ตามสัญญาคะ วันนี้เรามาต่อภาค 2 กันเลยนะคะ วันนี้คอมกับอินเตอร์เน็ตจะเป็นใจไหมเนี่ย อิอิ แต่จะลงให้ได้มากที่สุดนะคะ งั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปชมกันเลยค่าาาาา
11. Lord Howe Island ออสเตรเลีย
Lord Howe Island เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ทะเลแทสมันระหว่างประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้รับการขนานนามอีกด้วยว่าเป็นเกาะที่สวยที่สุดในทะเลแปซิฟิก คนที่หวังจะไปเชยชมเกาะที่สวยที่สุดแห่งแปซิฟิกนี้อาจจะไปได้ยากนิดนึง เพราะจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้เหยียบผืนทรายบนเกาะปีละ 400 คนเท่านั้น เป็นการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเพื่อรักษาสมดุลย์ทางธรรมชาติ และรักษาภาพผืนทรายพื้นน้ำที่สวนราวกับคริสตัลนี้ไว้นั่นเอง นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นจุดที่มีปะการังสวยงามอย่างมากอีกด้วย
12. Bishop Castle, San Isabel National Forest โคโลราโด
Bishop Castle ปราสาทรูปทรงสุดประหลาดเท่าที่เคยเห็นตั้งแต่เกิดมานี้ตั้งอยู่ที่ภูเขา Wet Mountains ในป่าสงวนแห่งชาติ San Isabel National Forest ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง Rye โคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา สร้างขึ้นด้วยฝีมือ และแรงงานเพียงตัวคนเดียวของศิลปินดัง Jim Bishop น่าแปลกที่ปราสาทแห่งนี้กลายเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานอันเลื่องชื่อ และดึงดูดให้ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกมาที่นี่เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจของตัวเอง
13. Huacachina, Peruvian desert เปรู
Huacachina เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเปรู ที่นี่มีคนอาศัยอยู่เพียงแค่ร้อยกว่าคนเท่านั้นในโอเอซิสเขียวชอุ่มท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ใครมาที่นี่แล้วมักจะติดอกติดใจกับกิจกรรมท้าทายก็คือ sandboarding ซึ่งแน่นอนว่า เราจะสามารถเช่า sandboarding จากชาวบ้านมาลองกันสักครั้งในชีวิตได้อีกด้วย
14. The Bastei Bridge in the Elbe Sandstone Mountains เยอรมนี
The Bastei Bridge หรือ สะพานหิน Bastei สูงตระหง่าน 194 เมตรเหนือแม่น้ำ Elbe ในภูเขาหินทรายของอุทยานแห่งชาติ Saxon Switzerland National Park ประเทศเยอรมนี และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 305 เมตร หินเหล่านี้เกิดจากการกัดเซาะของน้ำตลอดหนึ่งล้านปีที่ผ่านมานั่นเอง แน่นอนว่าถ้าขึ้นไปถึงด้านบนจะรู้สึกเหมือนมีสายหมอกมาห่อหุ้มตัวเราเลยทีเดียว
15. Cappadocia ตุรกี
คัปปาโดเกีย (Cappadocia) เมืองมหัศจรรย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศตุรกี คัปปาโดเกีย เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ แปล ว่า “ดินแดนม้าพันธุ์ดี” นั่นเอง เป็นพื้นที่พิเศษเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยส และภูเขาไฟ ฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว เป็นพื้นที่ดูคล้ายกับภูเขาขนาดใหญ่มีรูพรุนเหมือนรวงผึ้งรายล้อมไปด้วย หินทรงกระโจม กรวยคว่ำ และเจดีย์เต็มไปหมด ที่สำคัญก็คือส่วนหนึ่งของหินเหล่านี้มีคนอาศัยอยู่ภายใน ในลักษณะ “บ้านถ้ำ” มาหลายศตวรรษแล้ว
16. Hallstatt ออสเตรีย
เมืองฮัลล์ชตัทท์ (Hallstatt) เมืองริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก เป็นเมืองยุคกลางที่มีคนอาศัยอยู่ไม่ถึง 1,000 คน และยังเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศออสเตรียอีกด้วย นอกจากวิวที่สวยงามเหมือนในเทพนิยายแล้ว ที่นี่ยังเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์การทำเหมืองมาอย่างยาวนาน ลองแปลงร่างเป็นคนงานไปสำรวจเหมืองเก่าดูก็น่าตื่นเต้นไม่น้อย
17. Leptis Magna, Tripoli ลิเบีย
Leptis Magna เป็นเมืองสำคัญของจักรวรรดิโรมันโบราณที่ตอนนี้เหลือเพียงซากปรักหักพังที่แสนน่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งตั้งอยู่ที่ Khoms 130 กิโลเมตร หรือ 81 ไมล์ทางตะวันออกของเมือง Tripoli และที่สำคัญที่นี่นับว่าเป็นเมืองโบราณของโรมันที่สวยงามที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกด้วย
18. The Alcázar of Segovia สเปน
The Alcázar of Segovia คือป้อมปราการหินขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง Segovia และยังเป็นหนึ่งในปราสาทที่โดดเด่นมากที่สุดในสเปนด้วยรูปร่างที่เหมือนคันธนูของเรือ ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำ Eresma และเคยถูกใช้เป็นที่อยู่อาศัยของเชื้อพระวงศ์ ที่นี่เองเป็นต้นแบบปราสาทซินเดอเรลล่า ของฟอริด้า สหรัฐอเมริกา นั่นเอง เพราะฉะนั้นใครอยากเป็นซินเดอเรลล่าตัวจริงต้องมาที่นี่
19. Alter do Chão บราซิล
Alter do Chão ห่างจากเมือง Santarém ไป 33 กิโลเมตร ที่นี่เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของ Ilha do Amor หรือ เกาะแห่งความรัก เป็นเมืองที่เลาะเลียบไปตามป่าฝนอะเมซอน และชายหาดที่น่าตื่นตาตื่นใจ เพียงไม่กี่เมตรจากชายหาดขาวก็จะเจอกับทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์ป่า ซึ่งแน่นอนว่าที่ทะเลสาบนี้เป็นอะไรที่เหมาะกับการพายเรือแคนูเล่นมาก
20. Hotel Moulin de Roc ฝรั่งเศส
ลึกเข้าไปในเมือง Dordogne ของฝรั่งเศส จะได้พบกับโรงสีข้าวเก่ากลายเป็นโรงแรมที่แปลกตาน่าอัศจรรย์อยู่ริมฝั่งแม่น้ำสงบเงียบ นอกจากนี้ยังเป็นที่กินข้าวที่อร่อยเหาะด้วยรางวัลการันตีจากมิชลิน แน่นอนว่าที่นี่จะเป็นที่สำหรับมาพักผ่อนหย่อนใจมากที่สุด
21. The peacock room in Castello di Sammezzano แคว้นทัสคานี อิตาลี
ปราสาท Castello di Sammezzano สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1605 เป็นผลงานสไตล์แขกมัวร์ ตั้งอยู่ในแคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี ความโดดเด่นของที่นี่อยู่ที่ห้องนกยูงที่ซ่อนตัวอยู่ภายในปราสาท การออกแบบที่ซับซ้อน และความหลากหลายที่งดงามของรูปแบบและสี ทำให้ที่แห่งนี้ไม่มีที่ไหนเทียบได้
22. Deception Island แอนตาร์กติก
Deception Island เป็นหมู่เกาะที่น่าทึ่งแห่งหนึ่งของโลก ที่นี่มีภูเขาไฟที่ยังครุกรุ่นอยู่ ตั้งอยู่ทางใต้ของแอนตาร์กติก มีลักษณะดูไปคล้ายกับรูปวงแหวน หรือรูปเกือกม้า เป็นสถานที่เดียวในโลกที่สามารถแล่นเรือผ่านไปใจกลางของภูเขาไฟเพื่อเข้าสู่หาดด้านในที่เต็มไปด้วยธารน้ำแข็ง และเหล่าเพนกวินกว่าร้อยตัวที่จะคอยต้อนรับอยู่ ถ้าต้องการหลบความหนาวเย็นล่ะก็ที่นี่คือแหล่งที่ดีที่สุดเพราะบนเกาะเต็มไปด้วยบ่อน้ำพุร้อนมากมาย
23. Melissani Cave, Kefalonia กรีซ
Melissani Cave เป็นถ้ำที่ตั้งอยู่บนเกาะ Kefalonia ประเทศกรีซ ถ้ำแห่งนี้ได้สำรวจพบในปี 1951 มีการขุดพบวัตถุโบราณหลายชิ้นด้วยกัน ภายในถ้ำมีทะเลสาบน้ำกร่อยอยู่เข้าไปลึกกว่า 500 เมตรจากทะเล เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอีกที่หนึ่ง นักท่องเที่ยวจะล่องเรือไปตามเส้นทางเพื่อชมธรรมชาติที่สวยงามของน้ำที่ใสราวกับกระจก ตามตำนานเทพเจ้ากรีกโบราณ เหล่านางไม้ที่อาศัยอยู่ในถ้ำที่งดงามนี้จะล่อลวงคนด้วยความงามของพวกเขา และถ้ำนี้ก็ได้ล่อลวงนักดำน้ำหลายคนในหลงเข้าไปในโลกที่เต็มไปด้วยความงามของธรรมชาติ
24. Meghalaya อินเดีย
รัฐเมฆาลัย ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนืออินเดีย และเนินเขาแห่งนี้สูงเกือบๆ 40 ฟุต เป็นพื้นหุบเขาป่าที่สวยงาม แต่ห่างไกลสักหน่อย ฝนที่ตกลงมาทำให้ผืนป่าชุ่มฉ่ำ และสะพานจากต้นไม้นี้ก็จะทำให้เราสามารถข้ามเข้าไปสู่ป่าอันสวยงามได้
25. Craco, Matera, Basilicata อิตาลี
เมืองร้างที่ถูกล้อมด้วยกำแพงในยุคกลางของเมืองคราโค่ที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 400 ฟุต เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า “ต้องคำสาป” ด้วยภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้งที่ทำให้ผลิตผลทางการเกษตรไม่ดี การถูกโจรปล้นบ้านเรือน และสุดท้าย การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลายครั้งติดกัน ทำให้ผู้คนเสียชีวิตไปมากมาย และเสียหายเกินกว่าที่จะได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ ประชากรกลุ่มสุดท้ายได้อพยพออกไป เพราะเกรงกลัวแผ่นดินไหว ในที่สุดทำให้เมืองล่มสลายลงใน ปี 1960
เหลือบไปดูเห็นบอกว่า พิมพ์ข้อความได้ไม่เกิน 10000 ตัว นี่ก็เกือบจะ 9000 แล้ว อิอิ วันนี้เอาไป 15 ที่ก่อนนะ แล้วบ่ายๆจะมาต่อที่เหลือจนครบ จขกท ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ แล้วเจอกับภาค 3 ตอนบ่ายคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก travel.truelife
40 สถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลก ไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริง ภาค2
11. Lord Howe Island ออสเตรเลีย
Lord Howe Island เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ทะเลแทสมันระหว่างประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้รับการขนานนามอีกด้วยว่าเป็นเกาะที่สวยที่สุดในทะเลแปซิฟิก คนที่หวังจะไปเชยชมเกาะที่สวยที่สุดแห่งแปซิฟิกนี้อาจจะไปได้ยากนิดนึง เพราะจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้เหยียบผืนทรายบนเกาะปีละ 400 คนเท่านั้น เป็นการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเพื่อรักษาสมดุลย์ทางธรรมชาติ และรักษาภาพผืนทรายพื้นน้ำที่สวนราวกับคริสตัลนี้ไว้นั่นเอง นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นจุดที่มีปะการังสวยงามอย่างมากอีกด้วย
12. Bishop Castle, San Isabel National Forest โคโลราโด
Bishop Castle ปราสาทรูปทรงสุดประหลาดเท่าที่เคยเห็นตั้งแต่เกิดมานี้ตั้งอยู่ที่ภูเขา Wet Mountains ในป่าสงวนแห่งชาติ San Isabel National Forest ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง Rye โคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา สร้างขึ้นด้วยฝีมือ และแรงงานเพียงตัวคนเดียวของศิลปินดัง Jim Bishop น่าแปลกที่ปราสาทแห่งนี้กลายเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานอันเลื่องชื่อ และดึงดูดให้ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกมาที่นี่เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจของตัวเอง
13. Huacachina, Peruvian desert เปรู
Huacachina เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเปรู ที่นี่มีคนอาศัยอยู่เพียงแค่ร้อยกว่าคนเท่านั้นในโอเอซิสเขียวชอุ่มท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ใครมาที่นี่แล้วมักจะติดอกติดใจกับกิจกรรมท้าทายก็คือ sandboarding ซึ่งแน่นอนว่า เราจะสามารถเช่า sandboarding จากชาวบ้านมาลองกันสักครั้งในชีวิตได้อีกด้วย
14. The Bastei Bridge in the Elbe Sandstone Mountains เยอรมนี
The Bastei Bridge หรือ สะพานหิน Bastei สูงตระหง่าน 194 เมตรเหนือแม่น้ำ Elbe ในภูเขาหินทรายของอุทยานแห่งชาติ Saxon Switzerland National Park ประเทศเยอรมนี และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 305 เมตร หินเหล่านี้เกิดจากการกัดเซาะของน้ำตลอดหนึ่งล้านปีที่ผ่านมานั่นเอง แน่นอนว่าถ้าขึ้นไปถึงด้านบนจะรู้สึกเหมือนมีสายหมอกมาห่อหุ้มตัวเราเลยทีเดียว
15. Cappadocia ตุรกี
คัปปาโดเกีย (Cappadocia) เมืองมหัศจรรย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศตุรกี คัปปาโดเกีย เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ แปล ว่า “ดินแดนม้าพันธุ์ดี” นั่นเอง เป็นพื้นที่พิเศษเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยส และภูเขาไฟ ฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว เป็นพื้นที่ดูคล้ายกับภูเขาขนาดใหญ่มีรูพรุนเหมือนรวงผึ้งรายล้อมไปด้วย หินทรงกระโจม กรวยคว่ำ และเจดีย์เต็มไปหมด ที่สำคัญก็คือส่วนหนึ่งของหินเหล่านี้มีคนอาศัยอยู่ภายใน ในลักษณะ “บ้านถ้ำ” มาหลายศตวรรษแล้ว
16. Hallstatt ออสเตรีย
เมืองฮัลล์ชตัทท์ (Hallstatt) เมืองริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก เป็นเมืองยุคกลางที่มีคนอาศัยอยู่ไม่ถึง 1,000 คน และยังเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศออสเตรียอีกด้วย นอกจากวิวที่สวยงามเหมือนในเทพนิยายแล้ว ที่นี่ยังเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์การทำเหมืองมาอย่างยาวนาน ลองแปลงร่างเป็นคนงานไปสำรวจเหมืองเก่าดูก็น่าตื่นเต้นไม่น้อย
17. Leptis Magna, Tripoli ลิเบีย
Leptis Magna เป็นเมืองสำคัญของจักรวรรดิโรมันโบราณที่ตอนนี้เหลือเพียงซากปรักหักพังที่แสนน่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งตั้งอยู่ที่ Khoms 130 กิโลเมตร หรือ 81 ไมล์ทางตะวันออกของเมือง Tripoli และที่สำคัญที่นี่นับว่าเป็นเมืองโบราณของโรมันที่สวยงามที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกด้วย
18. The Alcázar of Segovia สเปน
The Alcázar of Segovia คือป้อมปราการหินขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง Segovia และยังเป็นหนึ่งในปราสาทที่โดดเด่นมากที่สุดในสเปนด้วยรูปร่างที่เหมือนคันธนูของเรือ ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำ Eresma และเคยถูกใช้เป็นที่อยู่อาศัยของเชื้อพระวงศ์ ที่นี่เองเป็นต้นแบบปราสาทซินเดอเรลล่า ของฟอริด้า สหรัฐอเมริกา นั่นเอง เพราะฉะนั้นใครอยากเป็นซินเดอเรลล่าตัวจริงต้องมาที่นี่
19. Alter do Chão บราซิล
Alter do Chão ห่างจากเมือง Santarém ไป 33 กิโลเมตร ที่นี่เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของ Ilha do Amor หรือ เกาะแห่งความรัก เป็นเมืองที่เลาะเลียบไปตามป่าฝนอะเมซอน และชายหาดที่น่าตื่นตาตื่นใจ เพียงไม่กี่เมตรจากชายหาดขาวก็จะเจอกับทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์ป่า ซึ่งแน่นอนว่าที่ทะเลสาบนี้เป็นอะไรที่เหมาะกับการพายเรือแคนูเล่นมาก
20. Hotel Moulin de Roc ฝรั่งเศส
ลึกเข้าไปในเมือง Dordogne ของฝรั่งเศส จะได้พบกับโรงสีข้าวเก่ากลายเป็นโรงแรมที่แปลกตาน่าอัศจรรย์อยู่ริมฝั่งแม่น้ำสงบเงียบ นอกจากนี้ยังเป็นที่กินข้าวที่อร่อยเหาะด้วยรางวัลการันตีจากมิชลิน แน่นอนว่าที่นี่จะเป็นที่สำหรับมาพักผ่อนหย่อนใจมากที่สุด
21. The peacock room in Castello di Sammezzano แคว้นทัสคานี อิตาลี
ปราสาท Castello di Sammezzano สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1605 เป็นผลงานสไตล์แขกมัวร์ ตั้งอยู่ในแคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี ความโดดเด่นของที่นี่อยู่ที่ห้องนกยูงที่ซ่อนตัวอยู่ภายในปราสาท การออกแบบที่ซับซ้อน และความหลากหลายที่งดงามของรูปแบบและสี ทำให้ที่แห่งนี้ไม่มีที่ไหนเทียบได้
22. Deception Island แอนตาร์กติก
Deception Island เป็นหมู่เกาะที่น่าทึ่งแห่งหนึ่งของโลก ที่นี่มีภูเขาไฟที่ยังครุกรุ่นอยู่ ตั้งอยู่ทางใต้ของแอนตาร์กติก มีลักษณะดูไปคล้ายกับรูปวงแหวน หรือรูปเกือกม้า เป็นสถานที่เดียวในโลกที่สามารถแล่นเรือผ่านไปใจกลางของภูเขาไฟเพื่อเข้าสู่หาดด้านในที่เต็มไปด้วยธารน้ำแข็ง และเหล่าเพนกวินกว่าร้อยตัวที่จะคอยต้อนรับอยู่ ถ้าต้องการหลบความหนาวเย็นล่ะก็ที่นี่คือแหล่งที่ดีที่สุดเพราะบนเกาะเต็มไปด้วยบ่อน้ำพุร้อนมากมาย
23. Melissani Cave, Kefalonia กรีซ
Melissani Cave เป็นถ้ำที่ตั้งอยู่บนเกาะ Kefalonia ประเทศกรีซ ถ้ำแห่งนี้ได้สำรวจพบในปี 1951 มีการขุดพบวัตถุโบราณหลายชิ้นด้วยกัน ภายในถ้ำมีทะเลสาบน้ำกร่อยอยู่เข้าไปลึกกว่า 500 เมตรจากทะเล เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอีกที่หนึ่ง นักท่องเที่ยวจะล่องเรือไปตามเส้นทางเพื่อชมธรรมชาติที่สวยงามของน้ำที่ใสราวกับกระจก ตามตำนานเทพเจ้ากรีกโบราณ เหล่านางไม้ที่อาศัยอยู่ในถ้ำที่งดงามนี้จะล่อลวงคนด้วยความงามของพวกเขา และถ้ำนี้ก็ได้ล่อลวงนักดำน้ำหลายคนในหลงเข้าไปในโลกที่เต็มไปด้วยความงามของธรรมชาติ
24. Meghalaya อินเดีย
รัฐเมฆาลัย ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนืออินเดีย และเนินเขาแห่งนี้สูงเกือบๆ 40 ฟุต เป็นพื้นหุบเขาป่าที่สวยงาม แต่ห่างไกลสักหน่อย ฝนที่ตกลงมาทำให้ผืนป่าชุ่มฉ่ำ และสะพานจากต้นไม้นี้ก็จะทำให้เราสามารถข้ามเข้าไปสู่ป่าอันสวยงามได้
25. Craco, Matera, Basilicata อิตาลี
เมืองร้างที่ถูกล้อมด้วยกำแพงในยุคกลางของเมืองคราโค่ที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 400 ฟุต เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า “ต้องคำสาป” ด้วยภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้งที่ทำให้ผลิตผลทางการเกษตรไม่ดี การถูกโจรปล้นบ้านเรือน และสุดท้าย การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลายครั้งติดกัน ทำให้ผู้คนเสียชีวิตไปมากมาย และเสียหายเกินกว่าที่จะได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ ประชากรกลุ่มสุดท้ายได้อพยพออกไป เพราะเกรงกลัวแผ่นดินไหว ในที่สุดทำให้เมืองล่มสลายลงใน ปี 1960
เหลือบไปดูเห็นบอกว่า พิมพ์ข้อความได้ไม่เกิน 10000 ตัว นี่ก็เกือบจะ 9000 แล้ว อิอิ วันนี้เอาไป 15 ที่ก่อนนะ แล้วบ่ายๆจะมาต่อที่เหลือจนครบ จขกท ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ แล้วเจอกับภาค 3 ตอนบ่ายคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก travel.truelife