี้หมู่บ้านกะลาแลนด์เนี่ย มันมีที่ดินเยอะแต่มันเป็นที่ดอน ปลูกข้าวได้แต่ปลูกยาก ลงแรงเยอะกว่าชาวบ้านชาวช่อง ในปริมาณข้าวที่ได้พอๆกัน
มันไม่ใช่ว่าปลูกข้าวได้มากมายอะไรหรอก ที่แย่เข้าไปอีกคือหมู่บ้านกะลาแลนด์เนี่ย แมร่มแดรกข้าวกันทิ้งขว้าง หยั่งกะข้าวมันร่วงมาจากฟากฟ้ายังงัยหยั่งงั้นเลย เสร็จแล้วมันก็ออกมาโวยวายกันว่าทำไมข้าวบ้านกรูมันแพงว๊ะ?
ทำไมกรูต้องจ่ายราคาเท่าไอ้หมู่บ้านกะโปร์โตกใกล้ๆกันว๊ะ? ทั้งๆที่กรูมีข้าวเอง "เหลือเฟือ" (อันนี้มโนเต็มๆ)
อ่ะมาดูกันว่าทำไม
ครืออีกะลาแลนด์เนี่ย แมร่งปลูกข้าวได้วันละ ล้านกระสอบแต่แดรกกันวันละสามล้านกระสอบ
จะให้มีข้าวพอแดรก เมริงต้องไปสั่งซื้อข้าวเปลือกมาจากหมู่บ้านอื่นๆ ที่มันปลูกข้าวได้เยอะกว่าเมริง เอามาสีเป็นข้าวสาร
ทีนี้ไอ้การที่จะมีข้าวสารไว้กินไว้แดรกแบบสบายๆหน่อยไม่เหนื่อยไม่เปลืองมาก เมริงก็ต้องมีโรงสีไว้ใช้เอง เพื่อสีข้าวเปลือกให้เป็นข้าวสาร ทีนี้หล่ะปัญหาเรย
ครืองี้ ไอ้กะลาแลนด์เนี้ยมันไม่ใช่เศรษฐีน๊ะครับ มันไม่มีปัญญาสร้างโรงสีเอง เพราะโรงสีเนี่ยมันแพง สร้างทีเป็นหนี้เป็นสินแบ๊งค์กันยันลูกยันหลานยันโหลน ก็ต้องไปอ้อนวอนให้คนที่เค้ามีตังค์ มาลงทุนสร้างมาสีข้าวให้พวกเมริงๆอ่ะ รับทานกัน
เพราะข้าวเปลือกอ่ะ มันแดรกบ่ได้ ต้องสีให้เป็นข้าวสารก่อน พอสีแล้วก็ได้ของอย่างอื่นมาใช้ประโยชน์ด้วย โรงสีมันก็ได้ตรงนั้นไปเป็นสิ่งจูงใจด้วย คนเค้าก็อยากมาสร้างโรงสีให้เมริง แต่หลักการครือถ้าเค้ามาลงทุนเค้าต้องได้กำไร ถ้าเค้ามาลงทุนสีข้าวให้เมริงแดรกข้าวกันฟรีๆ
เค้าจะมาทำหอกอะไร?
ทีนี้ปัญหาเรยครือ พอมีการสร้างโรงสี โรงสีมันก็ต้องสีข้าวสารให้มันเยอะๆ เพื่อที่จะได้ขายข้าวให้ได้กำไรไปจ่ายดอกเบี้ยแบ๊งค์
เมริงจะให้เค้ามาสีข้าวแค่พอพวกแดรกแล้วหยุด ก็พอดีหล่ะอีกไม่นานคงหมดตัว โรงสีมันก็ต้องสีข้าวให้มากกว่าที่เมริงจะแดรกทัน แล้วส่งไอ้ส่วนที่เหลือแดรกกันในกะลาแลนด์ไปขายที่อื่น
แต่ตรงนี้อ่ะไม่ได้หมายความว่าเมริงปลูกข้าวได้มากกว่าที่เมริงแดรก เพราะไอ้ข้าวเปลือกที่เอามาสีเพิ่มอ่ะ มันนำเข้ามาจากที่อื่น กะลาแลนด์อ่ะ มันปลูกข้าวได้อยู่เท่าเดิมครือวันละล้านกระสอบ
ตรงนี้อ่ะที่มีอีพวกทวงคืนข้าวไทยแมร่มชอบมึนเหมาเอาว่า ส่งออกได้ แปลว่าผลิต "ข้าวเปลือก" ได้เกินแดรก
ไม่ใช่น๊ะครับเว้ย !!!
ยิ่งไปกว่านั้น อีพวกชาวบ้านเนี่ยแมร่มตีมึน ชอบนึกว่าพวกคณะกรรมการหมู่บ้านอ่ะ เป็นเจ้าของโรงสี
ตรงนี้ ผิด! ไม่ใช่โว้ย!
แค่ถือหุ้นใหญ่ มีสิทธิ์เข้าไปบริหารแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของ
โรงสีที่มีทั้งหมดหกโรงเนี่ย ไอ้คณะกรรมการหมู่บ้านถือหุ้นอยู่ห้าโรง มีถือหุ้นเด็ดขาดเป็นเจ้าของแค่โรงเดียว
ไอ้คำว่าถือหุ้นใหญ่มีสิทธิ์บริหารอ่ะ หมายความว่าอาจจะถือหุ้น สี่สิบเปอร์เซ็นต์แต่อีกหกสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลืออยู่มันเป็นของคนที่เค้ามาร่วมลงทุน เมริงจะไปตัดสินใจทำอะไรเด็ดขาดเพียงผู้เดียวอ่ะ ทำไม่ได้
เมริงจะกำหนดราคาขายข้าวให้คนในหมู่บ้านแดรกกันถูกตามอำเภอใจ ไม่สนใจคนที่เค้าหอบเงินเป็นหนี้มาลงทุนสร้างโรงสีให้เมริงอ่ะ ไม่ได้!
ทีนี้มันก็มาถึงคำถามว่า แล้วทำไมกรูในกะลาแลนด์ต้องกินข้าวราคาเดียวกะไอ้หมู่บ้านกะโปร์โตกว๊ะ?
ก็ลองคิดดูสิว๊ะครับ ก็อย่างที่บอกไอ้หมู่บ้านกะลาแลนด์อ่ะ มันไม่ได้เป็นเจ้าของโรงสี มันแค่ถือหุ้นใหญ่ ที่ไม่ใช่ว่าเด็ดขาดแต่อย่างใด มีถือหุ้นเด็ดขาดอยู่โรงเดียวจากหกโรง เกิดเมริงทะลึ่งออกมาบอกว่า กรูจะขายข้าวให้คนในกะลาแลนด์ราคาตามใจกรู ไอ้คนที่มันเป็นเจ้าของหุ้นโรงสีคนอื่นๆเค้าบอกว่า
"เออ ตามใจเมริง งั้นเมริง ก็เอาข้าวสารส่วนของออกไปขายให้ไอ้พวกกะลาแลนด์แดรกกันที่ราคาเมริงต้องการแระกัน แต่กรูขอแบ่งส่วนของกรูไปขายที่ กะโปร์โตกแลนด์น๊ะ เพราะได้ราคาดีกว่าและใกล้ เดินข้ามคันนากรูก็ได้ราคาดีกว่าแระ"
ทีนี้ใครซวยหล่ะ? เออ ก็ไอ้พวกกะลาแลนด์นี่หล่ะซวย กลายเป็นต้องไปนำเข้าข้าวสารมาแดรกจากที่อื่น ที่อาจจะต้องแพงกว่าซื้อจากกะโปร์โตกแลนด์อีกดิเมริง ทีนี้หล่ะครัช ของจริง
เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น คณะกรรมการหมู่บ้านกะลาแลนด์มันถึงต้อง กำหนด ให้ไอ้พวกโรงสีข้าวอ่ะ ขายตามราคา หมู่บ้านกะโปร์โตกแลนด์ได้ แล้วเรียกว่าค่าพรีเมี่ยม เพราะถ้าไม่งั้น ไอ้พวกที่ถือหุ้นที่มันมาร่วมสร้างโรงสีให้เมริง มันก็หอบข้าวสารออกไปขายที่อื่นที่ได้ราคาดีกว่า ชัดมั๊ย?
ถ้าเมริงอยากจะลดค่าพรีเมี่ยมว่าให้มันเพลาๆหน่อยอะไรก็ว่าไป
แต่อย่าไปเหมาว่า การกำหนดราคาข้าวสารตามกะโปร์โตกแลนด์ ว่าเป็นการคอรัปชั่นให้คนกลุ่มหนึ่งรวยบนหลังชาวบ้านชาวช่อง เพราะมันผิด! ทะลึ่งไปกำหนดราคาตามที่อยากได้แล้วจะซวยกัน
อ่ะทีนี้กลับไปอ่านใหม่เปลี่ยน "ข้าวเปลือก" เป็น "น้ำมันดิบ" เปลี่ยน "โรงสี" เป็น "โรงกลั่น" แล้วลองไปอ่านที่คุณป้าให้สัมภาษณ์ที่แชร์ๆกันอยู่เนี่ยว่า
ใครมั่ว?
CR . คัดลอกมาจาก หน้าเพจ ของ รุ่นพี่ที่นับถือกันคนนึง
เอามาปรับปรุงนิดหน่อย เพราะของเดิม มันดิบมาก เกรงว่าจะไม่ผ่านเซนเซอร์