ปกติ แม้จะเล่นพันทิปประจำ แต่ไม่ค่อยได้มาโพสต์ ห้องนี้บ่อยๆ ได้แต่แอบมาเก็บข้อมูลท่องเที่ยวจากเพื่อนๆห้องนี้
พอดี ช่วงนี้อัพเฟสบุคตัวเอง สำหรับทริปปีนเขา Elbrus ยอดสูงสุดของยุโรป ที่ไปลุย มาเมื่อต้นเดือน กับก๊วนนักปีนเขาสูงไทย
ก็เลยเก็บมา แจมแชร์ บันทึกการเดินทาง ฝากเพื่อนๆ ซึ่ง แม้จะไม่ได้เป็นการท่องเที่ยวปกติ แต่ อาจจะเป็นแนวทาง หรือแชร์ประสพการณ์ การปีนเขาสูงสำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจ ในการปีนเขาสูงหรือเขาหิมะกันต่อไป ครับ
https://www.facebook.com/Dr.JfkThai/media_set?set=a.777496035627059.1073741848.100001000102650&type=1¬if_t=like
=============================
ในแวดวงของนักปีนเขาทั่วโลก
เป้าหมายสูงสุดในการพิชิตยอดเขาสูงต่างๆ อันแรกยอดนิยม ก็คือ การพิชิตยอดเขา Everest ที้เนปาล ในเทือกเขาหิมาลัย ที่ระดับความสูง 8848 เมตร
และเมื่อเก็บยอด Everest ได้แล้ว ส่วนใหญ่ก็มุ่งเก็บยอดเขาสูงสุดของ 7 ทวีปทั่วโลก ที่เรียกกันว่า 7 Summits ให้ครบ
http://www.2jfk.com/7summits.htm
เช่นเดียวกับสองนักปีนเขาไทย คุณหนึ่ง วิทิตนันท์ โรจนพานิช และคุณหมอ อาคม กิจวนิชประเสริฐ นักปีนเขา 2 ท่าน แรกของไทย ที่ขึ้น Everestได้สำเร็จ
ตอนนี้ ก็กำลังไล่เก็บทั้ง6 ยอดที่เหลือ ให้ครบ เจ็ดทวีป
สำหรับยอดเขา Elbrus มีความสูง 5642 ม ถือเป็นยอดสูงสุดของทวีปยุโรป เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวให้ นักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนเบสแค้มป์ และนั่งกระเช้า รวมทั้งรถ Snow Cat หรือ Snow Mobile ขึ้นไปเยือนความสูงระดับ 5000 เมตรได้ สำหรับคนที่ทนหนาว และไม่แพ้ความสูง
แต่สำหรับการท้าทาย พิชิตยอด 5642 เมตร อันนั้นต้องใช้การเดินลุยหิมะ ไต่ตามสันเขา เพื่อขึ้นไปพิชิตยอด เป็นหนึ่งในยอดเขาที่ท้าทายนักปีนเขาทั่วโลก แม้ จะถือได้ว่าเป็นยอดเขาที่อันตราย ติดอันดับ 1/10 ของโลก ยอดนึง อัตราการเสียชีวิต ของนักปีนเขาที่นี่เฉลี่ย ปีล่ะ 15-30 คน
ส่วนตัว หลังจากเก็บ 1st summit ใน7 summits คือ Kililmanjaro ยอดสูงสุดของ ทวีปอาฟริกาไปแล้ว เมื่อ 2 ปีก่อน
เมื่อทีมปีนเขา เพื่อนๆร่วมทีมประจำ ชวน มา พิชิต ยอด Elbrus เลยจัดการฟิตร่างกาย วิ่งออกกำลังกายวันล่ะกว่า 10 โล หนึ่งเดือน ควบคุมอาหารและเล่น Weight จน น้ำหนักลดไป 11 กก.ในหนึ่งเดือน พร้อมสำหรับทริปนี้ เดินทางไปกับเพื่อนร่วมทีมรวม 9 คน
พวกเราออกเดินทาง จากเมืองไทยในวันที่ 1 สิงหาคม บินจาก สุวรรณภูมิ ไปต่อเครื่องที่ อาบูดาบี และต่อเข้ามอสโคว์ แล้ว ต่อเครื่องภายใน ประเทศบินไปยังสนามบิน Mineralnyye vody ใกล้ชายแดนจอร์เจีย
ก่อนที่จะ ต่อรถตู้ ที่ทาง Organizer ในการจัดทริปปีนเขา ทริปนี้มารอรับที่ Air Port เดินทางต่อไปยังเมือง Azau ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศเชิงเขา Elbrus อีก 3-4 ชม.เดินทางกัน เกือบ 24 ชม. ถึงรร.ที่พัก
Azau เป็นเมืองน่าอยู่ มีคนมาพักท่องเที่ยวและตากอากาศ และเล่นกีฬา ทั้งสกี และสกีบก จักรยาน ATV UTV และจ้อกกิ้งกันมากมาย
อากาศดีเย็นสบาย
สำหรับรร.ที่พัก จัดว่าสะดวกสบายใช้ได้ทีเดียว
พวกเราหลังจากเข้าที่พักทานอาหาร ก็สลบไสล กับการเดินทางยาว กันหมด
วันที่ 2 ของทริป
เราเริ่มออกกำลังกาย ปรับตัวกับความสูง โดย เดินจากที่พัก เข้าไปที่ตัวเมือง Azua ระดับความสูง 2350 เมตร
เดินออกกำลังกาย เข้าไปตามป่าโปร่ง และเลาะไปตามลำน้ำ ไปประมาณ1:30 ชม
สังเกตุ บนร่องเขา มีแท่งคอนกรีต สร้างไว้มากมาย อันนั้นเอาไว้ป้องกันหินถล่มลงจากเขา ไม่ให้กลิ้งแรง ลงมาอันตรายต่อคนข้างล่าง
จากตัวเมือง พวกเราขึ้น Chair Lift หรือกระเช้านั่ง จาก Azau ไป cheget mountain ที้ระดับความสูง 2700 เมตร
แล้วเดินเล่นออกกำลัง และปรับตัว กับความสูง ไปที่ระดับ 3100 ตรงจุดนี้ เป็นเขตชายแดนต่อ จอเจียร์ ถ้าเดินเลยไปหลังเขา ก็จะไปได้ถึงยอด 3700 ในเขตจอร์เจีย
วันนี้อากาศดี ฟ้าสดใสเห็นเทือกเขารอบๆ ได้ชัดเจน รวมทั้งยอด Elbus ฟ้าเปิดให้เห็นชัดเจน
ยอด Elbus มีสองยอด ยอดอันใกล้ด้านขวามือคือ East Summit
ส่วนทางซ้าย ด้านหลัง คือ West Summit ที่สูงกว่า และเป็นเป้าหมายที่เราจะขึ้นไป ระหว่างสองยอดคือ ร่องเขารูปอานม้า (Saddle)
วันนี้ฟ้าเปิดสวยมองไปรอบๆ เห็นภูเขาหิมะรอบด้านสวย
รอบรอบเต็มไป หมดทั้งหมดจะอยู่ต่ำกว่า Elbrus
ยอดนี้ มองแล้ว จะว่าไป ทรงเหมือน Everest เลย
วันนี้แดดดี ฟ้าใสเลยเดินถ่ายรูปเล่นกัน
หลังจากได้เหงื่อพอประมาณ ถ่ายรูปกับเสร็จแล้วลงมากินกลางวันในเมือง แล้ว ไปเช่าอุปกรณ์ปีนเขา พิเศษเพิ่มเติม เพื่อเตรียมขึ้นสู่ง Base Camp ในวันถัดไป
วันที่ 3 ของทริป
หลังอาหารเช้าที่ รร.ที่พัก พวกเราแบกของกันเดินไปยัง Station ของกระเช้าที่จะไต่ขึ้นไปยัง Barrel Hut หรือ Base Camp วันนี้พอดีเจอกับกองทหารรัซเซีย กองใหญ่ราวๆ 50 คน ที่จะขึ้นไปฝึกปฏิบัติการพิเศษ บน Elbrus ด้วยเลย คึกครื้นกันหน่อย
จากเมือง ขึ้นไปยัง Barrel Hut ต้องนั่งกระเช้ารวม สามช่วง
ช่วงแรกไต่ระดับจากตัวเมือง 2350 ไปยังระดับ 2950 เมตร
ช่วง 2 ต่อไปที่ ระดับ 3500 เมตร
แล้วช่วงสุดท้ายนั่ง Chair Lift ไปที่ Barrel hut 3800 เมตร
ที่นี่ไม่มีลูกหาบ สัมภาระต่างๆ ต้องช่วยกัน แบกหิ้วหอบกระเตงกันไปเอง ได้ออกกำลังกายกันแต่เริ่มต้นเลย
เพิ่งทานข้าวเช้ากันตอน 8 โมง แต่พอไปถึง เบสแค้มป์ เรา กินกลางวันกัน ตอน 11 เลย เพราะว่าห้องอาหารที่นี่ต้องจัดรอบ ให้เข้ากับกิจกรรมนักปีนเขากลุ่มต่างๆแชร์กันใช้ ดังนั้นมื้ออาหาร จัดกันไม่ตรงเวลา บางที กินเที่ยง 11 โมง บางที มื้อเที่ยงไป อยู่ 5 โมงเย็น แต่อาหารอร่อย อิๆ
สำหรับที่พักพวกเรา พัก ใน Barrel Hut ซึ่งบางอันใช้ถังน้ำมันขนาดใหญ่มาทำ แต่ที่เราพัก เป็นลักษณะเหมือนตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่มาทำ
สภาพเตียงภายใน BARREL HUT นอนได้ แปดคน มีไฟฟ้า จากการปั่นให้แสงสว่าง ให้ชาร์ตแบ็ตได้ วันล่ะ 2-3 ขม. สะดวกสบายดี
ยกเว้นห้องสุขา ที่มีห้องเดียว และกลิ่นสุดๆ
หลังอาหารพวกเรา เริ่มออกเดิน เดินปรับตัวไปยังเป้าหมาย ความสูงที่ Priyut 11(แปลตามศัพท์ ว่าหลุมหลบภัยที่ 11) ระดับความสูง 4100 เมตร
พวกเราแต่งตัว กับชุดสบายๆ ไม่หนามากนัก
แต่พอออกเดิน ก็เจอหิมะตก และ ฟ้าคะนอง ลูกเห็บตก ถล่มเข้ามา ขึ้นไปได้แค่ 4000 ใช้เวลาไป 1:30 แล้วกลับลงมานอนพัก ฟ้าปิดสนิท เป็นลางไม่ดีเลยสำหรับการขึ้นยอด
ตอนเย็นหิมะ หยุดตก แล้ว ออกไปถ่ายรูปสวยๆกัน กับฟ้าหลังหิมะตก
ที่นี่ใกล้ขั้วโลก และเป็นหน้าร้อนดังน้ัน สามทุ่มยังไม่มืดดีเลย
@ไต่ฟ้าล่าพิชิต 2nd In 7 Summits Of The World " ELBRUS" AUG 2014@
พอดี ช่วงนี้อัพเฟสบุคตัวเอง สำหรับทริปปีนเขา Elbrus ยอดสูงสุดของยุโรป ที่ไปลุย มาเมื่อต้นเดือน กับก๊วนนักปีนเขาสูงไทย
ก็เลยเก็บมา แจมแชร์ บันทึกการเดินทาง ฝากเพื่อนๆ ซึ่ง แม้จะไม่ได้เป็นการท่องเที่ยวปกติ แต่ อาจจะเป็นแนวทาง หรือแชร์ประสพการณ์ การปีนเขาสูงสำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจ ในการปีนเขาสูงหรือเขาหิมะกันต่อไป ครับ
https://www.facebook.com/Dr.JfkThai/media_set?set=a.777496035627059.1073741848.100001000102650&type=1¬if_t=like
=============================
ในแวดวงของนักปีนเขาทั่วโลก
เป้าหมายสูงสุดในการพิชิตยอดเขาสูงต่างๆ อันแรกยอดนิยม ก็คือ การพิชิตยอดเขา Everest ที้เนปาล ในเทือกเขาหิมาลัย ที่ระดับความสูง 8848 เมตร
และเมื่อเก็บยอด Everest ได้แล้ว ส่วนใหญ่ก็มุ่งเก็บยอดเขาสูงสุดของ 7 ทวีปทั่วโลก ที่เรียกกันว่า 7 Summits ให้ครบ
http://www.2jfk.com/7summits.htm
เช่นเดียวกับสองนักปีนเขาไทย คุณหนึ่ง วิทิตนันท์ โรจนพานิช และคุณหมอ อาคม กิจวนิชประเสริฐ นักปีนเขา 2 ท่าน แรกของไทย ที่ขึ้น Everestได้สำเร็จ
ตอนนี้ ก็กำลังไล่เก็บทั้ง6 ยอดที่เหลือ ให้ครบ เจ็ดทวีป
สำหรับยอดเขา Elbrus มีความสูง 5642 ม ถือเป็นยอดสูงสุดของทวีปยุโรป เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวให้ นักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนเบสแค้มป์ และนั่งกระเช้า รวมทั้งรถ Snow Cat หรือ Snow Mobile ขึ้นไปเยือนความสูงระดับ 5000 เมตรได้ สำหรับคนที่ทนหนาว และไม่แพ้ความสูง
แต่สำหรับการท้าทาย พิชิตยอด 5642 เมตร อันนั้นต้องใช้การเดินลุยหิมะ ไต่ตามสันเขา เพื่อขึ้นไปพิชิตยอด เป็นหนึ่งในยอดเขาที่ท้าทายนักปีนเขาทั่วโลก แม้ จะถือได้ว่าเป็นยอดเขาที่อันตราย ติดอันดับ 1/10 ของโลก ยอดนึง อัตราการเสียชีวิต ของนักปีนเขาที่นี่เฉลี่ย ปีล่ะ 15-30 คน
ส่วนตัว หลังจากเก็บ 1st summit ใน7 summits คือ Kililmanjaro ยอดสูงสุดของ ทวีปอาฟริกาไปแล้ว เมื่อ 2 ปีก่อน
เมื่อทีมปีนเขา เพื่อนๆร่วมทีมประจำ ชวน มา พิชิต ยอด Elbrus เลยจัดการฟิตร่างกาย วิ่งออกกำลังกายวันล่ะกว่า 10 โล หนึ่งเดือน ควบคุมอาหารและเล่น Weight จน น้ำหนักลดไป 11 กก.ในหนึ่งเดือน พร้อมสำหรับทริปนี้ เดินทางไปกับเพื่อนร่วมทีมรวม 9 คน
พวกเราออกเดินทาง จากเมืองไทยในวันที่ 1 สิงหาคม บินจาก สุวรรณภูมิ ไปต่อเครื่องที่ อาบูดาบี และต่อเข้ามอสโคว์ แล้ว ต่อเครื่องภายใน ประเทศบินไปยังสนามบิน Mineralnyye vody ใกล้ชายแดนจอร์เจีย
ก่อนที่จะ ต่อรถตู้ ที่ทาง Organizer ในการจัดทริปปีนเขา ทริปนี้มารอรับที่ Air Port เดินทางต่อไปยังเมือง Azau ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศเชิงเขา Elbrus อีก 3-4 ชม.เดินทางกัน เกือบ 24 ชม. ถึงรร.ที่พัก
Azau เป็นเมืองน่าอยู่ มีคนมาพักท่องเที่ยวและตากอากาศ และเล่นกีฬา ทั้งสกี และสกีบก จักรยาน ATV UTV และจ้อกกิ้งกันมากมาย
อากาศดีเย็นสบาย
สำหรับรร.ที่พัก จัดว่าสะดวกสบายใช้ได้ทีเดียว
พวกเราหลังจากเข้าที่พักทานอาหาร ก็สลบไสล กับการเดินทางยาว กันหมด
วันที่ 2 ของทริป
เราเริ่มออกกำลังกาย ปรับตัวกับความสูง โดย เดินจากที่พัก เข้าไปที่ตัวเมือง Azua ระดับความสูง 2350 เมตร
เดินออกกำลังกาย เข้าไปตามป่าโปร่ง และเลาะไปตามลำน้ำ ไปประมาณ1:30 ชม
สังเกตุ บนร่องเขา มีแท่งคอนกรีต สร้างไว้มากมาย อันนั้นเอาไว้ป้องกันหินถล่มลงจากเขา ไม่ให้กลิ้งแรง ลงมาอันตรายต่อคนข้างล่าง
จากตัวเมือง พวกเราขึ้น Chair Lift หรือกระเช้านั่ง จาก Azau ไป cheget mountain ที้ระดับความสูง 2700 เมตร
แล้วเดินเล่นออกกำลัง และปรับตัว กับความสูง ไปที่ระดับ 3100 ตรงจุดนี้ เป็นเขตชายแดนต่อ จอเจียร์ ถ้าเดินเลยไปหลังเขา ก็จะไปได้ถึงยอด 3700 ในเขตจอร์เจีย
วันนี้อากาศดี ฟ้าสดใสเห็นเทือกเขารอบๆ ได้ชัดเจน รวมทั้งยอด Elbus ฟ้าเปิดให้เห็นชัดเจน
ยอด Elbus มีสองยอด ยอดอันใกล้ด้านขวามือคือ East Summit
ส่วนทางซ้าย ด้านหลัง คือ West Summit ที่สูงกว่า และเป็นเป้าหมายที่เราจะขึ้นไป ระหว่างสองยอดคือ ร่องเขารูปอานม้า (Saddle)
วันนี้ฟ้าเปิดสวยมองไปรอบๆ เห็นภูเขาหิมะรอบด้านสวย
รอบรอบเต็มไป หมดทั้งหมดจะอยู่ต่ำกว่า Elbrus
ยอดนี้ มองแล้ว จะว่าไป ทรงเหมือน Everest เลย
วันนี้แดดดี ฟ้าใสเลยเดินถ่ายรูปเล่นกัน
หลังจากได้เหงื่อพอประมาณ ถ่ายรูปกับเสร็จแล้วลงมากินกลางวันในเมือง แล้ว ไปเช่าอุปกรณ์ปีนเขา พิเศษเพิ่มเติม เพื่อเตรียมขึ้นสู่ง Base Camp ในวันถัดไป
วันที่ 3 ของทริป
หลังอาหารเช้าที่ รร.ที่พัก พวกเราแบกของกันเดินไปยัง Station ของกระเช้าที่จะไต่ขึ้นไปยัง Barrel Hut หรือ Base Camp วันนี้พอดีเจอกับกองทหารรัซเซีย กองใหญ่ราวๆ 50 คน ที่จะขึ้นไปฝึกปฏิบัติการพิเศษ บน Elbrus ด้วยเลย คึกครื้นกันหน่อย
จากเมือง ขึ้นไปยัง Barrel Hut ต้องนั่งกระเช้ารวม สามช่วง
ช่วงแรกไต่ระดับจากตัวเมือง 2350 ไปยังระดับ 2950 เมตร
ช่วง 2 ต่อไปที่ ระดับ 3500 เมตร
แล้วช่วงสุดท้ายนั่ง Chair Lift ไปที่ Barrel hut 3800 เมตร
ที่นี่ไม่มีลูกหาบ สัมภาระต่างๆ ต้องช่วยกัน แบกหิ้วหอบกระเตงกันไปเอง ได้ออกกำลังกายกันแต่เริ่มต้นเลย
เพิ่งทานข้าวเช้ากันตอน 8 โมง แต่พอไปถึง เบสแค้มป์ เรา กินกลางวันกัน ตอน 11 เลย เพราะว่าห้องอาหารที่นี่ต้องจัดรอบ ให้เข้ากับกิจกรรมนักปีนเขากลุ่มต่างๆแชร์กันใช้ ดังนั้นมื้ออาหาร จัดกันไม่ตรงเวลา บางที กินเที่ยง 11 โมง บางที มื้อเที่ยงไป อยู่ 5 โมงเย็น แต่อาหารอร่อย อิๆ
สำหรับที่พักพวกเรา พัก ใน Barrel Hut ซึ่งบางอันใช้ถังน้ำมันขนาดใหญ่มาทำ แต่ที่เราพัก เป็นลักษณะเหมือนตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่มาทำ
สภาพเตียงภายใน BARREL HUT นอนได้ แปดคน มีไฟฟ้า จากการปั่นให้แสงสว่าง ให้ชาร์ตแบ็ตได้ วันล่ะ 2-3 ขม. สะดวกสบายดี
ยกเว้นห้องสุขา ที่มีห้องเดียว และกลิ่นสุดๆ
หลังอาหารพวกเรา เริ่มออกเดิน เดินปรับตัวไปยังเป้าหมาย ความสูงที่ Priyut 11(แปลตามศัพท์ ว่าหลุมหลบภัยที่ 11) ระดับความสูง 4100 เมตร
พวกเราแต่งตัว กับชุดสบายๆ ไม่หนามากนัก
แต่พอออกเดิน ก็เจอหิมะตก และ ฟ้าคะนอง ลูกเห็บตก ถล่มเข้ามา ขึ้นไปได้แค่ 4000 ใช้เวลาไป 1:30 แล้วกลับลงมานอนพัก ฟ้าปิดสนิท เป็นลางไม่ดีเลยสำหรับการขึ้นยอด
ตอนเย็นหิมะ หยุดตก แล้ว ออกไปถ่ายรูปสวยๆกัน กับฟ้าหลังหิมะตก
ที่นี่ใกล้ขั้วโลก และเป็นหน้าร้อนดังน้ัน สามทุ่มยังไม่มืดดีเลย