สวัสดีค่ะพี่ๆ เพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน พอดีกระทู้นี้ เราเกิดปิ๊งไอเดียมาจากการทำงานวิชา ภาษาไทย ของ ม.6
ที่ให้ทำงานส่งเกี่ยวกับการแก้ปัญหาต่างๆ โดยการเลือกปัญหาต่างๆทั้งปัญหาส่วนบุคคล ปัญหาเฉพาะกลุ่ม และปัญหาสังคม
เราก็ได้พิมพ์จนเสร็จเพื่อเอาไปส่งค่ะ แต่เราก็เกิดไอเดียว่า อยากลองฟังความคิดเห็นจากคนอื่นๆนอกจากตัวเราบ้างว่า
นอกจากมุมมองของเราแล้ว มีใครที่มีความคิดเห็นตรงกันหรือคล้ายๆกันบ้าง หรือจะแตกต่างกันก็น่าสนใจทั้งหมดค่ะ
เราจึงเอางานของตัวเองมาโพสเป็นกระทู้นี้เพื่อต้องการทราบความคิดเห็นและมุมมองของเพื่อนๆพี่ๆทุกคนค่ะ
แท็กห้อง สยามสแควร์ เพราะ... ในกระทู้นี้ของเรามีการพูดถึงการนิยมสินค้าเหล่านี้ในวัยรุ่นที่กำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นค่ะ
แท็กห้อง สีลม เพราะ... อยากฟังความเห็นของพี่ๆที่ทำงานมีเงินเดือน มีรายได้เป็นของตนเองแล้วค่ะ ว่ามีความคิดเห็นใดๆกับเรื่องนี้บ้าง
แท็กห้อง ชีวิตในต่างแดน เพราะ... อยากทราบจากพี่ๆทุกคนถึงรายละเอียดของการใช้ชีวิตของคนในต่างประเทศว่าจริงอย่างที่เราพิมพ์ไว้มั้ย
หากผิดพลาดหรือเราอุปโลกน์ขึ้นมาเองจะได้แก้ไข หรือหากมีรายละเอียดเพิ่มเติมก็สามารถเพิ่มเติมได้ค่ะ
แท็กห้อง ชานเรือน เพราะ... อยากให้คุณแม่ๆมาลองอ่านกันดูนะคะ ไม่รู้ว่าจะช่วยได้บ้างรึเปล่าสำหรับความคิดเห็นจากเด็กตุ๊ด ม.6 คนนึง 55555
แท็กเรื่อง ปัญหาสังคม เพราะ... ตามหัวกระทู้เลยค่ะ มันคือปัญหาสังคมในปัจจุบัน ใช่มั้ยคะ 5555555
พร้อมแล้วนะคะ.... นี่คือความคิดเห็นของเราค่ะ ผิดพลาดหรือทำให้เกิดความไม่พอใจก็ขออภัยด้วยนะคะ
ปัญหา :
สังคมไทยในยุคปัจจุบันนี้ มีการนิยมสินค้าฟุ่มเฟือยประเภทต่างๆมากขึ้นในหลายกลุ่มช่วงอายุ ทั้งวัยผู้ใหญ่ที่ทำงานมีรายได้เป็นของตนเอง วัยสูงอายุที่มีเงินเก็บเหลือใช้จากช่วงชีวิตที่ผ่านมา หรือแม้กระทั้งในหมู่วัยรุ่นที่ยังไม่มีรายได้เป็นของตนเองก็ยังมีการนิยมสินค้าเหล่านี้ไม่แพ้กับกลุ่มผู้ใหญ่ และแย่ไปกว่านั้น มีการพบว่าวัยรุ่นไทยนิยมสินค้าฟุ่มเฟือยกันมากขึ้น และอาจมีจำนวนมากกว่าวัยผู้ใหญ่ด้วย
สาเหตุ :
เนื่องจากปัจจุบันเป็นยุคที่มีการสื่อสารที่เข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้นผ่านทางสื่อต่างๆ ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ หรือสาเหตุหลักอย่างสังคมออนไลน์ทั้ง เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ และ อินสตาแกรม ที่ทุกคนสามารถเข้าไปตามติดชีวิตของเพื่อน ศิลปินดังคนโปรด ดาราที่มีชื่อเสียง หรือบุคคลสาธารณะที่ตนเองชื่นชอบโดยตรงได้ง่ายขึ้น และในกลุ่มบุคคลประเภท ศิลปินและดาราที่หลายๆคนติดตามนั้น มักจะมีการถ่ายรูปคู่ หรือ ถ่ายเพียงกระเป๋ามียี่ห้อราคาสูงที่พวกเขาเองเป็นเจ้าของซี่งจัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยราคาแพง หรืออาจจะเป็นเสื้อผ้าราคาแพง เครื่องสำอางและเครื่องประทินผิวยี่ห้อชั้นนำ และทำการอัพโหลดสู่สายตาสาธารณชน ซึ่งทำให้ผู้ที่ติดตามพวกเขาเกิดความรู้สึกว่า หากมีกระเป๋าหรือสินค้าเหล่านี้ เราก็คงจะดูดีเหมือนกับบุคคลที่พวกเขาชื่นชอบอย่างแน่นอน บวกกับค่านิยมของคนไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ที่มักจะแต่งตัวใส่เครื่องประดับเพชรพลอยเงินทองต่างๆ ใส่เสื้อผ้าดีๆเวลามีงานสำคัญเพื่อแสดงฐานะและศักดินาของตนเอง ทำให้เกิดกระแสวัตถุนิยมและมีการนิยมบริโภคสินค้าเหล่านี้มากขึ้น และได้เกิดเป็นค่านิยมผิดๆที่ได้ระบาดไปถึงวัยรุ่นไทยในปัจจุบันที่ยังไม่มีรายได้ของตนเอง ต้องขอเงินหรือขอให้พ่อแม่ซื้อสินค้าเหล่านั้นทั้งเสื้อผ้า กระเป๋าราคาเรือนหมื่นเรือนแสน หรือในบางรายก็ยังมีการยืมของพ่อแม่ไปใช้เพื่อเดินเที่ยวและอวดเพื่อนๆ ซึ่งที่แท้จริงแล้ว สินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่เหมาะสำหรับวัยผู้ใหญ่หรือวัยทำงานที่มีรายได้เป็นของตัวเองแล้ว
วิธีแก้ปัญหา
1. ปลูกฝังและสั่งสอนวัยรุ่นไทยให้รู้จักถึงความลำบากในการหารายได้ด้วยตนเอง
2. ควรมีการอบรมตั้งแต่วัยรุ่นว่าให้รู้จักบริโภคสินค้าที่เหมาะสมกับช่วงอายุของตนเอง
3. ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานให้มีความประหยัดมัธยัสถ์ และรู้จักใช้อย่างพอเพียง
แนวทางในการแก้ปัญหา
ในความคิดส่วนตัวแล้ว แนวทางในการแก้ปัญหาที่สำคัญที่สุดก็คือ การปลูกฝังและสั่งสอนเด็กวัยรุ่นไทยให้รู้จักถึงความลำบากในการหารายได้เพื่อเลี้ยงชีพด้วยเอง เพราะถ้าหากเทียบกับวัยรุ่นในประเทศแถบอเมริกาและยุโรปแล้ว เด็กไทยถือว่ายังด้อยกว่ามากทั้งในระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ และการดูแลและหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง เพราะในประเทศแถบนั้น เด็กอายุ 15 ก็เริ่มทำงานเล็กๆน้อยๆเช่น รับจูงหมา ซักผ้า เป็นแคชเชียร์ หรือแม้กระทั่งเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารหาเงินเพื่อซื้อของหรือใช้เป็นค่าขนมของตัวเองแล้ว ทำให้พวกเขารู้ซึ้งถึงค่าของเงินว่ากว่าจะหามาได้นั้นลำบากแค่ไหน ต่างจากเด็กไทยซึ่งไม่ชอบความลำบาก เอาแต่หาความสบาย และอาศัยเงินพ่อแม่เพื่อซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยไปวันๆ อีกทั้งระบบการศึกษาไทยที่ทำให้ตัวเด็กไม่มีเวลาในการทำกิจกรรมอื่นๆ ใครที่ทำงานพิเศษหาเงินเองจะถูกมองว่าบ้านมีฐานะไม่ดี ใฝ่ต่ำ ทั้งๆที่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ตัวเองดูถูกนั้นเป็นสิ่งที่จะเป็นประสบการณ์ชีวิตที่สอนให้สู้กับความลำบากที่อยู่นอกเหนือห้องเรียนและสนามสอบ
พอดีดึกแล้วน่ะค่ะก็เลยยังไม่ได้ลงรายละเอียดปลีกย่อยว่าเราเป็นคนยังไง ทำไมถึงมีความคิดเห็นแบบนี้ขึ้นมา
ไว้วันพรุ่งนี้จะมาเพิ่มเติมส่วนที่ขาดเหลือหรือส่วนที่ทุกๆคนสงสัยไว้นะคะ ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจค่ะ
[แชร์ความเห็นค่ะ ไม่มีเจตนาต่อว่าใครทั้งสิ้น] ปัญหาสังคมไทยในปัจจุบัน เรื่องการนิยมสินค้าฟุ่มเฟือยและกระแสวัตถุนิยม
ที่ให้ทำงานส่งเกี่ยวกับการแก้ปัญหาต่างๆ โดยการเลือกปัญหาต่างๆทั้งปัญหาส่วนบุคคล ปัญหาเฉพาะกลุ่ม และปัญหาสังคม
เราก็ได้พิมพ์จนเสร็จเพื่อเอาไปส่งค่ะ แต่เราก็เกิดไอเดียว่า อยากลองฟังความคิดเห็นจากคนอื่นๆนอกจากตัวเราบ้างว่า
นอกจากมุมมองของเราแล้ว มีใครที่มีความคิดเห็นตรงกันหรือคล้ายๆกันบ้าง หรือจะแตกต่างกันก็น่าสนใจทั้งหมดค่ะ
เราจึงเอางานของตัวเองมาโพสเป็นกระทู้นี้เพื่อต้องการทราบความคิดเห็นและมุมมองของเพื่อนๆพี่ๆทุกคนค่ะ
แท็กห้อง สยามสแควร์ เพราะ... ในกระทู้นี้ของเรามีการพูดถึงการนิยมสินค้าเหล่านี้ในวัยรุ่นที่กำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นค่ะ
แท็กห้อง สีลม เพราะ... อยากฟังความเห็นของพี่ๆที่ทำงานมีเงินเดือน มีรายได้เป็นของตนเองแล้วค่ะ ว่ามีความคิดเห็นใดๆกับเรื่องนี้บ้าง
แท็กห้อง ชีวิตในต่างแดน เพราะ... อยากทราบจากพี่ๆทุกคนถึงรายละเอียดของการใช้ชีวิตของคนในต่างประเทศว่าจริงอย่างที่เราพิมพ์ไว้มั้ย
หากผิดพลาดหรือเราอุปโลกน์ขึ้นมาเองจะได้แก้ไข หรือหากมีรายละเอียดเพิ่มเติมก็สามารถเพิ่มเติมได้ค่ะ
แท็กห้อง ชานเรือน เพราะ... อยากให้คุณแม่ๆมาลองอ่านกันดูนะคะ ไม่รู้ว่าจะช่วยได้บ้างรึเปล่าสำหรับความคิดเห็นจากเด็กตุ๊ด ม.6 คนนึง 55555
แท็กเรื่อง ปัญหาสังคม เพราะ... ตามหัวกระทู้เลยค่ะ มันคือปัญหาสังคมในปัจจุบัน ใช่มั้ยคะ 5555555
พร้อมแล้วนะคะ.... นี่คือความคิดเห็นของเราค่ะ ผิดพลาดหรือทำให้เกิดความไม่พอใจก็ขออภัยด้วยนะคะ
ปัญหา :
สังคมไทยในยุคปัจจุบันนี้ มีการนิยมสินค้าฟุ่มเฟือยประเภทต่างๆมากขึ้นในหลายกลุ่มช่วงอายุ ทั้งวัยผู้ใหญ่ที่ทำงานมีรายได้เป็นของตนเอง วัยสูงอายุที่มีเงินเก็บเหลือใช้จากช่วงชีวิตที่ผ่านมา หรือแม้กระทั้งในหมู่วัยรุ่นที่ยังไม่มีรายได้เป็นของตนเองก็ยังมีการนิยมสินค้าเหล่านี้ไม่แพ้กับกลุ่มผู้ใหญ่ และแย่ไปกว่านั้น มีการพบว่าวัยรุ่นไทยนิยมสินค้าฟุ่มเฟือยกันมากขึ้น และอาจมีจำนวนมากกว่าวัยผู้ใหญ่ด้วย
สาเหตุ :
เนื่องจากปัจจุบันเป็นยุคที่มีการสื่อสารที่เข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้นผ่านทางสื่อต่างๆ ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ หรือสาเหตุหลักอย่างสังคมออนไลน์ทั้ง เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ และ อินสตาแกรม ที่ทุกคนสามารถเข้าไปตามติดชีวิตของเพื่อน ศิลปินดังคนโปรด ดาราที่มีชื่อเสียง หรือบุคคลสาธารณะที่ตนเองชื่นชอบโดยตรงได้ง่ายขึ้น และในกลุ่มบุคคลประเภท ศิลปินและดาราที่หลายๆคนติดตามนั้น มักจะมีการถ่ายรูปคู่ หรือ ถ่ายเพียงกระเป๋ามียี่ห้อราคาสูงที่พวกเขาเองเป็นเจ้าของซี่งจัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยราคาแพง หรืออาจจะเป็นเสื้อผ้าราคาแพง เครื่องสำอางและเครื่องประทินผิวยี่ห้อชั้นนำ และทำการอัพโหลดสู่สายตาสาธารณชน ซึ่งทำให้ผู้ที่ติดตามพวกเขาเกิดความรู้สึกว่า หากมีกระเป๋าหรือสินค้าเหล่านี้ เราก็คงจะดูดีเหมือนกับบุคคลที่พวกเขาชื่นชอบอย่างแน่นอน บวกกับค่านิยมของคนไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ที่มักจะแต่งตัวใส่เครื่องประดับเพชรพลอยเงินทองต่างๆ ใส่เสื้อผ้าดีๆเวลามีงานสำคัญเพื่อแสดงฐานะและศักดินาของตนเอง ทำให้เกิดกระแสวัตถุนิยมและมีการนิยมบริโภคสินค้าเหล่านี้มากขึ้น และได้เกิดเป็นค่านิยมผิดๆที่ได้ระบาดไปถึงวัยรุ่นไทยในปัจจุบันที่ยังไม่มีรายได้ของตนเอง ต้องขอเงินหรือขอให้พ่อแม่ซื้อสินค้าเหล่านั้นทั้งเสื้อผ้า กระเป๋าราคาเรือนหมื่นเรือนแสน หรือในบางรายก็ยังมีการยืมของพ่อแม่ไปใช้เพื่อเดินเที่ยวและอวดเพื่อนๆ ซึ่งที่แท้จริงแล้ว สินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่เหมาะสำหรับวัยผู้ใหญ่หรือวัยทำงานที่มีรายได้เป็นของตัวเองแล้ว
วิธีแก้ปัญหา
1. ปลูกฝังและสั่งสอนวัยรุ่นไทยให้รู้จักถึงความลำบากในการหารายได้ด้วยตนเอง
2. ควรมีการอบรมตั้งแต่วัยรุ่นว่าให้รู้จักบริโภคสินค้าที่เหมาะสมกับช่วงอายุของตนเอง
3. ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานให้มีความประหยัดมัธยัสถ์ และรู้จักใช้อย่างพอเพียง
แนวทางในการแก้ปัญหา
ในความคิดส่วนตัวแล้ว แนวทางในการแก้ปัญหาที่สำคัญที่สุดก็คือ การปลูกฝังและสั่งสอนเด็กวัยรุ่นไทยให้รู้จักถึงความลำบากในการหารายได้เพื่อเลี้ยงชีพด้วยเอง เพราะถ้าหากเทียบกับวัยรุ่นในประเทศแถบอเมริกาและยุโรปแล้ว เด็กไทยถือว่ายังด้อยกว่ามากทั้งในระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ และการดูแลและหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง เพราะในประเทศแถบนั้น เด็กอายุ 15 ก็เริ่มทำงานเล็กๆน้อยๆเช่น รับจูงหมา ซักผ้า เป็นแคชเชียร์ หรือแม้กระทั่งเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารหาเงินเพื่อซื้อของหรือใช้เป็นค่าขนมของตัวเองแล้ว ทำให้พวกเขารู้ซึ้งถึงค่าของเงินว่ากว่าจะหามาได้นั้นลำบากแค่ไหน ต่างจากเด็กไทยซึ่งไม่ชอบความลำบาก เอาแต่หาความสบาย และอาศัยเงินพ่อแม่เพื่อซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยไปวันๆ อีกทั้งระบบการศึกษาไทยที่ทำให้ตัวเด็กไม่มีเวลาในการทำกิจกรรมอื่นๆ ใครที่ทำงานพิเศษหาเงินเองจะถูกมองว่าบ้านมีฐานะไม่ดี ใฝ่ต่ำ ทั้งๆที่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ตัวเองดูถูกนั้นเป็นสิ่งที่จะเป็นประสบการณ์ชีวิตที่สอนให้สู้กับความลำบากที่อยู่นอกเหนือห้องเรียนและสนามสอบ
พอดีดึกแล้วน่ะค่ะก็เลยยังไม่ได้ลงรายละเอียดปลีกย่อยว่าเราเป็นคนยังไง ทำไมถึงมีความคิดเห็นแบบนี้ขึ้นมา
ไว้วันพรุ่งนี้จะมาเพิ่มเติมส่วนที่ขาดเหลือหรือส่วนที่ทุกๆคนสงสัยไว้นะคะ ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจค่ะ