จากมติชนออนไลน์
แต่ก่อนแต่ไรไม่เคยโชว์ความสามารถทางด้านนี้ แต่ครั้นตกปากรับคำแสดงละครเวที เป็น"อั้น" ลูกชายหัวก้าวหน้าของ "แม่พลอย" ในละครเวที "สี่แผ่นดิน เดอะ มิวสิคัล" ที่กำลังเปิดการแสดงอยู่ ณ เมืองไทยรัชดาลัย เสียงชื่นชมของผู้คนที่ประจักษ์ในความสามารถของไอซ์-ศรัณยู วินัยพานิช ก็มีขึ้นอย่างท่วมท้น
"ดีใจมากๆ เลยครับ" ไอซ์ตอบรับคำชมด้วยรอยยิ้มและแววตาเปล่งประกาย
ก่อนเล่าว่า เขาเองมีพื้นฐานด้านละครเวทีมาตั้งแต่สมัยเรียนคณะศิลปกรรมศาตร์ เอกการแสดงและกำกับการแสดง จาก ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร แต่ชีวิตมาเอาดีทางด้านงานพิธีกรตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม 6 พอเข้ามหาวิทยาลัยก็กลายเป็นนักร้อง ดังนั้น แม้จะเรียนสายตรงด้านการแสดง "แต่ไม่รู้จะเอาช่วงเวลาที่ไหนไปใช้ทำงาน" เนื่องจากงานแสดงคอนเสิร์ตแน่นถึงแน่นมากมาตลอด 11 ปีของการทำงาน นอกจากนานๆ ครั้งที่อาจมีพอจัดสรรไปแสดงสั้นๆ ในลักษณะรับเชิญให้ละครทีวี
ทีมละครเวทีของซีเนริโอก็เคยติดต่อมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ก็คลาด ด้วยสาเหตุดังว่า จึงเพิ่งจะมาลงตัวก็คราวนี้
คราวที่เขารู้สึกว่าปฏิเสธอีกไม่ได้
เพราะ "ถ้าปฏิเสธอีก คิดว่าคงไม่มีครั้งที่ 4"
บอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งละครเวทีเรื่องนี้แสดงครั้งแรกเมื่อ 2-3 ปีก่อน เขาเองได้มาดู และก็ชอบบท "อั้น"
ชอบมาตั้งแต่ครั้งได้อ่านหนังสือ ซึ่งเป็นบทประพันธ์ของม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
"ตัวละครตัวนี้เป็น round character คือมีความเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ มีทั้งดี ไม่ดี ครบมาก คิดในใจว่าถ้าวันหนึ่งมีโอกาสเล่น ก็อยากเล่นเป็นตัวนี้"
และเพื่อให้ได้เล่น งานคอนเสิร์ตหลายงานจึงถูกปฏิเสธ งานโปรโมตเพลงใหม่ที่เดิมวางแผนไว้ก็ต้องเลื่อนออกไป อย่างไรก็ตาม ไม่ได้เสียดายหรือผิดหวัง
"รู้สึกว่าตัวเองคิดถูกมาก" เขาบอกพลางหัวเราะ
"ไอซ์ไม่รู้ว่าคนอื่นมีเกณฑ์ในการตัดสินใจรับงานอย่างไร แต่ไอซ์จะทำงานอะไรสักชิ้นก็อยากทำอะไรที่ หนึ่งไม่ฝืนตัวเอง สองเรามีความสุข สามเป็นพอร์ตโฟลิโอ ที่วันหนึ่งเมื่อเราไม่อยู่ในวงการแล้วย้อนกลับมามอง จะภูมิใจที่ได้ทำ"
"นี่เป็นงานชิ้นหนึ่งที่ครบอย่างที่คิด"
และเมื่อตอบรับ ไอซ์ก็ว่าเขาตั้งใจ "ทำการบ้าน" อย่างดี ด้วยการพยายามหาข้อมูลเท่าที่จะหาได้
ไล่ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานครอบครัวของ "อั้น" ความคิด ความเชื่อ ลงลึกไปถึงเรื่องที่ตัวละครน่าจะศึกษามา
"อย่างเขาไปเรียนที่ซอร์บอน ประเทศฝรั่งเศส เราก็ศึกษาว่าที่นั่นเขาเรียนเกี่ยวกับอะไร"
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังไหว้วานคนรู้จักให้หาข้อมูลเกี่ยวกับวิถีปฏิบัติของคนฝรั่งเศสยุคนั้นมาเพื่อเป็นข้อมูลเสริม
"อยากรู้ว่าคนฝรั่งเศสหลังยุคปฏิวัติมีลักษณะการแต่งตัว ท่าทาง การนั่ง เดิน ยืน เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายยังไง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ"
"เพราะเวลาเล่น มันไม่ใช่แค่ว่าเราท่องบท แล้วพยายามจะเป็นตัวละครนั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการต้องคิดอย่างตัวละครคิด และการที่เราจะคิดอย่างนั้นได้ เราต้องรู้พื้นฐานเบื้องต้นทั้งหมด ว่าเราคือใคร พ่อเราเป็นใคร บ้านเราอยู่ที่ไหน ถูกปลูกฝังมาอย่างไร"
"แล้วจะดีใจมากเวลาคนมาดูแล้วพูดกับไอซ์ว่าเรารู้สึกว่าคุณคืออั้นจริงๆ"
กับผลตอบรับที่ได้ ไอซ์พูดด้วยรอยยิ้มว่า เป็นอะไรที่เขาไม่ได้คาด
"คิดแค่ว่าทำให้ดีที่สุดก็พอ เพราะโอกาสในชีวิตคนเราไม่รู้จะมีสักกี่ครั้ง ฉะนั้น ครั้งหนึ่งที่ได้ทำ ก็อยากทำให้ดีที่สุด"
"แล้วไอซ์จะพูดกับทุกคนเสมอว่า ไม่อยากทำอะไรที่ฝืนทำไปแล้วไม่มีความสุข มนุษย์ทุกคนไม่อาจมีความสุขกับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกได้ แต่อย่างน้อยๆ ไอซ์ก็อยากได้มีโอกาสเลือกอะไรก็ตามที่ทำให้มีความสุข ถึงแม้จะไม่ใช่ทุกอย่าง"
"ดังนั้น ถ้าผู้ใหญ่ให้ทำงานชิ้นหนึ่ง แล้วไอซ์ไม่แฮปปี้ ไอซ์จะบอกว่า ถ้าพี่เห็นตรงกันว่าควรจะทำ ไอซ์ก็จะทำให้ ทำเต็มที่ด้วยนะ แต่ถามว่าแฮปปี้ไหม บอกเลยว่าไม่"
ซึ่งพูดไปแล้ว "มันก็มีทั้งคนที่รับได้และไม่ชอบ"
นักร้องในวัย 30 ปี ยังบอกอีกว่า "คนที่รู้จักไอซ์จริงๆ จะรู้ว่าไอซ์ไม่มีแบบ ครับท่านครับ เพราะไอซ์ว่าชีวิตที่มีความสุขคือการเคลียร์ชัดตั้งแต่แรก เก็ตในแมสเซจเดียวกัน ว่าเราเป็นคนแบบนี้ คุณเป็นคนแบบนี้ คุยกันแบบนี้"
"อาจเพราะไอซ์เติบโตมาในครอบครัวของครู พ่อแม่เป็นครู สอนให้คิดมาตั้งแต่เด็ก พ่อไอซ์ไม่ใช่คนที่ไอซ์ขี่จักรยานล้มแล้วเดินมาเตะจักรยาน แล้วบอกโอ๋?ลูก จำได้ว่าตอนเด็กๆล้ม เป็นแผล เจ็บมาก พ่อเดินมาจับจักรยานก่อนเรา เพราะเห็นแล้วว่าเราไม่ได้เป็นอะไร แล้วบอกมันเกิดขึ้นเพราะความประมาทของเรา ลุกขึ้นมาทำแผล"
"มันทำให้เราเรียนรู้ทุกอย่างแบบเป็นเหตุเป็นผล"
"แล้วเขาจะปล่อยมาก ปล่อยให้คิด ให้ตัดสินใจ ไอซ์เลยมีภาวะตัดสินใจทุกอย่างเอง ถูกผิดไม่รู้ แต่ต้องรับผิดชอบตัวเองได้"
"เพื่อนไอซ์บอกว่า ไอซ์มั่นใจในตัวเองสูงมาก แต่ไอซ์ว่าไอซ์ไม่ แต่แค่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิด เป็นคนแข็ง เป็นคนร่าเริง ชอบเอ็นเตอร์เทนคน"
"แล้วก็มีคนเคยพูดว่า คนอย่างไอซ์อยู่ในวงการบันเทิงยากเหมือนกัน เพราะไอซ์คิดแบบไม่หลอกความรู้สึกตัวเอง"
"แต่ก็อยู่มาเรื่อยๆ นะ"
"ซึ่งไม่รู้ว่าพูดไปคนจะหมั่นไส้หรือเปล่า แต่ไอซ์รู้สึกว่าไอซ์อยู่ได้ด้วยผลงาน"
งานที่ไม่ว่าจะเป็นชิ้นไหน ถ้ารับมาแล้ว เขาจะตั้งใจทำ
"อย่างละครเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่แค่ฉันจะเล่น"
"แต่ไอซ์จะทำให้สุดๆ"
′ตาอั้น′ แบบ ′ไอซ์ ศรัณยู′ อีกหนึ่งสุขของคนช่างเลือก
แต่ก่อนแต่ไรไม่เคยโชว์ความสามารถทางด้านนี้ แต่ครั้นตกปากรับคำแสดงละครเวที เป็น"อั้น" ลูกชายหัวก้าวหน้าของ "แม่พลอย" ในละครเวที "สี่แผ่นดิน เดอะ มิวสิคัล" ที่กำลังเปิดการแสดงอยู่ ณ เมืองไทยรัชดาลัย เสียงชื่นชมของผู้คนที่ประจักษ์ในความสามารถของไอซ์-ศรัณยู วินัยพานิช ก็มีขึ้นอย่างท่วมท้น
"ดีใจมากๆ เลยครับ" ไอซ์ตอบรับคำชมด้วยรอยยิ้มและแววตาเปล่งประกาย
ก่อนเล่าว่า เขาเองมีพื้นฐานด้านละครเวทีมาตั้งแต่สมัยเรียนคณะศิลปกรรมศาตร์ เอกการแสดงและกำกับการแสดง จาก ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร แต่ชีวิตมาเอาดีทางด้านงานพิธีกรตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม 6 พอเข้ามหาวิทยาลัยก็กลายเป็นนักร้อง ดังนั้น แม้จะเรียนสายตรงด้านการแสดง "แต่ไม่รู้จะเอาช่วงเวลาที่ไหนไปใช้ทำงาน" เนื่องจากงานแสดงคอนเสิร์ตแน่นถึงแน่นมากมาตลอด 11 ปีของการทำงาน นอกจากนานๆ ครั้งที่อาจมีพอจัดสรรไปแสดงสั้นๆ ในลักษณะรับเชิญให้ละครทีวี
ทีมละครเวทีของซีเนริโอก็เคยติดต่อมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ก็คลาด ด้วยสาเหตุดังว่า จึงเพิ่งจะมาลงตัวก็คราวนี้
คราวที่เขารู้สึกว่าปฏิเสธอีกไม่ได้
เพราะ "ถ้าปฏิเสธอีก คิดว่าคงไม่มีครั้งที่ 4"
บอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งละครเวทีเรื่องนี้แสดงครั้งแรกเมื่อ 2-3 ปีก่อน เขาเองได้มาดู และก็ชอบบท "อั้น"
ชอบมาตั้งแต่ครั้งได้อ่านหนังสือ ซึ่งเป็นบทประพันธ์ของม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
"ตัวละครตัวนี้เป็น round character คือมีความเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ มีทั้งดี ไม่ดี ครบมาก คิดในใจว่าถ้าวันหนึ่งมีโอกาสเล่น ก็อยากเล่นเป็นตัวนี้"
และเพื่อให้ได้เล่น งานคอนเสิร์ตหลายงานจึงถูกปฏิเสธ งานโปรโมตเพลงใหม่ที่เดิมวางแผนไว้ก็ต้องเลื่อนออกไป อย่างไรก็ตาม ไม่ได้เสียดายหรือผิดหวัง
"รู้สึกว่าตัวเองคิดถูกมาก" เขาบอกพลางหัวเราะ
"ไอซ์ไม่รู้ว่าคนอื่นมีเกณฑ์ในการตัดสินใจรับงานอย่างไร แต่ไอซ์จะทำงานอะไรสักชิ้นก็อยากทำอะไรที่ หนึ่งไม่ฝืนตัวเอง สองเรามีความสุข สามเป็นพอร์ตโฟลิโอ ที่วันหนึ่งเมื่อเราไม่อยู่ในวงการแล้วย้อนกลับมามอง จะภูมิใจที่ได้ทำ"
"นี่เป็นงานชิ้นหนึ่งที่ครบอย่างที่คิด"
และเมื่อตอบรับ ไอซ์ก็ว่าเขาตั้งใจ "ทำการบ้าน" อย่างดี ด้วยการพยายามหาข้อมูลเท่าที่จะหาได้
ไล่ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานครอบครัวของ "อั้น" ความคิด ความเชื่อ ลงลึกไปถึงเรื่องที่ตัวละครน่าจะศึกษามา
"อย่างเขาไปเรียนที่ซอร์บอน ประเทศฝรั่งเศส เราก็ศึกษาว่าที่นั่นเขาเรียนเกี่ยวกับอะไร"
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังไหว้วานคนรู้จักให้หาข้อมูลเกี่ยวกับวิถีปฏิบัติของคนฝรั่งเศสยุคนั้นมาเพื่อเป็นข้อมูลเสริม
"อยากรู้ว่าคนฝรั่งเศสหลังยุคปฏิวัติมีลักษณะการแต่งตัว ท่าทาง การนั่ง เดิน ยืน เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายยังไง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ"
"เพราะเวลาเล่น มันไม่ใช่แค่ว่าเราท่องบท แล้วพยายามจะเป็นตัวละครนั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการต้องคิดอย่างตัวละครคิด และการที่เราจะคิดอย่างนั้นได้ เราต้องรู้พื้นฐานเบื้องต้นทั้งหมด ว่าเราคือใคร พ่อเราเป็นใคร บ้านเราอยู่ที่ไหน ถูกปลูกฝังมาอย่างไร"
"แล้วจะดีใจมากเวลาคนมาดูแล้วพูดกับไอซ์ว่าเรารู้สึกว่าคุณคืออั้นจริงๆ"
กับผลตอบรับที่ได้ ไอซ์พูดด้วยรอยยิ้มว่า เป็นอะไรที่เขาไม่ได้คาด
"คิดแค่ว่าทำให้ดีที่สุดก็พอ เพราะโอกาสในชีวิตคนเราไม่รู้จะมีสักกี่ครั้ง ฉะนั้น ครั้งหนึ่งที่ได้ทำ ก็อยากทำให้ดีที่สุด"
"แล้วไอซ์จะพูดกับทุกคนเสมอว่า ไม่อยากทำอะไรที่ฝืนทำไปแล้วไม่มีความสุข มนุษย์ทุกคนไม่อาจมีความสุขกับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกได้ แต่อย่างน้อยๆ ไอซ์ก็อยากได้มีโอกาสเลือกอะไรก็ตามที่ทำให้มีความสุข ถึงแม้จะไม่ใช่ทุกอย่าง"
"ดังนั้น ถ้าผู้ใหญ่ให้ทำงานชิ้นหนึ่ง แล้วไอซ์ไม่แฮปปี้ ไอซ์จะบอกว่า ถ้าพี่เห็นตรงกันว่าควรจะทำ ไอซ์ก็จะทำให้ ทำเต็มที่ด้วยนะ แต่ถามว่าแฮปปี้ไหม บอกเลยว่าไม่"
ซึ่งพูดไปแล้ว "มันก็มีทั้งคนที่รับได้และไม่ชอบ"
นักร้องในวัย 30 ปี ยังบอกอีกว่า "คนที่รู้จักไอซ์จริงๆ จะรู้ว่าไอซ์ไม่มีแบบ ครับท่านครับ เพราะไอซ์ว่าชีวิตที่มีความสุขคือการเคลียร์ชัดตั้งแต่แรก เก็ตในแมสเซจเดียวกัน ว่าเราเป็นคนแบบนี้ คุณเป็นคนแบบนี้ คุยกันแบบนี้"
"อาจเพราะไอซ์เติบโตมาในครอบครัวของครู พ่อแม่เป็นครู สอนให้คิดมาตั้งแต่เด็ก พ่อไอซ์ไม่ใช่คนที่ไอซ์ขี่จักรยานล้มแล้วเดินมาเตะจักรยาน แล้วบอกโอ๋?ลูก จำได้ว่าตอนเด็กๆล้ม เป็นแผล เจ็บมาก พ่อเดินมาจับจักรยานก่อนเรา เพราะเห็นแล้วว่าเราไม่ได้เป็นอะไร แล้วบอกมันเกิดขึ้นเพราะความประมาทของเรา ลุกขึ้นมาทำแผล"
"มันทำให้เราเรียนรู้ทุกอย่างแบบเป็นเหตุเป็นผล"
"แล้วเขาจะปล่อยมาก ปล่อยให้คิด ให้ตัดสินใจ ไอซ์เลยมีภาวะตัดสินใจทุกอย่างเอง ถูกผิดไม่รู้ แต่ต้องรับผิดชอบตัวเองได้"
"เพื่อนไอซ์บอกว่า ไอซ์มั่นใจในตัวเองสูงมาก แต่ไอซ์ว่าไอซ์ไม่ แต่แค่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิด เป็นคนแข็ง เป็นคนร่าเริง ชอบเอ็นเตอร์เทนคน"
"แล้วก็มีคนเคยพูดว่า คนอย่างไอซ์อยู่ในวงการบันเทิงยากเหมือนกัน เพราะไอซ์คิดแบบไม่หลอกความรู้สึกตัวเอง"
"แต่ก็อยู่มาเรื่อยๆ นะ"
"ซึ่งไม่รู้ว่าพูดไปคนจะหมั่นไส้หรือเปล่า แต่ไอซ์รู้สึกว่าไอซ์อยู่ได้ด้วยผลงาน"
งานที่ไม่ว่าจะเป็นชิ้นไหน ถ้ารับมาแล้ว เขาจะตั้งใจทำ
"อย่างละครเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่แค่ฉันจะเล่น"
"แต่ไอซ์จะทำให้สุดๆ"