เผอิญวันนี้มีโอกาสไปกินข้าวที่ร้านข้าวต้มบุฟเฟต์ โรงแรมเจ้าพระยา ปาร์ค รัชดา
ก่อนอื่นต้องแจ้งก่อนว่าจขกทเคยไปทานที่นี้บ่อยมากเมื่อประมาณปี2ปีก่อน จนตัดสินใจสมัครสมาชิกโรงแรมเพื่อจะได้ใช้เป็นส่วนลดได้ แรกๆก็ดีค่ะ อาหารก็ดีบริการก็ไม่ขี้เหร่
เลยไปทานอยู่บ่อยๆ แต่พักหลังมีการแจ้งโปรโมชั่นทางSMSมาว่ามา 3จ่าย2 เราก็เห็นว่าโปรโมชั่นน่าสนใจ
เลยตั้งใจขับรถไปทาน พอไปถึงก็สอบถามพนักงาน เมื่อได้รับแจ้งว่าโปรโมชั่นนี้สำหรับลูกค้าPlatinumหรืออะไรสักอย่างนี้แหล่ะ
จขกท ก็รู้สึกแย่มาก รู้สึกเหมือนถูกหลอกให้มา โชคดีที่ถามก่อน เพราะเมื่อได้รับการแจ้งแบบนี้ก็ไปทานที่อื่นสิค่ะ
แต่ก็พกความขุ่นเคืองใจไปเต็มเปี่ยม เรียกว่าจากเคยไปกิน สองสามเดือนครั้ง ก็เลยไม่ไปกินเป็นปี จากเคยซื้อคูปองจากงานไทยเที่ยวไทย
เจอเหตุการณ์นี้ไปก็สะบัดบ๊อบเชิดผ่านไป เปลี่ยนจากลูกค้าขาประจำที่มักจะชักชวนและแนะนำคนอื่นไปทาน(Loyal User) กลายเป็นLapserหรือลูกค้าขาจรทั่วไป
กรณีศึกษาแรกนี้เนื่องจากเป็นนักการตลาดและเคยทำโปรโมชั่นในลักษณะCRM (Customer Relationship Management) หรือโปรโมชั่นเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
ในเมื่อเป็นโปรเฉพาะกลุ่มลูกค้า อย่าส่งSMSมั่วๆเพราะมันคือการสร้างความคาดหวังที่ผิดๆให้ลูกค้า อย่างบัตรเครดิตต่างๆจะแยกโปรของแต่ละบัตรอย่างชัดเจน
platinum โปรนึง บัตรทองโปรนึง ทำโปรมั่วๆแบบนี้ขาดความรับผิดชอบค่ะ
กรณีศึกษาที่ 2 เพิ่งเกิดขึ้นวันนี้ค่ะ หลังจากไม่ได้ทานนานแล้วก็เลยคิดว่าไปทานสักหน่อย ตอนไปถึงก็ถามพนักงานว่าตอนนี้หัวละเท่าไหร่
ก็ได้รับแจ้งกลับมา450บาทNett. จขกท ก็เลยบอกไปว่าขึ้นราคาแล้วหรอ พนักงานก็บอกว่าใช่แล้วแต่มีน้ำอัดลมให้นะ
น้ำอัดลมไม่ได้อยากกินหรอกนะ ราคาขึ้นก็ไม่ว่าอะไรเพราะของแพงขึ้น ค่าครองชีพแพงขึ้น เข้าใจได้
ก็เข้าไปกินเหมือนทุกทีแล้วก็คุณภาพและปริมาณมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ในทางแย่ลง ก็ไม่ว่าอะไร เข้าใจได้ว่าลดต้นทุน
แต่ที่สงสัยคือเดี๋ยวนี้ให้น้ำเปล่าเป็นขวด เพราะสมัยก่อนจะเป็นน้ำกรองแช่เย็น กินหมดไปขวดนึกเอะใจ
สอบถามพนักงานว่าน้ำเปล่านี้รวมในBuffetไหม
คำคอบคือไม่ค่ะ น้ำเปล่าขวดละ30บาทไม่รวมในค่าอาหารBuffet ที่รวมมีแค่น้ำอัดลม
ที่โมโหคือทำไมไม่แจ้งตั้งแต่แรกว่าราคา450บาทnett นั้นไม่มีน้ำเปล่าให้นะ
ถ้ามีการเอาน้ำเปล่ามาวางควรแจ้งด้วยว่าคิดเงินหรือรอให้ลูกค้าเป็นคนสั่งและแ้งให้รับรู้ว่าอยู่นอกเหนือBuffet
หลายคนคงสงสัยแค่ขวดละ30บาททำไมต้องดราม่าด้วย
เพราะว่ามันเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างน่ารังเกียจค่ะ สมัยก่อนน้ำฟรีเราก็คาดหวังว่าราคาBuffetต่อหัวจะรวมราคาน้ำเปล่าไว้
ถ้าไม่รวมก็ควรแจ้งก่อน อย่างสมัยก่อนมีบูทกาแฟสดกับน้ำปั่นก็มีป้ายแจ้งว่าต้องจ่ายนอกเหนือจากค่าBuffet
กรณีนี้ก็ควรทำเหมือนกัน ไม่ใช่เนียนๆ วางน้ำเปล่าไว้บนโต๊ะแล้วก็มาคิดเงินทีเดียว
ถ้าเป็นประเทศเสรีบางประเทศอาจจะถูกฟ้องร้องได้นะค่ะ
เพลียค่ะเจอแบบนี้ ก็เลยมาแบ่งปันข้อมูลและอยากทราบความเห็นจากเพื่อนๆในพันทิพด้วยค่ะ
ส่วนตัวเราคงเลิกไปทานแล้วค่ะ เราเชื่อว่าความซื่อสัตย์และจริงใจคือพื้นฐานในการทำธุรกิจที่ยั่งยืนค
จริยธรรมในการทำธุรกิจกับกรณีศึกษาข้าวต้มบุฟเฟต์ โรงแรมเจ้าพระยา รัชดา
ก่อนอื่นต้องแจ้งก่อนว่าจขกทเคยไปทานที่นี้บ่อยมากเมื่อประมาณปี2ปีก่อน จนตัดสินใจสมัครสมาชิกโรงแรมเพื่อจะได้ใช้เป็นส่วนลดได้ แรกๆก็ดีค่ะ อาหารก็ดีบริการก็ไม่ขี้เหร่
เลยไปทานอยู่บ่อยๆ แต่พักหลังมีการแจ้งโปรโมชั่นทางSMSมาว่ามา 3จ่าย2 เราก็เห็นว่าโปรโมชั่นน่าสนใจ
เลยตั้งใจขับรถไปทาน พอไปถึงก็สอบถามพนักงาน เมื่อได้รับแจ้งว่าโปรโมชั่นนี้สำหรับลูกค้าPlatinumหรืออะไรสักอย่างนี้แหล่ะ
จขกท ก็รู้สึกแย่มาก รู้สึกเหมือนถูกหลอกให้มา โชคดีที่ถามก่อน เพราะเมื่อได้รับการแจ้งแบบนี้ก็ไปทานที่อื่นสิค่ะ
แต่ก็พกความขุ่นเคืองใจไปเต็มเปี่ยม เรียกว่าจากเคยไปกิน สองสามเดือนครั้ง ก็เลยไม่ไปกินเป็นปี จากเคยซื้อคูปองจากงานไทยเที่ยวไทย
เจอเหตุการณ์นี้ไปก็สะบัดบ๊อบเชิดผ่านไป เปลี่ยนจากลูกค้าขาประจำที่มักจะชักชวนและแนะนำคนอื่นไปทาน(Loyal User) กลายเป็นLapserหรือลูกค้าขาจรทั่วไป
กรณีศึกษาแรกนี้เนื่องจากเป็นนักการตลาดและเคยทำโปรโมชั่นในลักษณะCRM (Customer Relationship Management) หรือโปรโมชั่นเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
ในเมื่อเป็นโปรเฉพาะกลุ่มลูกค้า อย่าส่งSMSมั่วๆเพราะมันคือการสร้างความคาดหวังที่ผิดๆให้ลูกค้า อย่างบัตรเครดิตต่างๆจะแยกโปรของแต่ละบัตรอย่างชัดเจน
platinum โปรนึง บัตรทองโปรนึง ทำโปรมั่วๆแบบนี้ขาดความรับผิดชอบค่ะ
กรณีศึกษาที่ 2 เพิ่งเกิดขึ้นวันนี้ค่ะ หลังจากไม่ได้ทานนานแล้วก็เลยคิดว่าไปทานสักหน่อย ตอนไปถึงก็ถามพนักงานว่าตอนนี้หัวละเท่าไหร่
ก็ได้รับแจ้งกลับมา450บาทNett. จขกท ก็เลยบอกไปว่าขึ้นราคาแล้วหรอ พนักงานก็บอกว่าใช่แล้วแต่มีน้ำอัดลมให้นะ
น้ำอัดลมไม่ได้อยากกินหรอกนะ ราคาขึ้นก็ไม่ว่าอะไรเพราะของแพงขึ้น ค่าครองชีพแพงขึ้น เข้าใจได้
ก็เข้าไปกินเหมือนทุกทีแล้วก็คุณภาพและปริมาณมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ในทางแย่ลง ก็ไม่ว่าอะไร เข้าใจได้ว่าลดต้นทุน
แต่ที่สงสัยคือเดี๋ยวนี้ให้น้ำเปล่าเป็นขวด เพราะสมัยก่อนจะเป็นน้ำกรองแช่เย็น กินหมดไปขวดนึกเอะใจ
สอบถามพนักงานว่าน้ำเปล่านี้รวมในBuffetไหม
คำคอบคือไม่ค่ะ น้ำเปล่าขวดละ30บาทไม่รวมในค่าอาหารBuffet ที่รวมมีแค่น้ำอัดลม
ที่โมโหคือทำไมไม่แจ้งตั้งแต่แรกว่าราคา450บาทnett นั้นไม่มีน้ำเปล่าให้นะ
ถ้ามีการเอาน้ำเปล่ามาวางควรแจ้งด้วยว่าคิดเงินหรือรอให้ลูกค้าเป็นคนสั่งและแ้งให้รับรู้ว่าอยู่นอกเหนือBuffet
หลายคนคงสงสัยแค่ขวดละ30บาททำไมต้องดราม่าด้วย
เพราะว่ามันเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างน่ารังเกียจค่ะ สมัยก่อนน้ำฟรีเราก็คาดหวังว่าราคาBuffetต่อหัวจะรวมราคาน้ำเปล่าไว้
ถ้าไม่รวมก็ควรแจ้งก่อน อย่างสมัยก่อนมีบูทกาแฟสดกับน้ำปั่นก็มีป้ายแจ้งว่าต้องจ่ายนอกเหนือจากค่าBuffet
กรณีนี้ก็ควรทำเหมือนกัน ไม่ใช่เนียนๆ วางน้ำเปล่าไว้บนโต๊ะแล้วก็มาคิดเงินทีเดียว
ถ้าเป็นประเทศเสรีบางประเทศอาจจะถูกฟ้องร้องได้นะค่ะ
เพลียค่ะเจอแบบนี้ ก็เลยมาแบ่งปันข้อมูลและอยากทราบความเห็นจากเพื่อนๆในพันทิพด้วยค่ะ
ส่วนตัวเราคงเลิกไปทานแล้วค่ะ เราเชื่อว่าความซื่อสัตย์และจริงใจคือพื้นฐานในการทำธุรกิจที่ยั่งยืนค