สวัสดียามเย็นจ้ะ หลังจากลังเลอยู่นานว่าจะตั้งกระทู้ดีไหม
แต่คิดว่าเอาน่ะ "ติเพื่อก่อ" ในฐานะคนดู เผื่อว่าความคิดเห็นส่วนตัวของเรา จะเข้าตาผู้ผลิตละครบ้านเราบ้าง
เห็นกระทู้เพื่อนๆตั้งกันเป็นเรื่องๆ ติเป็นค่ายๆ เค้ามาสาย...เค้าขอเหมารวมล่ะกานนน
ส่วนตัวตั้งแต่อายุประมาณ 10 กว่าขวบ ก็ดูละครไทยตลอด (ที่บ้านชอบดูละคร)
กิจวัตรประจำวันคือกลับมาจากโรงเรียน อาบน้ำ ทำการบ้าน จัดกระเป๋า ถือหมอนไปนอนดูละคร
ดูทุกแบบ ดูทุกช่อง แล้วแต่ว่าช่วงเวลานั้นที่บ้านเปิดละครเรื่องไหน
เวลาเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวแถวบ้านก็ยังอ่านนิยายไทยรัฐ อ่านเรียงลำดับเรื่องที่อยากรู้
ละครที่ติดงอมแงม คือจะลงแดงตายให้ได้... ก็มีอยู่หลายเรื่อง
ที่สุดๆ สำหรับตัวเองคือ "ดอกแก้วการะบุหนิง" นั่งกรี๊ดพระนางเป็นจริงเป็นจัง มันฟินมากนะเรื่องนี้ ถึงจะไม่ดังมากก็เถอะ
แต่พอโตขึ้นๆ เรียนหนักขึ้น ก็ไม่ค่อยโฟกัสที่ละครเหมือนก่อน มาติดอีกทีก็ "อาญารัก" และ "ขมิ้นกับปูน" ตามลำดับ
ยิ่งดูยิ่งเครียด แต่ก็ดู เสพติดดราม่า
ส่วนช่อง 7 ทางบ้านก็เปิดผ่านไปผ่านมา ป้าเราเป็นแฟนช่อง 3 เราเลยไม่มีโอกาสติด 555+
แต่ยกเว้น "คือหัตถาครองพิภพ" เวอร์ชั่นนัทมีเรีย พูดเลยว่าเสียน้ำตาไปหลายปี๊บ
เอ็กแซ็กท์ก็โดนใจอยู่หลายเรื่อง ที่อินสุดหนีไม่พ้น "เมืองมายา" ชอบมากกกกกกกก รู้สึกถึงความอยากติดตาม
อาการอยากดู และอารมณ์ขัดใจเวลาถูกตัดจบตอน ...คือเวลาเค้าน้อยกว่าช่องอื่นอ่ะ
สมัยนั้นละครคือความบันเทิงหนึ่งเดียวของเราจนช่วงเข้ามหาวิทยาลัย ก็ไม่ได้ปันใจให้ละครแบบจริงจัง
ดูแต่ไม่ติด ชีวิตมีกิจกรรมให้ทำเยอะขึ้น อินเตอร์เน็ตเริ่มเข้ามา บลาๆ พฤติกรรมติ่งละครแบบเราก็เปลี่ยนไป
เรียนจบก็ทำงาน ไม่มีละครเรื่องไหนเอาเราอยู่ ก็มีบ้างบางเรื่องที่เออ ชอบวุ้ย... แต่ไม่ดูก็ไม่ลงแดง
ถ้าใครเคยเป็นแบบนี้น่าจะเข้าใจความหมายเรา
และต่อมา...เราก็ได้เปิดโลก ซีรีส์ฝรั่ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เรื่องแรกที่เอาเวลาเราไปคือ
Gossip Girls เผลอเปิดดูตอนแรก ชีวิตหลังจากนั้นคือพัง แต่ละตอนที่จบจะอ้าปากค้าง และรีบกดดูต่อ
คือสไตล์การเขียนบทและดำเนินเรื่องแบบทิ้งปม เฉลยทีละเปราะ สร้างปมใหม่ตลอด ทำให้เราบ้าไปเลย
ต่อมาคือ Desparate Housewives จำได้ว่าเคยดูผ่านๆตอนช่อง 3 ฉายช่วงค่ำ โอ้วคุณพระ...ยาวไป
ดูมาราธอน แทบจะลงแดงตายเวลาจบตอน โชคดีที่ตอนนั้นผ่านมาหลายซีซั่น (เราล้าหลังกว่าโลกไปมาก)
ถ้ามีเวลาคือต้องดู ซีซั่นเดียวดูรวดพรวดๆตัลล้อด
หลังจากนั้นก็ติดซีรีส์ฝรั่งเรื่อยมา รายนามดังต่อไปนี้คือ "ลงแดง" "ต้องดู" "อยากดูต่อ" "อย่าจบนะ"
Bones / Dexter / True Blood / Damage / Nikita / Fringe / Ghost Whisperer บลาๆ
ดูทุกแนวที่สนใจ เลือกจากอะไรก็ไม่รู้ และบัดนาวตามเก็บแผ่นแท้มีลิขสิทธิ์อยู่ ทยอยซื้อตามฐานะเศรษฐกิจ
สองเรื่องล่าสุดที่ซื้อมารอคือ Homeland กับ American Horror Story ถามว่าอยากดูรวดเดียวไหม
อยากมากกก (ก ล้านตัว) แต่ต้องข่มใจ เพราะงานรุมมรสุมชีวิต ประกอบเหตุผลแฝงคือเรากลัวว่าจะจบ
จบแล้วฉันจะดูอะไร... คิดอย่างนี้จริงนะ
ถามว่ายังเปิดละครไทยไหม เปิดดูจ้ะ แต่ไม่ได้เป็นอาการแบบนั่งจ้องดู คือดูบ้าง ทำอย่างอื่นบ้าง
มีบางเรื่องเหมือนกันที่ "อยากดู" อยากให้กำลังใจคนทำงาน อยากคุยกับเพื่อนรู้เรื่อง แต่ก็ "ไม่ติด ไม่ลงแดง"
ส่วนซีรีส์สายพี่เกา (เกาหลี) คือเราเป็นเด็กแนว ฉะนั้นอะไรที่อยู่ในกระแส ปฏิเสธแม่มหมด
ทำไมต้องตามใคร ทำไมต้องเกาหลีฟีเวอร์ อะไรคือแดจังกึม ไม่เคยจะใส่ใจ
จนต้นปีที่ผ่านมา เทรนด์โทมินจุนชิลอยมาเข้าหู ก็อือๆ อะไรฟระคะ มีสติ๊กเกอร์ไลน์ออกมา ก็งึมงำๆ
จอนจีฮยอน...ยัยตัวร้ายอะไรเนี่ยเคยได้ยินชื่อ แต่แบ่บ แนวไง ไม่เคยดูงานนางเลยสักชิ้น
และคืนหนึ่งในฤดูร้อน ฉันกูเกิ้ล ฉันเจอ Kodhit ฉันกดดู "You who came from the Stars" ตอนนั้นเวลาห้าทุ่มครึ่ง
คืนนั้นเราดูมาราธอนยันสว่างคาตา ดูจนถึงจูบแรกระหว่างพระนาง และลางานเลยจ้ะ ป่วยการเมืองดูซีรีส์
เราดูรวดอยู่สองวันสองคืน โชคดีที่ละครอวสานไปแล้ว ณ จุดนั้น เลยดูรวดพรวดเดียวฟินกันไป
หลังจากนั้นงานก็งอก กลายเป็นว่างก็นั่งกูเกิ้ล ละเมอถึง "ชอน ซง อี" คือปลื้มผู้หญิงขายาวแต่งตัวดี นิสัยรั่วคนนี้มั่กๆ
ทุกวันนี้ยังเปิดดูย้อนหลังอยู่เนืองๆ ไม่เคยจะเบื่อ แม้จะจำทุกอย่างในเรื่องได้แล้วแต่ก็ชอบอ่ะ
ต่อมาก็สถาปนาตัวเป็นติ่งเกาหลีลับๆ (ไม่บอกใคร กลัวเสียภาพลักษณ์ กลัวตามกระแส) แต่ป่านนี้คนคงรู้แล้วล่ะ
เรื่องถัดมาก็ Hotel King เวรกรรมแท้ๆ เปิดดูตอนแรก ชีวิตเศร้าของพระนาง บ้าจริงพี่ชาย ฉันต้องดูต่อแล้วล่ะ
นึกว่าจบ Hotel King ชีวิตจะออกห่างจากสายเกาฯได้ ฉันคิดผิด
บัดนาวว่ายเวียนวนในกระทู้รายงานสด จันทร์-อังคาร จัดไปชู้รักปราสาททราย "Temptation" พุธ-พฤหัส "Fated to love you"
อ่านแบบไม่แสดงตัว ติดงอมแงมแบบไม่กล้าบอกใคร แต่คนใกล้ตัวจะรู้ว่า ... หนักนะ อาการหนักนะ
แทบจะต้องไปถ้ำกระบอกอยู่ละ อยากเลิกซีรีส์ อยากออกห่างจากผลงานต่างประเทศ อยากกลับบ้านเกิด
ทว่า "ละครไทย" มัน แบ่บ แว่ (ขอวิบัตินิดหนึ่ง) ไม่ยังไม่โดนอ่ะคุณขาาาาา ใครรู้สึกเหมือนเราบ้าง...
บางเรื่องที่เขาว่าดังๆ เราก็ไม่อินมาก ดูได้แต่ไม่ติดเลย หรือยิ่งบางเรื่อง เราได้ดูเพราะหน้าที่การงานของคนใกล้ตัว
แต่ยิ่งดูก็ยิ่งไม่อิน ไอ้ฉากที่เค้าฟินๆ เราก็ว่าเซอร์วิสติ่งแบบไม่มีชั้นเชิงเลยยยยย เดาทางได้หมดง่ะ
จากความรู้สึกทั้งหมด เราขอสรุปเหตุผลที่ "ละครไทย" รั้ง "คนดูเรื่องมาก" (อย่างเรา) ไม่อยู่ ดังนี้
1. บทละคร ...ละครมาก ละครจริงๆ ละครไม่สมเหตุสมผล จะละครไปไหน
อย่างเมื่อวาน "รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน" ตอนนางเอกใส่เสื้อให้พระเอกก็โอเคหวานดี แต่มีฉากหนึ่ง
เค้าเดินออกมาต่อกลอนกันใต้แสงจันทร์ซูเปอร์มูน เรา...กรี๊ดลั่นบ้านเลยค่ะ บ้าจริง!!! เอางี้เลยเหรอ!!!
และอีกเคสที่จะฝังใจคือ "เจ้าสาวสลาตัน" คือเปิดมาดูระหว่างนอนชิลล์หลังจากเสร็จงาน
แทบช็อค คือฉากนั้นเป็นฉากพระนางติดเกาะ นางเอกเก่งมากสร้างเพิงได้
แถมพอผู้ชายไล่ นางไปสร้างเพิงใหม่ของตัวเองได้อีก ...บ้าจริง!
และในเวลาต่อมา พระเอกขาเจ็บ เดินล้ม พอจะลุก เจอไม้ไผ่ เอามาค้ำเดิน ...เฮ้ย!!! ใช่ใช่มะ
2. คาแรกเตอร์ตัวละคร ... ใกล้เคียงชีวิตจริงกันบ้าง จะได้ไหม
ละครไทยสไตล์ คาแรกเตอร์ส่วนใหญ่ของตัวนำ มักถูกแทนที่ด้วยสีขาว
ฉันเป็นนางเอก ฉันต้องคิดดี ทำดี ฉันจะไม่คิดร้าย ... เอาเข้าจริง มีไหมนางเอกแบบนี้
หรือพระเอกร้ายมาก แทบจะฆ่าล้างแค้น พอบทจะกลับเป็นคนดี ก็ดีแบบพ่อพระมาจุติ ... หราาา อ่ะจริงดิ
เราว่ามนุษย์ทุกคนเป็นสีเทา และมีความปรารถนาเป็นแรงขับเคลื่อนชีวิต
ไม่มีหรอกคนที่ดีใจหาย ไม่มีหรอกคนที่ร้ายสุดขั้ว แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าค่านิยมในสังคมไทย ชอบคนดีมากๆ
ต้องขาวหมดจดมากๆ หากพระเอกร้ายไปเลย นางเอกเลวไปเลย ก็อาจไม่โดนใจชาวบ้านร้านตลาด
แต่จะโดนใจเรานะ...
กล้าพอไหมที่จะก้าวข้ามเส้นศีลธรรม วัฒนธรรม และทำให้สุด เราพร้อมเชียร์ขาดใจ!!!
(ชูป้ายไฟให้ "ดาว" และ "ก้อย" ชอบฮอร์โมนตอนนี้อ่ะ กล้าดีชอบ)
3. โปรดักชั่น ... เหมือนจะดี แต่ก็ดีไม่สุด เอ๊ะยังไง
สิ่งหนึ่งที่เราปลื้ม YWCT มากๆ และหลงรักชอนซงอีมากๆ เพราะนางมาพร้อมความสวยเจิดจรัสที่หาไม่ได้ง่ายในโลกละครไทย
ทุกฉาก Hair Light สีสวย แสงดีงามมาก เสื้อผ้าอลังการจัดเต็ม หน้าผมเกาหลีสไตล์ Make Up No Make Up บ้าจริงออนนี่ ซาแรงเฮ!
แต่บทฉากที่นางต้องโทรมเพราะผู้ชายทิ้ง นางก็โทรม โ-ค-ต-ร คือเชื่อ เชื่อว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
หรืออย่าง Temptation ยกกองไปฮ่องกงคือไปฮ่องกง โรงแรมเห็นวิวอ่าว เออ อลังการ ไปถ่าย Star Avenue ก็ดูคุ้มค่า ดีงาม
ดูเป็นการสร้างแลนด์มาร์คที่เออ คนเคยไปฮ่องกงจะรู้สึกว่านี่แหละ ไฮไลท์ เพราะเกาะเค้าก็มีแค่เนี้ย ไม่งั้นต้องไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมนะ
ตัดสลับมาที่ผลงานยกกองไปต่างประเทศหลายวันอย่าง The Rising Sun เราแทบไม่รู้สึกถึงแลนด์มาร์คเลย
เรารู้สึกว่าไม่ใช่การสร้างการจดจำที่คุ้มค่า คือนางเอกเดินไปเศร้าริมบ่อน้ำหลังบ้าน ใต้ต้นไม้ที่ใบไม้สีแดงเต็มต้น อ่อ ญี่ปุ่น
แต่เรากลับไม่อยากไปหาต้นไม้ต้นนั้น ไม่อยากไปตามรอย เพราะมันไม่ได้ดีงามอะไรมากมาย แต่ก็เข้าใจถึงสถานการณ์ของกอง
ว่าโอเค ทุกอย่างต้องประกอบว่านี่คือประเทศญี่ปุ่น เมืองชิบะ ให้เนียนที่สุด ก็เลยธรรมดาๆ ทำให้คนดูเรื่องเยอะอย่างเรามองผ่าน
แต่ก็อย่างว่าแหละ ผลงานสายเกาฯ และ สายฝรั่ง เค้าส่งออกได้ทั่วโลก ฉะนั้นมูลค่าของธุรกิจจึงมากกว่า
งบโปรดักชั่นถึงได้ดูอลังการเว่อร์วังอย่างที่เห็น ก็ได้แต่หวังว่าอนาคตอันใกล้ จะมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นกับวงการละครไทยบ้าง
4. เทคนิคพิเศษ มุมกล้องใดๆ
อันที่จริงรวมรวบตึงในโปรดักชั่นได้ แต่ขอแยกออกมาเพราะอยากพูด อยากแสดงความเห็นเป็นพิเศษ
ปัญหาเดิมๆของวงการละครไทยคือ "กราฟิก" อ๋อยยย ไม่อยากยกตัวอย่างเลยมันเยอะแยะไปหมด
แต่ตอนนั้นเคยเปิดไปดู "เล่ห์นางฟ้า" เราว่าเค้าทำโอเคดีงามเลยนะ คือแฟนตาซีก็แฟนตาซีไป ดูไม่ขัดตาอ่ะ
ส่วนเรื่องมุมกล้อง อนาคตคงจะพัฒนาขึ้นกระมัง
หวังว่าหากตากล้องหรือฝ่ายกำกับภาพเข้ามาดู เราอยากบอกว่ามุมกล้องสายเกาฯ เค้าเว่อวังมากเลยนะ
ชอตกระจกนี่เทพเมพมาก...
5. พล็อตวนๆ ซ้ำเดิม เท่ากับที่เก่า เล่าใหม่ได้เรื่อยๆ
มันไม่ว้าวอ่ะกิ๊บ... กิ๊บเข้าใจเราชิมิ
ทรายจะกลับมาเอาคืนทุกอย่างที่เป็นของทราย ค่ะทราย! รู้ว่าทรายแซบแน่ (พี่ชม เราเป็นติ่งพี่ชมนะ พี่ชมใช้ภาษาไทยดี พูดชัด เค้าชอบ)
แต่แกนหลักก็หนีไม่พ้นการแก้แค้น ปมเมียหลวง เมียน้อย เมียแต่ง ...ก็คุ้นๆค่ะ
ถามว่าอยากดูไหม อยาก... แต่ก็คงอารมณ์เดิม คือไม่ติด เดาทางออกง่ะ
องครักษ์หลงรักคู่หมั้นเจ้านาย แท้จริงแล้วองครักษ์คือลูกชายอีกคน บลาๆ (เค้าชอบพี่เวียร์ เค้ารักน้องมิน)
แต่เค้าก็เดาได้นะว่าเรื่องออกมาแนวนี้แหละ คุ้นๆ คุ้นจุง
คือแก่นเรื่อง โครงเรื่อง ก็วนเวียนไปมา เรื่องก็มีแค่นี้แล...
หากมีสักค่ายที่ฉีกแนวออกมาทำ อย่างตอนนั้นที่มีละครแนวๆ อย่าง "เจ้ากรรมนายเวร" หรือ "กุหลาบสีดำ"
ได้แนวทริลเลอร์แจ่มๆ เราสัญญาว่าจะติดตามทุกตอนนะ
นึกแล้วก็ยังเสียดายไม่หาย เคยได้ยินว่านิยาย "ฤกษ์สังหาร" ของ "วรรณวรรธ" มีคนอยากทำละคร
สงสัยจะเป็นข่าวโคมลอยยย สินะๆ เสียดายจุง
...บัดนาวนึกออกแค่นี้ ขอทำการบ้านเพิ่มเติมอีกนิด แล้วจะมาเพิ่มเติมในความเห็นค่ะ...
ได้เวลาดู "ผู้ชาย" อาบน้ำแล้นนน
***ใครคิดเห็นอย่างไร บอกกันมาเน้อ อยากรู้จริงๆว่าใครอาการเดียวกัน***
[กระทู้ชวนคุย] เหตุผลที่ "คุณ" ไม่ติด "ละครไทย" ...เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันค่ะ
แต่คิดว่าเอาน่ะ "ติเพื่อก่อ" ในฐานะคนดู เผื่อว่าความคิดเห็นส่วนตัวของเรา จะเข้าตาผู้ผลิตละครบ้านเราบ้าง
เห็นกระทู้เพื่อนๆตั้งกันเป็นเรื่องๆ ติเป็นค่ายๆ เค้ามาสาย...เค้าขอเหมารวมล่ะกานนน
ส่วนตัวตั้งแต่อายุประมาณ 10 กว่าขวบ ก็ดูละครไทยตลอด (ที่บ้านชอบดูละคร)
กิจวัตรประจำวันคือกลับมาจากโรงเรียน อาบน้ำ ทำการบ้าน จัดกระเป๋า ถือหมอนไปนอนดูละคร
ดูทุกแบบ ดูทุกช่อง แล้วแต่ว่าช่วงเวลานั้นที่บ้านเปิดละครเรื่องไหน
เวลาเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวแถวบ้านก็ยังอ่านนิยายไทยรัฐ อ่านเรียงลำดับเรื่องที่อยากรู้
ละครที่ติดงอมแงม คือจะลงแดงตายให้ได้... ก็มีอยู่หลายเรื่อง
ที่สุดๆ สำหรับตัวเองคือ "ดอกแก้วการะบุหนิง" นั่งกรี๊ดพระนางเป็นจริงเป็นจัง มันฟินมากนะเรื่องนี้ ถึงจะไม่ดังมากก็เถอะ
แต่พอโตขึ้นๆ เรียนหนักขึ้น ก็ไม่ค่อยโฟกัสที่ละครเหมือนก่อน มาติดอีกทีก็ "อาญารัก" และ "ขมิ้นกับปูน" ตามลำดับ
ยิ่งดูยิ่งเครียด แต่ก็ดู เสพติดดราม่า
ส่วนช่อง 7 ทางบ้านก็เปิดผ่านไปผ่านมา ป้าเราเป็นแฟนช่อง 3 เราเลยไม่มีโอกาสติด 555+
แต่ยกเว้น "คือหัตถาครองพิภพ" เวอร์ชั่นนัทมีเรีย พูดเลยว่าเสียน้ำตาไปหลายปี๊บ
เอ็กแซ็กท์ก็โดนใจอยู่หลายเรื่อง ที่อินสุดหนีไม่พ้น "เมืองมายา" ชอบมากกกกกกกก รู้สึกถึงความอยากติดตาม
อาการอยากดู และอารมณ์ขัดใจเวลาถูกตัดจบตอน ...คือเวลาเค้าน้อยกว่าช่องอื่นอ่ะ
สมัยนั้นละครคือความบันเทิงหนึ่งเดียวของเราจนช่วงเข้ามหาวิทยาลัย ก็ไม่ได้ปันใจให้ละครแบบจริงจัง
ดูแต่ไม่ติด ชีวิตมีกิจกรรมให้ทำเยอะขึ้น อินเตอร์เน็ตเริ่มเข้ามา บลาๆ พฤติกรรมติ่งละครแบบเราก็เปลี่ยนไป
เรียนจบก็ทำงาน ไม่มีละครเรื่องไหนเอาเราอยู่ ก็มีบ้างบางเรื่องที่เออ ชอบวุ้ย... แต่ไม่ดูก็ไม่ลงแดง
ถ้าใครเคยเป็นแบบนี้น่าจะเข้าใจความหมายเรา
และต่อมา...เราก็ได้เปิดโลก ซีรีส์ฝรั่ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เรื่องแรกที่เอาเวลาเราไปคือ
Gossip Girls เผลอเปิดดูตอนแรก ชีวิตหลังจากนั้นคือพัง แต่ละตอนที่จบจะอ้าปากค้าง และรีบกดดูต่อ
คือสไตล์การเขียนบทและดำเนินเรื่องแบบทิ้งปม เฉลยทีละเปราะ สร้างปมใหม่ตลอด ทำให้เราบ้าไปเลย
ต่อมาคือ Desparate Housewives จำได้ว่าเคยดูผ่านๆตอนช่อง 3 ฉายช่วงค่ำ โอ้วคุณพระ...ยาวไป
ดูมาราธอน แทบจะลงแดงตายเวลาจบตอน โชคดีที่ตอนนั้นผ่านมาหลายซีซั่น (เราล้าหลังกว่าโลกไปมาก)
ถ้ามีเวลาคือต้องดู ซีซั่นเดียวดูรวดพรวดๆตัลล้อด
หลังจากนั้นก็ติดซีรีส์ฝรั่งเรื่อยมา รายนามดังต่อไปนี้คือ "ลงแดง" "ต้องดู" "อยากดูต่อ" "อย่าจบนะ"
Bones / Dexter / True Blood / Damage / Nikita / Fringe / Ghost Whisperer บลาๆ
ดูทุกแนวที่สนใจ เลือกจากอะไรก็ไม่รู้ และบัดนาวตามเก็บแผ่นแท้มีลิขสิทธิ์อยู่ ทยอยซื้อตามฐานะเศรษฐกิจ
สองเรื่องล่าสุดที่ซื้อมารอคือ Homeland กับ American Horror Story ถามว่าอยากดูรวดเดียวไหม
อยากมากกก (ก ล้านตัว) แต่ต้องข่มใจ เพราะงานรุมมรสุมชีวิต ประกอบเหตุผลแฝงคือเรากลัวว่าจะจบ
จบแล้วฉันจะดูอะไร... คิดอย่างนี้จริงนะ
ถามว่ายังเปิดละครไทยไหม เปิดดูจ้ะ แต่ไม่ได้เป็นอาการแบบนั่งจ้องดู คือดูบ้าง ทำอย่างอื่นบ้าง
มีบางเรื่องเหมือนกันที่ "อยากดู" อยากให้กำลังใจคนทำงาน อยากคุยกับเพื่อนรู้เรื่อง แต่ก็ "ไม่ติด ไม่ลงแดง"
ส่วนซีรีส์สายพี่เกา (เกาหลี) คือเราเป็นเด็กแนว ฉะนั้นอะไรที่อยู่ในกระแส ปฏิเสธแม่มหมด
ทำไมต้องตามใคร ทำไมต้องเกาหลีฟีเวอร์ อะไรคือแดจังกึม ไม่เคยจะใส่ใจ
จนต้นปีที่ผ่านมา เทรนด์โทมินจุนชิลอยมาเข้าหู ก็อือๆ อะไรฟระคะ มีสติ๊กเกอร์ไลน์ออกมา ก็งึมงำๆ
จอนจีฮยอน...ยัยตัวร้ายอะไรเนี่ยเคยได้ยินชื่อ แต่แบ่บ แนวไง ไม่เคยดูงานนางเลยสักชิ้น
และคืนหนึ่งในฤดูร้อน ฉันกูเกิ้ล ฉันเจอ Kodhit ฉันกดดู "You who came from the Stars" ตอนนั้นเวลาห้าทุ่มครึ่ง
คืนนั้นเราดูมาราธอนยันสว่างคาตา ดูจนถึงจูบแรกระหว่างพระนาง และลางานเลยจ้ะ ป่วยการเมืองดูซีรีส์
เราดูรวดอยู่สองวันสองคืน โชคดีที่ละครอวสานไปแล้ว ณ จุดนั้น เลยดูรวดพรวดเดียวฟินกันไป
หลังจากนั้นงานก็งอก กลายเป็นว่างก็นั่งกูเกิ้ล ละเมอถึง "ชอน ซง อี" คือปลื้มผู้หญิงขายาวแต่งตัวดี นิสัยรั่วคนนี้มั่กๆ
ทุกวันนี้ยังเปิดดูย้อนหลังอยู่เนืองๆ ไม่เคยจะเบื่อ แม้จะจำทุกอย่างในเรื่องได้แล้วแต่ก็ชอบอ่ะ
ต่อมาก็สถาปนาตัวเป็นติ่งเกาหลีลับๆ (ไม่บอกใคร กลัวเสียภาพลักษณ์ กลัวตามกระแส) แต่ป่านนี้คนคงรู้แล้วล่ะ
เรื่องถัดมาก็ Hotel King เวรกรรมแท้ๆ เปิดดูตอนแรก ชีวิตเศร้าของพระนาง บ้าจริงพี่ชาย ฉันต้องดูต่อแล้วล่ะ
นึกว่าจบ Hotel King ชีวิตจะออกห่างจากสายเกาฯได้ ฉันคิดผิด
บัดนาวว่ายเวียนวนในกระทู้รายงานสด จันทร์-อังคาร จัดไปชู้รักปราสาททราย "Temptation" พุธ-พฤหัส "Fated to love you"
อ่านแบบไม่แสดงตัว ติดงอมแงมแบบไม่กล้าบอกใคร แต่คนใกล้ตัวจะรู้ว่า ... หนักนะ อาการหนักนะ
แทบจะต้องไปถ้ำกระบอกอยู่ละ อยากเลิกซีรีส์ อยากออกห่างจากผลงานต่างประเทศ อยากกลับบ้านเกิด
ทว่า "ละครไทย" มัน แบ่บ แว่ (ขอวิบัตินิดหนึ่ง) ไม่ยังไม่โดนอ่ะคุณขาาาาา ใครรู้สึกเหมือนเราบ้าง...
บางเรื่องที่เขาว่าดังๆ เราก็ไม่อินมาก ดูได้แต่ไม่ติดเลย หรือยิ่งบางเรื่อง เราได้ดูเพราะหน้าที่การงานของคนใกล้ตัว
แต่ยิ่งดูก็ยิ่งไม่อิน ไอ้ฉากที่เค้าฟินๆ เราก็ว่าเซอร์วิสติ่งแบบไม่มีชั้นเชิงเลยยยยย เดาทางได้หมดง่ะ
จากความรู้สึกทั้งหมด เราขอสรุปเหตุผลที่ "ละครไทย" รั้ง "คนดูเรื่องมาก" (อย่างเรา) ไม่อยู่ ดังนี้
1. บทละคร ...ละครมาก ละครจริงๆ ละครไม่สมเหตุสมผล จะละครไปไหน
อย่างเมื่อวาน "รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน" ตอนนางเอกใส่เสื้อให้พระเอกก็โอเคหวานดี แต่มีฉากหนึ่ง
เค้าเดินออกมาต่อกลอนกันใต้แสงจันทร์ซูเปอร์มูน เรา...กรี๊ดลั่นบ้านเลยค่ะ บ้าจริง!!! เอางี้เลยเหรอ!!!
และอีกเคสที่จะฝังใจคือ "เจ้าสาวสลาตัน" คือเปิดมาดูระหว่างนอนชิลล์หลังจากเสร็จงาน
แทบช็อค คือฉากนั้นเป็นฉากพระนางติดเกาะ นางเอกเก่งมากสร้างเพิงได้
แถมพอผู้ชายไล่ นางไปสร้างเพิงใหม่ของตัวเองได้อีก ...บ้าจริง!
และในเวลาต่อมา พระเอกขาเจ็บ เดินล้ม พอจะลุก เจอไม้ไผ่ เอามาค้ำเดิน ...เฮ้ย!!! ใช่ใช่มะ
2. คาแรกเตอร์ตัวละคร ... ใกล้เคียงชีวิตจริงกันบ้าง จะได้ไหม
ละครไทยสไตล์ คาแรกเตอร์ส่วนใหญ่ของตัวนำ มักถูกแทนที่ด้วยสีขาว
ฉันเป็นนางเอก ฉันต้องคิดดี ทำดี ฉันจะไม่คิดร้าย ... เอาเข้าจริง มีไหมนางเอกแบบนี้
หรือพระเอกร้ายมาก แทบจะฆ่าล้างแค้น พอบทจะกลับเป็นคนดี ก็ดีแบบพ่อพระมาจุติ ... หราาา อ่ะจริงดิ
เราว่ามนุษย์ทุกคนเป็นสีเทา และมีความปรารถนาเป็นแรงขับเคลื่อนชีวิต
ไม่มีหรอกคนที่ดีใจหาย ไม่มีหรอกคนที่ร้ายสุดขั้ว แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าค่านิยมในสังคมไทย ชอบคนดีมากๆ
ต้องขาวหมดจดมากๆ หากพระเอกร้ายไปเลย นางเอกเลวไปเลย ก็อาจไม่โดนใจชาวบ้านร้านตลาด
แต่จะโดนใจเรานะ...
กล้าพอไหมที่จะก้าวข้ามเส้นศีลธรรม วัฒนธรรม และทำให้สุด เราพร้อมเชียร์ขาดใจ!!!
(ชูป้ายไฟให้ "ดาว" และ "ก้อย" ชอบฮอร์โมนตอนนี้อ่ะ กล้าดีชอบ)
3. โปรดักชั่น ... เหมือนจะดี แต่ก็ดีไม่สุด เอ๊ะยังไง
สิ่งหนึ่งที่เราปลื้ม YWCT มากๆ และหลงรักชอนซงอีมากๆ เพราะนางมาพร้อมความสวยเจิดจรัสที่หาไม่ได้ง่ายในโลกละครไทย
ทุกฉาก Hair Light สีสวย แสงดีงามมาก เสื้อผ้าอลังการจัดเต็ม หน้าผมเกาหลีสไตล์ Make Up No Make Up บ้าจริงออนนี่ ซาแรงเฮ!
แต่บทฉากที่นางต้องโทรมเพราะผู้ชายทิ้ง นางก็โทรม โ-ค-ต-ร คือเชื่อ เชื่อว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
หรืออย่าง Temptation ยกกองไปฮ่องกงคือไปฮ่องกง โรงแรมเห็นวิวอ่าว เออ อลังการ ไปถ่าย Star Avenue ก็ดูคุ้มค่า ดีงาม
ดูเป็นการสร้างแลนด์มาร์คที่เออ คนเคยไปฮ่องกงจะรู้สึกว่านี่แหละ ไฮไลท์ เพราะเกาะเค้าก็มีแค่เนี้ย ไม่งั้นต้องไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมนะ
ตัดสลับมาที่ผลงานยกกองไปต่างประเทศหลายวันอย่าง The Rising Sun เราแทบไม่รู้สึกถึงแลนด์มาร์คเลย
เรารู้สึกว่าไม่ใช่การสร้างการจดจำที่คุ้มค่า คือนางเอกเดินไปเศร้าริมบ่อน้ำหลังบ้าน ใต้ต้นไม้ที่ใบไม้สีแดงเต็มต้น อ่อ ญี่ปุ่น
แต่เรากลับไม่อยากไปหาต้นไม้ต้นนั้น ไม่อยากไปตามรอย เพราะมันไม่ได้ดีงามอะไรมากมาย แต่ก็เข้าใจถึงสถานการณ์ของกอง
ว่าโอเค ทุกอย่างต้องประกอบว่านี่คือประเทศญี่ปุ่น เมืองชิบะ ให้เนียนที่สุด ก็เลยธรรมดาๆ ทำให้คนดูเรื่องเยอะอย่างเรามองผ่าน
แต่ก็อย่างว่าแหละ ผลงานสายเกาฯ และ สายฝรั่ง เค้าส่งออกได้ทั่วโลก ฉะนั้นมูลค่าของธุรกิจจึงมากกว่า
งบโปรดักชั่นถึงได้ดูอลังการเว่อร์วังอย่างที่เห็น ก็ได้แต่หวังว่าอนาคตอันใกล้ จะมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นกับวงการละครไทยบ้าง
4. เทคนิคพิเศษ มุมกล้องใดๆ
อันที่จริงรวมรวบตึงในโปรดักชั่นได้ แต่ขอแยกออกมาเพราะอยากพูด อยากแสดงความเห็นเป็นพิเศษ
ปัญหาเดิมๆของวงการละครไทยคือ "กราฟิก" อ๋อยยย ไม่อยากยกตัวอย่างเลยมันเยอะแยะไปหมด
แต่ตอนนั้นเคยเปิดไปดู "เล่ห์นางฟ้า" เราว่าเค้าทำโอเคดีงามเลยนะ คือแฟนตาซีก็แฟนตาซีไป ดูไม่ขัดตาอ่ะ
ส่วนเรื่องมุมกล้อง อนาคตคงจะพัฒนาขึ้นกระมัง
หวังว่าหากตากล้องหรือฝ่ายกำกับภาพเข้ามาดู เราอยากบอกว่ามุมกล้องสายเกาฯ เค้าเว่อวังมากเลยนะ
ชอตกระจกนี่เทพเมพมาก...
5. พล็อตวนๆ ซ้ำเดิม เท่ากับที่เก่า เล่าใหม่ได้เรื่อยๆ
มันไม่ว้าวอ่ะกิ๊บ... กิ๊บเข้าใจเราชิมิ
ทรายจะกลับมาเอาคืนทุกอย่างที่เป็นของทราย ค่ะทราย! รู้ว่าทรายแซบแน่ (พี่ชม เราเป็นติ่งพี่ชมนะ พี่ชมใช้ภาษาไทยดี พูดชัด เค้าชอบ)
แต่แกนหลักก็หนีไม่พ้นการแก้แค้น ปมเมียหลวง เมียน้อย เมียแต่ง ...ก็คุ้นๆค่ะ
ถามว่าอยากดูไหม อยาก... แต่ก็คงอารมณ์เดิม คือไม่ติด เดาทางออกง่ะ
องครักษ์หลงรักคู่หมั้นเจ้านาย แท้จริงแล้วองครักษ์คือลูกชายอีกคน บลาๆ (เค้าชอบพี่เวียร์ เค้ารักน้องมิน)
แต่เค้าก็เดาได้นะว่าเรื่องออกมาแนวนี้แหละ คุ้นๆ คุ้นจุง
คือแก่นเรื่อง โครงเรื่อง ก็วนเวียนไปมา เรื่องก็มีแค่นี้แล...
หากมีสักค่ายที่ฉีกแนวออกมาทำ อย่างตอนนั้นที่มีละครแนวๆ อย่าง "เจ้ากรรมนายเวร" หรือ "กุหลาบสีดำ"
ได้แนวทริลเลอร์แจ่มๆ เราสัญญาว่าจะติดตามทุกตอนนะ
นึกแล้วก็ยังเสียดายไม่หาย เคยได้ยินว่านิยาย "ฤกษ์สังหาร" ของ "วรรณวรรธ" มีคนอยากทำละคร
สงสัยจะเป็นข่าวโคมลอยยย สินะๆ เสียดายจุง
...บัดนาวนึกออกแค่นี้ ขอทำการบ้านเพิ่มเติมอีกนิด แล้วจะมาเพิ่มเติมในความเห็นค่ะ...
ได้เวลาดู "ผู้ชาย" อาบน้ำแล้นนน
***ใครคิดเห็นอย่างไร บอกกันมาเน้อ อยากรู้จริงๆว่าใครอาการเดียวกัน***