รีวิว บันทึกความทรงจำ เที่ยวหลงฤดู (เสาร์ 16 สิงหาคม 2557)
ทริปเที่ยววันเดียวที่สมุทรสงคราม วัดดัง ตลาดร่มหุบ อุทยาน ตลาดน้ำ และที่สำคัญคืองานนี้รถขนส่งสาธารณะล้วนๆจ้า....
จุดประสงค์ของทริปนี้คือไปเที่ยวชิวๆเก็บบรรยากาศ
รอช้าอยู่ไย เข้าประเด็นเลยดีกว่า
V
V
V
จุดตั้งต้นของเราคือศูนย์รวมรถทัวร์และรถตู้ นั่นก็คือ “สายใต้ใหม่” ถนนบรมราชชนนี นั่นเอง พอมาถึงเราก็ไปซื้อตั๋วรถตู้ที่คิวรถตู้ด้านนอกอาคาร ซึ่งคิวรถตู้ไปแม่กลองคือรถตู้สาย 996 เป็นรถกรุงเทพฯ-ดำเนินสะดวก (ค่ารถคนละ 60 บาท) ตอนแรกเราว่าจะนั่งรถทัวร์ไปแหละ แต่เขาบอกว่าไม่มีรถทัวร์วิ่งเส้นนี้แล้ว มีแต่รถตู้
ไม่ต้องกังวลว่าจะหาคิวรถตู้ไม่เจอ แค่ทำท่ามองๆหานิดหน่อยแถวจุดขายตั๋วของที่ไหนก็ได้ ก็จะมีคนเข้ามานำเสนอว่าไปไหน แล้วเขาจะบอกเราเองว่าเราต้องไปขึ้นรถที่ไหน อิอิ ถ้าไม่มีใครเข้ามาถามก็อย่าเสียใจไป เดินเข้าไปถามเถอะจ้า อย่าไปกลัว ลุย!!!
เดินไปหาคนขายตั๋วก็บอกเขาว่า “ไปแม่กลองค่ะ” (รถตู้คันนี้ไปถึงอัมพวาเลย ถ้าใครอยากไปอัมพวาโดยตรงก็บอกเขาว่าไปอัมพวา) แล้วก็อย่าลืมถามเวลารถออกด้วยล่ะ ตอนที่เราไปคือเราไปรอรถเที่ยว 8.00 น. พอซื้อตั๋วรถเสร็จ ด้วยอารมณ์หิวๆ ใกล้ๆทางด้านซ้ายมือมีเซเว่น ด้านขวามือมีที่นั่งเยอะๆ คล้ายๆโรงอาหาร ก็ซื้อจากเซเว่นไปนั่งกินตรงนั้นแหละ =] (ถ้าไม่หิวมาก ก็รองท้องไปหน่อยนึงหรือไม่กินก็ได้ เพราะเราจะผ่านตลาดแม่กลอง ซึ่งมีของกินเยอะแยะอยู่แล้ว)
ถึงเวลาขึ้นรถ ก็เดินไปขึ้นรถได้เลย หาที่นั่งเหมาะๆสำหรับดูทางไปเรื่อยๆ ไม่ก็เอียงคอพิงคนข้างๆหลับไป 555 พอรถวิ่งแยกออกจากถนนพระราม 2 (ธนบุรี-ปากท่อ) เข้ามาที่ตัวเมืองแม่กลอง รถจะตรงมาเรื่อยๆจนมาถึงแยกหน้าตลาดที่เห็นมี ธ.ไทยพาณิชย์อยู่ตรงมุม ก็ลงรถตรงแยกนี้ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ
มาแวะดูแผนที่กันหน่อย จะเห็นว่า “วัดเพชรสมุทรวรวิหาร” หรือ “วัดหลวงพ่อบ้านแหลม” วัดดังของแม่กลอง อยู่ไม่ไกล เดินไปได้ เอาล่ะ ไปได้!!! จากจุดที่เราลงรถ มองไปทางซ้ายจะเจอถนนประสิทธิ์พัฒนา ถนนเส้นนี้มีของขายเรียงรายเยอะมาก เรียกง่ายๆว่า ตลาด นั่นแหละ มีของกินหายากอย่างถุงทองด้วยนะ (รูปขวาล่าง) >.,< แฮ่ ของกินเยอะมากกกกกกก
เดินตรงไปเรื่อยๆ จนถึงทางแยกจะเห็น ธ.กรุงไทยอยู่ทางขวา ฝั่งตรงข้ามจะเห็นโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เราก็เลี้ยวขวาตรงแยกนั้น
เดินไปเรื่อยๆ (เดินระวังหน่อยนะคะ บริเวณนี้รถเยอะมาก) เราก็จะเจอ........สถานีรถไฟ “สถานีแม่กลอง” อยู่ทางด้านซ้ายมือ และแล้ว แท่นแท้นนนนน ด้านขวามือก็คือ “ตลาดร่มหุบ” (ใครจะแวะตลาดนี้เพื่อดูร่มหุบควรตรวจสอบตารางเดินรถไฟดีๆ ไม่งั้นจะอดเห็นร่มหุบแบบเรา T^T) ตลาดนี้เป็นตลาดสด ซึ่งจะมีอาหารทะเลสดเยอะแยะ มีปลาทูหน้างอคอหักของขึ้นชื่อของแม่กลอง ก็แวะดูของซื้อของถ่ายรูปนิดหน่อย
ไม่ไกลกันมากจะเห็นตึกแถวตรงหัวมุมถนนที่มีร้านข้าวมันไก่ร้านนึงที่มีคนเยอะมาก สิ่งที่ทำให้เราแอบแปลกใจคือ ป้ายที่เขียนไว้ว่า “โรงแรมไทยสวัสดี” ไม่รู้ว่ายังเป็นโรงแรมอยู่หรือเปล่า ดูมีกลิ่นอายของอดีตดีนะ ด้านในร้านนอกจากจะขายข้าวมันไก่แล้ว ยังเป็นตู้โชว์เหล้ามากมายหลายชนิดอีกด้วยนะ >.,<
และแล้วในที่สุดเราก็เดินมาจนถึงจุดตัดระหว่างถนนเพชรสมุทรกับถนนศรีจำปา เราก็จะเห็น ”วัดเพชรสมุทรวรวิหาร” ข้างในมีร้านค้านิดหน่อยระหว่างทางเข้า (สิ่งที่สังเกตเห็นคือ ที่นี่มีขายผัดน้ำพริกอยู่หลายร้านมาก โดยเฉพาะผัดน้ำพริกปลาทู อีกอย่างคือ มะยมเสียบไม้
ก็ไปแวะกราบสักการะหลวงพ่อวัดบ้านแหลมที่โด่งดังของที่นี่
นอกจากนี้วัดนี้ยังเป็นวัดที่มีพระ เทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย ทั้งพุทธทั้งจีนทั้งพราหมณ์ ไม่ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้า พระพุทธรูปปางต่างๆ พระสังกัจจาย พระศิวะ แม่ตะเคียน ซึ่งจะมีกล่องทำบุญและป้ายเขียนไว้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ นำมาซึ่งความโชคดีด้านใดบ้าง และแล้วสิ่งที่สะดุดตาคือ “เทพทันใจ” รีบปรี่เข้าไปอธิษฐานขอพรทันที 555 (ต้องเอาหน้าผากเราไปจิ้มกับนิ้วชี้ของเทพด้วยนะ) (รูปขวาบน)
ต่อไป เราจะเดินทางไปยัง “อุทยาน ร.2” ก่อนอื่น เราก็ต้องเดินไปหารถสองแถว ออกจากวัดข้ามถนนเดินเลาะที่จอดรถไปทางขวาไปเรื่อยๆจนถึงหัวมุมถนนก็เลี้ยวซ้าย เดินไปอีกไม่ไกล จะเจอซอยทางขวามือ ก็ข้ามถนนเข้าซอยนั้นไป เดินไปอีกไม่ไกลจะเจอคิวรถสองแถว(กระบะ) อยู่ใกล้ๆกับ ธ.ธนชาต ก็ขึ้นรถสองแถว(กระบะ) สาย 333 ค่ารถคนละ 8 บาท ไปลงโรงเจ
(จริงๆมีรถบัสแบบรถเมล์ร้อนตามต่างจังหวัด วิ่งผ่านอัมพวา , อุทยาน ร.2 , ตลาดน้ำบางน้อย , ตลาดบางนกแขวกด้วยนะ แต่เราหาไม่เจอว่ารถบัสจอดตรงไหน สายรถบัสก็คือ 333 เหมือนกับรถสองแถว(กระบะ)นั่นแหละ เห็นเขาว่าครึ่งชั่วโมงจะวิ่งผ่านไปคันนึง)
จุดสังเกตลงรถคือรถจะผ่านตลาดน้ำอัมพวาไปนิดนึงแล้วจอดแถวๆหน้า ”วัดอัมพวันเจติยาราม” หลังจากนั้นรถจะเลี้ยวขวาไป (ถ้าเป็นรถบัสจะตรงไปเราลงหน้าอุทยานได้เลย) เราต้องเดินไปอีกนิดนึงก็จะเจอ “อุทยาน ร.2” เสียค่าเข้าชมคนละ 30 บาท ในนี้มีจักรยานให้เช่าด้วย ชั่วโมงละ 40 บาท แต่เราไม่ได้เช่าเพราะคิดว่าอุทยานกว้างในขนาดที่เราพอเดินไหว และเราก็อยากเดินเล่นเรื่อยๆ (แต่ก็แอบร้อนนะ ควรพกร่มหรือหมวกไปด้วยจะช่วยบังแดดที่แผดเผาได้เยอะเลย)
ด้านในอุทยานจะมีพิพิธภัณฑ์ขนมไทย มีเรือนไทยจัดแสดงแผนที่ชุมชนริมน้ำและจุดสำคัญของจังหวัดสมุทรสงครามและมีจัดแสดงวิถีชีวิตคนไทยในอดีต ขอเตือนอย่างนึงคือชานเรือนไทยร้อนมากๆเพราะมีแดดแรงๆส่องพื้น คุณจะต้องสวมบทบาทเป็นผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดิน ไม่งั้นเท้าคุณอาจจะไหม้เกรียมจนผิวลอกเป็นแผ่นๆได้ 555 เว่อร์ไปละ แต่มันก็ร้อนจริงๆแหละ >.,< (ตรงส่วนจัดแสดงวิถีชีวิตคนไทยในอดีตจะเป็นหุ่นขี้ผึ้ง(มั้ง)ในชุดไทยโบราณทำท่าทางอิริยาบทต่างๆอยู่ เขาห้ามถ่ายรูปบริเวณแหละ เลยไม่มีรูปบริเวณนี้มาให้ดูกัน) ใต้ถุนเรือนไทยมีการเรียนการสอนการแสดงร่ายรำศิลปะไทย ได้แก่ โขน และ รำไทย
รูปล่าง อันขวาล่างมีตัวไรซ่อนอยู่ใต้ถุนเรือนน่ะ >_< อิอิ
เดินไปเรื่อยๆ จะเจอ………
อุต๊ะ!!! พ่อไกรทองกับชาละวัน วรรณคดีในสมัย ร.2
เดินไปอีกนิดนึงก็จะสุดทาง ติดริมแม่น้ำแม่กลอง ตรงนี้มีร้านกาแฟเล็กๆ เผื่อใครเหนื่อยก็แวะพักกัน หายเหนื่อยก็เดินต่อ อิอิ
ออกจากตรงนี้ไป เราจะไปที่ตลาดน้ำบางน้อยเป็นที่ต่อไป โดยเดินกลับไปที่เดิมจุดที่รถจอด เข้าไปหลบแดดในวัด เลือกมุมร่มๆที่นั่งแล้วสามารถมองเห็นรถที่จะวิ่งมาได้ แล้วก็ขึ้นรถสองแถวใหญ่(รถบรรทุกดัดแปลง อิอิ) ค่ารถคนละ 10 บาท มองหารถสองหรือรถบัสที่เขียนว่าไปบางนกแขวก
(ตรงข้ามอุทยาน ร.2 จะมีกลุ่มร้านค้าเล็กๆ ขายน้ำ ขายของเล่นของฝากเล็กๆน้อยๆ เราก็ไปแวะซื้อน้ำกินแก้ร้อนบวกกับถามคุณน้าผู้หญิงร้านน้ำใจเรื่องรถที่จะไปตลาดน้ำบางน้อย เขาก็ใจดีบอกให้ แถมยังไปถามร้านใกล้ๆเพื่อความชัวร์ให้อีก แล้วก็บอกว่ามีรถบัสสาย 333 ไปถึง ประมาณครึ่งชั่วโมงจะมาคันนึง แต่เราควรเดินกลับไปรอตรงจุดลงรถที่เดิม เพราะหน้าอุทยานเป็นที่โล่งๆไม่มีที่หลบแดดได้เลย ถ้าเรารีบก็นั่งมอไซค์ไปได้ ถามๆเสร็จเราก็นั่งเล่นพักเหนื่อยอีกหน่อย มองไปที่ถนนสายตาก็เหลือบไปเห็นรถบัสที่คุณน้าพูดถึงกำลังวิ่งผ่านไป T^T คุณน้าก็เรียกเราแล้วชี้บอกว่านั่นน่ะ คันนั้นแหละ แทบกรีดร้อง วิ่งไปโบกรถไม่ทัน T^T ฮือออ)
และแล้วเราก็จะถึงจุดหมายต่อไป “ตลาดน้ำบางน้อย” อันนี้รถจะจอดก่อนถึง “วัดเกาะแก้ว” เราก็ลงแล้วก็เดินเลาะรั้วกำแพงวัดไปเรื่อยๆ จนเจอทางเข้าวัด ก็เดินตรงเข้าไปจนสุดทาง จะเริ่มเห็นร้านค้าริมน้ำ
แล้วเราก็สอดส่ายสายตาหาข้าวเที่ยงกิน ร้านที่เราไปกินวันนั้นคือร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำเจ๊สงวน ที่เลือกร้านนี้เพราะเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา เอาง่ายๆว่ากินบรรยากาศนั่งห้อยขากินเตี๋ยวชิวๆริมน้ำ 555 ใกล้ๆกันก็มี “โรตีแต้จิ๋ว” ลักษณะเหมือนปอเปี๊ยะสดแต่ข้างในเป็นถั่วเยอะๆ ลองชิมมาแล้ว....รสชาติเหมือนกระยาสารท >.,< กินเสร็จก็ไปเดินหาของหวานล้างปาก ได้ลูกหม่อนลอยแก้วมาถ้วยนึง นั่งกินริมน้ำอีกแล้ว ก็ตลาดน้ำนี่นา ชิวมากกกกกกพูดเลย แถวนี้ก็มีของฝากด้วยนะ เราว่าตลาดนี้โอเคมากอะ คือคนไม่พลุกพล่านมาก เดินสบายๆเรื่อยๆ เป็นบรรยากาศแบบไม่เร่งรีบ พ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นก็เป็นกันเองดี เป็นชาวบ้านแถวนั้นแหละที่เปิดขายของกัน =]
จบจากที่นี่เราก็เดินกลับไปจุดลงรถที่เดิม ตอนแรกว่าจะไป “ตลาดบางนกแขวก” ต่อ (แอบชอบตลาดที่คนไม่พลุกพล่านมาก ได้อารมณ์ชาวบ้านๆดี เลยอยากไปตลาดบางนกแขวก ถ้าใครอยากไปก็ขึ้นรถสายเดิมจากจุดนี้ พอผ่านหน้า “อาสนวิหารแม่พระบังเกิด” (ก่อนถึงด้านซ้ายมือจะเป็นลานตลาดนัด) รถจะวิ่งข้ามสะพาน ลงสะพานปุ๊บก็ลงรถได้เลย ถึงตลาดบางนกแขวก)
แต่ด้วยเวลาและเหตุผลต่างๆทำให้เราตัดสินใจข้ามไปฝั่งตรงข้ามขึ้นรถสายเดิมกลับไป “ตลาดน้ำอัมพวา” จุดที่ลงรถตรงตลาดอัมพวาจะมีคิวรถตู้ขากลับกรุงเทพฯอยู่ใกล้ๆ เดี๋ยวขากลับเราต้องมาขึ้นรถตู้ที่นี่แหละ พอเราลงจากรถก็ข้ามถนนเข้าไปตรงที่จอดรถมองหาทางเข้า เป็นซอยเล็กๆ เดินเข้าไป โอ้ววววว มาเร็วหน่อยก็ดีไม่เบียดคนเยอะๆ ยิ่งเย็นคนยิ่งเยอะมากกกกก
ชะอุ่ย!!! ไม่ได้ถ่ายรูปตอนคนเยอะๆมาแหละ ดูรูปปลาทูแม่กลองหน้างอคอหักไปก่อนละกัน
แต่ว่าเราก็มีบรรยากาศมาฝากนะ อิอิ
แถมอีกรูปบนสะพาน จุดถ่ายรูปยอดฮิตของอัมพวา แต่นี่เป็นช่วงบ่ายเลยไม่มีแสงไฟสวยๆ
นอกจากตลาดน้ำแล้วอัมพวายังมีบริเวณที่เป็นสวน ซึ่งตรงทางเข้าจะเขียนว่า “อัมพวา ชัยพัฒนานุรักษ์” เดินทะลุตรงเข้าไปเรื่อยๆจะเจอสวนเป็นสวนจริงๆมีท้องร่องมีต้นไม้มีรังมดแดงด้วยแหละ 555 และพิพิธภัณฑ์ “บ้านครูเอื้อ” “พิพิธภัณฑ์เมื่อวันก่อน” อีกด้วยนะ ลองเดินๆดู หาไม่ยาก
[CR] บันทึกความทรงจำจาก "แม่กลอง" ถึง "อัมพวา"
ทริปเที่ยววันเดียวที่สมุทรสงคราม วัดดัง ตลาดร่มหุบ อุทยาน ตลาดน้ำ และที่สำคัญคืองานนี้รถขนส่งสาธารณะล้วนๆจ้า....
จุดประสงค์ของทริปนี้คือไปเที่ยวชิวๆเก็บบรรยากาศ
รอช้าอยู่ไย เข้าประเด็นเลยดีกว่า
V
V
V
จุดตั้งต้นของเราคือศูนย์รวมรถทัวร์และรถตู้ นั่นก็คือ “สายใต้ใหม่” ถนนบรมราชชนนี นั่นเอง พอมาถึงเราก็ไปซื้อตั๋วรถตู้ที่คิวรถตู้ด้านนอกอาคาร ซึ่งคิวรถตู้ไปแม่กลองคือรถตู้สาย 996 เป็นรถกรุงเทพฯ-ดำเนินสะดวก (ค่ารถคนละ 60 บาท) ตอนแรกเราว่าจะนั่งรถทัวร์ไปแหละ แต่เขาบอกว่าไม่มีรถทัวร์วิ่งเส้นนี้แล้ว มีแต่รถตู้
ไม่ต้องกังวลว่าจะหาคิวรถตู้ไม่เจอ แค่ทำท่ามองๆหานิดหน่อยแถวจุดขายตั๋วของที่ไหนก็ได้ ก็จะมีคนเข้ามานำเสนอว่าไปไหน แล้วเขาจะบอกเราเองว่าเราต้องไปขึ้นรถที่ไหน อิอิ ถ้าไม่มีใครเข้ามาถามก็อย่าเสียใจไป เดินเข้าไปถามเถอะจ้า อย่าไปกลัว ลุย!!!
เดินไปหาคนขายตั๋วก็บอกเขาว่า “ไปแม่กลองค่ะ” (รถตู้คันนี้ไปถึงอัมพวาเลย ถ้าใครอยากไปอัมพวาโดยตรงก็บอกเขาว่าไปอัมพวา) แล้วก็อย่าลืมถามเวลารถออกด้วยล่ะ ตอนที่เราไปคือเราไปรอรถเที่ยว 8.00 น. พอซื้อตั๋วรถเสร็จ ด้วยอารมณ์หิวๆ ใกล้ๆทางด้านซ้ายมือมีเซเว่น ด้านขวามือมีที่นั่งเยอะๆ คล้ายๆโรงอาหาร ก็ซื้อจากเซเว่นไปนั่งกินตรงนั้นแหละ =] (ถ้าไม่หิวมาก ก็รองท้องไปหน่อยนึงหรือไม่กินก็ได้ เพราะเราจะผ่านตลาดแม่กลอง ซึ่งมีของกินเยอะแยะอยู่แล้ว)
ถึงเวลาขึ้นรถ ก็เดินไปขึ้นรถได้เลย หาที่นั่งเหมาะๆสำหรับดูทางไปเรื่อยๆ ไม่ก็เอียงคอพิงคนข้างๆหลับไป 555 พอรถวิ่งแยกออกจากถนนพระราม 2 (ธนบุรี-ปากท่อ) เข้ามาที่ตัวเมืองแม่กลอง รถจะตรงมาเรื่อยๆจนมาถึงแยกหน้าตลาดที่เห็นมี ธ.ไทยพาณิชย์อยู่ตรงมุม ก็ลงรถตรงแยกนี้ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ
มาแวะดูแผนที่กันหน่อย จะเห็นว่า “วัดเพชรสมุทรวรวิหาร” หรือ “วัดหลวงพ่อบ้านแหลม” วัดดังของแม่กลอง อยู่ไม่ไกล เดินไปได้ เอาล่ะ ไปได้!!! จากจุดที่เราลงรถ มองไปทางซ้ายจะเจอถนนประสิทธิ์พัฒนา ถนนเส้นนี้มีของขายเรียงรายเยอะมาก เรียกง่ายๆว่า ตลาด นั่นแหละ มีของกินหายากอย่างถุงทองด้วยนะ (รูปขวาล่าง) >.,< แฮ่ ของกินเยอะมากกกกกกก
เดินตรงไปเรื่อยๆ จนถึงทางแยกจะเห็น ธ.กรุงไทยอยู่ทางขวา ฝั่งตรงข้ามจะเห็นโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เราก็เลี้ยวขวาตรงแยกนั้น
เดินไปเรื่อยๆ (เดินระวังหน่อยนะคะ บริเวณนี้รถเยอะมาก) เราก็จะเจอ........สถานีรถไฟ “สถานีแม่กลอง” อยู่ทางด้านซ้ายมือ และแล้ว แท่นแท้นนนนน ด้านขวามือก็คือ “ตลาดร่มหุบ” (ใครจะแวะตลาดนี้เพื่อดูร่มหุบควรตรวจสอบตารางเดินรถไฟดีๆ ไม่งั้นจะอดเห็นร่มหุบแบบเรา T^T) ตลาดนี้เป็นตลาดสด ซึ่งจะมีอาหารทะเลสดเยอะแยะ มีปลาทูหน้างอคอหักของขึ้นชื่อของแม่กลอง ก็แวะดูของซื้อของถ่ายรูปนิดหน่อย
ไม่ไกลกันมากจะเห็นตึกแถวตรงหัวมุมถนนที่มีร้านข้าวมันไก่ร้านนึงที่มีคนเยอะมาก สิ่งที่ทำให้เราแอบแปลกใจคือ ป้ายที่เขียนไว้ว่า “โรงแรมไทยสวัสดี” ไม่รู้ว่ายังเป็นโรงแรมอยู่หรือเปล่า ดูมีกลิ่นอายของอดีตดีนะ ด้านในร้านนอกจากจะขายข้าวมันไก่แล้ว ยังเป็นตู้โชว์เหล้ามากมายหลายชนิดอีกด้วยนะ >.,<
และแล้วในที่สุดเราก็เดินมาจนถึงจุดตัดระหว่างถนนเพชรสมุทรกับถนนศรีจำปา เราก็จะเห็น ”วัดเพชรสมุทรวรวิหาร” ข้างในมีร้านค้านิดหน่อยระหว่างทางเข้า (สิ่งที่สังเกตเห็นคือ ที่นี่มีขายผัดน้ำพริกอยู่หลายร้านมาก โดยเฉพาะผัดน้ำพริกปลาทู อีกอย่างคือ มะยมเสียบไม้
ก็ไปแวะกราบสักการะหลวงพ่อวัดบ้านแหลมที่โด่งดังของที่นี่
นอกจากนี้วัดนี้ยังเป็นวัดที่มีพระ เทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย ทั้งพุทธทั้งจีนทั้งพราหมณ์ ไม่ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้า พระพุทธรูปปางต่างๆ พระสังกัจจาย พระศิวะ แม่ตะเคียน ซึ่งจะมีกล่องทำบุญและป้ายเขียนไว้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ นำมาซึ่งความโชคดีด้านใดบ้าง และแล้วสิ่งที่สะดุดตาคือ “เทพทันใจ” รีบปรี่เข้าไปอธิษฐานขอพรทันที 555 (ต้องเอาหน้าผากเราไปจิ้มกับนิ้วชี้ของเทพด้วยนะ) (รูปขวาบน)
ต่อไป เราจะเดินทางไปยัง “อุทยาน ร.2” ก่อนอื่น เราก็ต้องเดินไปหารถสองแถว ออกจากวัดข้ามถนนเดินเลาะที่จอดรถไปทางขวาไปเรื่อยๆจนถึงหัวมุมถนนก็เลี้ยวซ้าย เดินไปอีกไม่ไกล จะเจอซอยทางขวามือ ก็ข้ามถนนเข้าซอยนั้นไป เดินไปอีกไม่ไกลจะเจอคิวรถสองแถว(กระบะ) อยู่ใกล้ๆกับ ธ.ธนชาต ก็ขึ้นรถสองแถว(กระบะ) สาย 333 ค่ารถคนละ 8 บาท ไปลงโรงเจ
(จริงๆมีรถบัสแบบรถเมล์ร้อนตามต่างจังหวัด วิ่งผ่านอัมพวา , อุทยาน ร.2 , ตลาดน้ำบางน้อย , ตลาดบางนกแขวกด้วยนะ แต่เราหาไม่เจอว่ารถบัสจอดตรงไหน สายรถบัสก็คือ 333 เหมือนกับรถสองแถว(กระบะ)นั่นแหละ เห็นเขาว่าครึ่งชั่วโมงจะวิ่งผ่านไปคันนึง)
จุดสังเกตลงรถคือรถจะผ่านตลาดน้ำอัมพวาไปนิดนึงแล้วจอดแถวๆหน้า ”วัดอัมพวันเจติยาราม” หลังจากนั้นรถจะเลี้ยวขวาไป (ถ้าเป็นรถบัสจะตรงไปเราลงหน้าอุทยานได้เลย) เราต้องเดินไปอีกนิดนึงก็จะเจอ “อุทยาน ร.2” เสียค่าเข้าชมคนละ 30 บาท ในนี้มีจักรยานให้เช่าด้วย ชั่วโมงละ 40 บาท แต่เราไม่ได้เช่าเพราะคิดว่าอุทยานกว้างในขนาดที่เราพอเดินไหว และเราก็อยากเดินเล่นเรื่อยๆ (แต่ก็แอบร้อนนะ ควรพกร่มหรือหมวกไปด้วยจะช่วยบังแดดที่แผดเผาได้เยอะเลย)
ด้านในอุทยานจะมีพิพิธภัณฑ์ขนมไทย มีเรือนไทยจัดแสดงแผนที่ชุมชนริมน้ำและจุดสำคัญของจังหวัดสมุทรสงครามและมีจัดแสดงวิถีชีวิตคนไทยในอดีต ขอเตือนอย่างนึงคือชานเรือนไทยร้อนมากๆเพราะมีแดดแรงๆส่องพื้น คุณจะต้องสวมบทบาทเป็นผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดิน ไม่งั้นเท้าคุณอาจจะไหม้เกรียมจนผิวลอกเป็นแผ่นๆได้ 555 เว่อร์ไปละ แต่มันก็ร้อนจริงๆแหละ >.,< (ตรงส่วนจัดแสดงวิถีชีวิตคนไทยในอดีตจะเป็นหุ่นขี้ผึ้ง(มั้ง)ในชุดไทยโบราณทำท่าทางอิริยาบทต่างๆอยู่ เขาห้ามถ่ายรูปบริเวณแหละ เลยไม่มีรูปบริเวณนี้มาให้ดูกัน) ใต้ถุนเรือนไทยมีการเรียนการสอนการแสดงร่ายรำศิลปะไทย ได้แก่ โขน และ รำไทย
รูปล่าง อันขวาล่างมีตัวไรซ่อนอยู่ใต้ถุนเรือนน่ะ >_< อิอิ
เดินไปเรื่อยๆ จะเจอ………
อุต๊ะ!!! พ่อไกรทองกับชาละวัน วรรณคดีในสมัย ร.2
เดินไปอีกนิดนึงก็จะสุดทาง ติดริมแม่น้ำแม่กลอง ตรงนี้มีร้านกาแฟเล็กๆ เผื่อใครเหนื่อยก็แวะพักกัน หายเหนื่อยก็เดินต่อ อิอิ
ออกจากตรงนี้ไป เราจะไปที่ตลาดน้ำบางน้อยเป็นที่ต่อไป โดยเดินกลับไปที่เดิมจุดที่รถจอด เข้าไปหลบแดดในวัด เลือกมุมร่มๆที่นั่งแล้วสามารถมองเห็นรถที่จะวิ่งมาได้ แล้วก็ขึ้นรถสองแถวใหญ่(รถบรรทุกดัดแปลง อิอิ) ค่ารถคนละ 10 บาท มองหารถสองหรือรถบัสที่เขียนว่าไปบางนกแขวก
(ตรงข้ามอุทยาน ร.2 จะมีกลุ่มร้านค้าเล็กๆ ขายน้ำ ขายของเล่นของฝากเล็กๆน้อยๆ เราก็ไปแวะซื้อน้ำกินแก้ร้อนบวกกับถามคุณน้าผู้หญิงร้านน้ำใจเรื่องรถที่จะไปตลาดน้ำบางน้อย เขาก็ใจดีบอกให้ แถมยังไปถามร้านใกล้ๆเพื่อความชัวร์ให้อีก แล้วก็บอกว่ามีรถบัสสาย 333 ไปถึง ประมาณครึ่งชั่วโมงจะมาคันนึง แต่เราควรเดินกลับไปรอตรงจุดลงรถที่เดิม เพราะหน้าอุทยานเป็นที่โล่งๆไม่มีที่หลบแดดได้เลย ถ้าเรารีบก็นั่งมอไซค์ไปได้ ถามๆเสร็จเราก็นั่งเล่นพักเหนื่อยอีกหน่อย มองไปที่ถนนสายตาก็เหลือบไปเห็นรถบัสที่คุณน้าพูดถึงกำลังวิ่งผ่านไป T^T คุณน้าก็เรียกเราแล้วชี้บอกว่านั่นน่ะ คันนั้นแหละ แทบกรีดร้อง วิ่งไปโบกรถไม่ทัน T^T ฮือออ)
และแล้วเราก็จะถึงจุดหมายต่อไป “ตลาดน้ำบางน้อย” อันนี้รถจะจอดก่อนถึง “วัดเกาะแก้ว” เราก็ลงแล้วก็เดินเลาะรั้วกำแพงวัดไปเรื่อยๆ จนเจอทางเข้าวัด ก็เดินตรงเข้าไปจนสุดทาง จะเริ่มเห็นร้านค้าริมน้ำ
แล้วเราก็สอดส่ายสายตาหาข้าวเที่ยงกิน ร้านที่เราไปกินวันนั้นคือร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำเจ๊สงวน ที่เลือกร้านนี้เพราะเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา เอาง่ายๆว่ากินบรรยากาศนั่งห้อยขากินเตี๋ยวชิวๆริมน้ำ 555 ใกล้ๆกันก็มี “โรตีแต้จิ๋ว” ลักษณะเหมือนปอเปี๊ยะสดแต่ข้างในเป็นถั่วเยอะๆ ลองชิมมาแล้ว....รสชาติเหมือนกระยาสารท >.,< กินเสร็จก็ไปเดินหาของหวานล้างปาก ได้ลูกหม่อนลอยแก้วมาถ้วยนึง นั่งกินริมน้ำอีกแล้ว ก็ตลาดน้ำนี่นา ชิวมากกกกกกพูดเลย แถวนี้ก็มีของฝากด้วยนะ เราว่าตลาดนี้โอเคมากอะ คือคนไม่พลุกพล่านมาก เดินสบายๆเรื่อยๆ เป็นบรรยากาศแบบไม่เร่งรีบ พ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นก็เป็นกันเองดี เป็นชาวบ้านแถวนั้นแหละที่เปิดขายของกัน =]
จบจากที่นี่เราก็เดินกลับไปจุดลงรถที่เดิม ตอนแรกว่าจะไป “ตลาดบางนกแขวก” ต่อ (แอบชอบตลาดที่คนไม่พลุกพล่านมาก ได้อารมณ์ชาวบ้านๆดี เลยอยากไปตลาดบางนกแขวก ถ้าใครอยากไปก็ขึ้นรถสายเดิมจากจุดนี้ พอผ่านหน้า “อาสนวิหารแม่พระบังเกิด” (ก่อนถึงด้านซ้ายมือจะเป็นลานตลาดนัด) รถจะวิ่งข้ามสะพาน ลงสะพานปุ๊บก็ลงรถได้เลย ถึงตลาดบางนกแขวก)
แต่ด้วยเวลาและเหตุผลต่างๆทำให้เราตัดสินใจข้ามไปฝั่งตรงข้ามขึ้นรถสายเดิมกลับไป “ตลาดน้ำอัมพวา” จุดที่ลงรถตรงตลาดอัมพวาจะมีคิวรถตู้ขากลับกรุงเทพฯอยู่ใกล้ๆ เดี๋ยวขากลับเราต้องมาขึ้นรถตู้ที่นี่แหละ พอเราลงจากรถก็ข้ามถนนเข้าไปตรงที่จอดรถมองหาทางเข้า เป็นซอยเล็กๆ เดินเข้าไป โอ้ววววว มาเร็วหน่อยก็ดีไม่เบียดคนเยอะๆ ยิ่งเย็นคนยิ่งเยอะมากกกกก
ชะอุ่ย!!! ไม่ได้ถ่ายรูปตอนคนเยอะๆมาแหละ ดูรูปปลาทูแม่กลองหน้างอคอหักไปก่อนละกัน
แต่ว่าเราก็มีบรรยากาศมาฝากนะ อิอิ
แถมอีกรูปบนสะพาน จุดถ่ายรูปยอดฮิตของอัมพวา แต่นี่เป็นช่วงบ่ายเลยไม่มีแสงไฟสวยๆ
นอกจากตลาดน้ำแล้วอัมพวายังมีบริเวณที่เป็นสวน ซึ่งตรงทางเข้าจะเขียนว่า “อัมพวา ชัยพัฒนานุรักษ์” เดินทะลุตรงเข้าไปเรื่อยๆจะเจอสวนเป็นสวนจริงๆมีท้องร่องมีต้นไม้มีรังมดแดงด้วยแหละ 555 และพิพิธภัณฑ์ “บ้านครูเอื้อ” “พิพิธภัณฑ์เมื่อวันก่อน” อีกด้วยนะ ลองเดินๆดู หาไม่ยาก