เมื่อเดือน กรกฏาคม  ครอบครัวผมตัดสินใจไปเที่ยวเขื่อนเชียวหลาน ในช่วงวันหยุดยาว 3 วัน ศุกร์-เสาร์ -อาทิตย์  ขั้นแรก ก็ เสริชหาว่าจะพักที่ไหนดี แต่ เมื่อโทรถาม ปรากฏว่าเต็มเกือบทุกที มีเหลือที่เดียว คือ แพเพลินไพร  ซึ่งเมื่อหาข้อมูลพบว่ามีทั้ง เรื่องดี และ ไม่ดี ใน pantip แห่งนี้  แต่ ก็ เอาละ พวกเราคงไม่โชคร้าย น๊า    ก็ตกลงจองใน แพ็คเกจ  3 วัน 2 คืน  อาหาร 6 มือ หัวละ 3200  ผู้ใหญ่ 9 คน เด็ก 1 คน

       พวกเรามาถึง ประมาณ เที่ยง วันศุกร์ ที่ ถ้าเรือ  จริงๆ แล้ว เรามาค่อนข้างสาย ไป เพราะ มัวแต่ซื้อ ขนม เบียร์  และ ไม่ชำนาญเส้นทาง  ต้องขอโทษไกด์ ตรงจุดนี้

ลานจอดรถ  เป็นลานโล่งๆ  แต่ มีพนักงาน ค่อยดูแลความปลอดภัย  จ่ายเงินซื้อ ตั๋ว เพื่อฝากรถ


เมื่อฝากรถ เรียบร้อย ก็ ขน สัมภาระ และ เสบียงขึ้น เรือหางยาว  ซึ่ง เป็น เรือ เฉพาะ กลุ่มของเราเท่านั้น



จากนั้น ก็ออกเดินทาง ไปสู่ แพเพลินไพร   โดย เรือหางยาว  วันนี้ อากาศดี ฝนไม่ตก


   จริงๆ แล้ว ใครจะไปเที่ยวที่นี้ แนะนำให้ เอาเสื้อกันฝนไปด้วย   เพราะ คนเรือบอกว่า  ฝน8 แดด4  หมายถึง ฤดูฝน 8 เดือน ฤดูไม่มีฝน 4 เดือน  แต่ จริงๆ ก็ ฝนตก เกือบทั้งปี นั้นแหละ  เพราะงั้น เสื้อกันฝนจำเป็นมาก  นอกจากจะกัน ตัวคุณไม่ให้เป็นหวัด  ยังกัน อุปกรณ์ กล้อง มือถือ   ของคุณได้  อีกด้วย

และแล้ว ก็ เดินทาง มาถึง แพเพลินไพล

ขนสัมภาระขึ้นจากเรือ


เมื่อมาถึง ก็ เริ่มเกิดปัญหา พวกเราไม่แน่ใจว่า เป็นความผิด ของใคร  แต่ มันไม่น่าจะเป็นพวกเราผิด   นั้นคือ ห้องพักที่จะไว้ เป็น บ้านพัก 3 หลัง หลังหนึ่งมี 2 เตียง ซึ่งควรจะเป็น 3หลังติดกัน เพราะมาด้วยกัน เวลามีกิจกรรมตอนกลางคืน หรือเมื่อว่างจะได้ ทำด้วยกันได้ง่าย หรือ หยิบยืมของใช้ กันได้ง่าย     แต่ปัญหาคือ  มีบ้านพักให้ เราแค่ 2 หลัง  ไกด์ ให้เหตุผลว่า เนื่องจากพวกเรามาช้า พนักงานก็ประสานงานกันไม่ดี ทำให้ บ้านพัก 1 หลังของพวกเรา ถูก คนที่ไม่ได้จองล่วงหน้า  (เหมือนพวกเรา) ขนสัมภาระ เข้าไปพักเรียบร้อย
ถึงตรงนี้  ไกด์ ยื่นข้อเสนอ ให้ พวกเราแยกกันพัก  2 หลัง เดิม ก็พัก 7 คน    ส่วน อีก 2 คน +เด็ก 1 คนให้แยกไปพักที่บ้านอีกหลัง เป็นเวลา 1คืน ที่อีกฝั่งของแพเพลินไพร  เป็นบ้านไม้ เป็นฟูกนอนพื้น   ไกด์ บอกว่า บ้านไม้นั้น ราคาแพงกว่า หลังที่มีเตียง 200 บาท (เป็นข้ออ้าง ที่ ชุย มากๆ  เพราะ ดูจากสภาพแล้วมันไม่ใช่ ถ้ามันแพงกว่าจริง ทำไม พวกคุณไกด์ ไม่อันเชิญ คนที่มาแย่งบ้านพักของเราไปอยู่แทนละ)
เนื่องจาก ทริปนี้ มี ผู้ใหญ่ ไปด้วย  พวกเราที่เป็นเด็ก ก็ไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศ จึง จำยอมทำตามข้อเสนอนั้น   ถ้าหากไม่มีผู้ใหญ่ไปด้วย คงไม่ยอมแน่  เพราะอย่างที่บอกว่า ถึงเราจะมาช้า ก็ไม่ใช่ข้ออ้างในการให้ที่พักเราแก่ผู้อื่น  เพราะ พวกเราจองแล้ว โอนเงินมัดจำ ไป 1 หมื่นบาทแล้ว นานประมาณ 1 เดือน

สภาพ ห้องพัก ที่ ผู้ใหญ่ 2 +เด็ก 1  ต้องแยกมานอน  ห่างจาก ที่พัก 2 หลังแรก ประมาณ 50 เมตร
ลืมถ่าย สภาพ 2 หลังแรกมาเปรียบเทียบให้ดู    สภาพ ก็ดูดี  ถ้าไม่ติดว่า นอนพื้น  และ ร้อนกว่า 2 หลังแรก เพราะ เป็นหลังคาไม้  ไม่มีฝ้าเพดาน ความร้อนตอนกลางวัน จึงร้อนมาก เอาง่ายๆว่า ไม่สามารถนอนหลับได้ ในเวลากลางวัน  กว่าจะนอนได้ ก็ต้องดึกหน่อยสัก 3 ทุ่ม ความร้อนมันจึงคลายไป  ส่วน 2 หลังแรก มีฝ้าเพดาน มันจึงกันความร้อนได้ ระดับหนึ่ง


เอาละ ลืมๆ เรื่อง เฮงซวยไป ละกัน  รีวิวเรื่องเทียวกันต่อ
  หลังเก็บสัมภาระ ก็มานั่งกินข้าว   เรื่องอาหารที่นี้ โฆษณา ว่า เติมได้ไม่อั้น    ซึ่งจริงแล้วต้องมีเครื่องหมายดอกจัน ตัวโตๆ ว่า กับข้าวที่เติมได้ไม่อั้น เป็นบางอย่างเท่านั้น  เช่น กับเข้า 4 อย่าง ก็ เติมได้แค่ 1-2 อย่าง  อันนี้ พวกผมไม่คิดมากอะไร เพราะ ไม่ได้กะจะไปกิน ให้ อิ่มเป็นชูชก แต่อย่างใด  แค่กินอิ่ม มีแรงให้เทียวให้ เล่นน้ำได้ ก็พอใจแล้ว      
แต่ฝากเตือนผู้ที่จะไป ว่า น้ำเปล่า ที่เสริฟ เป็นขวดที่ โต๊ะทานข้าว หาก ดื่มไม่หมด ต้องเอากลับไปที่พักนะครับ  เผื่อว่าหิวน้ำกลางคืนจะได้มีดื่ม เพราะ นอกเวลามื้ออาหาร น้ำขวดละ 40 บาท ซึ่งแพงกว่าปกติ อันนี้ เข้าใจได้ว่า เป็น ค่าขนของ มาทางเรือหางยาว (แต่จริงๆ ก็มีเรือ รับส่ง นักท่องเที่ยวเข้าออกเกือบทุกวัน ไม่รู้ว่ามันแพงกับอะไร) น้ำดื่มวาแพงแล้ว  เบียร์คงไม่ต้องพูดถึง  ซึ่งเป็นความคิดที่ดีมากที่ พวกผมยอม แบกเบียร์ มาเอง 3-4 ถาด
แพ ส่วนที่ ทานอาหาร


เมื่อทานจนอิ่ม แล้ว   ก็ถึงเวลา สนุก  นั้นคือ กระโดด เล่นน้ำ ตาม อัธยาศัย  ซึ่งน้ำที่นี้ ใสมาก  สามารถกระโดด เล่นหน้า บ้านพักได้ เลย  และประทับใจมากที่ไม่มีขยะ ลอย ตุ๊บป่องๆ ให้แกะกะสายตา





เด็ก ๆ ถ้าจะลง ต้องมีห่วงยาง เตรียมมาด้วย หรือ ใส่ เสื้อชูชีพ ของแพ มีให้ยืม  แต่ต้องมีผู้ใหญ่ ดูอย่างใกล้ชิด เพราะน้ำลึกมาก

ใครที่คิดจะไป ตกปลา  ลืมไปได้เลย  เพราะไม่มีปลา ท่านปู่ลองเอาเบ็ดไป วาง ไม่ได้เลยสักตัว


นอกจากกิจกรรม เล่นน้ำ   สามาถถ่ายรูปเล่นได้  แต่ถ้าใครที่เป็นสาย landscape  กะจะเอาขาตั้งกล้องไป ถ่ายวิว ชิว ถ่าย เมฆเคลื่อน หรือ ถ่ายดาว   ก็คงต้องผิดหวัง เพราะว่ามันเป็น เรือนแพ พื้นมันไม่นิ่ง ถึงกล้องและขาตั้งคุณจะนิ่ง แต่ถ้าพื้นไม่นิ่ง เมื่อถ่าย speed ช้า มันก็จะ เบลอๆๆ




  เล่นน้ำ ถ่ายรูป ตัวแห้ง  เปียก สลับกันไป   เพราะฉะนั้น ควรเตรียม เสื้อผ้าที่ ไม่หนามาก จะได้แห้ง ได้ไวๆ

ตกกลางคืน บรรยากาศ เงียบสงัด  ยุงไม่มี  เพราะฉะนั้น เปิดหน้าต่างนอนได้ เครื่องปั่นไฟฟ้ามีให้ถึง แค่ เที่ยงคืน  พัดลมติดผนังช่วยให้นอนหลับได้  แต่หลังเที่ยงคืน หมดไฟฟ้า พัดลมก็ดับลง  อาจร้อน จนต้องถอดเสื้อนอน




เช้าวันรุ่งขึ้น ก็ยังเล่นน้ำ มีพายเรือ kayak  ซึ่งฟรี แต่ต้องมัดจำ ไม้พาย 500 บาท เมื่อเอาไม้พายมาคืน ก็ได้เงินมัดจำคืน



พอถึงตอนบ่าย ก็เป็นกิจกรรม เดินป่า ล่องแพไม้ไผ่ ชมถ้ำ  ซึ่งเหนื่อยมาก  ถ้าใครสุขภาพไม่แข็งแรง หรือมีเด็กอายุน้อยมากๆ  ไม่แนะนำให้ไป  เพราะทางเดินขึ้นเขา และบางจุดเป็นโคลน ลื่นมาก อาจเกิดอุบัติเหตุได้