เสียใจที่ไว้ใจคน ผิดเองที่โลกสวย

สวัสดีคะ..  เพิ่งตั้งกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกนะคะ   แท๊กผิดห้องยังไง   ต้องขออภัยด้วยนะคะ

เนื้อเรื่องอาจยืดยาวไปหน่อย  แต่อยากบรรยายให้คนอ่านได้เข้าใจคะ

ขอเริ่มเรื่องเลยนะคะ..  ก่อนเราถึงเนื้อหา เราขอท้าวความ  เนื้อเรื่องก่อนนะคะ (เพื่อความเข้าใจ)

เรื่องมีอยู่ว่า..  คุณอาของเรา อายุประมาณ 60 กว่า  เค้าอ่านหนังสือไม่ออก  เวลาคนในบ้านญาติพี่น้องให้เซนต์อะไรเค้าก็จะเซนต์

โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องไม่รู้เรื่องว่าเซนต์อะไรไป  เรื่องของเรื่องคือ..  น้องสาวมาให้เซนต์เอกสารค้ำ เพื่อไปเช่าซื้อรถยนต์ตอนไหน  

ไม่มีใครทราบคะ  แม้กระทั้งเจ้าตัวยังไม่รู้เลยว่าเซนต์ไปเมื่อไหร่Facepalm

ปล.. ด้วยความที่เราไม่รู้  เราเลยสงสัยว่าเวลาทำสัญญา  เค้าต้องไปเซนต์ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ไม่ใช่หรอ???  แล้วทำไม???

ไฟแนนซ์ถึงยอมให้เอาเอกสารมาเซนต์ที่บ้านได้ (อันนี้เราสงสัยจริงๆ)  เรื่องเอกสารเซนต์ไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว

แต่..  เรื่องเพิ่งมาแดงเมื่อประมาณ 3-4 เดือนที่แล้ว  เพราะว่า  คนซื้อรถไม่ผ่อนส่งค่ารถ  จากที่ไฟแนนซ์บอก 7 งวด

ไฟแนนซ์มาตามที่บ้านเรา  มาตามกับคนค้ำคืออาของเรา  เพราะเค้าบอกว่าไม่สามารถติดต่อกับผู้เช่าซื้อได้

พอดีวันนั้นเราอยู่บ้านพอดีเราเลยได้รู้เรื่อง  และได้ติดต่อกับไฟแนนซ์มาตลอด  ส่วนทางเราก้พยายามติดต่อกับคนใช้รถ

ว่ารถอยู่ที่ไหน  ถ้าไม่ส่ง  ไม่ใช้แล้ว  เอารถมาคืนไฟแนนซ์เถอะ!!  เรื่องจะได้จบๆไป  

ปล.. เราสอบถามกับหลายๆคน เค้าบอกว่าถ้าคืนรถ ไฟแนนซ์เอารถไปตีราคา  ถ้าไม่พอเราต้องมาจ่ายส่วนต่างอีก

แต่ทางบ้านเราทำใจคะ  ยอมจ่ายส่วนต่างแต่ขอให้เรื่องจบ  เพราะไม่อยากให้เรื่องถึงขั้นศาล  แล้วฟ้องบังคับคดี

เพราะอาเราที่เป็นคนค้ำ  เค้ามีหลักทรัพย์ คือบ้านพร้อมที่ดิน  คือกลัวถูกฟ้องแล้วยึดทรัพย์อ่ะคะ ถึงเวลานั้น

อาม่าเราอายุเกือบ 90 คงช็อก!! เม่าตาสว่าง

ล่าสุด!!  เมื่อไม่นามานี้  เราพอรู้มาว่า  รถคันนี้  คนใช้ได้เอาไปจำนำไว้กับอีกคนหนึ่ง  จำนวนเงิน  40,000 บาท

แต่เค้าไม่ยอมบอกว่ากับใคร  คือถ้าจะเอารถต้องเอาเงิน  ไปให้เค้าแล้วเค้าจะไปเอารถออกมาคืนให้  เพื่อให้ทางเราไปคืน

แต่ทางอาเราบอกอย่าให้ไปคะ  เพราะกลัวเงินไม่ถึงคนรับจำนำ  กลัวเสียให้ไปแล้วไม่ได้อะไร  อยากขอติดต่อกับทางผู้รับ

จำนำเพื่อนัดคือเงินเองมากกว่า  (เพื่อความสบายใจอ่ะคะ)  แต่ทางผู้ซื้อก็ไม่ให้เบอร์ติดต่อคะ  บอกแค่ว่าเดี๋ยวจัดการเอง

แค่ให้เอาเงินให้  ทางเราจึงไม่ยอม  เรื่องราวก็เงียบผ่านไปได้ระยะนึง  ทางเราก้ไม่ได้ติดตามอะไร  

เพราะไม่รู้จะไปติดตามที่ไหน  ได้แต่ติดต่อกับทางไฟแนนซ์  ไฟแนนซ์ก็ถามแต่ว่ารถอยู่ที่ไหน  เราตอบได้แค่ว่าเราไม่รู้จริงๆ

จนวันนึงเราปรึกษากับทางบ้านว่า..  เราจะทำเรื่องกู้เงินจากธนาคารเพื่อนำไปใช้หนี้ที่ไฟแนนซ์  ตอนนั้นเราทำเรื่องกู้กับ

ธนาคารแห่งหนึ่ง  โดยที่เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง  แต่รายได้ก็ไม่ได้มากมายอะไร  เราให้ทางอาค้ำให้คะ

เพราะอามีหลักทรัพย์  แต่ทางธนาคารบอกว่าอาเราออายุเกิน 60 แล้วทำไม่ได้  ให้ใช้บ้านค้ำแทน  ก็ตกลงทำคะ

แต่รอมาเป็นเดือนๆ  ทางสำนักงานใหญ่ก็โทรมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม  แต่ปรากฎว่า..  ผลออกมาคือไม่ผ่าน

เพราะธนาคารบอกว่าทรัพย์จะต้องเป็นของผู้กู้  พอทราบผลก็โอเคไม่ผ่าน  หาทางออกใหม่  อยู่ๆมาวันนึง

มีผู้หญิงคนนึงโทรศัพท์มาหาเรา  ถามว่าเราใช่หลานนาง A มั้ย  เราบอกว่าใช่คะ  เค้าก็เราเรื่องราวให้เราฟัง

ว่านาง A  ได้เอารถไปจำนำอยู่กับเค้า  บอกยอดมาเท่านั้นเท่านี้  พูดรายละเอียดถูกหมดว่าเรื่องที่ว่าเราจะช่วย

กำลังกูเแบงค์อยู่  เราจึงเปิดใจคุยกับเค้า  เพราะตอนแรกเราก็ไม่กล้าคุย  ไม่รู้ว่าเค้าคือใคร  เราถึงถามเค้า

เรื่องยอดเงินที่ติดทั้งหมดเท่าไหร่  เค้าแจ้งมาว่า  ยอดห้าหมื่นกว่าบาท  เดี๋ยวเราขอไปบอกกับอาก่อน

แล้วเราจะติดต่อกลับ  ตกเย็นวันนั้นเราเลิกงานมาเราก็กลับไปปรึกษาที่บ้าน  แล้วก็โทรไปคุยกับเค้าคืนนั้นเลย

ว่าเราจะเอาเงินไปคืนให้  เรานัดสถานที่กับเค้า  แล้วเราก็บอกว่าให้เค้าเอารถมาคืนเราเลย

เดี๋ยวเราจะเอารถคืนให้ไฟแนนซ์เรื่องราวจะได้จบๆไป  แต่.. ไฮไลท์ของเรื่องมันอยู่ตั้งแต่ตรงนี้คะ

พอเราตกลงใช้หนี้กับทางฝ่ายผู้รับจำนำรถไป  แล้วเราบอกว่าเราจะคืนรถให้ทางไฟแนนซ์ไปเลย  เพราะทางบ้านเรา

ไม่มีใครใช้  เค้าก็บอกว่าถ้าคืนรถให้ไฟแนนซ์  จะไม่จบนะ  เดี๋ยวต้องมีค่านั่น ค่านี่ จิปาถะ  (ซึ่งทางเราก็รู้และยอมรับ)

เค้าพูดออกมาว่า..  เอางี้มั้ย!!  เดี๋ยวพี่หาคนซื้อต่อในราคา  ยอดปิดไฟแนนซ์ให้  บางที่เราอาจได้มากกว่าด้วย  

หรือเดี๋ยวจะคุยกับแฟนให้  ว่าจะรับซื้อต่อไว้ใช้เอง  เราจะได้ไม่เสียส่วนต่าง  เพราะเค้าบอกเค้าทำเต้นรถมือสองอยู่แล้ว

เราก็เลยเห็นว่าเออ..  ดีเหมือนกันถ้าเค้าจะช่วยโดยการรับซื้อไว้ต่อ  ในราคาปิดยอดกับไฟแนนซ์  คือแสนหมื่นบาท

เราเลยพูดไปว่าเราไม่ต้องการอะไร  เราแค่ต้องการปิดยอดกับทางไฟแนนซ์เท่านั้น  เค้าก็บอกได้  นัดเราไปบอกว่า..

ให้เราเอาเงินไปคืนเค้า  แล้วไปเซนต์เอกสารกันที่ไปแนนซ์เลย  เราก็ไปกับอา  ด้วยความหวังว่า..  เรื่องกำลังจะจบ

อาเราจะได้ไม่ต้องเครียดอีกต่อไป..  แต่.. สิ่งที่เกิดขึ้นคือมันไม่จบหนะสิ!! เศร้า  ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะ

เราคุยกับพี่คนนี้แบบเปิดใจเลยว่าทางบ้านเราไม่ได้มีฐานะอะไร  อยู่กันแต่คนแก่  ไม่มีอาชีพ  มีแค่เรากับพี่ที่ทำงาน

เค้าก็บอกว่าพี่ถึงอยากช่วยไง  เห็นเรากตัญญูจะช่วยเหลือทางบ้าน  แต่แค่กู้ไม่ผ่าน  เลยอยากหาวิธีช่วย

เราก็บอกไปคะ  ว่าของคุณมากๆคะ  (ตอนนี้แหละที่เราโลกสวย  คิดว่าพี่เค้าเป็นคนดี  ทำให้เราไว้ใจและเชื่อใจ)

มาต่อกันคะ..  พอถึงวันที่นัดกันที่ไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง  เค้าถามเรื่องเงินกับเรา  เราก็ยื่นให้เค้านับ  พอเค้านับเสร็จ

เค้าก็พาเราไปติดต่อเจ้าหน้าที่คนนึง  เค้าแจ้งกับเจ้าหน้าที่ให้เราเห็นๆเลยว่าจะมาปิดยอด  เจ้าหน้าที่ก็พูดแบบไม่ติดขัดเลย

ว่าต้องไปเอารถมาเช็คสภาพก่อน  ไปเอารถมาก่อนถึงจะปิดได้  ตอนนั้นเราเริ่มเอะใจแล้ว  แต่อีกใจเราก็ยังมั่นใจพี่คนนี้อยู่

เราก็เชื่อเค้า  เค้าให้เรารอที่ไฟแนนซ์  บอกกับเราว่าต้องไปเอารถ  ไม่ต้องห่วงเพราะเค้าต้องไปกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ

เราก็รอๆๆ  จนมีสายโทรศัพท์จากพี่เค้าเข้ามา  ว่าเราไม่ต้องรอแล้วก็ได้นะ  วันนี้คงปิดไม่ทัน  เดี๋ยววันพรุ่งนี้มาปิด  

อาเราเริ่มบอกว่าโดนเค้าหลอกแล้ว  เราเลยลงไปถามกับเจ้าหน้าที่คนนั้น  ที่บอกว่าให้ไปเอารถมา  เค้ายืนยันคำเดียว

กระต่ายขาเดียวเลยว่าเค้าไม่ได้พูดนะ  เค้าไม่รู้เรื่อง  (เราเสียดายมากที่คิดไม่ถึง  ไม่ได้ถ่ายคลิปไว้)

สุดท้ายเราไม่รู้ว่ามันคืออะไร  เราเลยโทรหาไฟแนนซ์ที่เราติดต่อมาตลอด  เค้าเลยบอกเราว่าป่าวนะ  เค้าทำตามหน้าที่

ไม่มีใครแจ้งปิดบัญชี  มีแต่แจ้งพิกัดรถว่าอยู่ที่ไหนเพื่อที่เค้า  จะได้ไปเอารถกลับ  เท่านั้นแหละ!!!  รู้แล้วว่าโดนหลอก Facepalm

** เรามีคำถามอยู่ในใจ  มันคาใจเรามาก **

1.  ตอนแรกเราข้องใจว่าทำไมพี่คนนั้น ถึงต้องออกตัวว่าจะช่วยเรารับซื้อรถไว้  (นาทีนั้นรู้สึกพี่เค้าดีจัง อุตส่าห์ช่วยเหลือเรา)

**  ตอนนี้ได้คำตอบแล้วคะ  เค้าตกลงกับทางนั้นไว้ว่าถ้าล่อรถออกมาได้จะมีค่าเสียเวลาให้  เราคิดว่าเหตุผลนี้แหละที่ทำให้เพี่คนนี้

ออกปากว่าจะช่วยเราปิด  เพราะถ้าเค้าไม่บอกช่วยเรา  เค้าก็กลัวไม่ได้เงินจากเราคืนด้วย หรือเปล่า  แต่เราบอกได้เลย  ช่วยไม่ช่วย

เราก็ต้องคืนเงินเค้าอยู่แล้ว  เพื่อที่เราจะมาเคลียกะทางไฟแนนซ์  **

2. เจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์คนนั้น  ที่ร่วมเล่นละครหลอกเรา  นิสัยแย่มาก!!  เราถามข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเรื่องรถ  ยอดปิดอะไรก้ไม่บอกเรา

(ความคิดเห็นส่วนตัว  ออกทางเจ้าเล่ห์  กั๊กๆข้อมูล)  มีสิทธิอะไรไม่บอกรายละเอียดให้ชัดเจนล่ะ  

3.  พี่เค้าจะรู้มั้ยอ่ะ  พี่เค้าทำให้มุมมองจากโลกสวยและคิดบวกเราเปลี่ยนไป  ต่อไปเราคงไม่กล้าโลกสวยแล้วอ่ะ

4.  เราเข้าใจโลกมากขึ้นแล้วอ่ะ  อย่าน้อยเรื่องนี้มันคือภูมิคุ้มกันให้กับเรา  (อาเราบอกว่าเรามองคนในแง่ดีเกินไป)Facepalm

5.  ล่าสุดเราโทรหาพี่คนที่บอกจะช่วย ว่าทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ด้วยคะ เค้าบอกกับเราว่าพี่ปิดยอดอยู่แล้ว แต่เค้าจำเป็นต้องซื้อในราคานั้น

ด้วยหรอ  เค้าไม่จำเป็นต้องมาเสียเงิน  พวกต่าติดตามทวงถามให้เราหนิ  เราอ้าวววว!!  หมายความวว่าไงงง??

6.  เรามารู้จากเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งว่า..  ทางเต้นเค้าขอติดต่อซื้อรถไว้แล้ว  แต่หลังจากที่ที่รถถูกยึดมาแล้ว  ค่อยมาตกลงราคาที่จะรับซื้อ

กันอีกที  (อันนี้เงิบ!!  รู้สึกว่าพี่คนนั้น  มีแต่ได้กับได้ป่ะ)  Facepalm

7.  ประสบการณ์นี้ทำให้เรารู้ว่า  คนเราทำอะไรก็ได้เพื่อเงินจริงๆ  ทางเราไม่ได้เสียดายนะคะ  เพราะรู้ว่าหนี้ก้อนนั้นต้องคืนอยู่แล้ว  แต่..

ตอนนี้เสียความรู้สึกคะ  ทำไมต้องหลอกกัน  ทั้งๆที่รู้ว่าเราต้องไปกู้เงินมาเพื่อคืนเค้า  น่าจะเห็นใจกันบ้าง  อย่างน้อยๆเราเอาไปคืนเอง

เราก็ไม่ต้องมาเสียค่าใช้จ่ายค่ายึดรถ  ค่ายกรถ  เพิ่มเติมจากยอดเก่าอีกตั้ง  13,000

8.  ที่เรามาทั้งหมด  เรายังงงๆ กับวงการนี้จริงๆ  แต่ก็เข้าใจนะ  ว่ามันคือ..  ธุรกิจ  เค้าทำธุรกิจ  ก็คงอยากได้กำไรเป็นธรรมดา

9.  คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนที่ฉลาดกว่า!!  ใครจะว่าเราโง่ก็ได้นะ  คือเราไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพวกนี้จริงๆ  

** ขอบคุณนะคะ สำหรับคนที่อ่านจบ**

เราตั้งกระทู้มาเพื่อแค่อยากระบายเท่านั้นคะ  เราไม่ได้หวังอะไรนะคะ

นานาเสียใจนานาเสียใจนานาเสียใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่