11 สิงหาคม 2557 วันแห่งการสูญเสีย กับเหตุการณ์อาคารคอนโดมิเนียมยูเพลสสูง 6 ชั้น ย่านคลอง 6 ปทุมธานี ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างพังถล่มมีแรงงานติดอยู่ใต้อาคารกว่า 33 คน เหตุครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ท่ามกลางการรอคอยของญาติพี่น้องผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตเสียงร้องไห้ คราบน้ำตาที่แปะเปื้อนใบหน้า บางคนถือผ้าขนหนูซับน้ำตาตั้งความหวังว่าจะได้พบคนที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารอีกครั้ง เวลาล่วงผ่านไปเจ้าหน้าที่ค่อย ๆ รื้อซากอาคารออกทีละนิดทีละหน่อย ใช้กำลังคน เครื่องจักรที่ได้รับการสนับสนุนมาจากหน่วยงานต่าง ๆ ซากอาคารเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความยากลำบากที่จะนำตัวผู้ที่ติดอยู่ใต้อาคารออกมา
กล้าณรงค์ ปราบภัย หรือปอม แรงงานชาวบุรีรัมย์ที่เดินทางมาทำงานก่อสร้างอาคารแห่งนี้ เขาเป็น 1 ใน 33 คนที่ถูกซากปรักหักพังของอาคารทับถมและเป็นผู้รอดชีวิตที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยออกมาจากซากอาคารเมื่อหัวค่ำ วันที่ 12 สิงหาคม 2557 ซึ่งใช้เวลากว่า 26 ชั่วโมงในการช่วยเหลือ
"ผมนอนหลับอยู่ชั้นล่างสุด อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดัง ครึ้ม....จากนั้นอาคารก็ถล่มลงมาทั้งหมดทำให้ผมกระดิกตัวไม่ได้ เพราะแผ่นปูนขนาดใหญ่ทับไว้ ช่วงเวลานั้นผมรู้สึกตัวทุกอย่าง คิดว่าตัวเองไม่มีชีวิตรอดแน่ๆ มีเพื่อนอายุ 17 ปี 2 คนนอนเสียชีวิตอยู่ข้าง ๆ ผมได้แต่นอนเจ็บปวดอยู่ใต้ซากอาคารไม่รู้วันรู้เวลา ผมได้ยินคนเรียกตลอดเวลาว่า ลุงผ่าน ลุงผ่าน เรียกแล้วเรียกอีก ซึ่งไม่รู้ว่าเขาเรียกใครผมจึงขานรับเพื่อให้เขาได้ยินเสียงของผม เขาเรียกผมรับรู้หมดทุกอย่าง ผมบอกเขาว่าใกล้หมดแรงแล้ว เขาจึงให้ผมนอนพักแม้แต่เขานำไฟฉายส่องเข้าไปแล้วถามว่าเห็นแสงไฟมั้ย??? ผมบอกไม่เห็น ได้ยินแต่เสียงอะไรไม่รู้เต็มไปหมด ตอนเขาใช้เครื่องเจาะเข้าไปลึก ๆแล้วนำไฟฉายส่องเข้ามาหาผมอีกครั้งผมจึงเห็นแสงไฟ เขาเห็นผมและพยายามนำน้ำยื่นมาให้กินโดยการต่อสายยางลงไป"
"ผมหิวมา พยายามดิ้นก็ดิ้นไม่ได้เพราะแผ่นปูนทับห่างจากหน้าผมไม่ถึงนิ้ว นอกจากนี้แล้วยังมีคนอื่นอีกประมาณ 5 คนที่อยู่ด้วยกัน ก่อนเกิดเหตุทุกคนนอนหลับห่าง ๆ กันผมนึกถึงทุกคน นึกถึงลูก เมีย แม่ มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ต้องช่วยผมได้แน่ ๆ ไม่คาดว่าจะรอดได้ อยากขอบคุณทุกคนที่ไปช่วย ทั้งกู้ภัย ทหาร ที่คอยตะโกนถามตลอด เขาบอกให้นอน ผมก็นอนหลับผมได้ยินเสียงเขาตะโกนบอกว่ากำลังจะเข้าไปช่วยนะ...... หลังออกจากที่เขาช่วยผมออกมาได้ผมเป็นลมเลยครับหากเขาช่วยไม่ทันต้องตายแน่ ๆ โชคดีที่เขาช่วยออกมาได้ มีอาการบาดเจ็บตรงสะโพกและไหล่เท่านั้น ผมได้เห็นหน้าแม่แล้วดีใจมาก ๆ นาทีนี้ไม่ต้องการเรียกร้องอะไร
รอดออกมาก็ดีแล้ว "
"รู้สึกเป็นห่วงเขามากไม่อยากให้เขาเจ็บ อยากให้คนเจ็บเป็นเรา แม่ไม่รู้ว่าตึกถล่มมีคนโทรไปบอกว่า ปอม ติดอยู่ในอาคาร แม่ก็เดินทางจาก จ.ชลบุรีไปที่เกิดเหตุทันที ตำรวจบอกว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ผ่านไป 1 วันยังช่วยเขาออกมาไม่ได้ แม่ก็จุดธูปขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองเขา ขอให้เขามีลมหายใจ พอเขานำตัวออกมาแม่ก็รับเข้าไปจับตัวเขาทันที อยากรู้ว่าเขาปลอดภัยมั้ย ได้แต่เรียกว่า นี่แม่นะ นายๆๆๆ นี่แม่นะ เขาก็ไม่รู้สึก แม่ก็ดึงมือเขาไว้รู้สึกดีใจที่เขาปลอดภัย จากนี้ไปขอให้แม่เป็นคนเจ็บแทน อย่าให้เขาเป็นอะไร เขายังมีอนาคตอีกไกล ให้เขาได้ดูแลลูก ครอบครัวเขา ดูน้อง เขายังแข็งแรงนับเป็นความโชคร้ายบนความโชคดีที่เขารอด เหมือนเขาเกิดใหม่ คนที่มาจากบุรีรัมย์ด้วยกันเสียชีวิตเกือบหมดอยากขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ช่วยลูกออกมา ถ้ามีโอกาสตอบแทนก็จะตอบแทน แม้ชีวิตจะยากดีมีจน ไม่คิดว่าจะเจอสิ่งเลวร้ายแบบนี้ เชื่อมั้ยว่าแม่เป็นคนเมารถง่าย มีโรคประจำตัว ลืมทุกสิ่งทุกอย่างคิดถึงแต่เขา ในมือมีกระดาษแค่ใบเดียว ที่มีคนเขียนให้ว่าตึกถล่มอยู่ตรงไหน แม่ดูไม่รู้เรื่อง เขาถามว่าจะไปไหนก็ยื่นให้เขาดู วันแม่ปีนี้เป็นวันที่ทุกข์มากที่เกือบเสียลูกไปนี่เป็นบทเรียนในชีวิต"ประทีพ อรุณศรี แม่ของกล้าณรงค์เล่า
เรื่อง: วัชรา ตาคำ
นาทีชีวิต "กล้าณรงค์ ปราบภัย" ตึกยูเพลสคอนโดถล่มทับ
กล้าณรงค์ ปราบภัย หรือปอม แรงงานชาวบุรีรัมย์ที่เดินทางมาทำงานก่อสร้างอาคารแห่งนี้ เขาเป็น 1 ใน 33 คนที่ถูกซากปรักหักพังของอาคารทับถมและเป็นผู้รอดชีวิตที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยออกมาจากซากอาคารเมื่อหัวค่ำ วันที่ 12 สิงหาคม 2557 ซึ่งใช้เวลากว่า 26 ชั่วโมงในการช่วยเหลือ
"ผมนอนหลับอยู่ชั้นล่างสุด อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดัง ครึ้ม....จากนั้นอาคารก็ถล่มลงมาทั้งหมดทำให้ผมกระดิกตัวไม่ได้ เพราะแผ่นปูนขนาดใหญ่ทับไว้ ช่วงเวลานั้นผมรู้สึกตัวทุกอย่าง คิดว่าตัวเองไม่มีชีวิตรอดแน่ๆ มีเพื่อนอายุ 17 ปี 2 คนนอนเสียชีวิตอยู่ข้าง ๆ ผมได้แต่นอนเจ็บปวดอยู่ใต้ซากอาคารไม่รู้วันรู้เวลา ผมได้ยินคนเรียกตลอดเวลาว่า ลุงผ่าน ลุงผ่าน เรียกแล้วเรียกอีก ซึ่งไม่รู้ว่าเขาเรียกใครผมจึงขานรับเพื่อให้เขาได้ยินเสียงของผม เขาเรียกผมรับรู้หมดทุกอย่าง ผมบอกเขาว่าใกล้หมดแรงแล้ว เขาจึงให้ผมนอนพักแม้แต่เขานำไฟฉายส่องเข้าไปแล้วถามว่าเห็นแสงไฟมั้ย??? ผมบอกไม่เห็น ได้ยินแต่เสียงอะไรไม่รู้เต็มไปหมด ตอนเขาใช้เครื่องเจาะเข้าไปลึก ๆแล้วนำไฟฉายส่องเข้ามาหาผมอีกครั้งผมจึงเห็นแสงไฟ เขาเห็นผมและพยายามนำน้ำยื่นมาให้กินโดยการต่อสายยางลงไป"
"ผมหิวมา พยายามดิ้นก็ดิ้นไม่ได้เพราะแผ่นปูนทับห่างจากหน้าผมไม่ถึงนิ้ว นอกจากนี้แล้วยังมีคนอื่นอีกประมาณ 5 คนที่อยู่ด้วยกัน ก่อนเกิดเหตุทุกคนนอนหลับห่าง ๆ กันผมนึกถึงทุกคน นึกถึงลูก เมีย แม่ มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ต้องช่วยผมได้แน่ ๆ ไม่คาดว่าจะรอดได้ อยากขอบคุณทุกคนที่ไปช่วย ทั้งกู้ภัย ทหาร ที่คอยตะโกนถามตลอด เขาบอกให้นอน ผมก็นอนหลับผมได้ยินเสียงเขาตะโกนบอกว่ากำลังจะเข้าไปช่วยนะ...... หลังออกจากที่เขาช่วยผมออกมาได้ผมเป็นลมเลยครับหากเขาช่วยไม่ทันต้องตายแน่ ๆ โชคดีที่เขาช่วยออกมาได้ มีอาการบาดเจ็บตรงสะโพกและไหล่เท่านั้น ผมได้เห็นหน้าแม่แล้วดีใจมาก ๆ นาทีนี้ไม่ต้องการเรียกร้องอะไร
รอดออกมาก็ดีแล้ว "
"รู้สึกเป็นห่วงเขามากไม่อยากให้เขาเจ็บ อยากให้คนเจ็บเป็นเรา แม่ไม่รู้ว่าตึกถล่มมีคนโทรไปบอกว่า ปอม ติดอยู่ในอาคาร แม่ก็เดินทางจาก จ.ชลบุรีไปที่เกิดเหตุทันที ตำรวจบอกว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ผ่านไป 1 วันยังช่วยเขาออกมาไม่ได้ แม่ก็จุดธูปขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองเขา ขอให้เขามีลมหายใจ พอเขานำตัวออกมาแม่ก็รับเข้าไปจับตัวเขาทันที อยากรู้ว่าเขาปลอดภัยมั้ย ได้แต่เรียกว่า นี่แม่นะ นายๆๆๆ นี่แม่นะ เขาก็ไม่รู้สึก แม่ก็ดึงมือเขาไว้รู้สึกดีใจที่เขาปลอดภัย จากนี้ไปขอให้แม่เป็นคนเจ็บแทน อย่าให้เขาเป็นอะไร เขายังมีอนาคตอีกไกล ให้เขาได้ดูแลลูก ครอบครัวเขา ดูน้อง เขายังแข็งแรงนับเป็นความโชคร้ายบนความโชคดีที่เขารอด เหมือนเขาเกิดใหม่ คนที่มาจากบุรีรัมย์ด้วยกันเสียชีวิตเกือบหมดอยากขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ช่วยลูกออกมา ถ้ามีโอกาสตอบแทนก็จะตอบแทน แม้ชีวิตจะยากดีมีจน ไม่คิดว่าจะเจอสิ่งเลวร้ายแบบนี้ เชื่อมั้ยว่าแม่เป็นคนเมารถง่าย มีโรคประจำตัว ลืมทุกสิ่งทุกอย่างคิดถึงแต่เขา ในมือมีกระดาษแค่ใบเดียว ที่มีคนเขียนให้ว่าตึกถล่มอยู่ตรงไหน แม่ดูไม่รู้เรื่อง เขาถามว่าจะไปไหนก็ยื่นให้เขาดู วันแม่ปีนี้เป็นวันที่ทุกข์มากที่เกือบเสียลูกไปนี่เป็นบทเรียนในชีวิต"ประทีพ อรุณศรี แม่ของกล้าณรงค์เล่า
เรื่อง: วัชรา ตาคำ