ดิฉันขอปรึกษาเพื่อนๆ ในห้องนี้ด้วยค่ะ กลุ้มใจพอสมควร
ดิฉันเจอเหตุการณ์อย่างนี้ค่ะ พอดีมีคนในคอนโดเดียวกัน ลูกสาว (สมมติชื่อเปิ้ล) เค้าเรียนอนุบาล 2 ห้องเดียวกับลูกเรา เค้ารับส่งลูกโดยนั่งสามล้อบ้าง มอไซค์บ้าง สามีเป็นชาวญี่ปุ่น แต่เท่าที่เคยเห็นครอบครัวนี้เค้ามีมอไซค์คันนึง ตอนเช้าคุณพ่อไปทำงาน คุณแม่อยู่บ้านเลี้ยงลูก รับส่งโรงเรียน เรากับคุณแม่คนนี้ก็ไม่เคยคุยกัน มีแค่ทักทายตามอัธยาศัยเท่านั้น ดิฉันเองไปส่งลูกที่โรงเรียนทุกวัน แล้วไปทำงาน ส่วนคุณยายเป็นคนขับ เพราะมอบหน้ารับส่งหลานให้ค่ะ ชีวิตดำเนินไปตามปกติ และแล้ววันนึง...
คุณยายเจอคำพูดแปลกๆ จากคุณครูที่โรงเรียน ทำนองว่าอยากให้รับส่ง น้องเปิ้ล พร้อมกับลูกสาวเรา คุณยายก็งงๆ เกิดอะไรขึ้น แล้วไม่ใช่ครูคนเดียวที่พูดนะคะ ครู 3 คน พูดเหมือนกันเลย (พูดกันคนละที) เรากับคุณยายเลยมานั่งจับประเด็นกัน เลยได้ข้อสรุปว่า ยัยคุณแม่น้องเปิ้ลต้องไปพูดกับครูแน่ๆ เลย ตัวเองไม่เอ่ยปาก แต่พูดให้คนอื่นเอ่ยปากแทน ยัยนี่แสบนะเนี่ย หน้าตาก็สะสวยดี แต่ไร้ซึ่งความรับผิดชอบ คิดผลักภาระให้ผู้อื่น แปลกใจว่าเธอมีสามีเป็นชาวญี่ปุ่น เงินเดือนก็ไม่น่าจะน้อย แล้วทำไมไม่ออกรถคันนึงให้ภรรยาหัดขับ แล้วขับรถไปส่งลูกไปโรงเรียนล่ะคะ แปลกมากเลย
ส่วนภรรยาใช้วิธีนี้ ทำให้คุณครูในโรงเรียนมองว่าเรากับคุณยายไม่มีน้ำใจ แล้วถ้าในซอยมีเด็กเรียนโรงเรียนเดียวกับลูกดิฉันซัก 10 คน ดิฉันมิต้องแสดงน้ำใจเรียกเด็กทั้งซอยไปส่งโรงเรียนพร้อมกันหรือคะ รถโรงเรียนก็มี ถ้าหากคุณไม่อยากน้อยหน้าลูกคนอื่น ก็ใช้บริการรถรับส่งโรงเรียนสิ ทำไมต้องใช้วาจาพูดยุยงให้ครูเค้ารู้สึกไม่ดีกับเรา แถมยังเล่าให้แม่น้องนุ่นให้ฟัง แม่น้องนุ่นก็ฟังความฝ่ายเดียว ออกอาการไม่พอใจคุณยายเช่นกัน
สำหรับเรา ถ้าเราไม่รู้จัก สนิทสนม กับเพื่อนบ้าน เราจะไม่ไว้ใจให้ลูกเราไปกับรถเค้าเด็ดขาด อีกอย่างนะ ใช่ว่าเราจะออกจากบ้านเวลาเดียวกันทุกวัน บางวันเช้า บางวันสาย บางวันลูกไม่สบายต้องไปหาหมอก่อนแล้วไปส่งโรงเรียนตอนสายๆ เวลาจะว่างตรงกับครอบครัวน้องเปิ้ลได้อย่างไร คุณแม่น้องเปิ้ลช่างไม่รู้จักคิดเอาเสียเลย
และเมื่อวันแม่ที่ผ่านมา (โรงเรียนจัดงานวันพฤหัสที่ 7) เราเจอกับตัวเองเลย จากครูประจำชั้น
ลูกสาวเราได้รำถวายพระพร เด็กทุกคนในกลุ่มนุ่งโจงกระเบน ครูประจำชั้น สมมติชื่อจงดี ตรวจว่านุ่งโจงกระเบนถูกหรือเปล่า คือด้านหน้าจะเป็นปลายแหลม เด็กทุกคน ครูตรวจให้ ยกเว้นลุกเรา
พอรำเสร็จ 2 ชุด ผอ.ให้แจกแซนวิสกับผู้ปกครอง ครูประจำชั้นหยิบแซนวิสให้เด็กเอามาให้คุณแม่ตัวเองทาน ยกเว้นลูกเรา ให้หยิบเอง (ดิฉันก็ยืนอยู่ด้วย)ดิฉันงงมาก ที่ครูเค้าทำเช่นนี้กับลูกตัวเอง ต่อหน้าต่อตา
เพื่อนๆ คะ ดิฉันเจอกับตัวเองเช่นนี้ นึกไปถึงลูกว่าลูกเราจะได้รับการดูแลเช่นเดียวกับเด็กคนอื่นหรือเปล่า ตอนที่เราไม่อยู่ บางวันคุณยายเล่าให้ฟังว่าผมลูกเรากระเซอะ กระเซิง โรงเรียนก็ไม่ใหญ่โตอะไร ทำไมไม่มีครูซักคนรวบผมให้เด็ก ปล่อยให้ผมหลุดลุ่ยเช่นนี้ ดิฉันฟังแล้วรู้สึกไม่ดีเลย เคยให้คุณยายซื้อข้าวเหนียว มะม่วง ไปเลี้ยงครู ปีใหม่ที่ผ่านมาก็ซื้อของขวัญให้ครู แต่ทำไมลูกดิฉันไม่ได้รับการดูแลจากครูเท่าที่ควรล่ะคะ ดิฉันและคุณยายไม่ได้ต้องการให้ดูแลลูกดิฉันเป็นกรณีพิเศษแต่อย่างใด เพียงแค่ดูแลตามสมควร มีอะไรก็บอกได้ ดิฉันและคุณยายรับฟัง แต่ที่ผ่านมาไม่ใช่เช่นนั้น
คำถามคือ
1. ดิฉันกับคุณยายควรทำอย่างไรกับคุณครูที่โรงเรียนคะ ควรพูดกับ ผอ. โดยตรงมั้ย ว่าเกิดอะไรขึ้น
2. กับแม่น้องเปิ้ล ดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ พูดกับเค้าโดยตรงไปเลยดีมั้ย
3. หรือหาโรงเรียนใหม่ให้ลูก แต่วิธีนี้ดิฉันไม่อยากทำเพราะไม่รู้ว่าโรงเรียนใหม่จะเป็นอย่างไรบ้าง ลูกก็ต้องปรับตัวใหม่อีก
ยังไงขอคำแนะนำจากเพื่อนๆ ด้วยนะคะว่าดิฉันควรพูดอย่างไรดี ทั้งกับครูและแม่น้องเปิ้ล ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ถ้าคุณเจอเหตุการณ์เช่นนี้กับลูกคุณ คุณจะทำยังไงคะ
ดิฉันเจอเหตุการณ์อย่างนี้ค่ะ พอดีมีคนในคอนโดเดียวกัน ลูกสาว (สมมติชื่อเปิ้ล) เค้าเรียนอนุบาล 2 ห้องเดียวกับลูกเรา เค้ารับส่งลูกโดยนั่งสามล้อบ้าง มอไซค์บ้าง สามีเป็นชาวญี่ปุ่น แต่เท่าที่เคยเห็นครอบครัวนี้เค้ามีมอไซค์คันนึง ตอนเช้าคุณพ่อไปทำงาน คุณแม่อยู่บ้านเลี้ยงลูก รับส่งโรงเรียน เรากับคุณแม่คนนี้ก็ไม่เคยคุยกัน มีแค่ทักทายตามอัธยาศัยเท่านั้น ดิฉันเองไปส่งลูกที่โรงเรียนทุกวัน แล้วไปทำงาน ส่วนคุณยายเป็นคนขับ เพราะมอบหน้ารับส่งหลานให้ค่ะ ชีวิตดำเนินไปตามปกติ และแล้ววันนึง...
คุณยายเจอคำพูดแปลกๆ จากคุณครูที่โรงเรียน ทำนองว่าอยากให้รับส่ง น้องเปิ้ล พร้อมกับลูกสาวเรา คุณยายก็งงๆ เกิดอะไรขึ้น แล้วไม่ใช่ครูคนเดียวที่พูดนะคะ ครู 3 คน พูดเหมือนกันเลย (พูดกันคนละที) เรากับคุณยายเลยมานั่งจับประเด็นกัน เลยได้ข้อสรุปว่า ยัยคุณแม่น้องเปิ้ลต้องไปพูดกับครูแน่ๆ เลย ตัวเองไม่เอ่ยปาก แต่พูดให้คนอื่นเอ่ยปากแทน ยัยนี่แสบนะเนี่ย หน้าตาก็สะสวยดี แต่ไร้ซึ่งความรับผิดชอบ คิดผลักภาระให้ผู้อื่น แปลกใจว่าเธอมีสามีเป็นชาวญี่ปุ่น เงินเดือนก็ไม่น่าจะน้อย แล้วทำไมไม่ออกรถคันนึงให้ภรรยาหัดขับ แล้วขับรถไปส่งลูกไปโรงเรียนล่ะคะ แปลกมากเลย
ส่วนภรรยาใช้วิธีนี้ ทำให้คุณครูในโรงเรียนมองว่าเรากับคุณยายไม่มีน้ำใจ แล้วถ้าในซอยมีเด็กเรียนโรงเรียนเดียวกับลูกดิฉันซัก 10 คน ดิฉันมิต้องแสดงน้ำใจเรียกเด็กทั้งซอยไปส่งโรงเรียนพร้อมกันหรือคะ รถโรงเรียนก็มี ถ้าหากคุณไม่อยากน้อยหน้าลูกคนอื่น ก็ใช้บริการรถรับส่งโรงเรียนสิ ทำไมต้องใช้วาจาพูดยุยงให้ครูเค้ารู้สึกไม่ดีกับเรา แถมยังเล่าให้แม่น้องนุ่นให้ฟัง แม่น้องนุ่นก็ฟังความฝ่ายเดียว ออกอาการไม่พอใจคุณยายเช่นกัน
สำหรับเรา ถ้าเราไม่รู้จัก สนิทสนม กับเพื่อนบ้าน เราจะไม่ไว้ใจให้ลูกเราไปกับรถเค้าเด็ดขาด อีกอย่างนะ ใช่ว่าเราจะออกจากบ้านเวลาเดียวกันทุกวัน บางวันเช้า บางวันสาย บางวันลูกไม่สบายต้องไปหาหมอก่อนแล้วไปส่งโรงเรียนตอนสายๆ เวลาจะว่างตรงกับครอบครัวน้องเปิ้ลได้อย่างไร คุณแม่น้องเปิ้ลช่างไม่รู้จักคิดเอาเสียเลย
และเมื่อวันแม่ที่ผ่านมา (โรงเรียนจัดงานวันพฤหัสที่ 7) เราเจอกับตัวเองเลย จากครูประจำชั้น
ลูกสาวเราได้รำถวายพระพร เด็กทุกคนในกลุ่มนุ่งโจงกระเบน ครูประจำชั้น สมมติชื่อจงดี ตรวจว่านุ่งโจงกระเบนถูกหรือเปล่า คือด้านหน้าจะเป็นปลายแหลม เด็กทุกคน ครูตรวจให้ ยกเว้นลุกเรา
พอรำเสร็จ 2 ชุด ผอ.ให้แจกแซนวิสกับผู้ปกครอง ครูประจำชั้นหยิบแซนวิสให้เด็กเอามาให้คุณแม่ตัวเองทาน ยกเว้นลูกเรา ให้หยิบเอง (ดิฉันก็ยืนอยู่ด้วย)ดิฉันงงมาก ที่ครูเค้าทำเช่นนี้กับลูกตัวเอง ต่อหน้าต่อตา
เพื่อนๆ คะ ดิฉันเจอกับตัวเองเช่นนี้ นึกไปถึงลูกว่าลูกเราจะได้รับการดูแลเช่นเดียวกับเด็กคนอื่นหรือเปล่า ตอนที่เราไม่อยู่ บางวันคุณยายเล่าให้ฟังว่าผมลูกเรากระเซอะ กระเซิง โรงเรียนก็ไม่ใหญ่โตอะไร ทำไมไม่มีครูซักคนรวบผมให้เด็ก ปล่อยให้ผมหลุดลุ่ยเช่นนี้ ดิฉันฟังแล้วรู้สึกไม่ดีเลย เคยให้คุณยายซื้อข้าวเหนียว มะม่วง ไปเลี้ยงครู ปีใหม่ที่ผ่านมาก็ซื้อของขวัญให้ครู แต่ทำไมลูกดิฉันไม่ได้รับการดูแลจากครูเท่าที่ควรล่ะคะ ดิฉันและคุณยายไม่ได้ต้องการให้ดูแลลูกดิฉันเป็นกรณีพิเศษแต่อย่างใด เพียงแค่ดูแลตามสมควร มีอะไรก็บอกได้ ดิฉันและคุณยายรับฟัง แต่ที่ผ่านมาไม่ใช่เช่นนั้น
คำถามคือ
1. ดิฉันกับคุณยายควรทำอย่างไรกับคุณครูที่โรงเรียนคะ ควรพูดกับ ผอ. โดยตรงมั้ย ว่าเกิดอะไรขึ้น
2. กับแม่น้องเปิ้ล ดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ พูดกับเค้าโดยตรงไปเลยดีมั้ย
3. หรือหาโรงเรียนใหม่ให้ลูก แต่วิธีนี้ดิฉันไม่อยากทำเพราะไม่รู้ว่าโรงเรียนใหม่จะเป็นอย่างไรบ้าง ลูกก็ต้องปรับตัวใหม่อีก
ยังไงขอคำแนะนำจากเพื่อนๆ ด้วยนะคะว่าดิฉันควรพูดอย่างไรดี ทั้งกับครูและแม่น้องเปิ้ล ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ