เมื่อต้นอาทิตย์ได้มีโอกาสไปดูหนังแผลเก่ามาค่ะ ดูแล้วก็รู้สึกติดพัน อยากอ่านต้นฉบับว่าเป็นยังไง โดยเฉพาะฉากที่ขวัญมาหาเรียมที่ริมน้ำ ตอนเรียมกลับมาเยี่ยมแม่จากพระนคร อ่านแล้วอยากจะร้องไห้ค่ะ สงสารขวัญจริงๆ
.........................
"เรียม-เรียมเอ๋ย"
"นาย อ้า, พี่ขวัญ"
"จ้ะ พี่เอง" เจ้าขวัญซึ่งผุดขึ้นเกาะเรือรับคำ
"พี่เพิ่งกลับมาจากศาลจ้าวพ่อของเรา พอดีเรือไฟที่เจ้านั่งผ่านมา พี่จำไม่ได้เพราะนึกว่าเป็นหญิงบางกอกอื่น
แต่โธ่เรียมเอ๋ย, พี่ร้องไห้มาสองปีกว่าแล้ว น้ำใหม่ที่เราเคยเล่นงวดไปสองหนแล้วพี่ก็ยัง..." มันถอนสะอื้นติดๆ กัน "เรียม-พี่ยังคอยเจ้าอยู่จนน้ำนี้"
"จะให้ฉันทำยังไงละจ๊ะ นายขวัญ, เพราะฉันไปอยู่กรุงเทพฯ เสียแล้วดูเถิด" พูดหวังจะชี้แจงความจำเป็นให้เจ้าหนุ่มเห็น "แล้วพ่อฉันก็มิได้เอาเงินไปถ่ายฉันมาเลยกระทั่งเดี๋ยวนี้ ฉันก็ต้องหลุดเป็นทาสเขาไป แต่ก็เป็นเคราะห์ดีของฉันที่เขาให้ความสุขสบายเกินตัว"
"เจ้าอย่ายกย่องพี่นักเลย เจ้าเคยเรียกพี่ว่าอย่างไรก็เรียกอย่างนั้นเถิด ผู้ดีบางกอกเขาเรียกกันว่านาย แต่พี่ชอบให้เจ้าเรียกว่าพี่ขวัญ" เจ้าหนุ่มบ้านทุ่งพูดโดยเข้าใจผิด แล้วก็จับเรื่องต่อไปอีก "ร้อยเดียวไม่ใช่หรือที่แกขายเจ้าไว้ เงินเท่านั้นจะทุกข์ร้อนไปไยเล่าเรียม พี่ถือหางไถมาสองปีกว่า รับจ้างเขาเกี่ยวข้าวมั่ง แจวเรือมั่ง พยายามเก็บประสมประเสไว้ พี่ยอมอดไม่กินอะไรเลย เดี๋ยวนี้มีเงินสักสองร้อยเห็นจะได้ เจ้าคอยพี่สักเดี๋ยวเถอะ พี่จะไปเอามาให้เดี๋ยวนี้แหละ" ขาดคำ เจ้าหนุ่มลูกปลายน้ำก็ทำท่าจะดำกลับไปเอาเงินที่นา
เรียมตันใจหน้าเสียลงอีกถนัด ขวัญเอ๋ย เธอกำลังเข้าใจผิดใหญ่หลวงทีเดียว เธอมองดูหน้าขวัญอย่างสุดงสารในความโง่เจลา บาปกรรมสิ่งใดหรือ จึงทำให้ขวัญจมอยู่ในเวิ้งนาหมู่ไม้และลำน้ำ จนยากที่จะช่วยเขาให้ฉลาดกว่านี้ได้
"คงไม่เป็นผลหรอกจ้ะ นายขวัญ ไม่เป็นผลหรอก เพราะพ่อฉันได้ขายฉันขาดให้แก่เขา และแล้วฉันก็สุขสบายดี"
"เรียม อะไรกันนี่ เจ้าบอกพี่ว่าบางกอกที่เจ้าอยู่เป็นสุขสบายดีงั้นหรือ พี่ไม่รู้เลยว่าบางกอกเปลี่ยนเจ้าให้เป็นอื่นไป" มันลดตาลงจับแหวนเพชรที่นิ้วของเจ้าเรียม สร้อยคอซึ่งวาววามไปด้วยจี้เพชร ข้อมือซ้ายซึ่งมันเคยจูงมีนาฬิกาเรือนเล็กเป็นทอง แล้วเจ้าขวัญก็สำนึกตัวหน้าสลด
"ผู้ชายบางกอกที่มาด้วยเจ้าในเรือไฟนั่น เขาเป็นญาติกะเจ้าข้างไหน พ่อเรืองก็มีลูกผู้ชายแต่อ้ายเริญกับอ้ายรอด"
"เพื่อนฉันเอง แต่คนถือท้ายนั่นเป็นหลายของแม่นายและเป็นลูกพระยา" เธอตอบเพื่อให้นายขวัญเห็นว่าเธอมีหน้ามีตายิ่งขึ้นกว่าก่อนเก่ามาก
"เพื่อน เจ้าคบเพื่อนผู้ชายด้วยหรือเรียม"
เรียมออกนึกเคืองในความโง่เขลาของเจ้าลูกทุ่ง เป็นครั้งแรกที่เรียมนึกเคืองขวัญเสียจริงๆ
"นายขวัญไม่เข้าใจสมัยเขาหรอก ในพระนครน่ะ ของเหล่านี้เป็นธรรมดา ไม่แปลกเหมือนบ้านเรา"
แม้ธรรมชาติของบางกะปิ จะสร้างขวัญมาให้เป็นคนโง่ แต่ธรรมชาติไหวพริบในตัวผู้ชายของขวัญก็มีอยู่
มันจับตาดูเรียมแล้วก้มดูตัวของมันเอง มันรู้แล้วว่า เจ้าเรียมกำลังแปรไปเป็นอื่นเพราะบางกอกเมืองใกล้นี้เอง มันคิดว่ามันมีกรรมหนาเสียแล้วที่เกิดในบางกะปิ เออ แต่ก่อนบางกะปิเป็นบรมสุขสำหรับมัน ทุ่งและน้ำแสนแสบที่มันแช่อยู่นี้เคยทำให้มันเย็นฉ่ำสบายนัก แต่เดี๋ยวนี้ไม่เย็นแล้ว แสนชอกช้ำและแสนแสบไปตามชื่อ เมื่อก่อนมันแช่น้ำเย็นกับเจ้าเรียม เดี๋ยวมันแช่น้ำเกลืออยู่คนเดียว
อ่านแผลเก่าต้นฉบับแล้ว สงสารขวัญจริงๆ
.........................
"เรียม-เรียมเอ๋ย"
"นาย อ้า, พี่ขวัญ"
"จ้ะ พี่เอง" เจ้าขวัญซึ่งผุดขึ้นเกาะเรือรับคำ
"พี่เพิ่งกลับมาจากศาลจ้าวพ่อของเรา พอดีเรือไฟที่เจ้านั่งผ่านมา พี่จำไม่ได้เพราะนึกว่าเป็นหญิงบางกอกอื่น
แต่โธ่เรียมเอ๋ย, พี่ร้องไห้มาสองปีกว่าแล้ว น้ำใหม่ที่เราเคยเล่นงวดไปสองหนแล้วพี่ก็ยัง..." มันถอนสะอื้นติดๆ กัน "เรียม-พี่ยังคอยเจ้าอยู่จนน้ำนี้"
"จะให้ฉันทำยังไงละจ๊ะ นายขวัญ, เพราะฉันไปอยู่กรุงเทพฯ เสียแล้วดูเถิด" พูดหวังจะชี้แจงความจำเป็นให้เจ้าหนุ่มเห็น "แล้วพ่อฉันก็มิได้เอาเงินไปถ่ายฉันมาเลยกระทั่งเดี๋ยวนี้ ฉันก็ต้องหลุดเป็นทาสเขาไป แต่ก็เป็นเคราะห์ดีของฉันที่เขาให้ความสุขสบายเกินตัว"
"เจ้าอย่ายกย่องพี่นักเลย เจ้าเคยเรียกพี่ว่าอย่างไรก็เรียกอย่างนั้นเถิด ผู้ดีบางกอกเขาเรียกกันว่านาย แต่พี่ชอบให้เจ้าเรียกว่าพี่ขวัญ" เจ้าหนุ่มบ้านทุ่งพูดโดยเข้าใจผิด แล้วก็จับเรื่องต่อไปอีก "ร้อยเดียวไม่ใช่หรือที่แกขายเจ้าไว้ เงินเท่านั้นจะทุกข์ร้อนไปไยเล่าเรียม พี่ถือหางไถมาสองปีกว่า รับจ้างเขาเกี่ยวข้าวมั่ง แจวเรือมั่ง พยายามเก็บประสมประเสไว้ พี่ยอมอดไม่กินอะไรเลย เดี๋ยวนี้มีเงินสักสองร้อยเห็นจะได้ เจ้าคอยพี่สักเดี๋ยวเถอะ พี่จะไปเอามาให้เดี๋ยวนี้แหละ" ขาดคำ เจ้าหนุ่มลูกปลายน้ำก็ทำท่าจะดำกลับไปเอาเงินที่นา
เรียมตันใจหน้าเสียลงอีกถนัด ขวัญเอ๋ย เธอกำลังเข้าใจผิดใหญ่หลวงทีเดียว เธอมองดูหน้าขวัญอย่างสุดงสารในความโง่เจลา บาปกรรมสิ่งใดหรือ จึงทำให้ขวัญจมอยู่ในเวิ้งนาหมู่ไม้และลำน้ำ จนยากที่จะช่วยเขาให้ฉลาดกว่านี้ได้
"คงไม่เป็นผลหรอกจ้ะ นายขวัญ ไม่เป็นผลหรอก เพราะพ่อฉันได้ขายฉันขาดให้แก่เขา และแล้วฉันก็สุขสบายดี"
"เรียม อะไรกันนี่ เจ้าบอกพี่ว่าบางกอกที่เจ้าอยู่เป็นสุขสบายดีงั้นหรือ พี่ไม่รู้เลยว่าบางกอกเปลี่ยนเจ้าให้เป็นอื่นไป" มันลดตาลงจับแหวนเพชรที่นิ้วของเจ้าเรียม สร้อยคอซึ่งวาววามไปด้วยจี้เพชร ข้อมือซ้ายซึ่งมันเคยจูงมีนาฬิกาเรือนเล็กเป็นทอง แล้วเจ้าขวัญก็สำนึกตัวหน้าสลด
"ผู้ชายบางกอกที่มาด้วยเจ้าในเรือไฟนั่น เขาเป็นญาติกะเจ้าข้างไหน พ่อเรืองก็มีลูกผู้ชายแต่อ้ายเริญกับอ้ายรอด"
"เพื่อนฉันเอง แต่คนถือท้ายนั่นเป็นหลายของแม่นายและเป็นลูกพระยา" เธอตอบเพื่อให้นายขวัญเห็นว่าเธอมีหน้ามีตายิ่งขึ้นกว่าก่อนเก่ามาก
"เพื่อน เจ้าคบเพื่อนผู้ชายด้วยหรือเรียม"
เรียมออกนึกเคืองในความโง่เขลาของเจ้าลูกทุ่ง เป็นครั้งแรกที่เรียมนึกเคืองขวัญเสียจริงๆ
"นายขวัญไม่เข้าใจสมัยเขาหรอก ในพระนครน่ะ ของเหล่านี้เป็นธรรมดา ไม่แปลกเหมือนบ้านเรา"
แม้ธรรมชาติของบางกะปิ จะสร้างขวัญมาให้เป็นคนโง่ แต่ธรรมชาติไหวพริบในตัวผู้ชายของขวัญก็มีอยู่
มันจับตาดูเรียมแล้วก้มดูตัวของมันเอง มันรู้แล้วว่า เจ้าเรียมกำลังแปรไปเป็นอื่นเพราะบางกอกเมืองใกล้นี้เอง มันคิดว่ามันมีกรรมหนาเสียแล้วที่เกิดในบางกะปิ เออ แต่ก่อนบางกะปิเป็นบรมสุขสำหรับมัน ทุ่งและน้ำแสนแสบที่มันแช่อยู่นี้เคยทำให้มันเย็นฉ่ำสบายนัก แต่เดี๋ยวนี้ไม่เย็นแล้ว แสนชอกช้ำและแสนแสบไปตามชื่อ เมื่อก่อนมันแช่น้ำเย็นกับเจ้าเรียม เดี๋ยวมันแช่น้ำเกลืออยู่คนเดียว