มาครับ! หลังจากรอมาหลายอาทิตย์ เห็น loreal แหย่ๆ จะปล่อย micellar ตัวใหม่ออกมา เพิ่งจะเจอวางขายวันนี้ ขอจับมาท้าชน bioderma รีวิวแบบเร็วๆ เหมือนเดิม 555 ... เห็นฝรั่งเค้ารีวิวเทียบกันเยอะเหมือนกัน ขอคนไทยลองบ้าง จะดีจริงมั้ย ไปดูกันเลยล่ะกัน!
คู่ท้าชิง
ด่าน โหด มัน ฮา (อุปกรณ์) ที่เราจะนำมาทดสอบ คู่ท้าชิงทั้งสอง มีดังนี้ (วะ ฮะ ฮ่า)
1. แน่นอน เจ้าเก่า Bioderma sensibio h2o micelle solution
2. ผู้ท้าชิง Loreal skin perfection micellar water
3. รองพื้นจัดหนัก Revlon colorstay ฝาดำ สี 370 toast (สีนี้ไม่ค่อยได้เอามาแต่งใคร เอามาเล่นนี่ล่ะ 555)
4. แล้วตบให้เซ็ท ด้วยแป้งผสมรองพื้น Mac studio fix powder plus foundation สี NC55 (ปกติเอาไว้ ไลท์ six pack นายแบบเท่านั้นนะ)
5. เขียนขอบตาแน่นๆ ด้วย Mac pro longwear eyeliner สี Rich experience สีดำ
6. ปัดขนตาให้ยาววิ้ง ด้วย Loreal butterfly mascara ตัวใหม่ มาจากคานส์บ้านเดียวกันกับผู้ท้าชิง 555 เป็น มาสคาร่ากันน้ำนะครับ water proof
7. เขียนปากให้แดงแน่น ด้วย Mac pro longwear lip pencil สี Trust in red แดงเข้ม
8. เติมแก้มให้ เปล่งประกายชมพูสดใส (และเหนียวหนึบ) ด้วย Make up store high tech lighter สี Pandora ชมพูวิ้งวังอลังการ (ใช้ทาปากก็ได้ ใช้ทาตาก็ดี ใช้ทาแก้มก็บ่ยั่น)
9. เช็ดทุกสิ่งวันนี้ด้วย สำลี Evergreen extra soft pads ส่งตรงจากเกาหลี นุ่ม หนา อม(กล่องสี)ชมพู (อันนี้เคยรีวิวแล้ว ใช้ดีอยู่จ้า)
มาแต่งหน้ากัน!
แต่น แต้น!! 555 ขอใช้หน้ายาวๆ ท่อนนี้ทดสอบล่ะกันนะครับ จัดเต็มตามขั้นตอนที่ว่าข้างบนเรย!
ซูมดูขนตาปีกผีเสื้อ (ขนยาวเชียะ) (ปัดเลอะ น่าเกลียดจริง - .. - ขออภัยครับ รีบๆ)
ซูมดูหน้า สีสันกันหน่อย
ก่อนจะเคาะระฆัง!
เล่าเร็วๆ ครับ ประสบการณ์จากการทดลอง loreal micellar ตัวใหม่ ผมลองเอามาเช็ดหน้า วันนี้ที่ แต่ง (เบาๆ) หลังจากโทรมกับฟิตเนส เทชุ่มสำลี ปาดหน้าเข้าไป กลิ่นต่างกับ bioderma เล็กน้อย (คือไม่มีกลิ่น แต่รู้สึกต่างกันหน่อย) จะไม่มีกลิ่นกว่า bioderma นิดนึงนะครับ เอามาเช็ดบริเวณตา คิ้ว ก็ไม่แสบอะไร (ผมใช้ bioderma ก็ไม่แสบนะ) ลองเช็ดดูรู้สึกว่าก็สะอาดดี (เหมือนใช้ bioderma) แต่รู้สึกเหมือนเกลี้ยงกว่านิดหน่อย ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า หรือเพราะวันนี้แต่งหน้า เบาๆ จริงๆ แต่ก็มีคอมเม้นต์ที่ไม่ชอบ ดังนี้ครับ
- ฝาพลาสติกมันไม่ค่อยแน่น ขวดที่ได้มา ก้องแก้งไปหน่อย (ราคา 390.- นะครับ 200ml ... จะไปคาดหวังขวดดีเท่า bioderma 1,250.-/500ml ไม่ได้ สินะ.... เหอะ..)
- เปิดออกมาทีแรก บีบๆ มีฟองฟอดขึ้นมา ดูจากในขวดคิดว่า มันคงเขย่ามาเยอะ มีฟองค้างมั้ง บีบๆ ฟองออกมา แล้วเช็ดออก แป้บนึง ฟองก็หมด
- เทไม่สะดวก ถ้าเอียงขวดเท แบบ bioderma จะหกตลอดเลย ขอบมันแบนๆ ไม่เอื้อต่อการไหลของของเหลว (แต่ผมมีทริค แนะนำตอนท้ายนะครับ ในการเท ให้ไม่หกเลอะเทอะ)
โอเค... เล่าแล้ว มาเคาะระฆัง กันเลย! แก้งงงงงง!!!!
เริ่มต่อย ฝ่ายซ้าย bioderma ฝ่ายขวา loreal มี evergreen เป็น กรรมการ 555
ผมเอาสีลำ evergreen เท bioderma ให้ชุ่มโชก! (ย้ำ ชุ่ม โชก!) แล้วก็จัดการเช็ดบนใบหน้าที่แต่งมาอย่างจัดเต็ม ผลเป็นดังนี้จ้า
ผลการเช็ด มาสคาร่าปีกผีเสื้อ ที่ทำให้ขน(ตา)ยาววว ขึ้นมาก (555) ด้านซีกขวานะครับ ที่ลบแล้วด้วย สำลีชิ้นนี้
และสำลีชิ้นเดิม เอามาลบหน้า ซีกด้านบนนะครับ ผลเป็นดังนี้
สรุปว่า ด้วยสำลีชิ้นเดียว (ที่ชุมโชก) ก็ลบได้ผลดังภาพข้างต้น จบไปสำหรับยกแรก ฝั่งซ้าย
ถัดมา ถึงคราวฝั่งผู้ท้าชิงบ้าง เอาสำลี เท loreal micellar ชุ่ม โชก! เช่นเดียวกัน แล้วจัดการเช็ด
เริ่มจากเช็ด มาสคาร่า ส่วนที่เหลือก่อน เป็นดังนี้ เกลี้ยงเลย กลับมาเป็นขนตา สลวย ธรรมชาติ ... อีกครั้ง (ฮิ..)
แล้วนำสำลีอันเดิม ไปลบ หน้าด้านซีกล่าง
สรุปว่า ด้วยสำลี 1 อันที่ชุมโชก ก็ลบได้เหมือนกันจ้า
อ่าว.... สรุปไงดี 555 สำหรับผมนะครับ คิดว่าสำหรับ micellar ทั้งสองตัว ถ้าใช้ปริมาณมากเพียงพอ (ชุ่ม โชก!) ก็สามารถลบอะไรๆ ได้ คล้ายๆ กัน ... ความรู้สึกก็ไม่ต่างกันมาก ไม่แสบ ไม่คัน ไม่เหม็น ... เรื่องลบง่ายลบยาก ผมก็ว่าพอๆ กัน ผมเช็ดน้ำหนักปานกลาง ไม่ได้เบาาาาาา อะไร แต่ก็ไม่ได้หนักหน่วง ขัดๆ ถูๆ ขนาดนั้น ... ถ้าลบหน้าจริงๆ คงต้องเบาขึ้นอีกหน่อย แต่ผมว่าไม่ต่างกันเท่าไร
มาลองคิดดู ถ้า 500ml เท่ากัน ของ loreal น่าจะประมาณ (390/2)*5 = 975.- ก็ถูกกว่า bioderma 500ml 1,250 อยู่ 275.- อืมมม.... ตอนแรกคิดว่าถูก แต่จริงๆ ก็ไม่ได้ถูกกว่ามากอย่างที่คิดแฮะ (ใช้ซี้ซั้วอย่างที่คิดไม่ได้อ่ะสิ)
ทิ้งท้าย ผมแนะนำเทคนิคการเท loreal micellar ไม่ให้หกนะครับ เอาสำลีกดบนปากขวด แล้วเอียง หรือคว่ำเลยแล้วหงายกลับเร็วๆ ก็จะได้น้ำออกมาบนสำลีพอสมควร วิธีนี้ช่วยเรื่อง ปากขวดที่เทไม่สะดวกได้ครับ
หน้าสะอาดแล้ว ไป (ล้างหน้าด้วยโฟม) อีกทีล่ะครับ ^^
แล้วพบกันใหม่ ถ้ามีอะไรจะมา "รีวิวเร็วๆ" กันอีกนะครับ ฮี่ๆ ^ __ ^
จขกท.
ปล. ขอบคุณที่ติดตามชมครับ
[CR] รีวิวเร็วๆ Bioderma micellar ปะทะ Loreal micellar ใหม่จากคานส์ (ท้าชิงเจ้าแห่งไมเซลล่า)
คู่ท้าชิง
ด่าน โหด มัน ฮา (อุปกรณ์) ที่เราจะนำมาทดสอบ คู่ท้าชิงทั้งสอง มีดังนี้ (วะ ฮะ ฮ่า)
1. แน่นอน เจ้าเก่า Bioderma sensibio h2o micelle solution
2. ผู้ท้าชิง Loreal skin perfection micellar water
3. รองพื้นจัดหนัก Revlon colorstay ฝาดำ สี 370 toast (สีนี้ไม่ค่อยได้เอามาแต่งใคร เอามาเล่นนี่ล่ะ 555)
4. แล้วตบให้เซ็ท ด้วยแป้งผสมรองพื้น Mac studio fix powder plus foundation สี NC55 (ปกติเอาไว้ ไลท์ six pack นายแบบเท่านั้นนะ)
5. เขียนขอบตาแน่นๆ ด้วย Mac pro longwear eyeliner สี Rich experience สีดำ
6. ปัดขนตาให้ยาววิ้ง ด้วย Loreal butterfly mascara ตัวใหม่ มาจากคานส์บ้านเดียวกันกับผู้ท้าชิง 555 เป็น มาสคาร่ากันน้ำนะครับ water proof
7. เขียนปากให้แดงแน่น ด้วย Mac pro longwear lip pencil สี Trust in red แดงเข้ม
8. เติมแก้มให้ เปล่งประกายชมพูสดใส (และเหนียวหนึบ) ด้วย Make up store high tech lighter สี Pandora ชมพูวิ้งวังอลังการ (ใช้ทาปากก็ได้ ใช้ทาตาก็ดี ใช้ทาแก้มก็บ่ยั่น)
9. เช็ดทุกสิ่งวันนี้ด้วย สำลี Evergreen extra soft pads ส่งตรงจากเกาหลี นุ่ม หนา อม(กล่องสี)ชมพู (อันนี้เคยรีวิวแล้ว ใช้ดีอยู่จ้า)
มาแต่งหน้ากัน!
แต่น แต้น!! 555 ขอใช้หน้ายาวๆ ท่อนนี้ทดสอบล่ะกันนะครับ จัดเต็มตามขั้นตอนที่ว่าข้างบนเรย!
ซูมดูขนตาปีกผีเสื้อ (ขนยาวเชียะ) (ปัดเลอะ น่าเกลียดจริง - .. - ขออภัยครับ รีบๆ)
ซูมดูหน้า สีสันกันหน่อย
ก่อนจะเคาะระฆัง!
เล่าเร็วๆ ครับ ประสบการณ์จากการทดลอง loreal micellar ตัวใหม่ ผมลองเอามาเช็ดหน้า วันนี้ที่ แต่ง (เบาๆ) หลังจากโทรมกับฟิตเนส เทชุ่มสำลี ปาดหน้าเข้าไป กลิ่นต่างกับ bioderma เล็กน้อย (คือไม่มีกลิ่น แต่รู้สึกต่างกันหน่อย) จะไม่มีกลิ่นกว่า bioderma นิดนึงนะครับ เอามาเช็ดบริเวณตา คิ้ว ก็ไม่แสบอะไร (ผมใช้ bioderma ก็ไม่แสบนะ) ลองเช็ดดูรู้สึกว่าก็สะอาดดี (เหมือนใช้ bioderma) แต่รู้สึกเหมือนเกลี้ยงกว่านิดหน่อย ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า หรือเพราะวันนี้แต่งหน้า เบาๆ จริงๆ แต่ก็มีคอมเม้นต์ที่ไม่ชอบ ดังนี้ครับ
- ฝาพลาสติกมันไม่ค่อยแน่น ขวดที่ได้มา ก้องแก้งไปหน่อย (ราคา 390.- นะครับ 200ml ... จะไปคาดหวังขวดดีเท่า bioderma 1,250.-/500ml ไม่ได้ สินะ.... เหอะ..)
- เปิดออกมาทีแรก บีบๆ มีฟองฟอดขึ้นมา ดูจากในขวดคิดว่า มันคงเขย่ามาเยอะ มีฟองค้างมั้ง บีบๆ ฟองออกมา แล้วเช็ดออก แป้บนึง ฟองก็หมด
- เทไม่สะดวก ถ้าเอียงขวดเท แบบ bioderma จะหกตลอดเลย ขอบมันแบนๆ ไม่เอื้อต่อการไหลของของเหลว (แต่ผมมีทริค แนะนำตอนท้ายนะครับ ในการเท ให้ไม่หกเลอะเทอะ)
โอเค... เล่าแล้ว มาเคาะระฆัง กันเลย! แก้งงงงงง!!!!
เริ่มต่อย ฝ่ายซ้าย bioderma ฝ่ายขวา loreal มี evergreen เป็น กรรมการ 555
ผมเอาสีลำ evergreen เท bioderma ให้ชุ่มโชก! (ย้ำ ชุ่ม โชก!) แล้วก็จัดการเช็ดบนใบหน้าที่แต่งมาอย่างจัดเต็ม ผลเป็นดังนี้จ้า
ผลการเช็ด มาสคาร่าปีกผีเสื้อ ที่ทำให้ขน(ตา)ยาววว ขึ้นมาก (555) ด้านซีกขวานะครับ ที่ลบแล้วด้วย สำลีชิ้นนี้
และสำลีชิ้นเดิม เอามาลบหน้า ซีกด้านบนนะครับ ผลเป็นดังนี้
สรุปว่า ด้วยสำลีชิ้นเดียว (ที่ชุมโชก) ก็ลบได้ผลดังภาพข้างต้น จบไปสำหรับยกแรก ฝั่งซ้าย
ถัดมา ถึงคราวฝั่งผู้ท้าชิงบ้าง เอาสำลี เท loreal micellar ชุ่ม โชก! เช่นเดียวกัน แล้วจัดการเช็ด
เริ่มจากเช็ด มาสคาร่า ส่วนที่เหลือก่อน เป็นดังนี้ เกลี้ยงเลย กลับมาเป็นขนตา สลวย ธรรมชาติ ... อีกครั้ง (ฮิ..)
แล้วนำสำลีอันเดิม ไปลบ หน้าด้านซีกล่าง
สรุปว่า ด้วยสำลี 1 อันที่ชุมโชก ก็ลบได้เหมือนกันจ้า
อ่าว.... สรุปไงดี 555 สำหรับผมนะครับ คิดว่าสำหรับ micellar ทั้งสองตัว ถ้าใช้ปริมาณมากเพียงพอ (ชุ่ม โชก!) ก็สามารถลบอะไรๆ ได้ คล้ายๆ กัน ... ความรู้สึกก็ไม่ต่างกันมาก ไม่แสบ ไม่คัน ไม่เหม็น ... เรื่องลบง่ายลบยาก ผมก็ว่าพอๆ กัน ผมเช็ดน้ำหนักปานกลาง ไม่ได้เบาาาาาา อะไร แต่ก็ไม่ได้หนักหน่วง ขัดๆ ถูๆ ขนาดนั้น ... ถ้าลบหน้าจริงๆ คงต้องเบาขึ้นอีกหน่อย แต่ผมว่าไม่ต่างกันเท่าไร
มาลองคิดดู ถ้า 500ml เท่ากัน ของ loreal น่าจะประมาณ (390/2)*5 = 975.- ก็ถูกกว่า bioderma 500ml 1,250 อยู่ 275.- อืมมม.... ตอนแรกคิดว่าถูก แต่จริงๆ ก็ไม่ได้ถูกกว่ามากอย่างที่คิดแฮะ (ใช้ซี้ซั้วอย่างที่คิดไม่ได้อ่ะสิ)
ทิ้งท้าย ผมแนะนำเทคนิคการเท loreal micellar ไม่ให้หกนะครับ เอาสำลีกดบนปากขวด แล้วเอียง หรือคว่ำเลยแล้วหงายกลับเร็วๆ ก็จะได้น้ำออกมาบนสำลีพอสมควร วิธีนี้ช่วยเรื่อง ปากขวดที่เทไม่สะดวกได้ครับ
หน้าสะอาดแล้ว ไป (ล้างหน้าด้วยโฟม) อีกทีล่ะครับ ^^
แล้วพบกันใหม่ ถ้ามีอะไรจะมา "รีวิวเร็วๆ" กันอีกนะครับ ฮี่ๆ ^ __ ^
จขกท.
ปล. ขอบคุณที่ติดตามชมครับ