ผมรู้สึกว่าทำไมปัจจุบันโลกนี้มีสงครามเกิดขึ้นเยอะจังเลย
และแปลกใจถามกับตนเองว่า
ทำไมในปี 2014 มนุษย์ยังคงทำสงครามกันอยู่เลย
ณ ปัจจุบันที่เขียนกระทู้นี้อยู่ก็เช่นความขัดแย้งที่ ยูเครน ซีเรีย อิรัก อัฟกานิสถาน อิสราเอล และอีกเยอะแยะตาแป๊ะ
ลองไปดูได้ที่นี่ครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_ongoing_armed_conflicts
ทำไมบทเรียนจากอดีตไม่เคยสอนพวกเรา
หรือการทำสงคราม เป็นธรรมชาติของมนุษย์ (Human Nature)กันนะ
เอแล้วทฤษฎีความอลวนมันเกี่ยวข้องอะไรกับสงคราม
กระทู้นี้ผมจะลองหยิบแนวคิดทางคณิตศาสตร์คือทฤษฎีความอลวน มาพยายามอธิบายปรากฎการณ์ในปัจจุบัน
และพยายามทำนายอนาคตโดยใช้เหตุและผลกันครับ
เพราะคณิตศาสตร์นั้นแสนจะทรงพลังยิ่งนัก 555+
-------------------------------------------
ก่อนจะเข้าเนื้อหามาฟังเพลงกันก่อนก็ได้ครับ เปิดเพลงไป อ่านกระทู้ไป ได้อรรถรสยิ่งนัก
ขอแนะนำเพลง Step และเพลง Diplomat's Son จากศิลปินวง Vampire Weekend
เนื้อร้องเพลง Step
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Every time I see you in the world, you always step to my girl
Back back way back I used to front like Angkor Wat
Mechanicsburg Anchorage and Dar es Salaam
While home in New York was champagne and disco
Tapes from L.A. slash San Francisco
But actually Oakland and not Alameda
Your girl was in Berkeley with her Communist reader
Mine was entombed within boombox and walkman
I was a hoarder but girl that was back then
The gloves are off, the wisdom teeth are out
What you on about?
I feel it in my bones, I feel it in my bones
I'm stronger now, I'm ready for the house
Such a modest mouse,
I can't do it alone, I can't do it alone
Every time I see you in the world, you always step to my girl
Ancestors told me that their girl was better
She's richer than Croesus, she's tougher than leather
I just ignored all the tales of a past life
Stale conversation deserves but a bread knife
And punks who would laugh when they saw us together
Well, they didn't know how to dress for the weather
I can still see them there huddled on Astor
Snow falling slow to the sound of the master
The gloves are off, the wisdom teeth are out
What you on about?
I feel it in my bones, I feel it in my bones
I'm stronger now, I'm ready for the house
Such a modest mouse,
I can't do it alone, I can't do it alone
Wisdom's a gift, but you'd trade it for youth
Age is an honor, it's still not the truth
We saw the stars when they hid from the world
You cursed the sun when it stepped to your girl
Maybe she's gone and I can't resurrect her
The truth is she doesn't need me to protect her
We know the true death, the true way of all flesh
Everyone's dying, but girl you're not old yet
The gloves are off, the wisdom teeth are out
What you on about?
I feel it in my bones, I feel it in my bones
I'm stronger now, I'm ready for the house
Such a modest mouse,
I can't do it alone, I can't do it alone
[x2]
Every time I see you in the world, you always step to my girl
เนื้อร้องเพลง Diplomat's Son
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้"Diplomat's Son"
It’s not right but it’s now or never
And if I wait could I ever forgive myself?
On a night when the moon glows yellow in the riptide
With the light from the TVs buzzing in the house
Cuz I’m gonna cut it where I can
And then I’m gonna duck out behind them
If I ever had a chance it’s now then
But I never had the feeling I could offer that to you
To offer it to you would be cruel
When all I want to do is use, use you
He was a diplomat’s son
It was ‘81
Dressed in white with my car keys hidden in the kitchen
I could sleep wherever I lay my head
And the sight of your two shoes sitting in the bathtub
Let me know that I shouldn’t give up just yet
Cuz I’m gonna take it from Simon
And then I’m gonna duck out behind them
If I ever had a chance it’s now then
But I never had the feeling I could offer that to you
To offer it to you would be cruel
When all I want to do is use, use you
He was a diplomat’s son
It was ‘81
I know, you’ll say
I’m not doing it right
But this is how I want it
I can’t go back
To how I felt before—
That night I smoked a joint
With my best friend
We found ourselves in bed
When I woke up he was gone
He was the diplomat’s son
It was ‘81
Looking out at the ice-cold water all around me
I can’t feel any traces of that other place
In the dark when the wind comes racing off the river
There’s a car all black with diplomatic plates
วง Vampire Weekend
-----------------------------
มาเริ่มเรื่องกันเลยครับ
ชาวอินดี้รอคคงรู้จักวงอินดี้รอคชื่อดังวงหนึ่ง วงนั้นคือวง Franz Ferdinand
วง Franz Ferdinand
แน่นอน วงนี้เขาได้ชื่อมาจากอาร์คดยุคแห่งออสเตรีย-เอสต์ ประมุขแห่งพระราชอิสริยยศออสเตรีย-เอสต์ ทรงเป็นเจ้าฟ้าชายแห่งฮังการีและโบฮีเมีย และองค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีอีกด้วย โดยพระองค์ทรงเป็นองค์รัชทายาททางพฤตินัย ไม่มีการสถาปนาอย่างเป็นทางการ พระองค์ทรงเป็นองค์รัชทายาทจวบจนกระทั่งสิ้นพระชนม์กระทันหัน โดยถูกลอบปลงพระชนม์โดยนักอนุรักษ์ชาติชาวเซอร์เบีย ที่เมืองซาราเยโว ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาซึ่งขณะนั้น ยังเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีอยู่ หลังจากพระองค์และพระชายาถูกลอบปลงพระชนม์นั้น ทำให้ออสเตรีย-ฮังการี ประกาศสงครามกับเซอร์เบียในสงครามโลกครั้งที่ 1ทันที
Franz Ferdinand เจ้าฟ้าชายแห่งฮังการีและโบฮีเมีย
จากเหตุการณ์การลอบสังหารนี้นำไปสู่สงครามที่รบกันไปทั่วทวีปยุโรปและขยายวงกว้างไปทั่วโลก จนกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามที่ผู้คนเสียชีวิตไปมากกว่า 16 ล้านคน เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ความขัดแย้งที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
ทำไมการลอบสังหารในเหตุการณ์นี้กลับส่งผลกระทบต่อยิ่งใหญ่ทำให้เกิดสงครามที่คร่าชีวิตมนุษย์จำนวนมาก และเปลี่ยนพลิกโฉมประวัติศาสตร์โลกได้ถึงเพียงนี้ !
เรื่องราวย้อนกลับไปในปี 1812 ขณะที่นโปเลียนบุกไปสู่เมืองมอสโคว เพื่อนร่วมชาติของเขา Marquis Pierre-Simon de Laplace ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับ เอกภพแบบนิยัตินิยม ประมาณว่า ถ้า ณ เวลาใดๆ ตำแหน่งและความเร็วของทุกวัตถุในเอกภพถูกทราบ และมีแรงกระทำต่อมัน ดังนั้นปริมาณแรงนี้จะถูกคำนวณได้อย่างแม่นยำ และคำนวณได้อย่างถูกต้องแม่นยำสำหรับเวลาในอนาคตทั้งหมดเลยทีเดียว ดังนั้นเอกภพและทุกวัตถุสามารถทราบค่าได้อย่างสมบูรณ์ แต่ ทฤษฎีความอลวนแสดงให้เราเห็นว่าโลกนี้มันซับซ้อนกว่านั้นมาก !
Pierre-Simon de Laplace ท่านลาปาซนักคณิตศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่
ในโลกแห่งความเป็นจริง เราไม่สามารถรู้ตำแหน่ง ความเร็วและแรงได้อย่างแม่นยำสมบูรณ์ แต่จากในความเชื่อของลาปาซ ถ้าเรารู้ค่าประมาณที่ ณ เวลาใดๆ เอกภพก็คงไม่ต่างไปจากเดิมเท่าไหร่หรอก นี่มันสมเหตุผล เช่น ถ้านักวิ่งวิ่งช้าหลังจากได้ยินเสียงปืนไปหนึ่งในสิบวินาที ตอนเข้าเส้นชัยนักวิ่งก็คงถึงช้ากว่าเวลาปกติที่ทำได้ไปประมาณ หนึ่งในสิบวินาที ความเชื่อนี้เชื่อว่า ข้อแตกต่างเล็กๆในเงื่อนไขเริ่มต้นหมายถึงข้อแตกต่างที่เล็กๆในผลลัพธ์ แต่ทฤษฎีความอลวนบอกว่ามันไม่ใช่ !
ในโลกแห่งความเป็นจริง
The butterfly effect
ทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีก
The butterfly effect แสดงให้เห็นว่าเงื่อนไขเริ่มต้นที่ต่างจากเดิมไปนิดเดียว สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างจากเดิมอย่างมหาศาลจากการทำนาย เช่นถ้าสภาพอากาศวันหนึ่งในยุโรปถูกทำนายว่าอากาศจะดี แต่เพราะมีผีเสื้อเกิดกระพือปีกในทวีปอเมริกาเหนือ การกระพือปีกนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของความดันอากาศเล็กน้อย แต่ดันไปส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างมากมายจากที่ได้คาดการณ์ไว้กลายเป็นพายุใหญ่
"ขอตัดเข้าโฆษณาก่อนเดี๋ยวมาต่อนะคะ ถ้าชอบอย่าลืมกดบวกน๊าาา"
==มารู้จักกับ ทฤษฎีความอลวน (Chaos Theory) และสงครามโลกครั้งที่ 3 กันเถอะ==
ผมรู้สึกว่าทำไมปัจจุบันโลกนี้มีสงครามเกิดขึ้นเยอะจังเลย
และแปลกใจถามกับตนเองว่า
ทำไมในปี 2014 มนุษย์ยังคงทำสงครามกันอยู่เลย
ณ ปัจจุบันที่เขียนกระทู้นี้อยู่ก็เช่นความขัดแย้งที่ ยูเครน ซีเรีย อิรัก อัฟกานิสถาน อิสราเอล และอีกเยอะแยะตาแป๊ะ
ลองไปดูได้ที่นี่ครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_ongoing_armed_conflicts
ทำไมบทเรียนจากอดีตไม่เคยสอนพวกเรา
หรือการทำสงคราม เป็นธรรมชาติของมนุษย์ (Human Nature)กันนะ
เอแล้วทฤษฎีความอลวนมันเกี่ยวข้องอะไรกับสงคราม
กระทู้นี้ผมจะลองหยิบแนวคิดทางคณิตศาสตร์คือทฤษฎีความอลวน มาพยายามอธิบายปรากฎการณ์ในปัจจุบัน
และพยายามทำนายอนาคตโดยใช้เหตุและผลกันครับ
เพราะคณิตศาสตร์นั้นแสนจะทรงพลังยิ่งนัก 555+
-------------------------------------------
ก่อนจะเข้าเนื้อหามาฟังเพลงกันก่อนก็ได้ครับ เปิดเพลงไป อ่านกระทู้ไป ได้อรรถรสยิ่งนัก
ขอแนะนำเพลง Step และเพลง Diplomat's Son จากศิลปินวง Vampire Weekend
เนื้อร้องเพลง Step
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื้อร้องเพลง Diplomat's Son
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วง Vampire Weekend
-----------------------------
มาเริ่มเรื่องกันเลยครับ
ชาวอินดี้รอคคงรู้จักวงอินดี้รอคชื่อดังวงหนึ่ง วงนั้นคือวง Franz Ferdinand
วง Franz Ferdinand
แน่นอน วงนี้เขาได้ชื่อมาจากอาร์คดยุคแห่งออสเตรีย-เอสต์ ประมุขแห่งพระราชอิสริยยศออสเตรีย-เอสต์ ทรงเป็นเจ้าฟ้าชายแห่งฮังการีและโบฮีเมีย และองค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีอีกด้วย โดยพระองค์ทรงเป็นองค์รัชทายาททางพฤตินัย ไม่มีการสถาปนาอย่างเป็นทางการ พระองค์ทรงเป็นองค์รัชทายาทจวบจนกระทั่งสิ้นพระชนม์กระทันหัน โดยถูกลอบปลงพระชนม์โดยนักอนุรักษ์ชาติชาวเซอร์เบีย ที่เมืองซาราเยโว ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาซึ่งขณะนั้น ยังเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีอยู่ หลังจากพระองค์และพระชายาถูกลอบปลงพระชนม์นั้น ทำให้ออสเตรีย-ฮังการี ประกาศสงครามกับเซอร์เบียในสงครามโลกครั้งที่ 1ทันที
Franz Ferdinand เจ้าฟ้าชายแห่งฮังการีและโบฮีเมีย
จากเหตุการณ์การลอบสังหารนี้นำไปสู่สงครามที่รบกันไปทั่วทวีปยุโรปและขยายวงกว้างไปทั่วโลก จนกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามที่ผู้คนเสียชีวิตไปมากกว่า 16 ล้านคน เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ความขัดแย้งที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
ทำไมการลอบสังหารในเหตุการณ์นี้กลับส่งผลกระทบต่อยิ่งใหญ่ทำให้เกิดสงครามที่คร่าชีวิตมนุษย์จำนวนมาก และเปลี่ยนพลิกโฉมประวัติศาสตร์โลกได้ถึงเพียงนี้ !
เรื่องราวย้อนกลับไปในปี 1812 ขณะที่นโปเลียนบุกไปสู่เมืองมอสโคว เพื่อนร่วมชาติของเขา Marquis Pierre-Simon de Laplace ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับ เอกภพแบบนิยัตินิยม ประมาณว่า ถ้า ณ เวลาใดๆ ตำแหน่งและความเร็วของทุกวัตถุในเอกภพถูกทราบ และมีแรงกระทำต่อมัน ดังนั้นปริมาณแรงนี้จะถูกคำนวณได้อย่างแม่นยำ และคำนวณได้อย่างถูกต้องแม่นยำสำหรับเวลาในอนาคตทั้งหมดเลยทีเดียว ดังนั้นเอกภพและทุกวัตถุสามารถทราบค่าได้อย่างสมบูรณ์ แต่ ทฤษฎีความอลวนแสดงให้เราเห็นว่าโลกนี้มันซับซ้อนกว่านั้นมาก !
Pierre-Simon de Laplace ท่านลาปาซนักคณิตศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่
ในโลกแห่งความเป็นจริง เราไม่สามารถรู้ตำแหน่ง ความเร็วและแรงได้อย่างแม่นยำสมบูรณ์ แต่จากในความเชื่อของลาปาซ ถ้าเรารู้ค่าประมาณที่ ณ เวลาใดๆ เอกภพก็คงไม่ต่างไปจากเดิมเท่าไหร่หรอก นี่มันสมเหตุผล เช่น ถ้านักวิ่งวิ่งช้าหลังจากได้ยินเสียงปืนไปหนึ่งในสิบวินาที ตอนเข้าเส้นชัยนักวิ่งก็คงถึงช้ากว่าเวลาปกติที่ทำได้ไปประมาณ หนึ่งในสิบวินาที ความเชื่อนี้เชื่อว่า ข้อแตกต่างเล็กๆในเงื่อนไขเริ่มต้นหมายถึงข้อแตกต่างที่เล็กๆในผลลัพธ์ แต่ทฤษฎีความอลวนบอกว่ามันไม่ใช่ !
ในโลกแห่งความเป็นจริง
The butterfly effect
ทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีก
The butterfly effect แสดงให้เห็นว่าเงื่อนไขเริ่มต้นที่ต่างจากเดิมไปนิดเดียว สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างจากเดิมอย่างมหาศาลจากการทำนาย เช่นถ้าสภาพอากาศวันหนึ่งในยุโรปถูกทำนายว่าอากาศจะดี แต่เพราะมีผีเสื้อเกิดกระพือปีกในทวีปอเมริกาเหนือ การกระพือปีกนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของความดันอากาศเล็กน้อย แต่ดันไปส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างมากมายจากที่ได้คาดการณ์ไว้กลายเป็นพายุใหญ่
"ขอตัดเข้าโฆษณาก่อนเดี๋ยวมาต่อนะคะ ถ้าชอบอย่าลืมกดบวกน๊าาา"