เครดิต:
www.facebook.com/SustainW
“- หนังสือแนะนำ เกี่ยวกับการลงทุน ลดราคา 30% -“
วันนี้ได้มีโอกาสเข้าร้านหนังสือ SE-ED ผมมีข้อสังเกตุว่า ปัจจุบันมีหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ (เรียกง่ายๆ ว่า “เล่นหุ้น”) เยอะมากๆ มีทั้งหนังสือแปล และหนังสือที่เขียนโดยนักลงทุนชาวไทย ผมดีใจมากที่นักลงทุนสมัยนี้สามารถหาความรู้ได้ง่ายขึ้น
อยากจะให้ข้อสังเกตุอย่างหนึ่งครับว่า การที่จะเลือกหนังสือมาอ่าน ควรจะดูประสบการณ์ของผู้เขียนด้วย ควรเน้นคนที่ลงทุนมาอย่างต่ำสิบปี และประสบความสำเร็จในการลงทุนจริงๆ เพราะว่า หลายๆ เล่มที่เห็น ผู้เขียนบางท่านอายุยังน้อย ประสบการณ์การลงทุนยังแค่ 2-3 ปี ไม่ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเท่าไหร่ แต่สามารถตั้งทฤษฎีออกมาได้อย่างน่าสนใจมากกกก บางท่านที่บ้านก็มีฐานะร่ำรวยอยู่แล้วกำไรหรือขาดทุนจากตลาดหุ้นไม่ได้กระทบฐานะมาก แต่ออกหนังสือมาสามารถยกตนเป็นเซียนได้เลย
ซึ่งแฟนผมเคยซื้อหนังสือของนักเขียนเหล่านี้มาอ่าน ซึ่งผมก็เปิดใจในการอ่านแล้ว พูดด้วยใจจริงมากครับ ว่าเสียดายเงินมาก
ทีนี้เพื่อนๆ หลายคนอาจจะถามว่า แล้วควรอ่านหนังสือของใครดี ผมมีข้อแนะนำดังนี้ครับ
1) อ่านหนังสือที่เป็นการลงทุนจากเมืองนอกโดยเฉพาะจากอเมริกา เนื่องจากตลาดเปิดมา 100 กว่าปี หนังสือดีๆ จะเยอะมาก ลอง search จาก web ต่างๆ ดูได้ครับ ว่าหนังสือที่เป็นที่นิยม คือหนังสืออะไร
2) ถ้าภาษาอังกฤษยังไม่แข็งแรง ลองอ่านหนังสือแปลดูก็ได้ครับ เดี๋ยวนี้ หนังสือแปลที่เกี่ยวกับการลงทุนมีเยอะพอสมควรครับ
3) แล้วหนังสือที่คนไทยเขียนแท้ๆ ล่ะ ผมแนะนำของท่านไหน??? ที่ผมอยากจะแนะนำแน่ๆ คือ หนังสือ ที่เขียนโดย ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ครับ (ปรมาจารย์ของนักลงทุนเน้นคุณค่าของเมืองไทย) นอกจากนี้ก็เป็นหนังสือที่เขียนโดยตลาดหลักทรัพย์ไทยครับ ลองหากันดู
วันนี้ที่ผมเห็นที่ร้าน SE-ED มีหนังสือ 2 เล่มที่ลดราคา 30% และอยากจะแนะนำให้นักลงทุนทั้งหลายหามาอ่านดูครับ หนังสือทั้งสองเล่มคือ
1) เล่มแรก คือหนังสือ เกษียณเร็วเกษียณรวย (Retire Rich Retire Young) เป็นหนังสือชุดใน พ่อรวยสอนลูก (Rich Dad Poor Dad) ผมเคยอ่านหนังสือเล่มนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็นหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผม สำหรับการสร้าง ”อิสรภาพางการเงิน” หรือ “มั่งคั่งอย่างยั่งยืน” นั่นเองครับ ผู้เขียนในหนังสือเล่มนี้ได้แชร์ประสบการณ์ว่า กว่าเขาจะมั่งคั่งอย่างยั่งยืนได้ เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง ต้องเปลี่ยนความคิดแบบไหน ทำอย่างไร ซึ่งในที่สุดเขาก็ทำได้ก่อนอายุ 40 ปี
2) เล่มที่สอง คือหนังสือ สุดยอดนักลงทุนโลก (The Great Investor) เป็นหนังสือที่แนะนำปรัชญาการลงทุนจากสุดยอดนักลงทุนระดับโลก เรียนรู้การวิเคราะห์ หาวิถีที่เหมาะกับตัวเอง ตลอดจนการเรียนรู้จากความผิดพลาดต่างๆ ซึ่งนักลงทุนระดับโลกมีทั้ง คุณเบนจามิน เกรแฮม, คุณฟิลิป ฟิชเชอร์, คุณวอร์น บัฟเฟตต์และคุณชาร์ลี มังเจอร์, เซอร์จอห์น เทมเปิลตัน, คุณจอร์ส โซรอส, คุณปีเตอร์ ลินซ์, คุณจอห์น เนฟฟ์ และคุณเเอนโทนี่ โบลตัน
หนังสือทั้งสองเล่ม เป็นการเล่าประสบการณ์ของนักลงทุนตัวจริง ทุกท่านที่กล่าวมามีประสบการ์ลงทุนมากกว่า 20 ปี พร้อมทั้งเป็นมหาเศรษฐีตัวจริงครับ
สุดท้ายต้องบอกก่อนนะครับว่า ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรจากหนังสือสองเล่มนี้ หุ้น Se-ed ก็ไม่มีครับ แต่เห็นว่าเป็นโอกาสดีที่ท่านจะได้หนังสือดีๆ ในราคาที่ย่อมเยากว่าปกติเท่านั้นครับ
เราขาดทุนในหุ้นบางครั้งก็หลายพัน หลายหมื่น หลายแสน หรือหลายล้าน ซื้อหนังสือแค่นี้ ถือว่าเป็นการลงทุนที่ถูกมากครับ ลงทุนในความรู้ สุดท้ายท่านก็จะได้มีความ “มั่งคั่งอย่างยั่งยืน” ตามที่หวังครับ
- ขอให้โชคดีครับ -
“หนังสือแนะนำ เกี่ยวกับการลงทุน ลดราคา 30%" /มั่งคั่งอย่างยั่งยืน
“- หนังสือแนะนำ เกี่ยวกับการลงทุน ลดราคา 30% -“
วันนี้ได้มีโอกาสเข้าร้านหนังสือ SE-ED ผมมีข้อสังเกตุว่า ปัจจุบันมีหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ (เรียกง่ายๆ ว่า “เล่นหุ้น”) เยอะมากๆ มีทั้งหนังสือแปล และหนังสือที่เขียนโดยนักลงทุนชาวไทย ผมดีใจมากที่นักลงทุนสมัยนี้สามารถหาความรู้ได้ง่ายขึ้น
อยากจะให้ข้อสังเกตุอย่างหนึ่งครับว่า การที่จะเลือกหนังสือมาอ่าน ควรจะดูประสบการณ์ของผู้เขียนด้วย ควรเน้นคนที่ลงทุนมาอย่างต่ำสิบปี และประสบความสำเร็จในการลงทุนจริงๆ เพราะว่า หลายๆ เล่มที่เห็น ผู้เขียนบางท่านอายุยังน้อย ประสบการณ์การลงทุนยังแค่ 2-3 ปี ไม่ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเท่าไหร่ แต่สามารถตั้งทฤษฎีออกมาได้อย่างน่าสนใจมากกกก บางท่านที่บ้านก็มีฐานะร่ำรวยอยู่แล้วกำไรหรือขาดทุนจากตลาดหุ้นไม่ได้กระทบฐานะมาก แต่ออกหนังสือมาสามารถยกตนเป็นเซียนได้เลย
ซึ่งแฟนผมเคยซื้อหนังสือของนักเขียนเหล่านี้มาอ่าน ซึ่งผมก็เปิดใจในการอ่านแล้ว พูดด้วยใจจริงมากครับ ว่าเสียดายเงินมาก
ทีนี้เพื่อนๆ หลายคนอาจจะถามว่า แล้วควรอ่านหนังสือของใครดี ผมมีข้อแนะนำดังนี้ครับ
1) อ่านหนังสือที่เป็นการลงทุนจากเมืองนอกโดยเฉพาะจากอเมริกา เนื่องจากตลาดเปิดมา 100 กว่าปี หนังสือดีๆ จะเยอะมาก ลอง search จาก web ต่างๆ ดูได้ครับ ว่าหนังสือที่เป็นที่นิยม คือหนังสืออะไร
2) ถ้าภาษาอังกฤษยังไม่แข็งแรง ลองอ่านหนังสือแปลดูก็ได้ครับ เดี๋ยวนี้ หนังสือแปลที่เกี่ยวกับการลงทุนมีเยอะพอสมควรครับ
3) แล้วหนังสือที่คนไทยเขียนแท้ๆ ล่ะ ผมแนะนำของท่านไหน??? ที่ผมอยากจะแนะนำแน่ๆ คือ หนังสือ ที่เขียนโดย ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ครับ (ปรมาจารย์ของนักลงทุนเน้นคุณค่าของเมืองไทย) นอกจากนี้ก็เป็นหนังสือที่เขียนโดยตลาดหลักทรัพย์ไทยครับ ลองหากันดู
วันนี้ที่ผมเห็นที่ร้าน SE-ED มีหนังสือ 2 เล่มที่ลดราคา 30% และอยากจะแนะนำให้นักลงทุนทั้งหลายหามาอ่านดูครับ หนังสือทั้งสองเล่มคือ
1) เล่มแรก คือหนังสือ เกษียณเร็วเกษียณรวย (Retire Rich Retire Young) เป็นหนังสือชุดใน พ่อรวยสอนลูก (Rich Dad Poor Dad) ผมเคยอ่านหนังสือเล่มนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็นหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผม สำหรับการสร้าง ”อิสรภาพางการเงิน” หรือ “มั่งคั่งอย่างยั่งยืน” นั่นเองครับ ผู้เขียนในหนังสือเล่มนี้ได้แชร์ประสบการณ์ว่า กว่าเขาจะมั่งคั่งอย่างยั่งยืนได้ เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง ต้องเปลี่ยนความคิดแบบไหน ทำอย่างไร ซึ่งในที่สุดเขาก็ทำได้ก่อนอายุ 40 ปี
2) เล่มที่สอง คือหนังสือ สุดยอดนักลงทุนโลก (The Great Investor) เป็นหนังสือที่แนะนำปรัชญาการลงทุนจากสุดยอดนักลงทุนระดับโลก เรียนรู้การวิเคราะห์ หาวิถีที่เหมาะกับตัวเอง ตลอดจนการเรียนรู้จากความผิดพลาดต่างๆ ซึ่งนักลงทุนระดับโลกมีทั้ง คุณเบนจามิน เกรแฮม, คุณฟิลิป ฟิชเชอร์, คุณวอร์น บัฟเฟตต์และคุณชาร์ลี มังเจอร์, เซอร์จอห์น เทมเปิลตัน, คุณจอร์ส โซรอส, คุณปีเตอร์ ลินซ์, คุณจอห์น เนฟฟ์ และคุณเเอนโทนี่ โบลตัน
หนังสือทั้งสองเล่ม เป็นการเล่าประสบการณ์ของนักลงทุนตัวจริง ทุกท่านที่กล่าวมามีประสบการ์ลงทุนมากกว่า 20 ปี พร้อมทั้งเป็นมหาเศรษฐีตัวจริงครับ
สุดท้ายต้องบอกก่อนนะครับว่า ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรจากหนังสือสองเล่มนี้ หุ้น Se-ed ก็ไม่มีครับ แต่เห็นว่าเป็นโอกาสดีที่ท่านจะได้หนังสือดีๆ ในราคาที่ย่อมเยากว่าปกติเท่านั้นครับ
เราขาดทุนในหุ้นบางครั้งก็หลายพัน หลายหมื่น หลายแสน หรือหลายล้าน ซื้อหนังสือแค่นี้ ถือว่าเป็นการลงทุนที่ถูกมากครับ ลงทุนในความรู้ สุดท้ายท่านก็จะได้มีความ “มั่งคั่งอย่างยั่งยืน” ตามที่หวังครับ
- ขอให้โชคดีครับ -