คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 35
(นอกประเด็น) ผมรู้แล้ว เพราะอย่างนี้นี่เองถึงต้องมีศาสนา เพราะหากเกิดข้อสงสัยที่พิสูจน์ไม่ได่ ก็ขอเพียงแต่เชื่อตามศาสนา เพราะหากเก็บงำความสงสัย ก็จะหมกมุ่นอยู่กับความสงสัยเหมือนคันแล้วไม่ได่เกา แต่พอมีศาสนาก็กลับทำให้บางคนหมกมุนกับศาสนาแทนสะงั้น เชื่อว่าทุกอย่างจริงตามนั้น ซึ่งจริงๆแล้วเป็นอย่างไร ก็ไม่สามารถรู้ได้ ผมไม่กล้าพิมพ์เปรียบเทียบอะไรบางอย่าง แต่ความคิดเราล้วนถูกปรุงแต่งอยู่ตลอดเวลา ยิ่งถ้าเชื่อว่ามันจริง เช่น ถอดจิตไปดูนรก สวรรค์ รู้ได้ไงว่าไม่ได้จินตนาการมาจากหนังสือเรียนในวัยเด็กที่ติดอยู่ในสมอง
ผมเชื่อว่า นรก สวรรค์ ในแบบที่คนจินตนาการ ไม่มีจริง มันเป็นแค่การเปรียบเทียบ หากคุณเคยทำความชั่ว และสังเกตตัวเองจะพบว่า สิ่งที่เป็นนรก มันเกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน ทั้งความวิตก ความระแวง การหลบซ่อน สารพัด หรือการถูกลงโทษ ไม่ต้องรอถึงหลังความตาย
หรือหาก นรก หรือ สวรรค ตามจินตนาการมีจริง มีเพื่ออะไร
ทุกวันนี้คนไม่ได้กลัวความตายหรอก แต่กลัวการเปลี่ยนแปลง การพลัดพรากต่างหาก แต่ในนรก มีแต่การทรมาณ รับกรรมไปเรื่อยๆ ถึงจะทรมาณสักเพียงใด ถึงจุดๆหนึ่งก็คงเจ็บและชินชาเป็นความเบื่อไปเอง แล้วจะกลัวอะไร
หากสุดท้ายแล้วทุกอย่างเป็นเพียงที่เรารับรู้ได้แค่นี้ละ คือก็แค่เกิด ก็แค่ตาย เป็นแค่ชีวะมวลประเภทหนึ่ง (หรือที่อาจจะถูกสร้างมาโดยตั้งใจให้อยู่ในที่จำลองแห่งนี้) ตายแล้วเป็นศูนย์ หรือสูญไปเลยไม่มีค่าอะไร จะรับได้ไหม เพราะเกิดมาชาตินี้ก็ไม่ได้มีอะไรบ่งชี้ว่าเรามีแรงส่งมาจากชาติก่อน ความนึกคิดความจำของชาติก่อนก็ไม่มีสักนิด ไม่มีผลอะไรจากชาติต่อชาติเลย เหมือนไม่ได้เกิดใหม่ เหมือนหลุดพ้น เพราะไหนละสิ่งที่เป็นเราในอดีต ก็ไม่มี แต่ถ้าเชื่อตามศาสนาก็อาจจะว่ามี แต่จริงๆจะพิสูจน์ได้ไหม.. ศาสดาของแต่ละศาสนาก็เป็นมนุษย์เหมือนทุกๆคน
ดังนั้นคำตอบสำหรับ คำถามประเภทนี้ จึงขึ้นอยู่กับว่าจะเชื่อแบบไหน มีหลายแนวความคิด ซึ่งอาจจะไม่มีอันไหนจริงเลยก็ตาม
เว้นแต่ว่าจะมีเราจริงๆที่อยู่ในสถานะและสถานที่ที่ จริงกว่า
ที่ไหนสักแห่ง และกำลังเล่นบทจำลองที่เป็นเราในตอนนี้ นั้นน่าจะมีคำตอบ
ผมเชื่อว่า นรก สวรรค์ ในแบบที่คนจินตนาการ ไม่มีจริง มันเป็นแค่การเปรียบเทียบ หากคุณเคยทำความชั่ว และสังเกตตัวเองจะพบว่า สิ่งที่เป็นนรก มันเกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน ทั้งความวิตก ความระแวง การหลบซ่อน สารพัด หรือการถูกลงโทษ ไม่ต้องรอถึงหลังความตาย
หรือหาก นรก หรือ สวรรค ตามจินตนาการมีจริง มีเพื่ออะไร
ทุกวันนี้คนไม่ได้กลัวความตายหรอก แต่กลัวการเปลี่ยนแปลง การพลัดพรากต่างหาก แต่ในนรก มีแต่การทรมาณ รับกรรมไปเรื่อยๆ ถึงจะทรมาณสักเพียงใด ถึงจุดๆหนึ่งก็คงเจ็บและชินชาเป็นความเบื่อไปเอง แล้วจะกลัวอะไร
หากสุดท้ายแล้วทุกอย่างเป็นเพียงที่เรารับรู้ได้แค่นี้ละ คือก็แค่เกิด ก็แค่ตาย เป็นแค่ชีวะมวลประเภทหนึ่ง (หรือที่อาจจะถูกสร้างมาโดยตั้งใจให้อยู่ในที่จำลองแห่งนี้) ตายแล้วเป็นศูนย์ หรือสูญไปเลยไม่มีค่าอะไร จะรับได้ไหม เพราะเกิดมาชาตินี้ก็ไม่ได้มีอะไรบ่งชี้ว่าเรามีแรงส่งมาจากชาติก่อน ความนึกคิดความจำของชาติก่อนก็ไม่มีสักนิด ไม่มีผลอะไรจากชาติต่อชาติเลย เหมือนไม่ได้เกิดใหม่ เหมือนหลุดพ้น เพราะไหนละสิ่งที่เป็นเราในอดีต ก็ไม่มี แต่ถ้าเชื่อตามศาสนาก็อาจจะว่ามี แต่จริงๆจะพิสูจน์ได้ไหม.. ศาสดาของแต่ละศาสนาก็เป็นมนุษย์เหมือนทุกๆคน
ดังนั้นคำตอบสำหรับ คำถามประเภทนี้ จึงขึ้นอยู่กับว่าจะเชื่อแบบไหน มีหลายแนวความคิด ซึ่งอาจจะไม่มีอันไหนจริงเลยก็ตาม
เว้นแต่ว่าจะมีเราจริงๆที่อยู่ในสถานะและสถานที่ที่ จริงกว่า
ที่ไหนสักแห่ง และกำลังเล่นบทจำลองที่เป็นเราในตอนนี้ นั้นน่าจะมีคำตอบ
แสดงความคิดเห็น
อะไรคือสิ่งที่ทำให้เกิดเป็นชาติแรกขึ้นมา และทำให้คนเวียนว่ายอยู่ในกฏแห่งกรรม ตามหลักศาสนาพุทธ
เลยสงสัยมากๆว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้เกิดชาติแรกขึ้นมา และทำให้ต้องเวียนว่ายอยู่ในกฏแห่งกรรมเป็นชาติๆไปจนกว่าจะถึงนิพพาน คือไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดอีก
อะไรสร้างให้เกิดชาติแรกขึ้นมา และทำให้สิ่งมีชีวิตต้องเวียนว่ายตายเกิดคะ อยากให้ช่วยอธิบายแบบง่ายๆให้หน่อยค่ะ ในพระไตรปิฏกมีกล่าวไว้มั้ยคะ รบกวนผู้รู้ช่วยไขข้อสงสัยด้วยค่ะ
และศาสนาพุทธไม่ได้เน้นถึงผู้สร้างเริ่มต้น เป็นไปได้ไหมว่าการกำเนิดของชาติแรกของสิ่งมีชีวิตนั้นจะคล้ายกับการกำเนิดของจักรวาล คือความว่างเปล่า หรืออาจเกิดจากบิ๊กแบง หรือตามสันนิษฐานต่างๆตามที่นักฟิสิกส์กำลังไขปริศนาอยู่