มีเรื่องมาเล่าค่ะ พอดีระหว่างทำผมก็หยิบเจ้านิตยสารประจำร้านทำผมส่วนมากมาอ่าน แล้วคิดว่าน้องเค้ามีความคิดที่ดี ครั้งแรกที่ได้อ่านก็คิดว่าเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาที่คิดว่าอ
ยากเป็นเจ้าของร้านแอร์ แต่ความคิดน้องเค้าดีมากกว่านั้นเยอะเลย เพราะน้องเค้าเป็นเด็กช่างกล....
ขอเริ่มเรื่องเลยนะคะ พิมพ์มาจากหนังสือมาแบบคร่าวๆ เลยนี่ละอาจจะตกหล่นไปบ้างขออภัยด้วยค่ะ
บทสัมภาษณ์
น้องเป็นเด็กนครปฐม อาจเป็นแค่เด็กหนุ่มช่างกลธรรมดาๆ ทั่วไป แต่เมื่อได้ลองนั่งคุยกับเขาแล้วนั่นแหละ เราจะเห็นพลังและความมุ่งมั่นที่ฝังแน่นอยู่ในหัวใจของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ ผู้ใหญ่ที่เคยคิดว่าเด็กวัยรุ่นสมัยนี้เหยาะแหยะหยิบโหย่ง
“ผมเกิดที่อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ที่บ้านแม่ค้าขาย ผมเรียนแถวบ้าน ปั่นจักรยานไปโรงเรียนทุกวัน มีป้าซึ่งเป็นพี่สาวพ่อช่วยดูแลค่าเทอมให้จนจบ ม.3 เพราะที่บ้านฐานะไม่ดี”
ชีวิตของชาตรีเรียบง่าย ไม่โลดโผน เขาเล่าว่าสมัยเด็ก นอกจากเรียนหนังสือแล้ว วันเสาร์อาทิตย์ก็จะไปช่วยป้าที่อุปถัมภ์ค่าเล่าเรียนขายของ เวลาเฝ้าร้านอยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรทำ เขามักฆ่าเวลาด้วยการเอาหนังสือเรียนมานั่งอ่าน
“ไม่รู้ทำไม แต่ผมชอบอ่านหนังสือเรียน อาจมีผลทำให้ผมอยากเรียนหนังสือสูงๆ”
หลังจบ ม.3 ถึงทางแยกที่ต้องเลือกเส้นทางเดินเพื่อตัดสินอนาคตทางการศึกษา สำหรับชาตรีแล้ว เขาไม่ลังเลเลยที่จะเลือกเรียนต่อสายช่าง
“ผมไม่ได้คิดเรียนสายสามัญเลย เพราะเห็นหลายคนที่เรียนไปจบแล้วก็ไม่มีงานทำ ทำอะไรก็ไม่ได้ คิดแต่ว่าอยากเรียนสายช่าง พอดีมีวิทยาลัยเขามาแนะแนวที่โรงเรียนผม ทีแรกเขาจะใช้โรงเรียนเก่าผมนั่นแหละเป็นสถานที่เปิดสอน ปวช. ผมก็เลยสมัคร แต่พอสักพักเขาย้ายไปรวมกันที่อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ผมเลยต้องไปอยู่ที่นั่น” (ตรงจุดนี้ เราคิดว่าน้องเค้ามีความคิดไม่เหมือนกับน้องๆ ที่อายุพอๆ กับน้องเค้าเลย จากน้องๆ ที่เราสัมผัสมา)
ชาตรีเลือกเรียนช่างไฟฟ้า เพราะมีพื้นฐานจากที่เคยช่วยน้าชายที่เป็นช่างไฟทำงาน เป็นสาขาที่ตรงกับความสนใจของเขาพอดี
ชีวิตเด็กช่างของชาตรีเริ่มต้นขึ้นที่นั่น ด้วยการเรียนแบบทวิภาคี คือเรียนทฤษฎีในวิทยาลัย 3 เทอม และฝึกงานในสถานประกอบการอีก 3 เทอม เป็นหลักสูตรเพื่อให้เด็กช่างจบออกไปแล้วทำงานเป็น ไม่ใช่เก่งแต่ในตำรา สำหรับชาตรีนอกจากการฝึกงานภาคบังคับแล้ว ตัวเขาเองก็ยังขวนขวายหางานพิเศษทำด้วย เพราะนับจากนั้นเป็นต้นมา เขาสัญญากับตัวเองว่าจะยืนด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้
(ยังไม่จบนะคะ แต่ขอตัวไปประชุมก่อน)
ตั้งกระทู้นี้เป็นกระทู้แรก ผิดพลาดประการใดขออภัย
ขออัพเป็นส่วนๆ ด้วยนะคะ จะได้อ่านแล้วไม่ตาลายกัน
แท็กชานเรือน สังคมคุณแม่ เพราะอยากให้คุณแม่ได้อ่านกันค่ะ
แท็กห้องไหนผิดไป ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
“วันหนึ่งผมจะเป็นเจ้าของร้านแอร์” ประโยคของเด็กคนหนึ่ง
ขอเริ่มเรื่องเลยนะคะ พิมพ์มาจากหนังสือมาแบบคร่าวๆ เลยนี่ละอาจจะตกหล่นไปบ้างขออภัยด้วยค่ะ
บทสัมภาษณ์
น้องเป็นเด็กนครปฐม อาจเป็นแค่เด็กหนุ่มช่างกลธรรมดาๆ ทั่วไป แต่เมื่อได้ลองนั่งคุยกับเขาแล้วนั่นแหละ เราจะเห็นพลังและความมุ่งมั่นที่ฝังแน่นอยู่ในหัวใจของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ ผู้ใหญ่ที่เคยคิดว่าเด็กวัยรุ่นสมัยนี้เหยาะแหยะหยิบโหย่ง
“ผมเกิดที่อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ที่บ้านแม่ค้าขาย ผมเรียนแถวบ้าน ปั่นจักรยานไปโรงเรียนทุกวัน มีป้าซึ่งเป็นพี่สาวพ่อช่วยดูแลค่าเทอมให้จนจบ ม.3 เพราะที่บ้านฐานะไม่ดี”
ชีวิตของชาตรีเรียบง่าย ไม่โลดโผน เขาเล่าว่าสมัยเด็ก นอกจากเรียนหนังสือแล้ว วันเสาร์อาทิตย์ก็จะไปช่วยป้าที่อุปถัมภ์ค่าเล่าเรียนขายของ เวลาเฝ้าร้านอยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรทำ เขามักฆ่าเวลาด้วยการเอาหนังสือเรียนมานั่งอ่าน
“ไม่รู้ทำไม แต่ผมชอบอ่านหนังสือเรียน อาจมีผลทำให้ผมอยากเรียนหนังสือสูงๆ”
หลังจบ ม.3 ถึงทางแยกที่ต้องเลือกเส้นทางเดินเพื่อตัดสินอนาคตทางการศึกษา สำหรับชาตรีแล้ว เขาไม่ลังเลเลยที่จะเลือกเรียนต่อสายช่าง
“ผมไม่ได้คิดเรียนสายสามัญเลย เพราะเห็นหลายคนที่เรียนไปจบแล้วก็ไม่มีงานทำ ทำอะไรก็ไม่ได้ คิดแต่ว่าอยากเรียนสายช่าง พอดีมีวิทยาลัยเขามาแนะแนวที่โรงเรียนผม ทีแรกเขาจะใช้โรงเรียนเก่าผมนั่นแหละเป็นสถานที่เปิดสอน ปวช. ผมก็เลยสมัคร แต่พอสักพักเขาย้ายไปรวมกันที่อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ผมเลยต้องไปอยู่ที่นั่น” (ตรงจุดนี้ เราคิดว่าน้องเค้ามีความคิดไม่เหมือนกับน้องๆ ที่อายุพอๆ กับน้องเค้าเลย จากน้องๆ ที่เราสัมผัสมา)
ชาตรีเลือกเรียนช่างไฟฟ้า เพราะมีพื้นฐานจากที่เคยช่วยน้าชายที่เป็นช่างไฟทำงาน เป็นสาขาที่ตรงกับความสนใจของเขาพอดี
ชีวิตเด็กช่างของชาตรีเริ่มต้นขึ้นที่นั่น ด้วยการเรียนแบบทวิภาคี คือเรียนทฤษฎีในวิทยาลัย 3 เทอม และฝึกงานในสถานประกอบการอีก 3 เทอม เป็นหลักสูตรเพื่อให้เด็กช่างจบออกไปแล้วทำงานเป็น ไม่ใช่เก่งแต่ในตำรา สำหรับชาตรีนอกจากการฝึกงานภาคบังคับแล้ว ตัวเขาเองก็ยังขวนขวายหางานพิเศษทำด้วย เพราะนับจากนั้นเป็นต้นมา เขาสัญญากับตัวเองว่าจะยืนด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้
(ยังไม่จบนะคะ แต่ขอตัวไปประชุมก่อน)
ตั้งกระทู้นี้เป็นกระทู้แรก ผิดพลาดประการใดขออภัย
ขออัพเป็นส่วนๆ ด้วยนะคะ จะได้อ่านแล้วไม่ตาลายกัน
แท็กชานเรือน สังคมคุณแม่ เพราะอยากให้คุณแม่ได้อ่านกันค่ะ
แท็กห้องไหนผิดไป ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ