บทสัมภาษณ์คุณสุรินทร์ รองกรรมการผู้จัดการช่อง 3 -- กับประเด็น "แผนทีวีดิจิตอลช่อง 3 - การออกอากาศคู่ขนาน"

ขอยกเนื้อหาสำคัญในบทความ เกี่ยวกับเนื้อเรื่องที่จั่วหัวกระทู้ไว้ จากเว็บไซต์ POSITIONINGMAG ไว้คร่าวๆนะครับ



คุณสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ ไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับการตลาดและรายการ ได้ให้สัมภาษณ์ในบทความของ POSITIONINGMAG เกี่ยวกับกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานของทีวีดิจิตอลช่อง 3 ทั้ง 3 ช่อง ได้เเก่ Family , SD และ HD ในปัจจุบัน โดยเนื้อหาหลักๆมีดังต่อไปนี้

เนื้อหาสำคัญที่ยกจากบทความ ผมขอยกมาสองเรื่อง คือแผนการดำเนินงานทีวีดิจิตอลของช่อง 3 ในเดือนตุลาคม และการออกอากาศคู่ขนาน อมยิ้ม33

แผนทีวีดิจิตอลใหม่ในเดือนตุลาคม นานาเรียน

เมื่อประเมินแล้วว่าสภาพของธุรกิจดิจิตอลทีวียังไม่พร้อม “ช่อง 3 จึงต้องใช้ความระมัดระวังสูงในจัดสรรการลงทุนและการนำรายการต่างๆ มาลง เป็นไปไม่ได้ที่เราจะนำคอนเทนต์ดีที่สุด แข็งแรงที่สุดไปใส่ในดิจิตอลทีวี หรือออนแอร์ 24 ชั่วโมงทันที แต่ใช่ว่าจะไม่ทำ เพียงแต่เลือกทำในสิ่งที่จำเป็น”

นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้ช่อง 3 Family , SD และ HD ในช่วงแรก ออกอากาศแค่เวลา 16.00 - 23.15 โดยประมาณเท่านั้น

และเมื่อสถานการณ์ยังสุ่มเสี่ยง หากออกตัวเร็ว “กระสุน” อาจหมดไวก่อนกำหนด แต่ช้าไปก็อาจไม่ทันการณ์ ดังนั้นในเดือนตุลาคมนี้จะเป็นกำหนด “ดีเดย์” ที่ช่อง 3 จะ “คิกออฟ” ดิจิตอลทีวีทั้ง 3 ช่องอย่างเป็นทางการ

ดีเดย์คืออะไร? อมยิ้ม19
- เพิ่มเนื้อหารายการใหม่ๆ เข้ามารองรับกับการเพิ่มเวลาการออกอากาศ
- ออกอากาศตั้งแต่ตี 5 จนถึงเที่ยงคืน คิดเป็น 70-80% ของเวลาในการออกอากาศทั้งหมด

ทำความเข้าใจกับช่อง 3 ดิจิตอลรูปโฉมใหม่ในเดือนตุลาคมนี้ อมยิ้ม23
ช่อง 3 HD  
ช่องความคมชัดสูง จะเปลี่ยนไปใช้ชื่อ “ช่อง 3 เพาเวอร์ทรี” โดยจะมุ่งเน้นรายการ “กีฬา” ถ่ายทอดสดจากต่างประเทศเป็นหลัก ทั้ง “ฟุตบอล” และ “มวย” เป็นกีฬาที่คนไทยนิยมมานำเสนอ รวมทั้งวาไรตี้จากต่างประเทศ และข่าว

ช่อง 3 SD
ช่องนี้จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ “ช่อง 3 เมจิกทรี” โดยจะเน้นความหลากหลายของรายการ ทั้งวาไรตี้ ซิทคอม เกมโชว์ เรียลลิตี้ ซีรีส์เกาหลี

ช่อง 3 Family
ช่องนี้จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ “ช่องแฮปปี้ แฟมิลี่ เบอร์ 13” เน้นกลุ่มคนดูที่เป็นครอบครัว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทั้งพ่อบ้าน แม่บ้าน และเด็ก คล้ายกับช่อง “ฮอลมาร์ก” ของต่างประเทศ เด็กดูที่บ้านแล้วปลอดภัย ไม่มีรายการประเภทตบตี

สามารถสรุปออกมาได้ดังภาพนี้


แต่อาจไม่เป็นตามแผนที่ช่อง 3 วางเอาไว้ เพราะตอนนี้มีประเด็นร้อนระหว่างกสทช. ในกรณีที่ทางช่อง 3 ไม่นำรายการมาออกอากาศคู่ขนานกับช่อง 3 ในระบบดิจิตอล

การออกอากาศคู่ขนาน นานาเรียน

เหตุและผลเกี่ยวกับการออกอากาศคู่ขนานของช่อง 3 อมยิ้ม34

เนื่องจาก กสทช.ได้นำกฎ Must carry มาใช้ เพื่อเป็นตัวเร่งให้ดิจิตอลทีวีเกิดโดยเร็ว โดยให้เคเบิลทีวีและเพย์ทีวีต้องนำช่อง “ดิจิตอลทีวี” ไปออกอากาศ แต่ไม่รวม “ช่อง 3 อนาล็อก” โดยให้เหตุผลว่าบริษัทที่ประมูลดิจิตอลทีวีทั้ง 3 ช่อง คือ บีอีซี มัลติมีเดีย ในขณะที่ช่อง 3 อนาล็อกดำเนินการโดยบริษัทบางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ในทางกฎหมายถือว่าเป็นคนละนิติบุคคล จึงนำมาออกอากาศไม่ได้
ที่ กสทช.ออกกฎนี้ เพื่อต้องการผลักดันให้ช่อง 3  อนาล็อกซึ่งครองตลาดคนดูและโฆษณา มาออกอากาศในระบบดิจิตอลคู่ขนานกับระบบอนาล็อกเดิม ในลักษณะเดียวกับที่ช่อง 7 ทำอยู่ เพราะ กสทช.มองว่า ถ้าผลักดันให้ช่อง 3 อนาล็อกมาออกอากาศในระบบดิจิตอลได้ คนดูและเอเยนซี่โฆษณา เจ้าของสินค้า ก็จะตามมา

ในขณะที่ช่อง 3 มองต่างมุม หากยอมไปออกอากาศในช่องดิจิตอลทีวีคู่ขนานกันไปกับช่องอนาล็อกเหมือนกับที่ช่อง 7 ทำ เท่ากับว่าช่อง 3 จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นทันที เพราะต้องเสียทั้งค่าใบอนุญาตดิจิตอลทีวีให้กับ กสทช. และยังเสียค่าสัมปทานให้กับ อสมท เนื่องจากช่องอนาล็อกยังเหลืออายุสัมปทานอีก 6 ปี ในขณะที่ขึ้นค่าโฆษณาไม่ได้ เพราะเอเยนซี่มองว่าฐานคนดูอนาล็อกและดิจิตอลเป็นกลุ่มเดียวกัน เพียงแต่ออกอากาศต่างช่องทางเท่านั้น
แต่เมื่อ กสทช.มีกฎนี้ออกมา และหากเคเบิลทีวีและเพย์ทีวีทำตาม เท่ากับว่า ช่อง 3 อนาล็อกจะสูญเสียคนดูไปถึง 60-70% เนื่องจากคนดูทีวีส่วนใหญ่ดูผ่านเคเบิลทีวีและเพย์ทีวี

ทางด้าน กสทช.เมื่อเห็นว่าทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวียังคงออกอากาศช่อง 3 อนาล็อกอยู่เช่นเดิม จึงใช้วิธีออกกฎสั่งห้ามไม่ให้ผู้ให้บริการโครงข่ายที่ให้บริการแก่ช่องเคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียม ออกอากาศช่อง 3 อนาล็อก ซึ่งหากใครออกอากาศจะถือว่าเป็นความผิด ต้องถูกปรับและยึดใบอนุญาต เพื่อเป็นแรงบีบอีกทางให้ช่อง 3 นำช่องอนาล็อกมาออกคู่ขนานในช่องดิจิตอล

ทิ้งท้าย อมยิ้ม33



“ดิจิตอลทีวี เปรียบเหมือนกับการเปิดห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ที่เป็นห้างพรีเมียม ซึ่งช่อง 3 ก็ตัดสินใจไปเปิดร้านใหม่ขึ้นมาอีก 3 ร้าน เพื่อรองรับกับกลุ่มลูกค้า หรือคนดูใหม่ๆ ให้เหมาะกับห้างระดับพรีเมียม ในขณะที่ช่องอนาล็อกซึ่งเปรียบเป็นร้านข้าวแกงที่เคยขายในห้างสรรพสินค้าเดิมก็ยังมีคนมากินอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้ลดลง เราก็ไม่มีความจำเป็นต้องย้ายไป แต่หากเจ้าของห้างสรรพสินค้าพรีเมียมต้องการให้เราย้ายไปอยู่กับเขาก็ควรมีข้อเสนอที่ดีให้กับเรา”

สำหรับดิจิตอลทีวี สุรินทร์มองว่า ปีหน้าภาพของทีวีดิจิตอลจะชัดเจนมากขึ้น ทั้งในแง่ของคนดู โครงข่ายการรับสัญญาณ และโฆษณา โดยที่เจ้าของช่องรายการเริ่มเอาคอนเทนต์ดีๆ แรงๆ มาออกอากาศมากขึ้น จะส่งผลให้ดิจิตอลทีวีโดยรวมแข็งแรงขึ้น

แต่สำหรับจุดคุ้มทุนของดิจิตอลทีวีช่อง 3 ยังประเมินได้ยากต้องรอดูปีหน้า ส่วนการก้าวขึ้นเป็น “ผู้นำ” ในตลาดดิจิตอลทีวี ไม่ต่างไปจากอนาล็อก ที่ต้องอยู่ในฐานะของ “ปลาใหญ่” ที่สามารถครองตลาดคนดู และโฆษณาส่วนใหญ่ไว้ในมือ เมื่อขยับแต่ละครั้งสร้างความสั่นสะเทือนให้กับตลาดได้ ไม่ใช่ปลาเล็กที่เฉือนคู่แข่งเบอร์ 2 แบบเฉียดฉิว เหมือนอย่างที่เป็นอยู่

ส่วนจะประสบความสำเร็จเป็นปลาใหญ่ได้เมื่อไหร่นั้น สุรินทร์บอกแต่เพียงว่า ถ้าเปรียบเป็นหนังแล้ว “ดิจิตอลทีวี เป็นหนังเรื่องยาว ที่ยังมีเวลาถึง 15 ปี ที่จะใช้ตัดสิน



และ ...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่