การลงทุนในหุ้นนั้น มีความเสี่ยงมากมาย
เลือกหุ้นดี ที่ใครเขาก็รู้ ราคาก็ไม่วิ่ง
แถมอาจโดนปัจจัยภายนอกถาโถม กระทืบเข้าใส่
หรือไม่ก็ถือจนใจเหี่ยวแห้ง ไม่ขึ้นสักที
ปลอบใจตัวเอง รอปันผลก็ได้
บางทีเลือกหุ้นเสี่ยงหน่อย แต่ใจไม่กล้าพอ เพราะความรู้ไม่ถึง
ชนิดที่เรียกว่า ถูกตัว แต่ไม่ค่อยถูกใจ
พอกำไรนิดหน่อยก็ปล่อยแล้ว กำขี้ดีกว่ากำตด
สุดท้ายมันวิ่งไป 5 เด้ง ไม่กล้าตาม ได้แต่มองตาปริบ ๆ
แต่ที่แสบสุด สะดุดขาตัวเอง ตกกะได หัวน๊อคพื้น ก็คือ
ซื้อแล้วร่วง แต่มั่นมาก ไม่คัท ไม่ขายไม่ขาดทุน
จนขาดทุนป่นปี้ จี๋ยังไงก็ไม่ขำ ช้ำในไปหลายเดือน
ก็เพราะรักมันมากไป ไม่มีการบริหารจัดการที่ดี
สุดท้ายคือ พวกคัทแล้วเลิก หมดกัน ความมั่นใจไม่เหลือ
ทุนหาย หมดตัว ไม่เคยเรียนรู้จากประสบการ ไม่คิดแก้ไข
พวกนี้คือ เหยื่อ ชั้นดีของตลาดหุ้น ที่ทางการระดมกันเข้ามา
เป็นสีสรร เป็นเหยื่อให้นักล่าในตลาดหุ้นทั้งหลาย
ดังนั้นในตลาดหุ้น จึงมีคนประสบความสำเร็จเพียงร้อยละ 10
ส่วนร้อยละ 90 ได้นิดหน่อย เสมอตัว และขาดทุน สลับกันไปมา
คนโง่ ในตลาดหุ้น จึงเยอะ เป็นเหยี่อให้คนฉลาด
คนโง่ จึงไม่ควรอยู่ในตลาดโดยลำพัง
และไม่ควรอยู่รวมกันกับคนโง่ด้วยกัน
แต่ควรจะศึกษาตัวตนเองให้มากขึ้น เก่งขึ้น ฉลาดขึ้น
และขอคำแนะนำจากคนฉลาด ที่คิดว่าเขาเป็นคนดี
จะได้เป็นแนวทางที่ถูกต้อง
และควรระวัง คำแนะนำ ของคนฉลาดแกมโกง
ที่ต้องการกำไร จากคนโง่เช่นกัน
ดังนั้น คนโง่ ทุกคนควรหาความรู้ เพื่อเป็นภูมิคุ้นกันให้ตัวเอง ก่อนลงทุนในตลาดหุ้น
คนโง่ ย่อมเป็นเหยื่อของ คนฉลาด?
เลือกหุ้นดี ที่ใครเขาก็รู้ ราคาก็ไม่วิ่ง
แถมอาจโดนปัจจัยภายนอกถาโถม กระทืบเข้าใส่
หรือไม่ก็ถือจนใจเหี่ยวแห้ง ไม่ขึ้นสักที
ปลอบใจตัวเอง รอปันผลก็ได้
บางทีเลือกหุ้นเสี่ยงหน่อย แต่ใจไม่กล้าพอ เพราะความรู้ไม่ถึง
ชนิดที่เรียกว่า ถูกตัว แต่ไม่ค่อยถูกใจ
พอกำไรนิดหน่อยก็ปล่อยแล้ว กำขี้ดีกว่ากำตด
สุดท้ายมันวิ่งไป 5 เด้ง ไม่กล้าตาม ได้แต่มองตาปริบ ๆ
แต่ที่แสบสุด สะดุดขาตัวเอง ตกกะได หัวน๊อคพื้น ก็คือ
ซื้อแล้วร่วง แต่มั่นมาก ไม่คัท ไม่ขายไม่ขาดทุน
จนขาดทุนป่นปี้ จี๋ยังไงก็ไม่ขำ ช้ำในไปหลายเดือน
ก็เพราะรักมันมากไป ไม่มีการบริหารจัดการที่ดี
สุดท้ายคือ พวกคัทแล้วเลิก หมดกัน ความมั่นใจไม่เหลือ
ทุนหาย หมดตัว ไม่เคยเรียนรู้จากประสบการ ไม่คิดแก้ไข
พวกนี้คือ เหยื่อ ชั้นดีของตลาดหุ้น ที่ทางการระดมกันเข้ามา
เป็นสีสรร เป็นเหยื่อให้นักล่าในตลาดหุ้นทั้งหลาย
ดังนั้นในตลาดหุ้น จึงมีคนประสบความสำเร็จเพียงร้อยละ 10
ส่วนร้อยละ 90 ได้นิดหน่อย เสมอตัว และขาดทุน สลับกันไปมา
คนโง่ ในตลาดหุ้น จึงเยอะ เป็นเหยี่อให้คนฉลาด
คนโง่ จึงไม่ควรอยู่ในตลาดโดยลำพัง
และไม่ควรอยู่รวมกันกับคนโง่ด้วยกัน
แต่ควรจะศึกษาตัวตนเองให้มากขึ้น เก่งขึ้น ฉลาดขึ้น
และขอคำแนะนำจากคนฉลาด ที่คิดว่าเขาเป็นคนดี
จะได้เป็นแนวทางที่ถูกต้อง
และควรระวัง คำแนะนำ ของคนฉลาดแกมโกง
ที่ต้องการกำไร จากคนโง่เช่นกัน
ดังนั้น คนโง่ ทุกคนควรหาความรู้ เพื่อเป็นภูมิคุ้นกันให้ตัวเอง ก่อนลงทุนในตลาดหุ้น