[Spoil SS3] The Legend of Korra : จะเกิดอะไรขึ้นหากเธอ...ไม่รอด (แปลบทเกริ่นของ Fanfic Post Season 3 มาให้ลองอ่านกัน)

ช่วงนี้ไปกลิ้งๆอยู่ใน fanfiction.net พึ่งรู้ว่าฝรั่งนี่มีแฟนฟิคสำหรับทุกเรื่อง ทุกแนว ทุกสื่อ(เกมส์ หนัง การ์ตูน อนิเมะ) อ่านกันตาแฉะเลยทีเดียว



แน่นอนว่าสำหรับอีเวนท์สุดท้ายของ Korra ซีซั่น 3 ที่จบแบบทิ้งปมสุดๆกับรถเข็นและน้ำตา จึงบังเกิดขึ้นมาเป็นแฟนฟิคมากมายนับไม่ถ้วน จินตนาการคาดเดากันไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ(ส่วนตัวที่ผมชอบที่สุดคือ "Liquid Limbo" เหตุเพราะคนเขียนแกใส่ Korrasami เข้าไปได้อย่างแนบเนียน)

อย่างไรก็ตาม ผมพึ่งได้เจอฟิคนึงที่ใช้พล็อตเรื่องแหวกแนวกว่าชาวบ้าน(ในเว็บนั้น ไม่รู้นอกเว็บมีคนเขียนไปแล้วรึยัง) คือจะเกิดอะไรขึ้นหากสุดท้ายแล้วอาการบาดเจ็บของคอร่านั้นจบลงด้วยการพรากชีวิตเธอไป

เป็นฟิคสั้นๆ(เทียบใน Word ก็ประมาณ 10 กว่าหน้า) โดยเล่าเรื่องผ่านมุมมองของตัวละครรอบข้างที่ต้องรับมือกับการจากไปของคอร่า แถมมีตอนจบที่ชวนให้ชื่นใจอย่างน่าประหลาด เลยอยากนำมาให้อ่านกันครับ

ปล.แปลมาแค่ช่วงเกริ่น เพราะเชื่อว่าคนที่ติดตามซีรี่ย์นี้น่าจะ อ่าน-ฟัง ภาษาอังกฤษได้ในระดับนึงนะครับ


Fic : Rebirth

คอร่า POV

เราไม่ต้องการเจ้าอีกต่อไปแล้ว
นี่คือจุดจบของอวตาร
ยุคสมัยของเจ้าสิ้นสุดแล้ว
จงปล่อยวางเถิด

ช่างเย้ายวนเหลือเกิน กับการที่จะไม่ต้องรู้สึกสิ้นหวัง เจ็บปวด ไร้ค่า ช่างชวนโหยหายิ่งนัก
แต่...แล้วเพื่อนๆของฉันล่ะ? แล้วพ่อกับแม่ล่ะ? ฉันจะทิ้งพวกเขาไว้ข้างหลัง...ให้พวกเขาต้องเผชิญกับความโศกเศร้างั้นหรือ?
ปล่อยวาง
"หลับตาลงเสีย คอร่า"
ราว่า
"ความเจ็บปวดจะหายไปมั้ย?"
"หาย"
"แล้ว...แล้วคนอื่นๆจะเป็นอะไรมั้ย?"
"ข้าไม่รู้"
"ฉันไม่อยากให้พวกเขาต้องเสียใจ..."
"ข้ารู้...เจ้าใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญตลอด 18 ปีอันแสนสั้นนี้ และข้ารู้ว่าพวกเขาทุกคนภูมิใจในตัวเจ้า ข้าเองก็มีความสุขกับช่วงเวลาที่เรามีร่วมกัน"
"...ตกลง..."
"ขอบคุณ...อวตารคอร่า...เราจะได้พบกันใหม่ในชาติต่อไป..."

________________________________________

เซนน่า POV

"คอร่า ลูกรัก ตื่นอยู่รึเปล่าจ๊ะ?"
ไม่มีเสียงตอบกลับ แต่นั่นเป็นเรื่องปรกติ ตั้งแต่เธอเอาชนะซาเฮียร์ได้เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน เธอก็ทำตัวเหินห่าง สิ้นหวัง ทรุดโทรม บางครั้งฉันแทบทำใจมองไม่ได้ ฉันอยากช่วยเธอ จูบที่หัวเข่าให้เธอหายเจ็บ หวังเหลือเกินว่าจุมพิตของพ่อแม่จะวิเศษจริงอย่างที่เราหลอกเด็กน้อยๆ แต่เพราะมันไม่ใช่...ฉันจึงได้แต่เฝ้ามองและพยามช่วยเธอกลับมายิ้มได้อีกครั้ง
ฉันเปิดเข้าไปในห้องและเห็นคอร่าอยู่บนเตียง เธอนอนหันหลังให้ประตู แขนข้างหนึ่งยื่นไปด้านหน้า ดวงตาปิดสนิท
"คอร่า" ฉันเดินไปนั่งลงข้างขอบเตียง สะกิดเธอเบาๆ "ลูกรัก"
ไม่มีการตอบสนอง
สังหรณ์ร้ายผุดเข้ามาในหัวฉัน รู้สึกแน่นหน้าอกด้วยความตระหนก
"คอร่า ลูกแม่"
ฉันเขย่าตัวเธอแรงกว่าเดิม
"คอร่า!" เสียงของฉันดังขึ้น
"โอ้...ได้โปรด ดวงวิญญาณ ได้โปรดอย่าทำอย่างนี้!..." ฉันรู้สึกได้ถึงหยดน้ำรื้นขึ้นที่ขอบตาขณะที่ใช้นิ้วแตะที่คอเธอ พยามหาสัญญาณชีวิต

ชีพจรเธอนิ่งสนิท

ดวงใจในอกฉันรวดร้าวก่อนจะแตกเป็นชิ้นๆ
"คอร่า!!"
ฉันหอบร่างครึ่งบนของเธอขึ้นมา ปัดเส้นผมที่ปรกหน้าเธอออก วิงวอนของให้เหล่าดวงวิญญาณนำเธอกลับมา
ลูกอย่าทำแบบนี้กับแม่!
โด้โปรด ดวงวิญญาณ ได้โปรด!
ฟื้นขึ้นมาเถอะ ลูกน้อยของแม่!
ได้โปรด...

ฉันไม่รู้สึกตัวว่าคนทั้งบ้านกรูกันเข้ามาในห้องเพราะได้ยินเสียงฉันร้อง ฉันซบหน้าลูกกับร่างลูกสาว น้ำตาหลั่งรินลงบนคอเสื้อกล้ามสีขาวของเธอ

ลูกแม่...ทำไม...ทำไม...

________________________________________

เทนซิน POV

ฉันตระเตรียมงานพิธีการส่วนสุดท้ายอยู่ในวัดขณะได้ยินเสียงเปิดประตู เมื่อหันไปดูจึงเห็นลูกสาวคนโตเดินเข้ามา เธอปาดน้ำตาออกจากใบหน้า นี่เป็นเรื่องหนักหนาสำหรับเราทุกคน...การสูญเสียคอร่า เธอประกอบวีรกรรมล้ำค่ามากมายตลอดระยะเวลา 18 ปีของเธอ ฉันภูมิใจในตัวเธอ เธอพิสูจน์ตัวเองได้สมฐานะอวตารอย่างไร้ข้อกังขา แต่รอยแผล...และความเจ็บปวด มันมากเกินจะรับจนทำให้เธอจมอยู่ในความเศร้าหมอง
เพราะการจากไปของเธอและคำพูดของมาโกะนี่เองที่ทำให้ฉันสำนึกได้ว่าตัวเองก็มีส่วนผิดต่อการตายของคอร่าด้วย โดยไม่ได้ตั้งใจ...ฉันทำให้เธอรู้สึกว่าโลกเราสามารถดำเนินต่อไปได้โดยไม่ต้องพึ่งอวตาร ทำให้เธอรู้สึกว่าไม่มีเหตุผลที่จะรักษาตัวให้ดีขึ้น ฉันได้กล่าวขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อพ่อแม่ของเธอ ต่อเพื่อนเธอ ต่อทุกๆคน พวกเขาล้วนบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของฉัน แต่สายตาคาดโทษของมาโกะพูดต่างออกไป
"หยุดเถอะค่ะ" จิโนร่ากระซิบ มองฉันด้วยสายตาเศร้าสร้อย
"หืม?" ฉันกล่าวโดยไม่ละสายตาจากโลงศพของคอร่า
"พ่อหยุดโทษตัวเองเสียที " เธออธิบาย "นี่ไม่ใช่ความผิดพ่อ"
"พ่อไม่ควรจะพูดออกไปแบบนั้น" ฉันบอกเธอ "พ่อน่าจะรู้ว่า..."
"คอร่าไม่ได้โทษพ่อ และเธอคงไม่อยากให้พ่อโทษตัวเองด้วย" จิโนร่ามองไปยังโลศพไม้ที่ใส่ร่างของผู้ที่เราทั้งคู่รักไม่ต่างกับคนในครอบครัว คอร่าเป็นเหมือนพี่สาวคนโตของเธอ และศิษย์ที่ไม่ต่างกับลูกแท้ๆของฉัน "เธอตัดสินใจด้วยตัวเองเธอเอง ถ้าพ่ออยากจะทำเพื่อเธอ พ่อก็ไม่ควรจะเริ่มด้วยการโทษตัวเอง"
ฉันไม่พูดอะไรขณะวางมือลงบนโลงศพ น้ำตาไหลออกมาอย่างไร้การควบคุม "ฉันขอโทษ คอร่า" ฉันสารภาพด้วยเสียงกระซิบ "ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ ฉันนึกว่าฉันกำลังช่วยเธอ..."
จิโนร่าวางมือเธอเหนือมือฉันแล้วบีบเบาๆ
"เป็นเพราะเธอ เราถึงฟื้นฟูนิกายลมได้อีกครั้ง ฉันสัญญาว่าเราจะช่วยเหลือผู้คน..." คำพูดที่เหลือติดอยู่ในคอฉัน คำพูดที่ทำให้ฉันต้องยอมรับความตายของเธอ คำพูดที่ทำให้ฉันหัวใจสลาย "...และช่วยเหลืออวตารคนต่อไป"
จิโนร่าสวมกอดรอบเอวฉัน ปลดปล่อยธารน้ำตาของเธอบ้าง ฉันลูบแผ่นหลังเธอเบาๆ พยามจะกลั้นน้ำตาของตัวเอง

ฉันล้มเหลว...

________________________________________

อาซามิ POV

ฉันสูดหายใจเฮือกใหญ่ขณะกลัดที่ติดผม วันใหม่พึ่งเริ่มต้น...แต่ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะให้มันจบลง ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างที่ห้องข้างๆ ห้องของคอร่า...ฉันจำช่วงเวลาที่เราคุยเรื่องสัพเพเหระตอนกลางดึก เธอแอบเล่นซนแกล้งพวกยามของภาคีบัวขาว เราอาจไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากมายแต่ฉันก็รู้จักตัวตนของเธอดีพอ คอร่าเป็นคนฉลาด น่ารัก ยิ้มแย้มแจ่มใส ทุ่มเทช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา แต่ซาเฮียร์พรากสิ่งเหล่านั้นไป ชีวิตของคอร่าจบสิ้นตั้งแต่วินาทีที่เขาใส่พิษนั้นเข้าไปในร่างเธอ
เสียงเคาะประตูปลุกฉันจากภวังค์ ฉันเปิดออกไปพบโบลิน ดวงตาของเขาอ่อนล้าและแดงก่ำ พอๆกับตาฉัน ฉันอนุญาตให้เขาเข้ามาในห้อง หากเป็นวันอื่นเทนซินคงโวยวายที่เด็กหนุ่มสาวแอบเข้ามาอยู่ในห้องเดียวกัน เหมือนตอนที่เขาจับได้ว่าคอร่าแอบย่องไปหามาโกะตอนกลางคืน แต่วันนี้ไม่มีเสียงโวยวาย ไม่มีคอร่าทำหน้าล้อเลียนตอนเทนซินไม่ทันมอง ทุกอย่างกลายเป็นอดีตไปหมดแล้ว
"เธอเป็นยังไงบ้าง?" ฉันถามโบลิน
เขายักไหล่ก่อนจะถอนหายใจ "ฉันคิดถึงคอร่า"
"ฉันด้วย"
เขามองมาที่ฉัน ตอนนี้เองที่ฉันพึ่งนึกขึ้นได้ว่าในบรรดาพวกเรา 4 คน โบลินอายุน้อยที่สุด "จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา? " เขาถามเสียงอ่อน "จะเกิดอะไรขึ้นกับทีมอวตาร?"
เราคงเรียกตัวเองว่าทีมอวตารไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ "ไม่รู้สิ" ฉันตอบไปตามตรง
"ทั้งที่พวกเราควรจะช่วยเธอปกป้องโลก..."
ฉันพยักหน้า "ใช่ แต่นึกถึงการต่อสู้ที่เราชนะได้ก็เพราะมีคอร่าอยู่สิ"
โบลินทำเสียงกึ่งๆระหว่างสะอื้นและหัวเราะ "ใช่ ฉันทำตัวบ้าๆบอๆระหว่างต่อสู้ได้ก็เพราะฉันรู้คอร่าจะคอยระวังหลังให้" เขาหยุดเล็กน้อย "ตอนนี้ฉันคงได้แค่นึกถึงคอร่าเป็นตัวอย่าง...แค่นั้นจริงๆ "
เราไม่พูดอะไรอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง ปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในความเงียบขณะฉันเขี่ยขอบกระโปรงตัวเอง พยามนึกหาคำพูด ฉันมองไปที่โบลินก่อนกุมมือเขาเบาๆ
"มาโกะจะมางานศพมั้ย?" ฉันถามในที่สุด
มาโกะช่วงนี้ไม่อยู่กะร่องกะรอย ใจสลาย เขาไม่ได้เสียน้ำตาต่อการตายของคอร่าแม้แต่หยดเดียว แต่ในแววตาของเขาสะท้อนความทุกข์ทรมาน ปวดร้าว รู้สึกผิด ในคืนนั้นมาโกะตวาดว่าทุกอย่างเป็นความผิดของเทนซิน ก่อนจะเหลือบมองร่างไร้วิญญาณของคอร่าแล้วออกจากห้องไป ตั้งแต่วันนั้นมายังไม่มีใครเห็นเขาอีกเลย
"ฉันก็ไม่รู้" โบลินยอมรับ "ฉันจะลองติดต่อเขาดู แล้วไว้เจอกันที่วัด"
หลังแยกกัน ฉันตรงไปที่ห้องพิธีการของวัดทันที...ไม่อาจรวบรวมควบกล้าพอจะหันไปมองโลงศพของเธอได้ เหมือนทุกอย่างไม่ใช่เรื่องจริง เหมือนนี่เป็นฝันร้าย...ฝันร้ายที่รู้ตัวแต่ก็ยังตื่นขึ้นมาไม่ได้ ทว่านี่คือความเป็นจริงที่ตอกย้ำฉันว่าเธอจากไปแล้ว
ฉันว่าผู้ที่เสียใจที่สุดอาจจะเป็นนากะ เจ้าสัตว์ขนปุยนอนหมอบอยู่ข้างโลงศพ ครางและสะอื้นเป็นระยะๆ ดวงตาของเจ้าหมาดูว่างเปล่า โศกเศร้า เหมือนส่วนหนึ่งของมันตายตามใครบางคนไป
ฉันเดินเข้าไปหาพ่อแม่ของคอร่า กล่าวแสดงความเสียใจ...แม้รู้ว่าทั้ง 2 คงจะเหนื่อยล้ากับการได้ยินทุกคนเข้ามาพูดแบบนี้กับพวกเขา แต่ฉันพูดจากใจจริง และฉันเองก็คิดถึงคอร่าไม่แพ้กัน ทั้ง 2 รู้เรื่องนี้ดี ฉันจำความรู้สึกตอนที่สูญเสียแม่ไปได้ และรู้ว่านี่จะเป็นสิ่งที่เซนน่าและทอนแรคไม่มีวันทำใจไหว ได้แต่ต้องทนอยู่กับมันเท่านั้น
ฉันนั่งลงที่แถวเก้าอี้ ไม่นานหลังจากนั้นโบลินก็เข้ามานั่งข้างๆ ภายในวัดเริ่มจะหนาแน่นจากแขกเหรื่อมากมาย ฉันรู้สึกทันทีว่ามีใครบางคนขาดไป และจากสีหน้าของโบลินก็บอกได้ว่าเขาล้มเหลวในการพยามติดต่อมาโกะ
"เขาจะมามั้ย?"
โบลินส่ายหน้า "เขาไม่ติดต่อมาเลย" เขากล่าว "มาโกะรับมือกับความสูญเสียได้ไม่เก่งเท่าไหร่"
ฉันตั้งใจจะถามต่อแต่อยู่ๆแขกรอบข้างก็เริ่มส่งเสียงคุยกันดังขึ้น ฉันหันไปมองด้านหลังจึงเห็นสิ่งที่น่าจะเป็นสาเหตุ
"นั่นเขารึเปล่า?" ฉันถามโบลิน "ฉันมองไม่เห็นจากตรงนี้"
"ฉันเห็น" เซนน่าตอบพร้อมยืนขึ้น เธอแหวกฝูงชนไปที่ทางออกโดยมีทอนแรคตามไปติดๆ
ฉันลุกตามไปบ้าง ก่อนจะต้องหรี่ตาลงเมื่อพบว่าผู้ที่มานั้นไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากประธานาธิบดีไรโค ระหว่างที่คอร่าออกจากเมืองรีพับลิค...หรือกระทั่งหลังเธอกลับมาแล้วก็ตาม ไรโคก็เอาแต่พูดเรื่องเสียๆหายๆใส่ชื่อของอวตารให้สื่อเอาไปเป็นหัวข้อข่าว
"แกกล้าเหยียบขึ้นมาบนเกาะนี้ได้ยังไง!" ทอนแรคคำราม
"ทอนแรค เซนน่า ผม..."
ไรโคไม่ได้พูดจบประโยคเมื่อเซนน่าตบเขาอย่างแรง ใบหน้าของคนเป็นแม่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา แต่ดวงตาของเธอลุกโชนด้วยความโกรธ ฉันแอบเสียดายที่ไม่ได้เป็นคนตบหน้าเขาด้วยตัวเอง
"แกมาที่นี่ทำไม?" เธอสบถด้วยน้ำเสียงสงบแต่อาฆาต "จะมาเพื่อเยาะเย้ยงั้นเหรอ? แกกล้ามากนะ!" เซนน่าหยุดเล็กน้อยขณะสะบัดหน้าหนี "ในที่สุดแกก็กำจัด 'ยัยอวตารปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม' ที่สร้างปัญหาให้แกนักหนาได้แล้วนี่!"
"ไม่ใช่นะครับ" ประธานาธิบดีพยามแก้ต่าง "เรื่องนี้...ผมไม่ได้..."
"ที่นี่ไม่ต้อนรับแก" ทอนแรคกล่าว "ออกไป เดี๋ยวนี้"
ไรโคไม่พูดอะไรต่อ เพียงมองพ่อแม่ทั้ง 2 ก่อนจะโค้งศีรษะแล้วจากไป ทอนแรคกอดเซนน่าแน่ จุมพิตเธอเบาๆที่หน้าผากก่อนจะพยุงเธอกลับไปยืนข้างโลงศพลูกสาวของพวกเขา คาทาร่าเดินเข้าไปช่วยปลอบเซน่า เมื่อทุกคนกลับมานั่งที่ เทนซินจึงลุกขึ้นและเดินออกมาหน้าห้อง

________________________________________

POV ต่อๆไป
-เทนซิน
-ลิน เบย์ฟอง
-มาโกะ
-ทอนแรค
-มาโกะ
-มาโกะ(6 ปีต่อมา)
-นากะ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-เซนน่า
-???

ติดตามต่อใน >>> https://www.fanfiction.net/s/10649266/1/Rebirth

ถ้าอ่านแล้วสนุกก็ไปคอมเมนท์ใน Preview ของเว็บได้นะครับ(หรือมาเมนต์ในกระทู้นี้ก็ได้ เดี๋ยวผมรวมเอาไปเมนท์บอกคนเขียนในนั้นอีกที)


----------------------------------------------------------------------------------------
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่