เห็นช่วงนี้มือใหม่เข้าตลาดมาเยอะ เเล้วก็ถามเรื่องการเล่นหุ้นว่าเล่นยังไง ใช้อะไรดู ดูยังไง
ผมเลยตัดสินใจเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ และ เก่า ด้วย
เล่นหุ้น เล่นยังไง ?
เป็นคำถามที่มือใหม่ทุกคนสงสัยเเน่นอนก่อนเข้าตลาดหุ้นครับ
หลักๆ การเล่นหุ้นในปัจจุบันมีอยู่ไม่กี่สาย ตามที่เห็นๆกันอยู่ก็จะมี
1.Technical analysis (TA)
2.VI
3.Hybrid (TA+VI)
4.Fund flow (สายนี้จะไม่ค่อยเห็นครับ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกกองทุนใหญ่ๆมากกว่า)
5.จินตนาการ 55555555 (อันนี้ขำๆนะ แต่มีคนใช้จริงๆ)
โดยในกระทู้นี้ ผมจะเขียนเนื้อหาเป็นของสาย TA ซะส่วนใหญ่
TA คืออะไร?
TA คือการนำกราฟมาช่วยดูแนวโน้มของราคา โดยอาศัยเรื่องจิตวิทยาหมู่มาช่วย
และ core ของ TA ที่สำคัญ คือ History repeats itself
แน่นอนว่า การที่มีคนคิด candlestick pattern,price pattern,harmonic pattern,elliot wave ขึ้นมา ใช้หลัก ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยทั้งนั้น
โดยถ้าเป็น Pure TA ตัวจริง เราจะไม่สนใจข่าวสาร งบการเงิน หรือข้อมูลอื่นๆเลย
เพราะเชื่อว่า "ราคา" คือตัวสะท้อนทุกอย่างเเล้ว รวมถึงสะท้อน อารมณ์ตลาดด้วย
ซึ่งราคา ก็นำมาสร้างกราฟสร้างอินดี้ เพื่อให้เราวิเคราะห์ต่อไป
ในนี้ผมจะไม่พูดถึงการดูกราฟนะ แต่จะพูดถึงแนวคิดเป็นส่วนใหญ่
เรื่องแรก การ Let profit run , Cut loss และการรักษากำไร
เป็นหลักพื้นฐานของ TA เลยครับ หลายๆคนคง งงๆ ว่าทำไปเพื่ออะไร
การ Let profit run เป็นการปล่อยให้พอร์ตเติบโตไปเรื่อยๆ เป็นแนวคิดเล็กๆ แต่ประโยชน์ใหญ่มว้ากกก
core ง่ายๆของแนวคิดนี้คือ buy and hold ครับ
เพราะ ถ้าเป็นมือใหม่ เราจะไม่ชำนาญเรื่องการเข้าเเละออกหุ้น
เพราะเราไม่รู้ว่า จะพักตัวจบตอนไหน พักตัวกี่วัน
พอเข้าใจใช่มั้ยครับ 55555
และระบบ buy and hold กับ การเทรดถี่ๆ
ผมว่า profit นี่ห่างกันเยอะมากๆนะครับ buy and hold ชนะขาด (ยกเว้นคุณจะเป็นเทพกราฟตัวจริง555555)
การ cut loss คืออะไร
การ cut loss เป็นการจำกัดความเสียหายของพอร์ตในกรณีที่เราเทรดแพ้
โดยจะทำให้ความเสียหายนั้นน้อยลง ซึ่งแน่นอนว่าดีกว่าการที่เรา let loss run
การรักษากำไร
เมื่อเราได้กำไรมาเยอะมากๆ และอยาก make sure ว่า เราจะกำไรแน่นอน
ผมมีวิธีง่ายๆมาเเนะนำครับ
"ขายเอาทุนออก" นั่นเองงงง
ผมขอยกตัวอย่างละกัน
Ex. ผมมีหุ้น S ราคาทุน 1 บาท 900 หุ้น
ตอนนี้ราคาตลาด 1.5 บาท
ผมจะขายเอาทุนออกมา 900 บาท ที่ราคาตลาด คือ 1.5
ผมจะขายออกมา 600 หุ้น
เราจะได้ทุนคืนมาทันที
เเละผม จะปล่อยกำไร ให้วิ่งต่อไป
พูดง่ายๆคือ position ของหุ้น ผมจะลด แต่ ผมจะกำไรแน่นอน ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง
วิธีนี้เป็นวิธีล้อคกำไรของคนที่มีกำไรมากๆนะครับ ใช้สำหรับเล่นหุ้นปั่น momentum เยอะๆ
เรื่องที่ 2 ของมือใหม่ที่จะเล่นหุ้นควรรู้
คือ Postion sizing
เคยสงสัยกันมั้ยครับว่า เมื่อเราเห็นสัญญาณซื้อหุ้นเนี่ย
เราจะซื้อเท่าไหร่ดี คัทเท่าไหร่ดี
โอกาสเเพ้เราเยอะมั้ย ถ้าเเพ้จะเป็นยังไง
สำหรับมือใหม่ ผมจะแนะนำว่า เราควรจะคิด Position sizing ก่อนเทรดนะครับ
โดยส่วนตัวผม ผมจะคิดจากพอร์ตรวม
โดยผมจะหาจุดคัท (ไม่ว่าจะหลุดแนวรับ หรือเกิน % ที่เราตั้งไว้) ก่อน
แล้วดูส่วนต่างราคา แล้วค่อยนำมาหาจำนวนหุ้น
risk control นี้ เเต่ละคนอาจจะใช้ไม่เท่ากันนะครับ
เราต้องหาเองว่าจะใช้เท่าไหร่
ถามตัวเองดูครับ ว่าเรารับความเสี่ยงได้เเค่ไหน
Ex.ผมมีเงินในพอร์ต 10000 บาท
ผมรับความเสียหายต่อครั้งได้ไม่เกิน 2% ของพอร์ต (200 บาท)
ผมจะซื้อหุ้น A ราคา 2 บาท
แนวรับเดิมอยู่ที่ 1.8 บาท (ถ้าหลุดแนวรับ ผมจะขาย)
สมการคือ (loss per share)number of shares = loss
คิด position ที่เราจะ bet คือ (2-1.8)n = 200 -> n=1000
จะเห็นว่า ได้ n คือ 1000 หุ้น
ซึ่งจะได้ว่า เมื่อเราเทรดเเพ้ครั้งนี้ พอร์ตเราจะเสียหายรวม 2%
แต่ ถ้าเราชนะครั้งนี้ เราจะ let profit run ไปเท่าไหร่ ไม่มีใครรู้
การทำแบบนี้ จะช่วยให้เราคุมความเสี่ยงได้ และ บาดเจ็บไม่มาก
ผมคิดว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของความยั่งยืนนะ
เรื่องการเเบ่งไม้ อันนี้ค่อนข้างพูดยากครับ เพราะจริตการเทรดของเเต่ละคนไม่เหมือนกัน
แต่สำหรับผม ผมจะแบ่งเป็น 2 ไม้เท่านั้น โดยใช้ position เท่าๆกัน หรือ ในกรณีเล่นหุ้นเสี่ยงมาก
จะแบ่งไม้แรกเบา ไม้สองหนักกว่านิดหน่อยก็ได้ครับ อันนี้พิจารณาเอาเลย
ส่วนตัวผมจะถัวแค่ครั้งเดียว ในตอนหุ้นพักตัวอยู่หรือพึ่งพักเสร็จเท่านั้น
ถ้าพักตัวเเบบ hardcore จนหลุดแนวรับแบบไม่ยั้ง หรือ ร่วงจนเทรนเสีย ผมจะคัททันที
และข้อเสียของการเเบ่งไม้เนี่ย คือเราจะค่อนข้างมึนนะ 55555
เหมือนเป็นแนวคิดของพวก VI ที่จะใช้เมื่ออยากได้หุ้นเเบบทยอยสะสมซะมากกว่า
แต่ผมว่าสำหรับมือใหม่ ถ้าหุ้นลงแล้วไม่กล้าคัทไม่ควรถัวนะครับ
ยกเว้นมั่นใจหุ้นตัวนั้นจริงๆว่าพื้นฐานดี เล่นกันไม่เกินราคา
เพราะถ้าถัวเเล้ว มันลงหนักกว่าเดิมอีก
เราจะทำอะไรไม่ค่อยถูกครับ
ผมคิดว่าถ้าจะเล่น TA จริงๆ คิด position เเล้วยอมคัทๆไปดีกว่าครับ ผิดเเล้วต้องยอมรับผิด! ไม่ใช่ฝืน 55555
แนวคิดเกี่ยวกับการถัวเฉลี่ย
"จงถัวขาขึ้นเท่านั้น อย่าพยายามถัวขาลงเลย"
มือใหม่คงคิดว่า การถัวเฉลี่ยคือเมื่อหุ้นเราตก อยากทำให้ทุนดรอปลงมา ก็ถัว
แต่ผมอยากจะบอกว่า หุ้นขึ้นอยู่ ก็ถัวได้นะ!
มือใหม่คง งงๆ ว่า ไอบ้ากำไรอยู่จะถัวทำไมให้ทุนสูงขึ้น
คืองี้ครับ การที่เราถัวขาขึ้น จะทำให้ win ratio เราสูงกว่าการถัวขาลงเเล้วลุ้น rebound
อธิบายด้วยภาพ ละกัน
เริ้มจากภาพสยอง ของการถัวขาลง
แล้วถ้าถัวขาขึ้นหละ
ข้อดีหลักของการถัวขาขึ้นเลย คือ การเพิ่ม position นั่นเองแหละครับ
ง่ายๆคือ กำไรเราจะมากขึ้นเมื่อหุ้น run trend ไปเรื่อยๆ
ข้อเสียก็คือ เราจะเห็นทุนเราสูงขึ้น
มันรบกวนจิตใจมากๆ เวลาผมเห็น %unrealize profit ลด (ผมก็เป็น 55555)
อันนี้เป็นแนวคิดคร่าวๆ ในการรักษากำไรเเละการจำกัดความเสียหายนะครับ
วันนี้เขียนแค่นี้ก่อน ถ้ามีคนสนใจเยอะ จะเขียนตอนต่อๆไปให้ครับ
ปล.ทุกอย่างผมเขียนจากเเนวคิดของตัวเองทั้งหมด ผิดถูกยังไงขออภัยด้วยครับ
เล่นหุ้น เล่นยังไง? และ แนวคิดในการเทรดหุ้น สำหรับมือใหม่ ตอน 1 ครับ (มือเก่าก็เข้ามาอ่านได้นะ)
ผมเลยตัดสินใจเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ และ เก่า ด้วย
เล่นหุ้น เล่นยังไง ?
เป็นคำถามที่มือใหม่ทุกคนสงสัยเเน่นอนก่อนเข้าตลาดหุ้นครับ
หลักๆ การเล่นหุ้นในปัจจุบันมีอยู่ไม่กี่สาย ตามที่เห็นๆกันอยู่ก็จะมี
1.Technical analysis (TA)
2.VI
3.Hybrid (TA+VI)
4.Fund flow (สายนี้จะไม่ค่อยเห็นครับ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกกองทุนใหญ่ๆมากกว่า)
5.จินตนาการ 55555555 (อันนี้ขำๆนะ แต่มีคนใช้จริงๆ)
โดยในกระทู้นี้ ผมจะเขียนเนื้อหาเป็นของสาย TA ซะส่วนใหญ่
TA คืออะไร?
TA คือการนำกราฟมาช่วยดูแนวโน้มของราคา โดยอาศัยเรื่องจิตวิทยาหมู่มาช่วย
และ core ของ TA ที่สำคัญ คือ History repeats itself
แน่นอนว่า การที่มีคนคิด candlestick pattern,price pattern,harmonic pattern,elliot wave ขึ้นมา ใช้หลัก ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยทั้งนั้น
โดยถ้าเป็น Pure TA ตัวจริง เราจะไม่สนใจข่าวสาร งบการเงิน หรือข้อมูลอื่นๆเลย
เพราะเชื่อว่า "ราคา" คือตัวสะท้อนทุกอย่างเเล้ว รวมถึงสะท้อน อารมณ์ตลาดด้วย
ซึ่งราคา ก็นำมาสร้างกราฟสร้างอินดี้ เพื่อให้เราวิเคราะห์ต่อไป
ในนี้ผมจะไม่พูดถึงการดูกราฟนะ แต่จะพูดถึงแนวคิดเป็นส่วนใหญ่
เรื่องแรก การ Let profit run , Cut loss และการรักษากำไร
เป็นหลักพื้นฐานของ TA เลยครับ หลายๆคนคง งงๆ ว่าทำไปเพื่ออะไร
การ Let profit run เป็นการปล่อยให้พอร์ตเติบโตไปเรื่อยๆ เป็นแนวคิดเล็กๆ แต่ประโยชน์ใหญ่มว้ากกก
core ง่ายๆของแนวคิดนี้คือ buy and hold ครับ
เพราะ ถ้าเป็นมือใหม่ เราจะไม่ชำนาญเรื่องการเข้าเเละออกหุ้น
เพราะเราไม่รู้ว่า จะพักตัวจบตอนไหน พักตัวกี่วัน
พอเข้าใจใช่มั้ยครับ 55555
และระบบ buy and hold กับ การเทรดถี่ๆ
ผมว่า profit นี่ห่างกันเยอะมากๆนะครับ buy and hold ชนะขาด (ยกเว้นคุณจะเป็นเทพกราฟตัวจริง555555)
การ cut loss คืออะไร
การ cut loss เป็นการจำกัดความเสียหายของพอร์ตในกรณีที่เราเทรดแพ้
โดยจะทำให้ความเสียหายนั้นน้อยลง ซึ่งแน่นอนว่าดีกว่าการที่เรา let loss run
การรักษากำไร
เมื่อเราได้กำไรมาเยอะมากๆ และอยาก make sure ว่า เราจะกำไรแน่นอน
ผมมีวิธีง่ายๆมาเเนะนำครับ
"ขายเอาทุนออก" นั่นเองงงง
ผมขอยกตัวอย่างละกัน
Ex. ผมมีหุ้น S ราคาทุน 1 บาท 900 หุ้น
ตอนนี้ราคาตลาด 1.5 บาท
ผมจะขายเอาทุนออกมา 900 บาท ที่ราคาตลาด คือ 1.5
ผมจะขายออกมา 600 หุ้น
เราจะได้ทุนคืนมาทันที
เเละผม จะปล่อยกำไร ให้วิ่งต่อไป
พูดง่ายๆคือ position ของหุ้น ผมจะลด แต่ ผมจะกำไรแน่นอน ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง
วิธีนี้เป็นวิธีล้อคกำไรของคนที่มีกำไรมากๆนะครับ ใช้สำหรับเล่นหุ้นปั่น momentum เยอะๆ
เรื่องที่ 2 ของมือใหม่ที่จะเล่นหุ้นควรรู้
คือ Postion sizing
เคยสงสัยกันมั้ยครับว่า เมื่อเราเห็นสัญญาณซื้อหุ้นเนี่ย
เราจะซื้อเท่าไหร่ดี คัทเท่าไหร่ดี
โอกาสเเพ้เราเยอะมั้ย ถ้าเเพ้จะเป็นยังไง
สำหรับมือใหม่ ผมจะแนะนำว่า เราควรจะคิด Position sizing ก่อนเทรดนะครับ
โดยส่วนตัวผม ผมจะคิดจากพอร์ตรวม
โดยผมจะหาจุดคัท (ไม่ว่าจะหลุดแนวรับ หรือเกิน % ที่เราตั้งไว้) ก่อน
แล้วดูส่วนต่างราคา แล้วค่อยนำมาหาจำนวนหุ้น
risk control นี้ เเต่ละคนอาจจะใช้ไม่เท่ากันนะครับ
เราต้องหาเองว่าจะใช้เท่าไหร่
ถามตัวเองดูครับ ว่าเรารับความเสี่ยงได้เเค่ไหน
Ex.ผมมีเงินในพอร์ต 10000 บาท
ผมรับความเสียหายต่อครั้งได้ไม่เกิน 2% ของพอร์ต (200 บาท)
ผมจะซื้อหุ้น A ราคา 2 บาท
แนวรับเดิมอยู่ที่ 1.8 บาท (ถ้าหลุดแนวรับ ผมจะขาย)
สมการคือ (loss per share)number of shares = loss
คิด position ที่เราจะ bet คือ (2-1.8)n = 200 -> n=1000
จะเห็นว่า ได้ n คือ 1000 หุ้น
ซึ่งจะได้ว่า เมื่อเราเทรดเเพ้ครั้งนี้ พอร์ตเราจะเสียหายรวม 2%
แต่ ถ้าเราชนะครั้งนี้ เราจะ let profit run ไปเท่าไหร่ ไม่มีใครรู้
การทำแบบนี้ จะช่วยให้เราคุมความเสี่ยงได้ และ บาดเจ็บไม่มาก
ผมคิดว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของความยั่งยืนนะ
เรื่องการเเบ่งไม้ อันนี้ค่อนข้างพูดยากครับ เพราะจริตการเทรดของเเต่ละคนไม่เหมือนกัน
แต่สำหรับผม ผมจะแบ่งเป็น 2 ไม้เท่านั้น โดยใช้ position เท่าๆกัน หรือ ในกรณีเล่นหุ้นเสี่ยงมาก
จะแบ่งไม้แรกเบา ไม้สองหนักกว่านิดหน่อยก็ได้ครับ อันนี้พิจารณาเอาเลย
ส่วนตัวผมจะถัวแค่ครั้งเดียว ในตอนหุ้นพักตัวอยู่หรือพึ่งพักเสร็จเท่านั้น
ถ้าพักตัวเเบบ hardcore จนหลุดแนวรับแบบไม่ยั้ง หรือ ร่วงจนเทรนเสีย ผมจะคัททันที
และข้อเสียของการเเบ่งไม้เนี่ย คือเราจะค่อนข้างมึนนะ 55555
เหมือนเป็นแนวคิดของพวก VI ที่จะใช้เมื่ออยากได้หุ้นเเบบทยอยสะสมซะมากกว่า
แต่ผมว่าสำหรับมือใหม่ ถ้าหุ้นลงแล้วไม่กล้าคัทไม่ควรถัวนะครับ
ยกเว้นมั่นใจหุ้นตัวนั้นจริงๆว่าพื้นฐานดี เล่นกันไม่เกินราคา
เพราะถ้าถัวเเล้ว มันลงหนักกว่าเดิมอีก
เราจะทำอะไรไม่ค่อยถูกครับ
ผมคิดว่าถ้าจะเล่น TA จริงๆ คิด position เเล้วยอมคัทๆไปดีกว่าครับ ผิดเเล้วต้องยอมรับผิด! ไม่ใช่ฝืน 55555
แนวคิดเกี่ยวกับการถัวเฉลี่ย
"จงถัวขาขึ้นเท่านั้น อย่าพยายามถัวขาลงเลย"
มือใหม่คงคิดว่า การถัวเฉลี่ยคือเมื่อหุ้นเราตก อยากทำให้ทุนดรอปลงมา ก็ถัว
แต่ผมอยากจะบอกว่า หุ้นขึ้นอยู่ ก็ถัวได้นะ!
มือใหม่คง งงๆ ว่า ไอบ้ากำไรอยู่จะถัวทำไมให้ทุนสูงขึ้น
คืองี้ครับ การที่เราถัวขาขึ้น จะทำให้ win ratio เราสูงกว่าการถัวขาลงเเล้วลุ้น rebound
อธิบายด้วยภาพ ละกัน
เริ้มจากภาพสยอง ของการถัวขาลง
แล้วถ้าถัวขาขึ้นหละ
ข้อดีหลักของการถัวขาขึ้นเลย คือ การเพิ่ม position นั่นเองแหละครับ
ง่ายๆคือ กำไรเราจะมากขึ้นเมื่อหุ้น run trend ไปเรื่อยๆ
ข้อเสียก็คือ เราจะเห็นทุนเราสูงขึ้น
มันรบกวนจิตใจมากๆ เวลาผมเห็น %unrealize profit ลด (ผมก็เป็น 55555)
อันนี้เป็นแนวคิดคร่าวๆ ในการรักษากำไรเเละการจำกัดความเสียหายนะครับ
วันนี้เขียนแค่นี้ก่อน ถ้ามีคนสนใจเยอะ จะเขียนตอนต่อๆไปให้ครับ
ปล.ทุกอย่างผมเขียนจากเเนวคิดของตัวเองทั้งหมด ผิดถูกยังไงขออภัยด้วยครับ