ประสบการณ์การใช้ VISA B1/B2 ของ USA เปิดบัญชีธนาคาร bank of america ในประสหรัฐอเมริกา

กระทู้สนทนา
สิ่งที่ต้องเตรียมไปในวันเปิดบัญชีคือ
1. Passport ตัวจริง
2. บัตรประจำตัวประชาชน หรือใบขับขี่ (ของประเทศไทย)
3. เงิน $100 ขั้นต่ำ
4. ที่อยู่เป็นภาษาอังกฤษ (ที่อยู่ในประเทศไทย ตามบัตร) และที่อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
5. เบอร์โทรศัพท์ และ Email
6. โทรศัพท์มือถือ (ถ้าต้องการเปิดใช้ Online Banking )
เพียงแค่นี้ก็สามารถไปเปิดบัญชีได้แล้วครับ

โดยทางธนาคารมีข้อตกลงกับผมดังนี้
1. สามารถเปิดได้ทั้ง saving เหมือนฝากประจำบ้านเรา /checking เบิกถอนได้ตลอดเวลา (อันนี้ผมเลือก checking เพราะเจตนาผมต้องการมีบัตรไว้ซื้อสิ้นค้าและใช้จ่าย)
2. บัญชีประเภท checking นั้นจะต้องมีเงินในบัญชี $1500 เป็นอย่างน้อย ถ้าเดือนไหนมีไม่ถึงจะถูกหัก เดือนละ $13 แต่สองเดือนแรกไม่เสีย
3. เขามีการแอบถามเราว่าเปิดเครดิตด้วยไหม (คือถ้าจะเปิดเราจะได้เครดิตเลย $1500 แต่เดียวก่อน ก็เงินเรานั้นเองครับ $1500 นั้น เพียงแต่เราเบิกได้ แต่สิ้นเดือนหรือมีใบแจ้งหนี้มาต้องไปจ่ายให้ครบ $1500 ถ้าตรงเวลาเขาจะอับเครดิตสกอร์ให้เราจาก $1500 อาจจะขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วแต่ว่าเราเอาเงินเข้าคืนได้เร็วขนาดไหน อันนี้สำคัญห้ามเกินวันที่เขากำหนด นอกจากเสียเครดิตแล้วยังเสียค่าปรับด้วย)  ผมเลือกไม่เปิด เพราะผมไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี้ ผมมาเที่ยว และเงิน $1500 เบิกได้เหมือนเดิม จะเอาเข้าไม่เอาเข้าให้ครบก็สิทธิ์ของเราครับ (จริง ๆ แล้วผมเปิดแค่ $500 เองครับ คือในกรณีที่จะทำเครดิตด้วย ฝากครั้งแรกห้ามต่ำกว่า $1500)
4. ถามเราว่าจะเปิดใช้ Online Banking ไหม อันนี้ผมเลือก เขาขอดูโทรศัพท์ ของผมใช้ Iphone 5s (แอบอวดรวยนิดหน่อย เดียวเล่าให้ฟังครับ) เจ้าหน้าที่ก็ทำการโหลด App ลงมือถือให้ และทำการกรอกข้อมูลในคอมไปด้วยดังนี้
4.1 username :
4.2 Pass :
4.3 คำถาม 3 ข้อ จะตอบหมดก็ได้ เหมือนคำถามกันลืมของเรา เช่น พ่อชื่ออะไร เพื่อนคนแรกชื่ออะไร สถานที่ชอบชื่ออะไร อันนี้เราจะเลือกทำข้อเดียวหรือ ทั้ง 3 ก็ได้ แต่ย้ำว่าต้องจำคำถามและคำตอบให้ได้ ไม่งั้นเข้าไม่ได้นะครับ ย้ำว่าต้องจำให้ได้
4.4 หลังจากกรอกข้อมูลหมดทุกอย่างที่เขาต้องการและถามหาจากเราเสร็จ และทำการเปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว เข้าสู่การมอบบัตร ATM Debit cards VISA ให้เรา (ถ้าชื่อใครยาว ๆ เขาจะตัดชื่อให้เหลือแต่ ตัวหน้าตัวเดียวและเหลือนามสกุลให้เรา หรือแล้วแต่เราจะเลือก ชื่อนี้จะปรากฏบนบัตร แต่บัตรที่ได้วันแรกนั้น เป็นบัตรที่ทางธนาคารสำรองให้ใช้จะไม่มีชื่อเราครับ บัตรจริงทางธนาคารจะส่งมาให้ทีหลังของผม 4 วันหลังทำการเปิดบัญชีครับ แต่ก่อนหน้านั้นผมก็ไม่ได้เอาบัตรสำรองนั้นไปใช้เลย เพื่อนแนะนำ กลัวว่าจะมีปัญหาครับ เพราะเคยมีมาแล้ว ก็เลยอดใจรอ ) พร้อมเอกสารสองแผ่นให้เราเซ็นรายเซ็นลงไปครับ แล้วเขาก็กรอกรายละเอียดนิดหน่อย แล้วก็มอบบัตรและเอกสารอีกประมาณ 50 กว่าแผ่น (ถามว่าผมเปิดอ่านไหม เปิดดูแต่อ่านไม่ออกครับ มันเป็นรายละเอียดสัญญาครับเหมือนประเทศไทย)
5. หลังจากขอบคุณ และร่ำลากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะกลับครับ

แต่เดียวก่อน เรายังไม่ฝากเงินเลย เราจะเอาเงินจากในไหนในบัญชี เพราะได้แต่หมายบัญชี กับบัตร เท่านั้น เราต้องทำการฝากที่เค้าเตอร์หรือตู้ ATM ภายในธนาคารได้เลยครับโดยใช้บัตรสำรองใบนั้นทำธุรกรรมได้เลย แล้วก็เช็คยอดเป็นอันเสร็จพิธีครับ

4 วันผ่านไป ไวเหมือนโกหก ก็ได้รับบัตร ATM พร้อมกับ ข้อความใน Email (ซึ่งส่งมาทุกวัน) ให้เราไป Activate card โดยมีอยู่สองวิธีครับ คือ 1. โทร.ไป activate card ตามเบอร์ที่เขาแจ้งมา หรือไปกดใช้บัตรที่ตู่ ATM โดยการเช็คยอดหรือทำอะไรก็ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นก็ถือว่าใช้ได้ครับ (แนะนำให้ไปทำการ activate  card ที่ตู้ ATM เพราะถ้าโทรศัพท์ รับรองตอบคำถามหลายอย่างและยุ่งยากมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาอังกฤษแบบคนกระเหรี่ยงอย่างเราแล้ว มึนครับ เผลอ ๆ อาจจะโดนบล็อคบัตรตั้งแต่ยังไม่ได้ใช้ )

สุดท้ายก็ได้มีบัตร รูดซื้อของกับเขาและจะได้ไม่ถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามว่า คนไม่มีเครดิต

รายละเอียดส่วนตัวครับ
1. VISA B1/B2  อยู่ได้ 6 เดือนครับ (อายุ VISA B1/B2  10 ปี)
2. เบอร์โทรศัพท์และเครื่อง ผมใช้ โปร Family ครับ ถูกดี เครื่องรุ่นไหม่ ๆ ราคาเริ่มต้นที่ $199 ติด Contact 2 ปี ผมซื้อ Iphone 5s ในราคา $99 (Family คือการจ่ายเงินเหมารวมใช้ได้ถึง 10 เบอร์ใน 1 Family โดยมีรายระเอียดดีงนี้  Unlimited Talk & Text ทุกเบอร์แต่ใช้เน็ตร่วมกัน ในจำนวนที่ซื้อ คือถ้าซื้อ 20 GB ต่อเดือน ทั้ง 10 เบอร์ก็ใช้ได้หมด ใครจะใช้มากใช้น้อยอันนี้ก็ไปทะเลาะกันเองทีหลังครับ (แต่บางท่านจะแย้งว่าแล้วผมจะไปหา Family จากไหน เมืองนอกก็มีระบบ prepaid คือระบบเติมเงิน แต่ผมไม่แนะนำระบบ prepaid เพราะระบบนี้ โทร.ออกก็เสียเงิน รับสายก็เสียเงิน เติม $10 อยู่ได้ถึง 60 วันครับ แต่ถ้าเงินหมดก็รับสายไม่ได้อยู่ดี และราคาเครื่องโทรศัพท์ก็ราคาเต็ม นอกจากโทรศัพท์ที่เราเอาไปจากเมืองไทย รองรับซิมการ์ดในประเทศสหรัฐอเมริกา
นอกจากว่าจะใช้ระบบ prepaid แล้วใช้โปร Unlimited Talk & Text and Shared data ซึ่งก็แพงเอาการครับ
Unlimited Talk & Text and Shared data 500 MB จ่าย $45/เดือน
Unlimited Talk & Text and Shared data 1 GB จ่าย $50/เดือน
Unlimited Talk & Text and Shared data 2 GB จ่าย  $65/เดือน เป็นต้นครับ
3. การใช้ Online Banking นั้น พอเรากรอก ID เข้าไปแล้ว มันจะถามคำถาม 3 ข้อนั้นเพียง 1 ข้อโดยสุ่มมา ถ้าตอบไม่ได้ก็จะไม่มีช่องที่ใส่พาสเข้าไปครับ ผมจึงย้ำว่าให้จำให้ได้ หลังจากที่เข้าไปได้แล้วก็ทำธุรกรรมได้หมดครับ ฝาก โอน ถอน จ่าย
4. VISA B1/B2 ที่ผมอยู่รัฐเวอร์จิเนีย ทำ โซเซียล SSN (Social Security Number)  ไม่ได้ บัตรนี้ถ้าใครได้นะครับ ทำธุรกรรมได้เกือบหมดทุกอย่างครับ น้อง ๆ กรีนการ์ดครับ
5. อย่ารำคาญที่จะกล่าวคำทักทายและถามว่าสบายดีไหม ทุกครั้งที่เจอกันครั้งแรกของวัน กับทุกคนแม้แต่คนขายของให้เรา
6. VISA B1/B2 ในการขอวีซ่าให้ได้ง่าย ๆ ถ้ามีตั๋วไปกลับที่ชัดเจน ไม่มีปัญหาเลยครับ (ห้ามซื้อตั๋วขาเดียวโดยเด็ดขาดโอกาสพลาดสูงในการได้รับวีซ่า)
7. ผมเปิด bank of america บางธนาคารไม่รับครับ เช่น Apple ซานทราส เป็นต้น
ปล. ขอบพระคุณที่เข้ามาอ่าน ต้องขออภัยถ้าพิมพ์ผิด พิมพ์ตก มีอะไรที่ผมสามารถช่วยเหลือได้ ถามมานะครับผมตอบได้จะตอบตอบไม่ได้จะถามผู้รู้ในสหรัฐให้ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่