บทความ: ลัทธิไซออนิสต์
ผู้เขียน : อาจารย์บรรจง บินกาซัน ประธานโครงการอบรมผู้สนใจอิสลาม มูลนิธิสันติชน
ที่มา : คอลัมน์สันติธรรม หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
ลัทธิไซออนิสต์เป็นลัทธิทางการเมืองระดับโลกที่ทรงอิทธิพลลัทธิหนึ่ง ความจริงแล้วลัทธิไซออนิสต์เป็นขบวนการฟื้นฟูชาติยิวที่เกิดขึ้นในตอนต้นศตวรรษที่ 19 แต่ที่เรียกว่าเป็นลัทธิ เพราะพวกไซออนิสต์มีความเชื่อทางศาสนาและความอคติทางเชื้อชาติเป็นของตัวเอง
ชื่อของลัทธิไซออนิสต์มาจากคำว่า “ไซออน” ซึ่งเป็นชื่อของเนินเขาแห่งหนึ่งในเมืองเยรูซาเลม เมืองที่ชาวยิวถือว่าเป็นเมืองหลวงทางจิตวิญญาณของพวกตน
แม้เมืองเยรูซาเลมจะถูกอาณาจักรที่ทรงอำนาจในอดีต เช่น บาบิโลนและโรมันทำลายจนราพณาสูรใน ค.ศ. 70 และชาวยิวต้องถูกขับไล่ออกจากเมืองเยรูซาเลมไปแล้วก็ตาม แต่ชาวยิวยังหวนคำนึงถึงเมืองเยรูซาเลมอยู่ในจิตใจและมีชาวยิวบางกลุ่มอยากจะกลับมามีความยิ่งใหญ่อีกครั้งเหมือนในอดีตที่พวกตนเคยมีอาณาจักรอิสราเอลเป็นของตัวเอง
ด้วยความรู้สึกอยากจะหวนกลับมายิ่งใหญ่เหมือนในอดีตนี้เอง ใน ค.ศ. 1897 ชาวยิวประมาณ 200 คนจากประเทศต่างๆในยุโรป จึงได้เดินทางมาประชุมกันอย่างลับๆที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อวางแผนสร้างอาณาจักรอิสราเอลอันยิ่งใหญ่ของตนอีกครั้งหนึ่ง ตรงนี้เองที่ลัทธิไซออนิสต์ได้เกิดขึ้นโดยมีนายธีโอดอร์ เฮอร์เซิล (Theodore Herzl) นักหนังสือพิมพ์ชาวออสเตรีย-ฮังการีเป็นผู้นำ ที่ประชุมในครั้งนั้นตกลงกันว่าอาณาจักรอิสราเอลจะกินดินแดนตั้งแต่แม่น้ำไนล์ถึงแม่น้ำยูเฟรตีสซึ่งชาวยิวอ้างว่าเป็นดินแดนที่พระเจ้าได้สัญญาไว้กับพวกตน
ถามว่าดินแดนที่พระเจ้าสัญญาไว้กับชาวยิวนั้นมาจากไหน?
คำตอบคือ ลัทธิไซออนิสต์อ้างว่ามาจากคัมภีร์ไบเบิล พันธะสัญญาเก่าซึ่งมีข้อความดังต่อไปนี้
เมื่อโลทจากอับรามไปแล้ว พระเจ้าตรัสแก่อับรามว่า “เจ้าจงเงยหน้าแลดูสถานที่ตั้งแต่เจ้าอยู่นี้ไปทางทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ดินแดนทั้งหมดที่เจ้าแลเห็นนี้ เราจะยกให้เจ้าและพงศ์พันธ์ของเจ้าต่อไปเป็นนิตย์ เจ้าจงลุกขึ้นเดินเที่ยวไปตลอดดินแดนนี้ให้ทั่วทั้งด้านยาวด้านกว้างเถิด ด้วยว่าเราจะยกดินแดนนี้ให้เจ้า” (ปฐมกาล 13.14-17) และ
ในวันนั้น พระเจ้าทรงกระทำพันธะสัญญาไว้กับอับรามว่า “เรามอบดินแดนนี้ให้เชื้อสายของเจ้าแล้ว ตั้งแต่แม่น้ำอียิปต์ไปถึงแม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรตีส…” (ปฐมกาล 15.18)
อับรามหรืออับราฮัม บรรพบุรุษของชาวยิวและชาวอาหรับมาจากเมืองอูร์ในอิรัก แต่ท่านไม่ใช่ยิว เพราะคำว่ายิวเกิดขึ้นหลังสมัยโมเสส
ข้อความดังกล่าวในคัมภีร์ไบเบิลมีมาก่อนคัมภีร์กุรอาน ดังนั้น ในสมัยของนบีมุฮัมมัด การทึกทักว่าดินแดนที่พระเจ้าสัญญาว่าจะให้พวกยิวจึงถูกพระเจ้าโต้แย้งไว้ในคัมภีร์กุรอานว่า
“จงนึกถึงเมื่อตอนที่พระผู้อภิบาลของอิบรอฮีมทรงทดสอบเขาในบางสิ่ง แล้วเขาได้ปฏิบัติตามโดยครบถ้วน พระองค์ทรงตรัสว่า “ฉันจะทำให้เจ้าเป็นผู้นำของมนุษยชาติ” เขาได้ถามว่า “สัญญานี้รวมถึงลูกหลานของฉันด้วยหรือไม่?” พระองค์ตรัสว่า “สัญญา ของฉันไม่แผ่ถึงพวกอธรรม” (กุรอาน 2.124)
เชื้อสายของอับราฮัมมีทั้งชาวอาหรับและชาวยิว ดังนั้น ลูกหลานของอับราฮัมคนใดที่ไม่เป็นธรรมก็ไม่อยู่ในข่ายที่จะได้ดินแดนนี้ แต่ขบวนการไซออนิสต์ต้องการแผ่นดินดังกล่าวไว้สำหรับชาวยิวเป็นการเฉพาะ แต่เมื่อรู้ว่าลำพังชาวยิวไม่สามารถบรรลุถึงวัตถุประสงค์ของตนได้ ดังนั้น ยิวไซออนิสต์จึงอ้าแขนรับชาวคริสเตียนเข้ามาสู่ลัทธิของตนด้วย
ในตอนนั้นแผ่นดินปาเลสไตน์อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรออตโตมาน นายธีโอดอร์ เฮอร์เซิล หัวหน้าขบวนการไซออนิสต์ จึงเดินทางไปขอซื้อดินแดนปาเลสไตน์จากสุลต่านอับดุลฮามิด ประมุขของอาณาจักรออตโตมาน แต่ถูกปฏิเสธ ดังนั้น นายธีโอดอร์ เฮอร์เซิล จึงไปปรึกษารัฐบาลอังกฤษ เจ้าอาณานิคม รัฐบาลอังกฤษเสนอประเทศยูกันดาในแอฟริกาให้ชาวยิวไปตั้งประเทศ แต่ขบวนการไซออนิสต์ไม่ต้องการที่ใดในโลกสำหรับการสร้างอาณาจักรของชาวยิวนอกไปจากดินแดนปาเลสไตน์ ดร.นาฮูม โกลด์แมน ประธานสภายิวโลก กล่าวว่า
“ชาวยิวจะเอายูกันดา มาดากัสการ์ และสถานที่อื่นๆสำหรับตั้งปิตุภูมิชาวยิวก็ได้ แต่พวกเขาไม่ต้องการที่ใดนอกจากปาเลสไตน์ ไม่ใช่เพราะน้ำทะเลแดงที่สามารถผลิตโลหะมูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์ มิใช่เพราะผืนดินข้างใต้ของปาเลสไตน์มีน้ำมันมากกว่าในสำรองของสองอเมริกาถึง 20 เท่า แต่เพราะปาเลสไตน์เป็นทางแยกของยุโรป เอเชีย และแอฟริกา เพราะปาเลสไตน์เป็นศูนย์กลางโดยแท้จริงของอำนาจการเมืองโลก เป็นศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์สำหรับการครองโลก”
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 อาณาจักรออตโตมานเติร์กล่มสลายใน ค.ศ. 1924 แผ่นดินอิสลามที่เคยเป็นหนึ่งเดียวถูกชาติมหาอำนาจผู้ชนะสงครามแบ่งแยกออกเป็นประเทศเล็กประเทศน้อยที่ล้าหลังและอ่อนแอ ในที่สุดชาติมหาอำนาจที่ประกอบด้วย อังกฤษ สหรัฐ และรัสเซีย ก็สมรู้ร่วมคิดกันตั้งรัฐอิสราเอลขึ้นมาใน ค.ศ. 1948
และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการหลั่งเลือดชาวปาเลสไตน์และความขัดแย้งในตะวันออกกลางจนแม้แต่สหรัฐก็ไม่สามารถควบคุมอิสราเอลได้ นายแอเรียล ชารอน อดีตนายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ที่เพิ่งล่วงลับไปเมื่อเร็วๆนี้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2001
“ทุกครั้งที่เราทำอะไรบางอย่าง คุณบอกผม อเมริกาจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ผมต้องการบอกคุณบางอย่างชัดๆเลยว่า อย่ากังวลเรื่องอเมริกากดดันอิสราเอล เราชาวยิวควบคุมอเมริกาอยู่และชาวอเมริกันรู้”
อิสราเอลกับสหรัฐ ใครใหญ่กว่ากัน ท่านผู้อ่านตัดสินเอาเองก็แล้วกัน
****************************************
อ้างอิงค์ :
http://knowislamthailand.org/article/306-zionist
บทความ: ลัทธิไซออนิสต์
ผู้เขียน : อาจารย์บรรจง บินกาซัน ประธานโครงการอบรมผู้สนใจอิสลาม มูลนิธิสันติชน
ที่มา : คอลัมน์สันติธรรม หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
ลัทธิไซออนิสต์เป็นลัทธิทางการเมืองระดับโลกที่ทรงอิทธิพลลัทธิหนึ่ง ความจริงแล้วลัทธิไซออนิสต์เป็นขบวนการฟื้นฟูชาติยิวที่เกิดขึ้นในตอนต้นศตวรรษที่ 19 แต่ที่เรียกว่าเป็นลัทธิ เพราะพวกไซออนิสต์มีความเชื่อทางศาสนาและความอคติทางเชื้อชาติเป็นของตัวเอง
ชื่อของลัทธิไซออนิสต์มาจากคำว่า “ไซออน” ซึ่งเป็นชื่อของเนินเขาแห่งหนึ่งในเมืองเยรูซาเลม เมืองที่ชาวยิวถือว่าเป็นเมืองหลวงทางจิตวิญญาณของพวกตน
แม้เมืองเยรูซาเลมจะถูกอาณาจักรที่ทรงอำนาจในอดีต เช่น บาบิโลนและโรมันทำลายจนราพณาสูรใน ค.ศ. 70 และชาวยิวต้องถูกขับไล่ออกจากเมืองเยรูซาเลมไปแล้วก็ตาม แต่ชาวยิวยังหวนคำนึงถึงเมืองเยรูซาเลมอยู่ในจิตใจและมีชาวยิวบางกลุ่มอยากจะกลับมามีความยิ่งใหญ่อีกครั้งเหมือนในอดีตที่พวกตนเคยมีอาณาจักรอิสราเอลเป็นของตัวเอง
ด้วยความรู้สึกอยากจะหวนกลับมายิ่งใหญ่เหมือนในอดีตนี้เอง ใน ค.ศ. 1897 ชาวยิวประมาณ 200 คนจากประเทศต่างๆในยุโรป จึงได้เดินทางมาประชุมกันอย่างลับๆที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อวางแผนสร้างอาณาจักรอิสราเอลอันยิ่งใหญ่ของตนอีกครั้งหนึ่ง ตรงนี้เองที่ลัทธิไซออนิสต์ได้เกิดขึ้นโดยมีนายธีโอดอร์ เฮอร์เซิล (Theodore Herzl) นักหนังสือพิมพ์ชาวออสเตรีย-ฮังการีเป็นผู้นำ ที่ประชุมในครั้งนั้นตกลงกันว่าอาณาจักรอิสราเอลจะกินดินแดนตั้งแต่แม่น้ำไนล์ถึงแม่น้ำยูเฟรตีสซึ่งชาวยิวอ้างว่าเป็นดินแดนที่พระเจ้าได้สัญญาไว้กับพวกตน
ถามว่าดินแดนที่พระเจ้าสัญญาไว้กับชาวยิวนั้นมาจากไหน?
คำตอบคือ ลัทธิไซออนิสต์อ้างว่ามาจากคัมภีร์ไบเบิล พันธะสัญญาเก่าซึ่งมีข้อความดังต่อไปนี้
เมื่อโลทจากอับรามไปแล้ว พระเจ้าตรัสแก่อับรามว่า “เจ้าจงเงยหน้าแลดูสถานที่ตั้งแต่เจ้าอยู่นี้ไปทางทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ดินแดนทั้งหมดที่เจ้าแลเห็นนี้ เราจะยกให้เจ้าและพงศ์พันธ์ของเจ้าต่อไปเป็นนิตย์ เจ้าจงลุกขึ้นเดินเที่ยวไปตลอดดินแดนนี้ให้ทั่วทั้งด้านยาวด้านกว้างเถิด ด้วยว่าเราจะยกดินแดนนี้ให้เจ้า” (ปฐมกาล 13.14-17) และ
ในวันนั้น พระเจ้าทรงกระทำพันธะสัญญาไว้กับอับรามว่า “เรามอบดินแดนนี้ให้เชื้อสายของเจ้าแล้ว ตั้งแต่แม่น้ำอียิปต์ไปถึงแม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรตีส…” (ปฐมกาล 15.18)
อับรามหรืออับราฮัม บรรพบุรุษของชาวยิวและชาวอาหรับมาจากเมืองอูร์ในอิรัก แต่ท่านไม่ใช่ยิว เพราะคำว่ายิวเกิดขึ้นหลังสมัยโมเสส
ข้อความดังกล่าวในคัมภีร์ไบเบิลมีมาก่อนคัมภีร์กุรอาน ดังนั้น ในสมัยของนบีมุฮัมมัด การทึกทักว่าดินแดนที่พระเจ้าสัญญาว่าจะให้พวกยิวจึงถูกพระเจ้าโต้แย้งไว้ในคัมภีร์กุรอานว่า
“จงนึกถึงเมื่อตอนที่พระผู้อภิบาลของอิบรอฮีมทรงทดสอบเขาในบางสิ่ง แล้วเขาได้ปฏิบัติตามโดยครบถ้วน พระองค์ทรงตรัสว่า “ฉันจะทำให้เจ้าเป็นผู้นำของมนุษยชาติ” เขาได้ถามว่า “สัญญานี้รวมถึงลูกหลานของฉันด้วยหรือไม่?” พระองค์ตรัสว่า “สัญญา ของฉันไม่แผ่ถึงพวกอธรรม” (กุรอาน 2.124)
เชื้อสายของอับราฮัมมีทั้งชาวอาหรับและชาวยิว ดังนั้น ลูกหลานของอับราฮัมคนใดที่ไม่เป็นธรรมก็ไม่อยู่ในข่ายที่จะได้ดินแดนนี้ แต่ขบวนการไซออนิสต์ต้องการแผ่นดินดังกล่าวไว้สำหรับชาวยิวเป็นการเฉพาะ แต่เมื่อรู้ว่าลำพังชาวยิวไม่สามารถบรรลุถึงวัตถุประสงค์ของตนได้ ดังนั้น ยิวไซออนิสต์จึงอ้าแขนรับชาวคริสเตียนเข้ามาสู่ลัทธิของตนด้วย
ในตอนนั้นแผ่นดินปาเลสไตน์อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรออตโตมาน นายธีโอดอร์ เฮอร์เซิล หัวหน้าขบวนการไซออนิสต์ จึงเดินทางไปขอซื้อดินแดนปาเลสไตน์จากสุลต่านอับดุลฮามิด ประมุขของอาณาจักรออตโตมาน แต่ถูกปฏิเสธ ดังนั้น นายธีโอดอร์ เฮอร์เซิล จึงไปปรึกษารัฐบาลอังกฤษ เจ้าอาณานิคม รัฐบาลอังกฤษเสนอประเทศยูกันดาในแอฟริกาให้ชาวยิวไปตั้งประเทศ แต่ขบวนการไซออนิสต์ไม่ต้องการที่ใดในโลกสำหรับการสร้างอาณาจักรของชาวยิวนอกไปจากดินแดนปาเลสไตน์ ดร.นาฮูม โกลด์แมน ประธานสภายิวโลก กล่าวว่า
“ชาวยิวจะเอายูกันดา มาดากัสการ์ และสถานที่อื่นๆสำหรับตั้งปิตุภูมิชาวยิวก็ได้ แต่พวกเขาไม่ต้องการที่ใดนอกจากปาเลสไตน์ ไม่ใช่เพราะน้ำทะเลแดงที่สามารถผลิตโลหะมูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์ มิใช่เพราะผืนดินข้างใต้ของปาเลสไตน์มีน้ำมันมากกว่าในสำรองของสองอเมริกาถึง 20 เท่า แต่เพราะปาเลสไตน์เป็นทางแยกของยุโรป เอเชีย และแอฟริกา เพราะปาเลสไตน์เป็นศูนย์กลางโดยแท้จริงของอำนาจการเมืองโลก เป็นศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์สำหรับการครองโลก”
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 อาณาจักรออตโตมานเติร์กล่มสลายใน ค.ศ. 1924 แผ่นดินอิสลามที่เคยเป็นหนึ่งเดียวถูกชาติมหาอำนาจผู้ชนะสงครามแบ่งแยกออกเป็นประเทศเล็กประเทศน้อยที่ล้าหลังและอ่อนแอ ในที่สุดชาติมหาอำนาจที่ประกอบด้วย อังกฤษ สหรัฐ และรัสเซีย ก็สมรู้ร่วมคิดกันตั้งรัฐอิสราเอลขึ้นมาใน ค.ศ. 1948
และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการหลั่งเลือดชาวปาเลสไตน์และความขัดแย้งในตะวันออกกลางจนแม้แต่สหรัฐก็ไม่สามารถควบคุมอิสราเอลได้ นายแอเรียล ชารอน อดีตนายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ที่เพิ่งล่วงลับไปเมื่อเร็วๆนี้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2001
“ทุกครั้งที่เราทำอะไรบางอย่าง คุณบอกผม อเมริกาจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ผมต้องการบอกคุณบางอย่างชัดๆเลยว่า อย่ากังวลเรื่องอเมริกากดดันอิสราเอล เราชาวยิวควบคุมอเมริกาอยู่และชาวอเมริกันรู้”
อิสราเอลกับสหรัฐ ใครใหญ่กว่ากัน ท่านผู้อ่านตัดสินเอาเองก็แล้วกัน
****************************************
อ้างอิงค์ : http://knowislamthailand.org/article/306-zionist