แม้เรื่องจะจบ แต่ขอระบาย และอยากจะถามว่า แล้ว คุณจะให้พวกเราทำยังไง ?

กระทู้สนทนา
จริง ๆ เลิกสนใจเรื่องนี้ไปแล้ว แต่วันนี้พอลองมาอ่านความเห็น จากหลาย ๆ คน ทำให้รู้ว่า ยังมีคนไม่เข้าใจพวกเราอีกมาก

จากกรณี คลิป เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ แห่งวัดร่องขุ่น ด่าไกด์ประเทศไทย
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ในคลิป อ.เฉลิมชัย ด่าไกด์ที่นำนักท่องเที่ยวมาปล่อยในวัด โดยไม่นำชมและไม่อธิบาย แต่กลับใช้คำว่า "ทุกคน" และ "ไกด์ประเทศไทย"
แต่บางคนบอกพวกเราอย่าร้อนตัว อ.เฉลิมชัยด่าเฉพาะไกด์เลว ๆ ถ้าทำดีแล้วจะเดือดร้อนทำไม ผมฟัง แล้วก็ตีความ ตามคำพูดในคลิป
คำว่า ทุกคน = บางคน ได้ยังไง ? , ไกด์ประเทศไทย จะไม่ใช่ ด่าไกด์ทั้งประเทศได้ยังไง ..... แต่ช่างเถอะ ถือว่าได้รับคำขอโทษแล้ว จบไป

แต่ก็อยากอธิบายถึง มุมมองของไกด์ เวลาที่พาลูกทัวร์ไปวัดร่องขุ่นบ้าง เผื่อจะมีคนเข้าใจในสถานการณ์ที่พวกเราเจอ

1.  อย่างแรกคือ สถานที่ .... วัดรองขุ่น เป็นวัดที่มีการสร้างได้อย่างสวยงาม รายละเอียดมากมาย เรียกว่า มีความหมายตั้งแต่พื้น จรดเพดาน
ตั้งแต่ทางเข้า ยันทางออก ทั้งหมดล้วนเกิดจากจินตนาการ ของเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ บางอย่างก็ยึดตามแบบแผนเดิมของการสร้างวัด แต่รายละเอียดส่วนมาก เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งต้องหาอ่านจากเอกสารที่ทางวัดแจก จึงจะถูกต้องที่สุด

-- การนำชมที่ดีที่สุด คือการพาเดิน ชมไป อธิบายไป แต่บางจุดของวัด โดยเฉพาะบริเวณโดยรอบอุโบสถ ก็เป็นเส้นทางแคบ ๆ
ชนิดที่คน 2 คน เดินคู่กัน ก็เต็มพื้นที่ ถ้า 2 คนนี้หยุด คนข้างหลังก็ต้องหยุดด้วย เดินต่อไม่ได้ ทางวัดจึงต้องจัดเจ้าหน้าที่ของวัดมานั่ง
แถว ๆ นั้นและใช้เครื่องกระจายเสียง คอยบอกให้นักท่องเที่ยวเดินอย่างเดียว ห้ามหยุด เช่น ทางขึ้นอุโบสถ สะพานข้ามวัฎสงสารสู่พุทธภูมิ

ทัวร์รถตู้มีลูกค้า 10 คน ทัวร์รถบัสคันละ 40 คน บางคณะมาหลายบัสก็ 100-400 คนก็มี มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะให้พาลูกค้าไปหยุดยืนอธิบายในวัด ไม่ใช่แค่ที่อุโบสถ แม้แต่ตามทางเดิน ถ้าเราหยุดเราก็จะไปขวางทางคนอื่น ใครเคยไปวัดร่องขุ่นลองนึกภาพ คน 40 คน
เดินเกาะกลุ่มกันไป ในวัดซิครับ

ผมเคยพานักศึกษา 40 กว่าคนขึ้นอุโบสถ ก็พยายามอธิบาย แบบเดินไปอธิบายไปให้ไวที่สุด สุดท้ายก็โดนด่าออกไมค์  ..... อีกทั้ง การนำคณะเดินชม ไกด์ก็ต้องใช้โทรโขง เสียงโทรโขงเรา ก็ไปแข่งกับเสียงเครื่องกระจายเสียงวัด แต่จะให้ผมใช้วิธีตะโกน คนที่อยู่ห่างผมออกไปก็ไม่ได้ยิน พอไม่ได้ยินก็ไม่รู้เรื่อง ที่นี้ก็ถ่ายรูป แถมมาชวนคนที่กำลังฟังถ่ายด้วย .... เละครับ มั่วไปหมด ใครเคยไปวัดโพธิ์ คงพอนึกภาพออก

ดังนั้น แม้จะไม่ใช่การนำชมที่ดีที่สุด แต่เป็นวิธีที่ดีที่สุด คือ บรรยายภาพรวมต่าง ๆ ตั้งแต่บนรถ แต่ผมจะเน้นเรื่อง ข้อปฎิบัติ ภายในวัดมากกว่า เช่น ขยะต้องทิ้งลงถังเท่านั้น ห้ามจับชิ้นงาน เพราะอาจเกิดความเสียหายได้ อย่าโยนเหรียญลงแถวปากพญามาร อย่าหยุดเดินบริเวณทางขึ้นอุโบสถ ฯลฯ แล้วก็ประวัติ คร่าว ๆ ส่วนเรื่องรายละเอียดและความหมาย ก็เล่าเอากว้าง ๆ เพราะลูกค้าผมมาเที่ยว ไม่ได้มาสอบวิชา วัดร่องขุ่น เล่าพอสังเขป เพราะเล่าละเอียด ลูกค้าบางคนก็นึกภาพตามไม่ออก หรือเล่าไป 10 เรื่อง ลูกค้าลงไปส่วนใหญ่ก็จำได้ไม่ถึงครึ่ง ผมจึงแนะนำว่าถ้าใครสนใจจริง ๆ ให้ตามผมไปรับเอกสารแจกฟรีของทางวัด แล้วอ่านไปเดินชมไป

2.  พฤติกรรม นักท่องเที่ยว ....  พฤติกรรมของลูกค้าในยุดปัจจุบัน จะเน้นถ่ายรูปอย่างเดียว ถ่ายลงโซเชียล ไกด์ก็ต้องกลายเป็นช่างกล้องจำเป็น น้อย มาก ๆๆๆ ที่จะมีคนสนใจ เดินตามไกด์ ไปฟังรายละเอียด ความหมายต่าง ๆ แม้แต่บนรถ พูดเรื่องวิชาการ เล่าประวัติ ความเป็นมา เหมือนเอายาสลบให้ดม หลับกันเป็นแถบ บางคนก็ทำมิวสิค เหม่อมองฟ้า บางคนหนักกว่าใส่หูฟัง ฟังเพลงอีกต่างหาก บางคนก็คุยแข่ง
กับไกด์ ขนาดไกด์ใช้ไมค์ยังสู้เสียงไม่ไหว .... ไกด์ ก็ต้องปรับตัวเอง เวลาพูดก็ต้องหาเรื่องสนุก ๆ มาเล่า หาจังหวะสอดแทรกประวัติ
ความเป็นมา ความสำคัญลงไป  

นักท่องเที่ยว ชอบเดินเป็นส่วนตัวมากกว่า จะเดินตามเป็นหมู่คณะ เพราะได้เลือกดูสิ่งที่อยากดู ใช้เวลากับสิ่งที่สนใจได้นาน ๆ  จะถ่ายรูป หยุดนั่ง ก็ตัดสินใจทำได้ทันที สามารถจัดเวลาได้ลงตัวกว่า ไม่ต้องเดินตามไปที่ ที่ไม่อยากไป ถ้าเป็นจุดที่น่าสนใจ ไปเดี่ยว ๆ มีโอกาสเข้าไปใกล้ชิดได้มากกว่าไปพร้อมกันเป็นโขยง

งานของมัคคุเทศก์ เราต้องทำงานกับคน คนที่มีหลายประเภท หลากสี หลายความคิด หลากความรู้สึก บางครั้งสิ่งที่ดี ที่ถูกต้องเราก็อยากทำ แต่สิ่งนั้น บางครั้งก็ไม่ใช่สิ่งที่ลูกค้าต้องการ  , บางครั้งไกด์พูด ไกด์เตือน ไกด์บอกทุกอย่างบนรถหมดแล้ว แต่พอลงมาที่วัด ลูกค้าทิ้งขยะลงพื้น ลูกค้าไปแกะ ไปทำผลงานเสียหาย ทางวัดก็ด่าไกด์ ไม่ดูแล ..... แล้วจะให้ทำยังไง หรือจะให้ไกด์ถอดจิตไปเข้าสิงลูกทัวร์ให้ปฎิบัติตัวให้ถูกต้องทุกคนล่ะครับ

สุดท้าย......ในหนึ่งทริป ทัวร์ก็มีโปรแกรมท่องเที่ยว หลากหลาย วัดร่องขุ่น ก็เป็นเพียงหนึ่งในตัวเลือก ในการทำโปรแกรม ทัวร์มักจะให้เวลาในการเดินชมวัดร่องขุ่นอยู่ที่ 40 นาที - 1 ชั่วโมง เพราะสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงราย แต่ละแห่งมักจะอยู่ห่างกัน ต้องเดินทางเป็นชั่วโมง หรือ หลายชั่วโมง หลังจากนั้น ก็ยังต้องทำโปรแกรมต่อ อีกหลายสถานที่ แน่นอนว่าทุก ๆ ที่ ไกด์ก็ต้องอธิบาย ความสำคัญ ประวัติ ข้อควรระวัง ข้อควรปฎิบัติ ในทุก ๆ สถานที่ ร่วมทั้งประวัติกว่า 750 ปี ของจังหวัดเชียงราย ประวัติพ่อขุนเม็งราย เกี่ยวเนื่องไปถึง จังหวัดเชียงใหม่ และเกี่ยวเนื่องในเรื่องราวอีกมากมาย ที่ไกด์ต้องเล่า และมีความสำคัญมากกว่าวัดร่องขุ่นมากนัก แน่นอนว่าจะให้ไกด์รู้ลึก รู้ละเอียดเท่ากับ อ.เฉลิมชัย และ ลูกศิษย์ มันก็ยาก แต่ก็ไม่ถึงขนาดไม่รู้เห-ี้ยอะไรเลยอย่างที่ อ.เฉลิมชัยพูดหรอกครับ

ป.ล ใครจะว่าผมแถ หาข้อแก้ตัวก็แล้วแต่ แต่มันเป็นเรื่องจริงที่ เล่าจากประสบการณ์
ป.ล ไอ้ตรรกะแบบที่ว่า ถ้าดีจริงก็ไม่ต้องเดือดร้อน เนี่ย พอเถอะ อ่านแล้วมันจี๊ด .....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่