ท่านที่เคารพรักครับ แผ่นดินไหว น้ำท่วมใหญ่ จะเกิดซึนามิ บุคคลที่มีชื่อเสียงจะพบกับการสูญเสีย รัฐบาลจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
เมื่อไหร่จะได้ตำแหน่งใหม่ คนรักจะร้างลา การค้าจะเจริญรุ่งเรือง คำถามมากมายที่ล้วนต้องการสืบค้นต้องการหาคำตอบ
ตั้งแต่คนธรรมดา ไปจนถึง คนมีตำแหน่งใหญ่โต ต่างก็พึ่งพาหมอดู ตามแต่ว่าใครจะนับถือใคร และตามแต่ว่าใครที่คิดจะทำการณ์ใหญ่
การตรวจดวงชะตาตนเอง ก็สำคัญพอๆกับต้องตรวจดวงชะตาคนที่ต้องการจะโค่นล้มลงด้วย
นี่คือที่มาว่า เพราะเหตุใด วันเวลาตกฟากของคนมีชื่อเสียง จึงสำคัญมากในการต้องปกปิด เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามค้นหาความลับได้
และที่นี่ แผ่นดินพม่า เป็นที่ๆ การทำนายทายทัก นิมิต ความฝัน เรื่องเล่าลือ ล้วนอยู่ในความสนใจของชนชาวพม่าทั้งสิ้น
ดินแดนพม่าขึ้นชื่อเรื่องความนิยมในเรื่องโหราศาสตร์ และแพร่หลายปากต่อปากเข้าสู่เมืองไทย
จนสุดท้าย เป็นการใช้โหราศาสตร์พม่า มาทำลายกันทางการเมืองที่เมืองไทย
เช่นคำทำนายของหมอดูอีที หรือ ซุย ซุย วิน หมอดูอันดับหนึ่ง และหมอดู ที่โด่งดังไม่แพ้กันคือ หมอดู ซาน ซาร์นี โบ
เจ้าของคำทำนายท่านทักษิณที่ว่า
“Nobody will live in exile forever.” แปลว่า ไม่มีใครที่จะสามารถลี้ภัยได้ตลอดชีวิต
หากพูดตามสำนวนกำลังภายใน ก็ต้องเปรียบเหมือน ลี้คิมฮวง ในเรื่อง ฤทธิ์มีดสั้น ที่ว่า แม้ลี้คิมฮวงจะเดินทางออกไปนอกด่าน
แต่สุดท้ายก็ต้องกลับเข้าด่านเข้ามาตงง้วน เพื่อ " อะไร " บางอย่างที่ยัง ค้างคาใจ
ศัตรูของ ลี้คิมฮวง ที่พบเจอ ล้วนเป็นเหล่าปัญญาชนจอมปลอมทั้งสิ้น ส่วนศัตรูฝ่ายอธรรมอย่าง จิ้นบ่อเมี่ย เซียงกัวกิมฮ้ง
แม้จะน่ากลัวและเก่งกล้าเพียงใด ก็ยังไม่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าต่อลี้คิมฮวง ได้เท่าเหล่าประดา ผู้ดี ปัญญาชนจอมปลอม
วันต่อมา ณ พม่า
ผมอยู่ท่ามกลางลั่นทมป่า ที่สายลมโชยพัดกลิ่นหอมชื่นใจ เคล้ากลิ่นดินกลิ่นฝน บนแผ่นดินพม่า
หลิวในชุดแสครัดรูปเผยเรียวน่องที่เปี่ยมแรงดีดสะท้อนที่ขาวราวจะเย้ยหิมะ เธอก้มเก็บกลีบอันอ่อนนุ่มของดอกลั่นทม ที่ร่วงหล่นบนพื้นดิน
เราสองคนเดินลัดเลาะมาตามป่าละเมาะ ไกลออกไปพอมองเห็นซินแสเฉินกำลังชี้สั่งงานคนงาน ให้ปรับภูมิทัศน์สถานที่เพื่อแก้ฮวงจุ้ย
สายลมที่โชยพัดอ่อนๆ ทำให้หยดน้ำที่เกาะพราวตามกิ่งและดอกใบของต้นตะขบร่วงพรู ส่วนตะแบกนั้นบานล้อลมฝน
เสียงเคลื่อนไหว มาที่เราสองคน พอลัดแนวป่าละเมาะ ผมก็พบผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง สวยพอๆกับหลิว
ผมจำได้ว่าเธอคือฝ่ายบริหารของคาสิโนคนหนึ่ง เธอเดินมาพนมมือไหว้อย่างสวยงาม พร้อมกับพูดขึ้นว่า
" คุณเล้งใช่มั๊ยคะ ซินแสเฉิน แนะนำให้ดิฉันมาหาคุณ เรื่องดวงชะตา ไม่มีคู่ครอง "
หลังจากนั่งพักกันที่ซุ้มดอกเฟื่องฟ้า ก็ได้ใจความว่า แคทคือหนึ่งในฝ่ายบริหารที่นี่ จบมาจากเมืองนอก มีปัญหาคืออยากทราบเรื่องคู่ครอง
พอทราบว่าซินแสเฉินมาแก้ไขฮวงจุ้ยที่คาสิโน เธอจึงไปโอภาปราศรัยต้อนรับ สุดท้ายเธอต้องการสอบถามเรื่องโชคชะตา
เฉินจึงบอกว่า เป็นโชคดี ที่ผมบังเอิญตามเขามาเรื่องงานที่นี่ และได้แนะนำเธอให้มาหาผม
ปัญหาของเธอคือ คนสวยๆอย่างนี้ เมื่อไหร่จะได้แต่งงาน และเป็นฝั่ง เป็นฝาเสียที ?
ผมเมื่อเข้าใจปัญหา ได้ขออนุญาตสัมผัสมืออ่อนนุ่มของแคท เพื่อดูเส้นคู่ครองทันที
ก่อนอื่น ผมขอเอ่ยย้อนถึงความหลัง ก่อนจะเขียนติดต่อกันเรื่อง ดวงชะตานายกฯคนใหม่ และดวงชะตาสตรี ที่ไม่ได้แต่งงานเร็ว ( ขึ้นคาน )
ซึ่งต้องย้อนไปที่วันนั้น
................................
ท่านที่เคารพรักครับ ผมและเฉินซินแสรุ่นพี่ พบเซรลซอลหรือหลิว อีกครั้งที่สามเหลี่ยมทองคำ อำเภอเชียงแสน เป็นการพบกันอีกครั้ง
หลังพรากจากกันเมื่อสามปีกว่าที่ปอยเปต อันเป็นเวลาที่คนเสื้อแดงไปเตะบอล
หลิวเป็นดีลเลอร์แจกไพ่ในคาสิโน ที่เฉินให้ความเห็นว่า " เก่งที่สุด " คนหนึ่งในวงการ ไม่ว่าจะสับไพ่ สลับไพ่ คลี่ไพ่ และดีดไพ่หลังจากเปิดใบฉ่าง
และแน่นอนว่า ไพ่แต่ละขอน หลิวสามารถเรียกไพ่ให้ชนะได้ ด้วยการดีดไพ่ใบล่างออกแทน
หลายปีที่ผ่านมาหลิวฝึกวิทยายุทธจาก ซุปเปอร์ฯชาวฟิลิปปินด์ ทำให้ดีลเลอร์ในคาสิโนอย่างหลิว เก่งอย่างยากที่จะหาใครสู้ได้
จากพนักงานคาสิโนมาเป็นเมียนายบ่อนที่กรุงเทพฯ แถวเยาวราชจวบจนเวลานี้ หลิวเป็นระดับเจ้าแม่บ่อนพนันคนหนึ่ง
และแม้จะสวยสง่ามากขึ้นเพียงใด สุภาพสตรีที่มีผิวขาว สูงโปร่ง อกอิ่มสล้างอย่างหลิวก็ยังคงนอบน้อมถ่อมตนและติดดิน เรียบร้อยเรียบง่ายเหมือนเดิม ยิ่งในเวลาที่พบเราสองคน บรรยากาศเก่าๆที่บันเตียเมียนเจยก็กลับมาอีกครั้ง
แต่ก่อนที่จะคุยกันเรื่องอื่น เฉินพูดกับผมต่อในเรื่องที่เรากำลังคุยกันติดพัน เรื่องทหารจะก่อการ
" เล้ง สำหรับประเพณีปฏิบัติ ในคำตอบรับพระมหากษัตริย์ของ ทหาร มีคำเฉพาะเป็น เอกลักษณ์ แตกต่างไปจาก ข้าราชการหน่วยอื่นหรือต่างไปจากประชาชนทั่วไป นั่นคือในขณะที่ข้าราชการหน่วยอื่นและประชาชนทั่วไปใช้ประโยค "...ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ."
แต่ ทหาร จะใช้ประโยค "...ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ พระพุทธเจ้าข้าขอรับ."
พิเศษตรงคำว่า ขอรับ ที่ใช้มาตั้งแต่รัชสมัย ร. 5 เพื่อให้ตรงกับคำว่า Sir ที่สื่อความเป็น เจ้านายโดยตรง นั่นเอง
และประกาศพระบรมราชโองการให้นายทหารรับราชการก็จะมี ภาษา ที่ พิเศษ กว่าที่ใช้กับข้าราชการหน่วยอื่น ๆ กล่าวคือจะใช้คำขึ้นต้นว่า
"...มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ."
พูดง่าย ๆ ว่า ไม่ใช่แต่เพียง รับราชการ ธรรมดา ๆ แต่ รับราชการสนองพระเดชพระคุณ เพื่อสื่อให้เห็นว่า ทหารทุกนาย
คือ ข้าของเจ้านายเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น "
จากเหมยถึง กาสะลอง จากท่าน โกวเล้ง ถึง ท่าน ยิ่งลักษณ์ ( ตอนที่ 6 ตอน เอาโหราศาสตร์ ฮวงจุ้ย มาสู้กันทางการเมือง )
เมื่อไหร่จะได้ตำแหน่งใหม่ คนรักจะร้างลา การค้าจะเจริญรุ่งเรือง คำถามมากมายที่ล้วนต้องการสืบค้นต้องการหาคำตอบ
ตั้งแต่คนธรรมดา ไปจนถึง คนมีตำแหน่งใหญ่โต ต่างก็พึ่งพาหมอดู ตามแต่ว่าใครจะนับถือใคร และตามแต่ว่าใครที่คิดจะทำการณ์ใหญ่
การตรวจดวงชะตาตนเอง ก็สำคัญพอๆกับต้องตรวจดวงชะตาคนที่ต้องการจะโค่นล้มลงด้วย
นี่คือที่มาว่า เพราะเหตุใด วันเวลาตกฟากของคนมีชื่อเสียง จึงสำคัญมากในการต้องปกปิด เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามค้นหาความลับได้
และที่นี่ แผ่นดินพม่า เป็นที่ๆ การทำนายทายทัก นิมิต ความฝัน เรื่องเล่าลือ ล้วนอยู่ในความสนใจของชนชาวพม่าทั้งสิ้น
ดินแดนพม่าขึ้นชื่อเรื่องความนิยมในเรื่องโหราศาสตร์ และแพร่หลายปากต่อปากเข้าสู่เมืองไทย
จนสุดท้าย เป็นการใช้โหราศาสตร์พม่า มาทำลายกันทางการเมืองที่เมืองไทย
เช่นคำทำนายของหมอดูอีที หรือ ซุย ซุย วิน หมอดูอันดับหนึ่ง และหมอดู ที่โด่งดังไม่แพ้กันคือ หมอดู ซาน ซาร์นี โบ
เจ้าของคำทำนายท่านทักษิณที่ว่า
“Nobody will live in exile forever.” แปลว่า ไม่มีใครที่จะสามารถลี้ภัยได้ตลอดชีวิต
หากพูดตามสำนวนกำลังภายใน ก็ต้องเปรียบเหมือน ลี้คิมฮวง ในเรื่อง ฤทธิ์มีดสั้น ที่ว่า แม้ลี้คิมฮวงจะเดินทางออกไปนอกด่าน
แต่สุดท้ายก็ต้องกลับเข้าด่านเข้ามาตงง้วน เพื่อ " อะไร " บางอย่างที่ยัง ค้างคาใจ
ศัตรูของ ลี้คิมฮวง ที่พบเจอ ล้วนเป็นเหล่าปัญญาชนจอมปลอมทั้งสิ้น ส่วนศัตรูฝ่ายอธรรมอย่าง จิ้นบ่อเมี่ย เซียงกัวกิมฮ้ง
แม้จะน่ากลัวและเก่งกล้าเพียงใด ก็ยังไม่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าต่อลี้คิมฮวง ได้เท่าเหล่าประดา ผู้ดี ปัญญาชนจอมปลอม
วันต่อมา ณ พม่า
ผมอยู่ท่ามกลางลั่นทมป่า ที่สายลมโชยพัดกลิ่นหอมชื่นใจ เคล้ากลิ่นดินกลิ่นฝน บนแผ่นดินพม่า
หลิวในชุดแสครัดรูปเผยเรียวน่องที่เปี่ยมแรงดีดสะท้อนที่ขาวราวจะเย้ยหิมะ เธอก้มเก็บกลีบอันอ่อนนุ่มของดอกลั่นทม ที่ร่วงหล่นบนพื้นดิน
เราสองคนเดินลัดเลาะมาตามป่าละเมาะ ไกลออกไปพอมองเห็นซินแสเฉินกำลังชี้สั่งงานคนงาน ให้ปรับภูมิทัศน์สถานที่เพื่อแก้ฮวงจุ้ย
สายลมที่โชยพัดอ่อนๆ ทำให้หยดน้ำที่เกาะพราวตามกิ่งและดอกใบของต้นตะขบร่วงพรู ส่วนตะแบกนั้นบานล้อลมฝน
เสียงเคลื่อนไหว มาที่เราสองคน พอลัดแนวป่าละเมาะ ผมก็พบผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง สวยพอๆกับหลิว
ผมจำได้ว่าเธอคือฝ่ายบริหารของคาสิโนคนหนึ่ง เธอเดินมาพนมมือไหว้อย่างสวยงาม พร้อมกับพูดขึ้นว่า
" คุณเล้งใช่มั๊ยคะ ซินแสเฉิน แนะนำให้ดิฉันมาหาคุณ เรื่องดวงชะตา ไม่มีคู่ครอง "
หลังจากนั่งพักกันที่ซุ้มดอกเฟื่องฟ้า ก็ได้ใจความว่า แคทคือหนึ่งในฝ่ายบริหารที่นี่ จบมาจากเมืองนอก มีปัญหาคืออยากทราบเรื่องคู่ครอง
พอทราบว่าซินแสเฉินมาแก้ไขฮวงจุ้ยที่คาสิโน เธอจึงไปโอภาปราศรัยต้อนรับ สุดท้ายเธอต้องการสอบถามเรื่องโชคชะตา
เฉินจึงบอกว่า เป็นโชคดี ที่ผมบังเอิญตามเขามาเรื่องงานที่นี่ และได้แนะนำเธอให้มาหาผม
ปัญหาของเธอคือ คนสวยๆอย่างนี้ เมื่อไหร่จะได้แต่งงาน และเป็นฝั่ง เป็นฝาเสียที ?
ผมเมื่อเข้าใจปัญหา ได้ขออนุญาตสัมผัสมืออ่อนนุ่มของแคท เพื่อดูเส้นคู่ครองทันที
ก่อนอื่น ผมขอเอ่ยย้อนถึงความหลัง ก่อนจะเขียนติดต่อกันเรื่อง ดวงชะตานายกฯคนใหม่ และดวงชะตาสตรี ที่ไม่ได้แต่งงานเร็ว ( ขึ้นคาน )
ซึ่งต้องย้อนไปที่วันนั้น
................................
ท่านที่เคารพรักครับ ผมและเฉินซินแสรุ่นพี่ พบเซรลซอลหรือหลิว อีกครั้งที่สามเหลี่ยมทองคำ อำเภอเชียงแสน เป็นการพบกันอีกครั้ง
หลังพรากจากกันเมื่อสามปีกว่าที่ปอยเปต อันเป็นเวลาที่คนเสื้อแดงไปเตะบอล
หลิวเป็นดีลเลอร์แจกไพ่ในคาสิโน ที่เฉินให้ความเห็นว่า " เก่งที่สุด " คนหนึ่งในวงการ ไม่ว่าจะสับไพ่ สลับไพ่ คลี่ไพ่ และดีดไพ่หลังจากเปิดใบฉ่าง
และแน่นอนว่า ไพ่แต่ละขอน หลิวสามารถเรียกไพ่ให้ชนะได้ ด้วยการดีดไพ่ใบล่างออกแทน
หลายปีที่ผ่านมาหลิวฝึกวิทยายุทธจาก ซุปเปอร์ฯชาวฟิลิปปินด์ ทำให้ดีลเลอร์ในคาสิโนอย่างหลิว เก่งอย่างยากที่จะหาใครสู้ได้
จากพนักงานคาสิโนมาเป็นเมียนายบ่อนที่กรุงเทพฯ แถวเยาวราชจวบจนเวลานี้ หลิวเป็นระดับเจ้าแม่บ่อนพนันคนหนึ่ง
และแม้จะสวยสง่ามากขึ้นเพียงใด สุภาพสตรีที่มีผิวขาว สูงโปร่ง อกอิ่มสล้างอย่างหลิวก็ยังคงนอบน้อมถ่อมตนและติดดิน เรียบร้อยเรียบง่ายเหมือนเดิม ยิ่งในเวลาที่พบเราสองคน บรรยากาศเก่าๆที่บันเตียเมียนเจยก็กลับมาอีกครั้ง
แต่ก่อนที่จะคุยกันเรื่องอื่น เฉินพูดกับผมต่อในเรื่องที่เรากำลังคุยกันติดพัน เรื่องทหารจะก่อการ
" เล้ง สำหรับประเพณีปฏิบัติ ในคำตอบรับพระมหากษัตริย์ของ ทหาร มีคำเฉพาะเป็น เอกลักษณ์ แตกต่างไปจาก ข้าราชการหน่วยอื่นหรือต่างไปจากประชาชนทั่วไป นั่นคือในขณะที่ข้าราชการหน่วยอื่นและประชาชนทั่วไปใช้ประโยค "...ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ."
แต่ ทหาร จะใช้ประโยค "...ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ พระพุทธเจ้าข้าขอรับ."
พิเศษตรงคำว่า ขอรับ ที่ใช้มาตั้งแต่รัชสมัย ร. 5 เพื่อให้ตรงกับคำว่า Sir ที่สื่อความเป็น เจ้านายโดยตรง นั่นเอง
และประกาศพระบรมราชโองการให้นายทหารรับราชการก็จะมี ภาษา ที่ พิเศษ กว่าที่ใช้กับข้าราชการหน่วยอื่น ๆ กล่าวคือจะใช้คำขึ้นต้นว่า
"...มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ."
พูดง่าย ๆ ว่า ไม่ใช่แต่เพียง รับราชการ ธรรมดา ๆ แต่ รับราชการสนองพระเดชพระคุณ เพื่อสื่อให้เห็นว่า ทหารทุกนาย
คือ ข้าของเจ้านายเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น "