พอดีได้อ่านบทความที่เอ่ยถึงเพลงนี้ เลยไปหาข้อมูลเพิ่ม
รู้สึกน่าสนใจดีเลยเอามาเล่าให้ฟัง ถ้าใครมีข้อมูลเสริมโพสต์ต่อได้เลยนะคะ
Save The Last Dance For Me
เนื้อเพลง/ทำนอง : Doc Pomus, Mort Shuman
ศิลปิน : The Drifters (1960; R&B, Pop)
สมัยก่อนที่ได้ฟังก็แค่รู้สึกว่ามันน่ารักดี เจ้าหนุ่มในเพลงบอกกับคนรักว่า
จะไปเต้นรำสังสรรค์กับใครก็ได้ แต่ให้เก็บเพลงสุดท้ายไว้ให้เขา
พอได้อ่านประวัติถึงรู้ว่ามีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น Lou Reed ซึ่งเคยทำงานร่วมกับ Doc Pomus
ให้สัมภาษณ์ว่า Pomus แต่งเพลงนี้ในวันแต่งงานของตัวเองเพื่อแทนความในใจที่มีต่อภรรยา
Doc Pomus (1925 – 1991) เป็นนักแต่งเพลงชื่อดังระดับ Hall of Fame
อันที่จริง Pomus เป็นนักร้องด้วย แต่ไม่รุ่งเท่าไหร่ ตอนเด็กๆป่วยเป็นโรคโปลิโอ ขาลีบ
เวลาเดินต้องใช้ไม้ค้ำ ต่อมาก็ประสบอุบัติเหตุอีก เลยต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิต แม้แต่ในวันแต่งงาน
Willi Burke เจ้าสาวของ Pomus เป็นนักแสดงบรอดเวย์ เธอทั้งสูง ทั้งสาว ทั้งสวย ทั้งเต้นรำเก่ง
เจ้าบ่าวตุ๊ต๊ะที่เต้นรำไม่ได้เลยต้องนั่งมองเจ้าสาวเต้นรำกับหนุ่มอื่นคนแล้วคนเล่า
คืนนั้น Pomus เกิดแรงบันดาลใจจึงเขียนเพลงบนด้านหลังบัตรเชิญ
โดยมี Mort Shuman แต่งทำนองให้ในตอนบ่ายของวันถัดไป
เราคิดว่าเป็นเพลงที่มีความหมายลึกซึ้งมาก มันถ่ายทอดอารมณ์ของผู้ชายที่ใจกว้าง
ไม่ปิดกั้นความสนุกของภรรยา แต่ก็อดหึงและแอบน้อยใจไม่ได้
เจ้า “But don't forget who's taking you home. And in whose arms you're gonna be” เนี่ย
แย้มความอ่อนไหวในใจชัดเจนเลย เพลงที่มีเรื่องราวเป็นอะไรที่น่าประทับใจค่ะ
แต่เพลงเพราะติดหูเนื้อหากินใจอย่างนี้ พอออกแผ่นยังมีปัญหาจนได้ ค่ายเพลงดันติงต๊อง
เอาเพลงไปลงหน้า B ซะนี่ เคราะห์ดีว่า Dick Clark พิธีกรชื่อดังเอามาเปิดในรายการ
จากนั้น Save The Last Dance For Me ก็ส่ง The Drifters ให้ขึ้นชาร์ต R&B อันดับ 1
เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของวง
บทส่งท้ายที่ออกจะเศร้าก็คือ Pomus กับภรรยา อยู่ด้วยกันได้แค่ประมาณสิบปี ทั้งคู่ก็แยกทางกัน
Pomus ยังทำงานแต่งเพลงต่อไป ในช่วงชีวิต 65 ปี เขากับคู่หู Mort Shuman
ทิ้งผลงานไว้เป็นพันๆเพลง รวมถึงงานระดับขึ้นหิ้งอย่าง "This Magic Moment" (the Drifters),
"A Teenager in Love" (Dion and the Belmonts), "Lonely Avenue" (Ray Charles),
"Little Sister" และ "Viva Las Vegas" (Elvis Presley) แต่สิ่งมีค่าที่สุดที่เขามอบให้มนุษยชาติ
อาจจะเป็นกำลังใจที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ทั้งร่างกายที่ไม่สมประกอบ แรงต้านจากครอบครัว
และการเป็นคนขาวคนเดียวในวงการเพลงบลูส์สมัยนั้น
ในช่วงบั้นปลายของชีวิต ขณะที่กำลังใช้คีย์บอร์ดแต่งเพลงบนเตียงในโรงพยาบาล เขาพูดว่า
“ผมยังทำตัวเหมือนที่เคยเป็นมานั่นแหละ ที่เปลี่ยนไปก็คือตอนนี้ผมพูดถึงมันด้วย
สมัยก่อนผมไม่กล้าแสดงความเห็นของตัวเองกับใครยกเว้นเพื่อนสนิทจริงๆ
เพราะการแสดงอารมณ์ตื่นเต้นขนาดนั้นมันดูไม่เท่ แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่เก็บมันไว้อีกแล้ว
ผมไม่อยากอยู่ในโลกที่เหมือนตู้เก็บของฝุ่นเขรอะ เหมือนตู้เก็บไม้กวาดเล็กๆที่ไหนสักแห่ง
ผมอยากจะพูดความในใจของตัวเองออกมา ต่อให้ปรากฏว่ามันผิดก็เถอะ”
Save The Last Dance ยังถูกนำมาร้องใหม่และติดชาร์ตฮิตอีกหลายหน
เอาเวอร์ชั่นของ Michael Bublé มาให้ฟังพร้อมเนื้อเพลงค่ะ
แหล่งข้อมูล
http://www.songfacts.com/detail.php?id=7450
http://bluerailroad.wordpress.com/2013/02/19/cool-hand-doc-a-review-of-aka-doc-pomus/
http://rockhall.com/inductees/doc-pomus/bio/
http://akadocpomus.com/the-film/
เพจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/pages/พอดแคสท์เกิร์ล/276950432512360
ไม่ได้เกี่ยวกับเพลงทั้งหมดนะคะ เป็นบันทึกสิ่งที่ได้ฟังและได้อ่านมามากกว่า
#--พอดแคสท์เกิร์ล--# : Save The Last Dance For Me เก็บเพลงสุดท้ายให้ฉัน
รู้สึกน่าสนใจดีเลยเอามาเล่าให้ฟัง ถ้าใครมีข้อมูลเสริมโพสต์ต่อได้เลยนะคะ
Save The Last Dance For Me
เนื้อเพลง/ทำนอง : Doc Pomus, Mort Shuman
ศิลปิน : The Drifters (1960; R&B, Pop)
สมัยก่อนที่ได้ฟังก็แค่รู้สึกว่ามันน่ารักดี เจ้าหนุ่มในเพลงบอกกับคนรักว่า
จะไปเต้นรำสังสรรค์กับใครก็ได้ แต่ให้เก็บเพลงสุดท้ายไว้ให้เขา
พอได้อ่านประวัติถึงรู้ว่ามีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น Lou Reed ซึ่งเคยทำงานร่วมกับ Doc Pomus
ให้สัมภาษณ์ว่า Pomus แต่งเพลงนี้ในวันแต่งงานของตัวเองเพื่อแทนความในใจที่มีต่อภรรยา
Doc Pomus (1925 – 1991) เป็นนักแต่งเพลงชื่อดังระดับ Hall of Fame
อันที่จริง Pomus เป็นนักร้องด้วย แต่ไม่รุ่งเท่าไหร่ ตอนเด็กๆป่วยเป็นโรคโปลิโอ ขาลีบ
เวลาเดินต้องใช้ไม้ค้ำ ต่อมาก็ประสบอุบัติเหตุอีก เลยต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิต แม้แต่ในวันแต่งงาน
Willi Burke เจ้าสาวของ Pomus เป็นนักแสดงบรอดเวย์ เธอทั้งสูง ทั้งสาว ทั้งสวย ทั้งเต้นรำเก่ง
เจ้าบ่าวตุ๊ต๊ะที่เต้นรำไม่ได้เลยต้องนั่งมองเจ้าสาวเต้นรำกับหนุ่มอื่นคนแล้วคนเล่า
คืนนั้น Pomus เกิดแรงบันดาลใจจึงเขียนเพลงบนด้านหลังบัตรเชิญ
โดยมี Mort Shuman แต่งทำนองให้ในตอนบ่ายของวันถัดไป
เราคิดว่าเป็นเพลงที่มีความหมายลึกซึ้งมาก มันถ่ายทอดอารมณ์ของผู้ชายที่ใจกว้าง
ไม่ปิดกั้นความสนุกของภรรยา แต่ก็อดหึงและแอบน้อยใจไม่ได้
เจ้า “But don't forget who's taking you home. And in whose arms you're gonna be” เนี่ย
แย้มความอ่อนไหวในใจชัดเจนเลย เพลงที่มีเรื่องราวเป็นอะไรที่น่าประทับใจค่ะ
แต่เพลงเพราะติดหูเนื้อหากินใจอย่างนี้ พอออกแผ่นยังมีปัญหาจนได้ ค่ายเพลงดันติงต๊อง
เอาเพลงไปลงหน้า B ซะนี่ เคราะห์ดีว่า Dick Clark พิธีกรชื่อดังเอามาเปิดในรายการ
จากนั้น Save The Last Dance For Me ก็ส่ง The Drifters ให้ขึ้นชาร์ต R&B อันดับ 1
เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของวง
บทส่งท้ายที่ออกจะเศร้าก็คือ Pomus กับภรรยา อยู่ด้วยกันได้แค่ประมาณสิบปี ทั้งคู่ก็แยกทางกัน
Pomus ยังทำงานแต่งเพลงต่อไป ในช่วงชีวิต 65 ปี เขากับคู่หู Mort Shuman
ทิ้งผลงานไว้เป็นพันๆเพลง รวมถึงงานระดับขึ้นหิ้งอย่าง "This Magic Moment" (the Drifters),
"A Teenager in Love" (Dion and the Belmonts), "Lonely Avenue" (Ray Charles),
"Little Sister" และ "Viva Las Vegas" (Elvis Presley) แต่สิ่งมีค่าที่สุดที่เขามอบให้มนุษยชาติ
อาจจะเป็นกำลังใจที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ทั้งร่างกายที่ไม่สมประกอบ แรงต้านจากครอบครัว
และการเป็นคนขาวคนเดียวในวงการเพลงบลูส์สมัยนั้น
ในช่วงบั้นปลายของชีวิต ขณะที่กำลังใช้คีย์บอร์ดแต่งเพลงบนเตียงในโรงพยาบาล เขาพูดว่า
“ผมยังทำตัวเหมือนที่เคยเป็นมานั่นแหละ ที่เปลี่ยนไปก็คือตอนนี้ผมพูดถึงมันด้วย
สมัยก่อนผมไม่กล้าแสดงความเห็นของตัวเองกับใครยกเว้นเพื่อนสนิทจริงๆ
เพราะการแสดงอารมณ์ตื่นเต้นขนาดนั้นมันดูไม่เท่ แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่เก็บมันไว้อีกแล้ว
ผมไม่อยากอยู่ในโลกที่เหมือนตู้เก็บของฝุ่นเขรอะ เหมือนตู้เก็บไม้กวาดเล็กๆที่ไหนสักแห่ง
ผมอยากจะพูดความในใจของตัวเองออกมา ต่อให้ปรากฏว่ามันผิดก็เถอะ”
Save The Last Dance ยังถูกนำมาร้องใหม่และติดชาร์ตฮิตอีกหลายหน
เอาเวอร์ชั่นของ Michael Bublé มาให้ฟังพร้อมเนื้อเพลงค่ะ
แหล่งข้อมูล
http://www.songfacts.com/detail.php?id=7450
http://bluerailroad.wordpress.com/2013/02/19/cool-hand-doc-a-review-of-aka-doc-pomus/
http://rockhall.com/inductees/doc-pomus/bio/
http://akadocpomus.com/the-film/
เพจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้