สวัสดีค่ะ
เพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน ช่วงนี้กระแสฮอร์โมน 2 มาแรงมากใช่มั้ยค่ะ ถ้าหากใครได้ดูตอนที่ 3 ตอนเต้ย ซึ่งเนื้อหาเกี่ยวกับครูที่โรงเรียนทำอนาจารย์เด็ก และช่วงนี้ก็มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับการข่มขืนบ้าง อนาจารย์เด็กบ้าง มันทำให้หนูคิดถึงเรื่องราวในอดีตเรื่องนึง ที่เกิดขึ้นกับหนูเอง และนี่เป็นกระทู้แรกที่หนูจะมาแบ่งปันเรื่องราวของหนู ซึ่งก็น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับพ่อแม่หลายๆคน อาจจะเล่าได้ไม่ดีนักนะคะ เพิ่งจะหัดค่ะสาวแว่น
เรื่องราวเกิดขึ้น เมื่อ 10 กว่าปีก่อนค่ะ ตอนนั้นหนูอายุ ประมาน 9 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.3 หนูได้รับคัดเลือกไปเป็นตัวแทนโรงเรียนเข้าแข่งขันบรรยายธรรมะในระดับภาคใต้ค่ะ ซึ่งการเป็นตัวแทนไปบรรยายธรรมะของหนู ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้
ตอนนัน หลังจากที่หนูได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนแล้ว ช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่สอบไฟนอลเสร็จพอดี หนูจำเป็นจะต้องไปเก็บตัวเพื่อซ้อมเนื้อหาหัวข้อในการบรรยายธรรมะค่ะ ที่บ้านของคุณครูซึ่งเป็นครูที่จะคอยดูแลในเรื่องการบรรยายธรรมะครั้งนี้ ครูของหนูมี 2 ท่านค่ะ ท่านทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ทั้งสองท่านเป็นครูที่ใจดีมีเมตตา รักเด็ก มีคุณธรรม และหนูก็รักท่านทั้งสองมาก หนูของเรียกชื่อครูทั้งสอง ว่าครูน้อย กับครูรัตน์นะค่ะ ครูน้อยเป็นครูผู้หญิงที่หนูรักมากๆ ท่านเป็นครูประจำชั้นตอนหนูเรียน ป.2 เพราะฉะนั้นแล้ว พ่อแม่ของหนูจึงอนุญาตให้หนูไปเก็บตัวที่บ้านครูได้ เพราะการไปเก็บตัวที่บ้านของครู จะดีต่อการซ้อมเนื้อหาการบรรยายของหนูมากกว่าซ้อมที่บ้านเอง พ่อแม่ก็ไว้ใจครูทั้งสองเพราะท่านเป็นครูที่ดีกับฉันมากๆ ฉันไปเก็บตัวพร้อมกับรุ่นน้องผู้หญิงอีก1คน ซึ่งน้องก็สนิทกับครูมาก น้องจึงขออนุญาตไปอยู่บ้านครูกับฉันด้วย และพี่ชายอีก1คน ซึ่งก็เป็นตัวแทนไปบรรยายธรรมะด้วย พวกเรา3คน ไปอยู่บ้านของครูน้อยและครูรัตน์ บ้านของท่านน่าอยู่เต็มไปด้วยต้นไม้ เพราะท่านมีที่ดินเยอะและชอบทำสวน ตลอดเวลาที่เรา3คน พักที่บ้านของครูทั้งสอง ท่านก็รักและดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ท่านมีลูก 3 คน ซึ่งแต่ละคนหน้าตาดี มีการศึกษากันทั้งคน หนูยิ่งรู้สึกว่า ครูของหนูเป็นพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกได้ดีมากๆ หนูยิ่งรักและเคารพครูทั้งสองเหมือนพ่อแม่ของหนูจริงๆ
เวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือน ถึงเวลาเข้าแข่งขันบรรยายธรรมะแล้ว ผลออกมาปรากฏว่าหนูได้รับรางวัลรองอันดับ 1 พี่ชายอีกคนไม่ได้เข้ารอบ หนูดีใจมากๆ เพราะถือเป็นความสำเร็จได้สร้างชื่อเสียงของโรงเรียน และหนูก็เป็นตัวแทนโรงเรียนเป็นปีแรกด้วย หนูรีบขอบคุณครูน้อยและครูรัตน์ที่ดูแลและซักซ้อมเนื้อหามาดี จนหนูได้รับรางวัล และได้เข้ารอบเป็น 1 ใน 2 ในการเข้าแข่งขันระดับประเทศที่จังหวัดนครปฐม และจะมีแข่งขันในรอบนี้อีก 1 เดือนข้างหน้า หลังจากที่หนูได้รางวัล หนูก็กลับมาเพื่อมาบอกข่าวดีแก่พ่อแม่ของหนู พ่อแม่ของหนูท่านก็ดีใจมากๆ และอนุญาตให้หนูไปเก็บตัวที่บ้านของครูต่อได้ คราวนี้หนูกลับมาคนเดียว เพราะน้องอีกคน พ่อแม่ขอให้กลับไปช่วยงานที่บ้าน และพี่ชายก็กลับบ้านไปหลังจากไม่ได้เข้ารอบ หนูก็รู้สึกเหงาๆ ที่ต้องอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อนเล่น และการที่หนูอยู่ตามลำพัง ตามลำพังกับครูทั้งสอง เรื่องราวที่หนูจะไม่มีวันลืมก็เกิดขึ้น
หนูซ้อมเนื้อหาที่จะบรรยาย ตามปกติของหนูทุกวัน และมาช่วงหลังๆครูรัตน์มีท่าทางมองหนูแปลกๆ และชอบทำตาหวานๆใส่ แต่หนูก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไร เพราะท่านก็มากอายุแล้ว อาจจะเอ็นดูหนูก็เท่านั้น แต่อยู่มาวันนึง ครูน้อยไปตลาด หนูไม่ได้ไปด้วย หนูก็ซ้อมบทบรรยายตามปกติ จู่ๆครูรัตน์ก็เอามือมาจับที่น้องสาวของหนู หนูตกใจมาก และก็สะบัดตัวเดินหนีไป ในใจตอนนั้นรู้สึกไม่ดีมากๆ ครูรัตน์ก็พูดว่า "ครูแค่ทดสอบความอดทน" แต่หนูก็ยังรู้สึกไม่ดี ยอมรับเลยนะคะ ว่าตอนนั้น หนูอายุน้อยมาก ที่จะประสีประสาในเรื่องของเพศ หรืออะไรพวกนี้ ไม่เหมือนเด็กในสมัยนี้ที่โรงเรียนมีสอนกันแล้ว หนูไม่กล้าเล่าให้พ่อแม่ฟัง ประกอบกับตอนนั้น การติดต่อสื่อสารก็ไม่ได้สะดวกเหมือนตอนนี้ โทรศัพท์ก็ยังไม่มีใช้แพร่หลายเหมือนปัจจุบัน หลังจากวันนั้น ครูรัตน์ก็ทำแบบนี้กับหนูอีกหลายครั้ง ในตอนที่ครูน้อยไม่อยู่ ตอนนั้นหนูคิดว่าครูน้อยคงไม่รู้ ว่าครูรัตน์ทำแบบนี้กับหนู แต่ตอนนี้หนูรู้แล้วคะ ว่าครูน้อยรู้ แต่ท่านทำอะไรไม่ได้ ในเวลานั้นหนูรู้สึกเหมือนครูน้อยพยายามไม่ปล่อยให้หนูอยู่คนเดียว โดยเฉพาะตอนนอน ท่านจะมานอนเป็นเพื่อนจนหนูหลับ และล็อคประตูให้หนูเสมอ หนูสังเกตว่าบางครั้งครูมีอาการเศร้าก็มี แต่โชคดีนะคะ ที่หนูไม่ได้โดนล่วงเกินไปมากกว่านี้ เพราะหนูก็เริ่มที่จะระวังตัวมากขึ้น หลังจากเดินทางไปบรรยายธรรมะในระดับประเทศแล้ว หนูไม่ได้รับรางวัลอะไรค่ะ แต่ถือว่าไปหาประสบการณ์ หนูกลับบ้านไป ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลยค่ะ เพราะหนูอาย กลัวพ่อแม่จะต่อว่า และอยากจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดซะ ให้หนูรู้แค่คนเดียวก็พอ
แต่ที่สุดแล้ว ความลับก็ไม่มีในโลกค่ะ เวลาผ่านไปหลายปีมาก จนหนูเรียนมอปลายแล้ว หนูลืมเรื่องราวทั้งหมดไปแล้วค่ะ และก็ไม่คิดที่จะรื้อฟื้ออะไรอีก แต่อยู่มาวันนึง วันนั้นหนูกลับไปบ้านค่ะ ปกติหนูจะเรียนอยู่ในเมือง นานๆจะกลับบ้านสักครั้ง น้องสาวก็เอ่ยขึ้นมาว่า มีเพื่อนมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับครูรัตน์ ว่าครูรัตน์เคยล่วงเกินเพื่อนของน้อง โดยวิธีการเดียวกับหนูเลยค่ะ พอน้องเล่าให้แม่ฟังแค่นั้นแหละค่ะ ความทรงจำในอดีตที่พยายามลืมกลับมาอีกครั้ง เชื่อมั้ยค่ะ ว่าแม่ของหนูไม่เชื่อที่น้องพูดค่ะ แต่แม่ก็ให้น้องเล่าต่อจนจบ น้องเล่าว่า มีเพื่อนๆและเด็กอีกหลายคนที่โดนกระทำแบบนั้น โดยเพื่อนของน้องสาวหนู ก็เป็นตัวแทนไปบรรยายธรรมะเหมือนกับหนูคะ และโดนกระทำแบบเดียวกันเลย หนูอึ้งไปเลยค่ะ เพราะประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยเดิมไปกี่ครั้งหนูก็ไม้รู้ น้องสาวของหนูเล่าตามที่รู้ให้แม่ฟังทั้งหมด แม่ก็เลยหันมาที่หนูค่ะ และก็ถามคำถามที่หนูปกติตำตอบมาตลอดหลายปี และแม่ก็บอกว่าหากหนูโดนกระทำแบบนั้น แม่จะไปเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และคำตอบที่ออกจากปากหนู ทุกคนคงทายได้นะคะ หนูเล่าความจริงที่ปกปิดมานานทั้งหมดให้แม่ฟังคะ แม่ของหนูปรี๊ดแตกเลยคะ รีบขับรถออกไป และบอกว่าแม่จะเอาครูคนนั้นเข้าคุกให้ได้ แล้วแม่ก็ขี่รถออกไปเลยคะ แม่ของหนูเล่าความจริงให้กับพ่อแม่ของเด็กที่น้องสาวของหนูเล่าให้ฟังเกือบทุกคน พ่อแม่บางคนไม่เชื่อคะ แต่ก็ต้องตกใจเพราะลูกยอมรับว่าโดนกระทำแบบนั้นจริงๆ เด็กบางคนไม่ยอมรับคะ เพราะอายกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่พอพ่อแม่คาดคั้นก็ยอมรับจนได้ ตอนที่แม่เล่าให้พ่อแม่ของเด็กๆฟัง ไม่มีใครเชื่อเลยนะคะ เพราะภาพครูที่แสนดี ใจดีมีเมตตา มีคุณธรรมแบบสุดๆ อีกนิดนึงก็จะเป็นพระแล้วค่ะ ไม่มีใครคาดคิดว่าครูที่อยู่ในศีลในธรรมมาตลอด จะกลายเป็นครูหื่น ล่วงเกิน ทำอนาจารย์ แม้แต่เด็กเล็กๆ อนุบาลด้วยซ้ำไป น้องเคยเล่าให้แม่ฟังแล้วนะคะ แต่แม่ไม่เชื่อ จนครั้งนี้แม่ได้รับคำยืนยันจากหนู แม่เลยเชื่อค่ะ น้องเล่าอีกว่า ครูรัตน์ชอบให้เด็กนั่งตักค่ะ และไล่เด็กคนอื่นในห้องออกไป แล้วทำอนาจารย์เด็ก เด็กตัวเล็กๆ ยังไม่ประสีประสาอะไรเลยนะคะ ยังทำได้ลงคอ แม่ของหนูเป็นตัวตั้งตัวตีรวมตัวกับผู้ปกครองของเด็กหลายคนที่ถูกกระทำ เข้าร้องเรียนกับ ผอ.โรงเรียน ทาง ผอ.ทราบข่าวตกใจมากๆ เพราะไม่คิดว่าครูคนนั้นจะทำได้ถึงเพียงนี้ และได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน และดำเนินคดีคะ แต่ที่ฉันตกใจยิ่งกว่านั้น นอกจากครูรัตน์แล้ว ก็ยังมีครูผู้ชายอีกคนนึง ที่ผู้ปกครองของเด็กได้กล่าวหาด้วย ว่ามีพฤติกรรมแบบนี้ สรุปว่า ครูทั้งสอง โดนสอบสวนทั้งคู่ และจากคำสารภาพของเด็กที่ถูกกระทำ ครูทั้งสองดิ้นไม่หลุดคะ กลายเป็นข่าวดังไปเลย ลงหนังสือพิมพ์ด้วยนะคะตอนนั้น หนูได้อ่านข่าว แต่เสียดายไม่ได้บอกชื่อจริงๆ ของครูเลวๆคนนั้นด้วย แต่ที่โชคดี คือ น้องสาวของหนูไม่โดนด้วยคะ เพราะน้องสาวเป็นญาติกับครูรัตน์ค่ะ ซึ่งน้องสาวเป็นลูกต่างพ่อกับหนู หนูจึงไม่ได้เป็นญาติกับครู ในตอนนั้นแม่ของหนูไปที่โรงเรียน และต่อว่าครูน้อย ซึ่งเป็นภรรยาของครูรัตน์ แม่ต่อว่าสารพัดที่ครูพาหนูไปให้ครูรัตน์ล่วงเกิน ครูน้อยพูดได้แต่คำว่าขอโทษคะ เพราะท่านคงไม่อยากแก้ตัวอะไร ลึกๆแล้วหนูไม่เคยเลิกนับถือครูน้อยเลยนะคะ เพราะหนูสนิทกับครูน้อยมาตั้งแต่เข้าอนุบาล ซึ่งตอนนั้นครูรัตน์ยังไม่ได้ย้ายมาประจำ ครูน้อยเป็นครูใจดีกับเด็กจริงๆค่ะ แต่ท่านคงจะน้ำท่วมปากที่พูดอะไรก็ไม่ได้ ทำได้แค่พยายามป้องกัน หนูสงสารครูค่ะ ท่านคงทนอยู่ที่โรงเรียนนั้นไม่ได้อีกแล้ว ครูรัตน์ก็โดนออกจากราชการ และอาจจะติดคุกด้วยซ้ำ หนูไม่คิดเลยว่าเรื่องราวที่หนูปิดปังไว้ ไม่อยากให้ใครรู้ มันจะทำให้น้องๆ หลายๆคน ต้องเดือดร้อน ถ้าหนูบอกเรื่องนี้กับแม่ตั้งแต่ตอนนั้น เรื่องราวก็คงจบไปตั้งนานแล้ว หนูรู้สึกผิดมากๆ ตั้งแต่นั้นมา หนูไม่เคยติดต่อกับครูทั้งสองอีกเลย ตอนนี้หนูปี 4 แล้วค่ะ จนกลับบ้านไปล่าสุด หนูได้ถามถึงครูทั้ง2 ที่ถูกสอบสวนเมื่อตอนนั้น ปรากฏว่า ครูอีกคนโดนตัดสินจำคุก 4 ปี แต่ครูรัตน์ไม่แน่ใจคะว่าคดีตัดสินไปหรือยัง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ หนูไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายได้ขนาดนี้ มันทำให้หนูได้คิด ว่าหนูไม่ควรไว้ใจใครง่ายๆ แม้แต่ครูที่หนูคิดและใครๆคิดว่าดีแสนดี คุณธรรมสุดๆ แต่เบื้องหลังกลับเลวร้ายได้ขนาดนี้ คนเรานี่มันดูยากจริงๆนะคะ อย่าว่าแต่คนแปลกหน้า คนสนิทก็ยังไว้ใจไม่ได้เลย
สุดท้ายนี้ก็ ขอให้พ่อแม่ทุกคนดูแลลูกหลานกันดีๆ นะคะ หากลูกเกิดอะไรผิดปกติให้รีบถาม หรือลูกเล่าอะไรให้ฟัง ก็พยายามฟังนะคะ เพราะไม่เช่นนั้นจะเหมือนแม่ของหนู ที่ไม่เชื่อน้องสาวตั้งแต่แรก
ขอบคุณทุกท่านที่รับฟังนะคะ และขออภัยหากเล่าได้ไม่ดีเท่าไหร่
ขออภัยนะคะ มาตั้งในกระทู้คำถาม
ครูคุณธรรมอนาจารย์เด็ก
เรื่องราวเกิดขึ้น เมื่อ 10 กว่าปีก่อนค่ะ ตอนนั้นหนูอายุ ประมาน 9 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.3 หนูได้รับคัดเลือกไปเป็นตัวแทนโรงเรียนเข้าแข่งขันบรรยายธรรมะในระดับภาคใต้ค่ะ ซึ่งการเป็นตัวแทนไปบรรยายธรรมะของหนู ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้
ตอนนัน หลังจากที่หนูได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนแล้ว ช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่สอบไฟนอลเสร็จพอดี หนูจำเป็นจะต้องไปเก็บตัวเพื่อซ้อมเนื้อหาหัวข้อในการบรรยายธรรมะค่ะ ที่บ้านของคุณครูซึ่งเป็นครูที่จะคอยดูแลในเรื่องการบรรยายธรรมะครั้งนี้ ครูของหนูมี 2 ท่านค่ะ ท่านทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ทั้งสองท่านเป็นครูที่ใจดีมีเมตตา รักเด็ก มีคุณธรรม และหนูก็รักท่านทั้งสองมาก หนูของเรียกชื่อครูทั้งสอง ว่าครูน้อย กับครูรัตน์นะค่ะ ครูน้อยเป็นครูผู้หญิงที่หนูรักมากๆ ท่านเป็นครูประจำชั้นตอนหนูเรียน ป.2 เพราะฉะนั้นแล้ว พ่อแม่ของหนูจึงอนุญาตให้หนูไปเก็บตัวที่บ้านครูได้ เพราะการไปเก็บตัวที่บ้านของครู จะดีต่อการซ้อมเนื้อหาการบรรยายของหนูมากกว่าซ้อมที่บ้านเอง พ่อแม่ก็ไว้ใจครูทั้งสองเพราะท่านเป็นครูที่ดีกับฉันมากๆ ฉันไปเก็บตัวพร้อมกับรุ่นน้องผู้หญิงอีก1คน ซึ่งน้องก็สนิทกับครูมาก น้องจึงขออนุญาตไปอยู่บ้านครูกับฉันด้วย และพี่ชายอีก1คน ซึ่งก็เป็นตัวแทนไปบรรยายธรรมะด้วย พวกเรา3คน ไปอยู่บ้านของครูน้อยและครูรัตน์ บ้านของท่านน่าอยู่เต็มไปด้วยต้นไม้ เพราะท่านมีที่ดินเยอะและชอบทำสวน ตลอดเวลาที่เรา3คน พักที่บ้านของครูทั้งสอง ท่านก็รักและดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ท่านมีลูก 3 คน ซึ่งแต่ละคนหน้าตาดี มีการศึกษากันทั้งคน หนูยิ่งรู้สึกว่า ครูของหนูเป็นพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกได้ดีมากๆ หนูยิ่งรักและเคารพครูทั้งสองเหมือนพ่อแม่ของหนูจริงๆ
เวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือน ถึงเวลาเข้าแข่งขันบรรยายธรรมะแล้ว ผลออกมาปรากฏว่าหนูได้รับรางวัลรองอันดับ 1 พี่ชายอีกคนไม่ได้เข้ารอบ หนูดีใจมากๆ เพราะถือเป็นความสำเร็จได้สร้างชื่อเสียงของโรงเรียน และหนูก็เป็นตัวแทนโรงเรียนเป็นปีแรกด้วย หนูรีบขอบคุณครูน้อยและครูรัตน์ที่ดูแลและซักซ้อมเนื้อหามาดี จนหนูได้รับรางวัล และได้เข้ารอบเป็น 1 ใน 2 ในการเข้าแข่งขันระดับประเทศที่จังหวัดนครปฐม และจะมีแข่งขันในรอบนี้อีก 1 เดือนข้างหน้า หลังจากที่หนูได้รางวัล หนูก็กลับมาเพื่อมาบอกข่าวดีแก่พ่อแม่ของหนู พ่อแม่ของหนูท่านก็ดีใจมากๆ และอนุญาตให้หนูไปเก็บตัวที่บ้านของครูต่อได้ คราวนี้หนูกลับมาคนเดียว เพราะน้องอีกคน พ่อแม่ขอให้กลับไปช่วยงานที่บ้าน และพี่ชายก็กลับบ้านไปหลังจากไม่ได้เข้ารอบ หนูก็รู้สึกเหงาๆ ที่ต้องอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อนเล่น และการที่หนูอยู่ตามลำพัง ตามลำพังกับครูทั้งสอง เรื่องราวที่หนูจะไม่มีวันลืมก็เกิดขึ้น
หนูซ้อมเนื้อหาที่จะบรรยาย ตามปกติของหนูทุกวัน และมาช่วงหลังๆครูรัตน์มีท่าทางมองหนูแปลกๆ และชอบทำตาหวานๆใส่ แต่หนูก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไร เพราะท่านก็มากอายุแล้ว อาจจะเอ็นดูหนูก็เท่านั้น แต่อยู่มาวันนึง ครูน้อยไปตลาด หนูไม่ได้ไปด้วย หนูก็ซ้อมบทบรรยายตามปกติ จู่ๆครูรัตน์ก็เอามือมาจับที่น้องสาวของหนู หนูตกใจมาก และก็สะบัดตัวเดินหนีไป ในใจตอนนั้นรู้สึกไม่ดีมากๆ ครูรัตน์ก็พูดว่า "ครูแค่ทดสอบความอดทน" แต่หนูก็ยังรู้สึกไม่ดี ยอมรับเลยนะคะ ว่าตอนนั้น หนูอายุน้อยมาก ที่จะประสีประสาในเรื่องของเพศ หรืออะไรพวกนี้ ไม่เหมือนเด็กในสมัยนี้ที่โรงเรียนมีสอนกันแล้ว หนูไม่กล้าเล่าให้พ่อแม่ฟัง ประกอบกับตอนนั้น การติดต่อสื่อสารก็ไม่ได้สะดวกเหมือนตอนนี้ โทรศัพท์ก็ยังไม่มีใช้แพร่หลายเหมือนปัจจุบัน หลังจากวันนั้น ครูรัตน์ก็ทำแบบนี้กับหนูอีกหลายครั้ง ในตอนที่ครูน้อยไม่อยู่ ตอนนั้นหนูคิดว่าครูน้อยคงไม่รู้ ว่าครูรัตน์ทำแบบนี้กับหนู แต่ตอนนี้หนูรู้แล้วคะ ว่าครูน้อยรู้ แต่ท่านทำอะไรไม่ได้ ในเวลานั้นหนูรู้สึกเหมือนครูน้อยพยายามไม่ปล่อยให้หนูอยู่คนเดียว โดยเฉพาะตอนนอน ท่านจะมานอนเป็นเพื่อนจนหนูหลับ และล็อคประตูให้หนูเสมอ หนูสังเกตว่าบางครั้งครูมีอาการเศร้าก็มี แต่โชคดีนะคะ ที่หนูไม่ได้โดนล่วงเกินไปมากกว่านี้ เพราะหนูก็เริ่มที่จะระวังตัวมากขึ้น หลังจากเดินทางไปบรรยายธรรมะในระดับประเทศแล้ว หนูไม่ได้รับรางวัลอะไรค่ะ แต่ถือว่าไปหาประสบการณ์ หนูกลับบ้านไป ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลยค่ะ เพราะหนูอาย กลัวพ่อแม่จะต่อว่า และอยากจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดซะ ให้หนูรู้แค่คนเดียวก็พอ
แต่ที่สุดแล้ว ความลับก็ไม่มีในโลกค่ะ เวลาผ่านไปหลายปีมาก จนหนูเรียนมอปลายแล้ว หนูลืมเรื่องราวทั้งหมดไปแล้วค่ะ และก็ไม่คิดที่จะรื้อฟื้ออะไรอีก แต่อยู่มาวันนึง วันนั้นหนูกลับไปบ้านค่ะ ปกติหนูจะเรียนอยู่ในเมือง นานๆจะกลับบ้านสักครั้ง น้องสาวก็เอ่ยขึ้นมาว่า มีเพื่อนมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับครูรัตน์ ว่าครูรัตน์เคยล่วงเกินเพื่อนของน้อง โดยวิธีการเดียวกับหนูเลยค่ะ พอน้องเล่าให้แม่ฟังแค่นั้นแหละค่ะ ความทรงจำในอดีตที่พยายามลืมกลับมาอีกครั้ง เชื่อมั้ยค่ะ ว่าแม่ของหนูไม่เชื่อที่น้องพูดค่ะ แต่แม่ก็ให้น้องเล่าต่อจนจบ น้องเล่าว่า มีเพื่อนๆและเด็กอีกหลายคนที่โดนกระทำแบบนั้น โดยเพื่อนของน้องสาวหนู ก็เป็นตัวแทนไปบรรยายธรรมะเหมือนกับหนูคะ และโดนกระทำแบบเดียวกันเลย หนูอึ้งไปเลยค่ะ เพราะประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยเดิมไปกี่ครั้งหนูก็ไม้รู้ น้องสาวของหนูเล่าตามที่รู้ให้แม่ฟังทั้งหมด แม่ก็เลยหันมาที่หนูค่ะ และก็ถามคำถามที่หนูปกติตำตอบมาตลอดหลายปี และแม่ก็บอกว่าหากหนูโดนกระทำแบบนั้น แม่จะไปเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และคำตอบที่ออกจากปากหนู ทุกคนคงทายได้นะคะ หนูเล่าความจริงที่ปกปิดมานานทั้งหมดให้แม่ฟังคะ แม่ของหนูปรี๊ดแตกเลยคะ รีบขับรถออกไป และบอกว่าแม่จะเอาครูคนนั้นเข้าคุกให้ได้ แล้วแม่ก็ขี่รถออกไปเลยคะ แม่ของหนูเล่าความจริงให้กับพ่อแม่ของเด็กที่น้องสาวของหนูเล่าให้ฟังเกือบทุกคน พ่อแม่บางคนไม่เชื่อคะ แต่ก็ต้องตกใจเพราะลูกยอมรับว่าโดนกระทำแบบนั้นจริงๆ เด็กบางคนไม่ยอมรับคะ เพราะอายกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่พอพ่อแม่คาดคั้นก็ยอมรับจนได้ ตอนที่แม่เล่าให้พ่อแม่ของเด็กๆฟัง ไม่มีใครเชื่อเลยนะคะ เพราะภาพครูที่แสนดี ใจดีมีเมตตา มีคุณธรรมแบบสุดๆ อีกนิดนึงก็จะเป็นพระแล้วค่ะ ไม่มีใครคาดคิดว่าครูที่อยู่ในศีลในธรรมมาตลอด จะกลายเป็นครูหื่น ล่วงเกิน ทำอนาจารย์ แม้แต่เด็กเล็กๆ อนุบาลด้วยซ้ำไป น้องเคยเล่าให้แม่ฟังแล้วนะคะ แต่แม่ไม่เชื่อ จนครั้งนี้แม่ได้รับคำยืนยันจากหนู แม่เลยเชื่อค่ะ น้องเล่าอีกว่า ครูรัตน์ชอบให้เด็กนั่งตักค่ะ และไล่เด็กคนอื่นในห้องออกไป แล้วทำอนาจารย์เด็ก เด็กตัวเล็กๆ ยังไม่ประสีประสาอะไรเลยนะคะ ยังทำได้ลงคอ แม่ของหนูเป็นตัวตั้งตัวตีรวมตัวกับผู้ปกครองของเด็กหลายคนที่ถูกกระทำ เข้าร้องเรียนกับ ผอ.โรงเรียน ทาง ผอ.ทราบข่าวตกใจมากๆ เพราะไม่คิดว่าครูคนนั้นจะทำได้ถึงเพียงนี้ และได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน และดำเนินคดีคะ แต่ที่ฉันตกใจยิ่งกว่านั้น นอกจากครูรัตน์แล้ว ก็ยังมีครูผู้ชายอีกคนนึง ที่ผู้ปกครองของเด็กได้กล่าวหาด้วย ว่ามีพฤติกรรมแบบนี้ สรุปว่า ครูทั้งสอง โดนสอบสวนทั้งคู่ และจากคำสารภาพของเด็กที่ถูกกระทำ ครูทั้งสองดิ้นไม่หลุดคะ กลายเป็นข่าวดังไปเลย ลงหนังสือพิมพ์ด้วยนะคะตอนนั้น หนูได้อ่านข่าว แต่เสียดายไม่ได้บอกชื่อจริงๆ ของครูเลวๆคนนั้นด้วย แต่ที่โชคดี คือ น้องสาวของหนูไม่โดนด้วยคะ เพราะน้องสาวเป็นญาติกับครูรัตน์ค่ะ ซึ่งน้องสาวเป็นลูกต่างพ่อกับหนู หนูจึงไม่ได้เป็นญาติกับครู ในตอนนั้นแม่ของหนูไปที่โรงเรียน และต่อว่าครูน้อย ซึ่งเป็นภรรยาของครูรัตน์ แม่ต่อว่าสารพัดที่ครูพาหนูไปให้ครูรัตน์ล่วงเกิน ครูน้อยพูดได้แต่คำว่าขอโทษคะ เพราะท่านคงไม่อยากแก้ตัวอะไร ลึกๆแล้วหนูไม่เคยเลิกนับถือครูน้อยเลยนะคะ เพราะหนูสนิทกับครูน้อยมาตั้งแต่เข้าอนุบาล ซึ่งตอนนั้นครูรัตน์ยังไม่ได้ย้ายมาประจำ ครูน้อยเป็นครูใจดีกับเด็กจริงๆค่ะ แต่ท่านคงจะน้ำท่วมปากที่พูดอะไรก็ไม่ได้ ทำได้แค่พยายามป้องกัน หนูสงสารครูค่ะ ท่านคงทนอยู่ที่โรงเรียนนั้นไม่ได้อีกแล้ว ครูรัตน์ก็โดนออกจากราชการ และอาจจะติดคุกด้วยซ้ำ หนูไม่คิดเลยว่าเรื่องราวที่หนูปิดปังไว้ ไม่อยากให้ใครรู้ มันจะทำให้น้องๆ หลายๆคน ต้องเดือดร้อน ถ้าหนูบอกเรื่องนี้กับแม่ตั้งแต่ตอนนั้น เรื่องราวก็คงจบไปตั้งนานแล้ว หนูรู้สึกผิดมากๆ ตั้งแต่นั้นมา หนูไม่เคยติดต่อกับครูทั้งสองอีกเลย ตอนนี้หนูปี 4 แล้วค่ะ จนกลับบ้านไปล่าสุด หนูได้ถามถึงครูทั้ง2 ที่ถูกสอบสวนเมื่อตอนนั้น ปรากฏว่า ครูอีกคนโดนตัดสินจำคุก 4 ปี แต่ครูรัตน์ไม่แน่ใจคะว่าคดีตัดสินไปหรือยัง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ หนูไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายได้ขนาดนี้ มันทำให้หนูได้คิด ว่าหนูไม่ควรไว้ใจใครง่ายๆ แม้แต่ครูที่หนูคิดและใครๆคิดว่าดีแสนดี คุณธรรมสุดๆ แต่เบื้องหลังกลับเลวร้ายได้ขนาดนี้ คนเรานี่มันดูยากจริงๆนะคะ อย่าว่าแต่คนแปลกหน้า คนสนิทก็ยังไว้ใจไม่ได้เลย
สุดท้ายนี้ก็ ขอให้พ่อแม่ทุกคนดูแลลูกหลานกันดีๆ นะคะ หากลูกเกิดอะไรผิดปกติให้รีบถาม หรือลูกเล่าอะไรให้ฟัง ก็พยายามฟังนะคะ เพราะไม่เช่นนั้นจะเหมือนแม่ของหนู ที่ไม่เชื่อน้องสาวตั้งแต่แรก
ขอบคุณทุกท่านที่รับฟังนะคะ และขออภัยหากเล่าได้ไม่ดีเท่าไหร่
ขออภัยนะคะ มาตั้งในกระทู้คำถาม