แล้วเราจะพบกันอีกครั้งหนึ่ง
คุณเชื่อในโชคชะตาไหม? ผมเคยได้ยินมาว่าคนเราพบกันครั้งแรกเป็นความบังเอิญครั้งที่สองคือความโชคดีแต่ครั้งที่สามมันคือโชคชะตา ย้อนกลับไปเมื่อ 7 วันก่อน นั่นเป็นวันแรกที่ผมได้พบเธอ
จะว่าไปมันก็เป็นรูปภาพแปลกๆรูปหนึ่งสำหรับคนไม่มีหัวทางด้านศิลปะอย่างผมแต่สำหรับในสายตาของผู้เชี่ยวชาญเขาว่ากันว่ารูปภาพนี้มีมูลค่าหลายสิบล้านบาท . . มันถูกส่งมาในรถตู้นิรภัย . .ไม่มีรอยไม่มีการกระแทกทุกขั้นตอนในการขนส่งมีการป้องกันเป็นอย่างดีและ เมื่อมันถูกส่งเข้ามาถึงพิพิธพันธ์แห่งนี้หน้าที่ของผมก็เริ่มขึ้น
"สวัสดีครับ ทุกๆท่าน . . . " เสียงวิทยากรเริ่มอธิบายความสำคัญของรูปภาพแปลกๆรูปนั้นแต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผมสนใจมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นนั่นคือ มันจะต้องยังคงอยู่ ณ ที่นี้อีกเป็นเวลาอีก 1 อาทิตย์
ผมเริ่มเฝ้ามองผู้เข้าร่วมงานมันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกได้ในทันทีว่าในบรรดาผู้ร่วมงานเหล่านี้มีใครบ้างที่คิดจะมาขโมยรูปภาพ แต่อย่างไรก็ตามสายตาของผมสะดุดเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอใส่แว่นตาสีชากับชุดและหมวกสีดำใบใหญ่ สายตาของเธอดูมีประกายและจ้องไปยังภาพชิ้นนั้นอย่างไม่วางตา
"มีพิรุธอะไรอย่างนั้นหรอคมน์ ?" ผมหันกลับไป เจ้าของเสียงหยอกเย้ากลับเป็นถึงนายตำรวจยศร้อยเอก ร.ต.อ.สรร คู่หูประจำภารกิจและเพื่อนสนิทคนหนึ่งของผม ผมสบตากับเขาแวบหนึ่งก่อนมองไปทางหญิงสาว
สรรนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะพูดทีเล่นทีจริงกับเขา
"อะไรเนี่ย ให้มาหาคนร้ายนะเว้ยไม่ได้มามองสาว" เขาตบบ่าผม หัวเราะเบาๆและเดินจากไป
หญิงสาวคนดังกล่าวหายไป เมื่อผมหันกลับมาอีกครั้ง
* * * * * * * * * * * *
"สวัสดีคะ คุณตำรวจ" เสียงกล่าวทักทายของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
ผมหันกลับไป เธออยู่ใกล้ตัวผมมากจนผมรู้สึกแปลกใจ
เธอค่อยๆถอดแว่นและหมวกออก . . .
เธอเป็นผู้หญิงผิวขาวคนหนึ่งที่ดูดีมากคนหนึ่ง
"สวัสดีครับ” ผมกล่าวสั้นๆ เนื่องจากไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านี้
"ชอบงานศิลปะหรือคะ" เธอหยุดครุ่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ
"เห็นตรวจซะใกล้ชิดเลย" ผมแน่ใจว่าเธอกำลังประชด
"ทำตามหน้าที่นะครับ" ผมกล่าวยิ้มๆ
"ถ้าอย่างนั้นคุณตำรวจช่วยมากับดิฉันซักครู่ได้ไหมคะ"
". . . คงไม่ได้น่ะครับ ผมมีงานต้องทำ" ผมกล่าวก่อนจะเดินเลี่ยงออกมา ผมคิดมากไปเธอคงไม่ได้คิดร้ายอะไรไม่มีคนร้ายที่ไหนกล้าขนาด เข้ามาคุยกับตำรวจชนิดที่ใกล้จนหายใจรดต้นคอ
* * * * * * * * * *
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในวันต่อๆมา ทำให้ผมเริ่มกลับมาคิดอีกครั้ง พฤติกรรมของเธอที่เที่ยวสอบถามข้อมูลต่างๆกับพนักงานคนนู้นคนนี้ทำให้ผมอดสงสัยเธอไม่ได้
“เป็นยังไงบ้างคมน์ หาพิรุธโจรสาวคนนั้นได้เพิ่มบ้างรึเปล่า " สรร ยังคงเย้าผมเล่นอย่างอารมณ์ดี อย่างไรก็ตามผมไม่ได้ตอบอะไร
หลายวันผ่านไป เธอเริ่มสนิทสนมกับชายแก่ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ คนหนึ่งมากขึ้นเธอมาที่นี่ทุกวันและคุยกับเขาทุกวัน
"นี่นายกำลังจับพิรุธ หรือนายกำลังหึงเธอกันแน่วะ" ประโยคยียวนยังคงออกมาจากปาก ร.อ.สรร อย่างต่อเนื่องแต่เขาไม่โกรธเนื่องจากรู้นิสัยเพื่อนคนนี้ดี
* * * * * * * * * * * *
ผมยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบอย่างช้าๆเปล่าผมไม่ได้กำลังพัก ผมได้รับมอบหมายให้มาเฝ้าดูที่บริเวณร้านกาแฟแห่งนี้ มันเป็นร้านกาแฟที่เก่าและไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการมากนักนอกจากคนแก่ๆที่ชอบกลิ่นของควันกาแฟโบราณที่ลอยอ้อยอิ่งในแดดยามเช้าขณะจับกลุ่มคุยกันเรื่องการเมืองอย่างออกรสโดยไม่มีตำรวจหรือใครให้ความสนใจอะไร
ในขณะที่นาฬิกาข้อมือบอกเวลาบ่ายสามโมงใกล้จะเลิกเวรเต็มที ผมรู้สึกแปลกๆ ภารกิจของผมกำลังจะจบลงในอีกสามวันรูปภาพรูปนั้นจะถูกย้ายไปจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ และ ผมคงไม่ได้เจอเธออีก
"สวัสดีคะ คุณตำรวจ" เธอทักผมจากด้านหลังอีกครั้งผมจำเสียงเธอได้ดี
"สวัสดีครับ คุณมาทำอะไรที่นี่?" มันเหมือนเป็นคำอุทานมากกว่าคำถามสำหรับผม
"สบายใจได้ ดิฉันไม่ได้มาดักพบคุณหรอกค่ะ ร้านนี้เป็นร้านโปรดของดิฉันตั้งนานแล้ว" เธอตอบก่อนจะหันไปสบตากับเจ้าของร้าน
* * * * * *
"ผมมั่นใจว่าหญิงสาวคนนี้ต้องเกี่ยวข้องกับการขโมยรูปภาพครับผม " ผมกล่าวกับหัวหน้า ทางโทรศัพท์ อย่างไรก็ตามทางหน่วยเหนือไม่ได้ให้คำตอบใดๆกลับมาผมไม่มีสิทธิ์ปฏิบัติโดยปราศจากคำสั่ง
"สรร ต้องเชื่อกูนะ" ผมกล่าวหลังจากวางโทรศัพท์ลง
"ไอเชื่อก็เชื่ออยู่หรอกแต่จะให้ทำไงวะงานนี้ก็ต้องเฝ้าอีกงานก็ต้องทำ"
"เอางี้ไปเฝ้าเธอไว้เดี๋ยวกูจะอยู่เฝ้าแถวๆพิพิธภัณฑ์ให้เอง จะได้เห็นว่ากูไม่ได้คิดไปเอง"
ผมต้องจับเธอให้ได้และจับให้ได้พร้อมหลักฐาน!
* * * ** * * * * *
กลางดึกวันสุดท้ายของภารกิจ สัญญาณกันขโมยแผดเสียงดังลั่น แต่ช้าไปรูปภาพได้หายไปแล้วตำรวจหลายนายได้วิ่งดักไปยังทางออกเช่นกันกับผม แต่อะไรบางอย่างทำให้ผมฉุกคิดได้ว่าผมควรไปดักอยู่ที่ "ทางเข้า" ตามคาดผมพบ "เธอ" ปืนประจำตัวของผมถูกชักออกมาไวกว่าความคิด
"ยกมือขึ้น" ผมกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดลึกๆแล้วในใจผมหวังว่าไม่ใช่เธอ
"คุณกำลังเข้าใจผิด" เธอกล่าวแต่สายตาจริงจังของผมทำให้เธอยกมือขึ้นอย่างช้าๆ
ในชั่ววินาทีเธอชักปืนออกมาจากเอวยิงเข้าใส่ผม ก่อนจะวิ่งหนีไป
ผมรวบรวมสติได้อีกครั้งก่อนจะวิ่งตามเธอไป เธออาจจะชักปืนเร็วแต่อย่างไรก็ตามเธอยิงไม่แม่นนัก ผมขับรถคันหนึ่งที่หาได้บริเวณนั้นไล่ตามเธอไป
ผมไล่ตามเธอมาถึงท่าเรือจอดและลงจากรถด้วยเสียงที่เบาที่สุด ปืนในมือถูกกระชับแน่น เหงื่อเม็ดโตๆแข่งกันออกมาแต่ใบหน้าผมกลับรู้สึกร้อนผ่าวภายในโกดังท่าเรือเงียบสนิท ความมืดปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ ผมรู้สึกอยากด่าตัวเองที่ไม่ได้นำวิทยุติดตัวมาด้วย งานนี้เท่ากับว่าผมอาจจะอยู่ท่ามกลางศัตรู เธออาจจะกำลังพาพรรคพวกออกตามล่าตัวผมอยู่ก็เป็นได้ เพราะจากรูปการณ์แล้ว ผมเป็นคนเดียวที่ตามเธอมาถึงที่นี่บางทีผมควรจะออกจากที่นี่ไปและขอกำลังเสริม
ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียง . . . เสียงฝีเท้าคนเดิน
ใกล้เข้ามา เสียงฝีเท้าหนักแน่น ผมปลดเซฟปืน ภาวนาให้เกิดเสียงเบาที่สุด
เสียงฝีเท้าค่อยๆช้าลง ผมเดาว่า มันคงรู้ตัวแล้ว วินาทีปะทะอาจะเกิดขึ้นได้ในทุกๆวินาทีต่อจากนี้
ผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง มันเต้นดังคล้ายกับกลัวว่าจะไม่ได้เต้นอีกแล้วในชีวิตนี้
ผมเหวี่ยงตัวออกมาจากที่กำบังเป็นเวลาเดียวกันกับที่มันโผล่หน้าออกมา มันกลับเป็นไอ้สรร!
เสียงถอนหายใจแบบโล่งอกดังออกมาจากเราทั้งคู่ก่อนจะลดปืนลง
"ตามมาได้ยังไงวะ" ผมถามแต่ก่อนที่มันจะทันได้ตอบอะไร
"ลดปืนลง แกถูกจับแล้ว" เสียงของเธอตวาดดังออกมาก่อนที่ต้นเสียงจะค่อยๆเดินออกมาช้าๆ สายตาจับจ้องไปที่บุคคลข้างหลังผม. . .ไอ้สรร?
กริ๊ก เสียงปืนลูกโม่แบบเดียวกันกับของผมถูกขึ้นไกจี้เข้าที่ขมับ ผมสัมผัสได้ถึงความเย็นจากปากกระบอกปืน
"วางปืนลงคุณสายตรวจหรือคุณไม่ห่วงว่าผมจะระเบิดขมับไอโง่นี่" ผมรู้สึกมือไม้อ่อนมิน่า ทำไมเกือบทุกที่ที่ผมไปซุ่มตรวจถึงเจอเธอทุกครั้งไป เธอเป็นสายตรวจเหมือนผม ไม่สิเธอเก่งกว่าผมมาก เธออ่านเกมส์ออกส่วนผมคือคนที่ถูกหลอก
แววตาของเธอสงบนิ่งอยู่ชั่วขณะเธอขบริมฝีปากตัวเองเบาๆและ ลั่นไก
เปรี้ยง !
กระสุนถากขมับของผมไป เลือดไหลซิบ ก่อนจะพุ่งเข้าตรงกลางหน้าผากเพื่อนร่วมงานที่ดีที่สุดของผมผมรู้สึกได้ถึงร่างของ ร.ต.อ.สรร กระตุกก่อนจะหงายหลังล้มลงไป
ชั่วขณะหนึ่งในอากาศคละคลุ้งไปด้วยเลือด แต่คล้ายกับผมเห็นหยดน้ำตา มันเป็นหยดน้ำตาที่ปะปนอยู่ในอากาศที่เต็มไปด้วยคาวเลือดมันเป็นความเสียใจแต่ไม่ใยดีของผู้พิทักษ์กฏหมาย
ร.ต.อ.สรร หรือ สรรสร้าง บุญทำ ตายแล้ว
"เอ้าคุณตำรวจอย่ามัวแต่อึ้งสิคะรีบตามไปเอารูปภาพคืนมาเร็ว" เธอกล่าวน้ำเสียงเย็นชา
ผมรู้สึกเนื้อตัวสั่นเทา การตายของเพื่อนร่วมงานต่อหน้าต่อตาทำให้ผมแทบอาเจียนผมมั่นใจว่าสีหน้าของผมคงดูแย่มากๆในสายตาของเธอ
"งั้นคุณขับรถกลับไปตามกำลังเสริมละกันเดี๋ยวชั้นจะรีบตามลงไปในเรือเอง"
เธอกล่าวก่อนจะหันหลังและหายวูบไปในความมืด
เสียงหวูดเรือไฟดังขึ้นสองสามครั้ง
* * * * * *
ผมเดินไปที่ศพของ ร.อ. สรรสร้าง บุญทำ ยิ้มเยาะเล็กๆก่อนจะควานหากุญแจรถมันเปื้อนเลือดนิดหน่อยแต่นั่นไม่เป็นปัญหาเขาช่างเป็นเพื่อนที่แสนดี เขายอมทำตามแผนที่ผมวางไว้ทุกอย่าง ขโมย,ดักเฝ้าสายตรวจอีกคน ถึงแม้การตายของเขาจะไม่ได้รวมอยู่ในแผนการตั้งแต่แรกก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ใข่ข้อเสียแต่อย่างใดเงินหลายสิบล้านจากการขายรูปจะกลายเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว
ในรถของสรร มีรูปเด็กหญิงตัวน้อยและภรรยาเด่นหลาอยู่บนแผงคอนโซล ใครเล่าจะเชื่อว่าชายหนุ่มที่ดูเสเพล เฮฮา จะเป็นคนรักครอบครัว และเมื่อเหลียวมองไปยังเบาะด้านหลังผมเห็นรูปภาพที่ขโมยมาถูกวางไว้อย่างเรียบร้อย ผมตรวจเช็คดูก่อนจะขับรถออกไป
ผม จุดบุหรี่ขึ้นสูบอย่างช้า ๆ ไฟสีแดงสว่างวาบท่ามกลางความมืดยามราตรี ความเงียบสงัดช่วยขับอากาศที่เย็นอยู่แล้วในเดือนธันวาคมให้เย็นขึ้นไปอีก ผมยังคงพอมีเวลาอยู่บ้างก่อนที่ฟ้าจะสว่าง ก่อนที่ทุกคนจะไหวตัวทัน ผมคิดถึงเธอ ใช่ผมคงคิดถึงเธอมากทีเดียว ผมรู้ได้จากการมองว่าเธอเป็นคนที่เด็ดเดี่ยว แต่จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ยิงสามีตัวเองได้ด้วยสายตาแบบนั้น
ผมเดินจากไปพร้อมภาพที่ ไอสรรขโมยมาทิ้งซากรถยนต์ที่ถูกไฟลุกท่วมไว้เบื้องหลัง ภายในรถภาพของคน 3 คนที่ดูมีความสุขกำลังถูกเปลวไฟค่อยๆกลืนกินและเปลี่ยนมันเป็นเถ้าถ่านสีดำไร้ความทรงจำมันเป็นภาพของ สรร ,เด็กหญิงคนหนึ่ง และเธอ . . ภรรยาของเขา
ฝากบล๊อคไว้ด้วยครับ
http://tronutsu.blogspot.com/ : ))
เรื่องสั้นแนวสืบสวน : แล้วเราจะพบกันอีกครั้งหนึ่ง
คุณเชื่อในโชคชะตาไหม? ผมเคยได้ยินมาว่าคนเราพบกันครั้งแรกเป็นความบังเอิญครั้งที่สองคือความโชคดีแต่ครั้งที่สามมันคือโชคชะตา ย้อนกลับไปเมื่อ 7 วันก่อน นั่นเป็นวันแรกที่ผมได้พบเธอ
จะว่าไปมันก็เป็นรูปภาพแปลกๆรูปหนึ่งสำหรับคนไม่มีหัวทางด้านศิลปะอย่างผมแต่สำหรับในสายตาของผู้เชี่ยวชาญเขาว่ากันว่ารูปภาพนี้มีมูลค่าหลายสิบล้านบาท . . มันถูกส่งมาในรถตู้นิรภัย . .ไม่มีรอยไม่มีการกระแทกทุกขั้นตอนในการขนส่งมีการป้องกันเป็นอย่างดีและ เมื่อมันถูกส่งเข้ามาถึงพิพิธพันธ์แห่งนี้หน้าที่ของผมก็เริ่มขึ้น
"สวัสดีครับ ทุกๆท่าน . . . " เสียงวิทยากรเริ่มอธิบายความสำคัญของรูปภาพแปลกๆรูปนั้นแต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผมสนใจมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นนั่นคือ มันจะต้องยังคงอยู่ ณ ที่นี้อีกเป็นเวลาอีก 1 อาทิตย์
ผมเริ่มเฝ้ามองผู้เข้าร่วมงานมันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกได้ในทันทีว่าในบรรดาผู้ร่วมงานเหล่านี้มีใครบ้างที่คิดจะมาขโมยรูปภาพ แต่อย่างไรก็ตามสายตาของผมสะดุดเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอใส่แว่นตาสีชากับชุดและหมวกสีดำใบใหญ่ สายตาของเธอดูมีประกายและจ้องไปยังภาพชิ้นนั้นอย่างไม่วางตา
"มีพิรุธอะไรอย่างนั้นหรอคมน์ ?" ผมหันกลับไป เจ้าของเสียงหยอกเย้ากลับเป็นถึงนายตำรวจยศร้อยเอก ร.ต.อ.สรร คู่หูประจำภารกิจและเพื่อนสนิทคนหนึ่งของผม ผมสบตากับเขาแวบหนึ่งก่อนมองไปทางหญิงสาว
สรรนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะพูดทีเล่นทีจริงกับเขา
"อะไรเนี่ย ให้มาหาคนร้ายนะเว้ยไม่ได้มามองสาว" เขาตบบ่าผม หัวเราะเบาๆและเดินจากไป
หญิงสาวคนดังกล่าวหายไป เมื่อผมหันกลับมาอีกครั้ง
* * * * * * * * * * * *
"สวัสดีคะ คุณตำรวจ" เสียงกล่าวทักทายของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
ผมหันกลับไป เธออยู่ใกล้ตัวผมมากจนผมรู้สึกแปลกใจ
เธอค่อยๆถอดแว่นและหมวกออก . . .
เธอเป็นผู้หญิงผิวขาวคนหนึ่งที่ดูดีมากคนหนึ่ง
"สวัสดีครับ” ผมกล่าวสั้นๆ เนื่องจากไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านี้
"ชอบงานศิลปะหรือคะ" เธอหยุดครุ่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ
"เห็นตรวจซะใกล้ชิดเลย" ผมแน่ใจว่าเธอกำลังประชด
"ทำตามหน้าที่นะครับ" ผมกล่าวยิ้มๆ
"ถ้าอย่างนั้นคุณตำรวจช่วยมากับดิฉันซักครู่ได้ไหมคะ"
". . . คงไม่ได้น่ะครับ ผมมีงานต้องทำ" ผมกล่าวก่อนจะเดินเลี่ยงออกมา ผมคิดมากไปเธอคงไม่ได้คิดร้ายอะไรไม่มีคนร้ายที่ไหนกล้าขนาด เข้ามาคุยกับตำรวจชนิดที่ใกล้จนหายใจรดต้นคอ
* * * * * * * * * *
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในวันต่อๆมา ทำให้ผมเริ่มกลับมาคิดอีกครั้ง พฤติกรรมของเธอที่เที่ยวสอบถามข้อมูลต่างๆกับพนักงานคนนู้นคนนี้ทำให้ผมอดสงสัยเธอไม่ได้
“เป็นยังไงบ้างคมน์ หาพิรุธโจรสาวคนนั้นได้เพิ่มบ้างรึเปล่า " สรร ยังคงเย้าผมเล่นอย่างอารมณ์ดี อย่างไรก็ตามผมไม่ได้ตอบอะไร
หลายวันผ่านไป เธอเริ่มสนิทสนมกับชายแก่ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ คนหนึ่งมากขึ้นเธอมาที่นี่ทุกวันและคุยกับเขาทุกวัน
"นี่นายกำลังจับพิรุธ หรือนายกำลังหึงเธอกันแน่วะ" ประโยคยียวนยังคงออกมาจากปาก ร.อ.สรร อย่างต่อเนื่องแต่เขาไม่โกรธเนื่องจากรู้นิสัยเพื่อนคนนี้ดี
* * * * * * * * * * * *
ผมยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบอย่างช้าๆเปล่าผมไม่ได้กำลังพัก ผมได้รับมอบหมายให้มาเฝ้าดูที่บริเวณร้านกาแฟแห่งนี้ มันเป็นร้านกาแฟที่เก่าและไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการมากนักนอกจากคนแก่ๆที่ชอบกลิ่นของควันกาแฟโบราณที่ลอยอ้อยอิ่งในแดดยามเช้าขณะจับกลุ่มคุยกันเรื่องการเมืองอย่างออกรสโดยไม่มีตำรวจหรือใครให้ความสนใจอะไร
ในขณะที่นาฬิกาข้อมือบอกเวลาบ่ายสามโมงใกล้จะเลิกเวรเต็มที ผมรู้สึกแปลกๆ ภารกิจของผมกำลังจะจบลงในอีกสามวันรูปภาพรูปนั้นจะถูกย้ายไปจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ และ ผมคงไม่ได้เจอเธออีก
"สวัสดีคะ คุณตำรวจ" เธอทักผมจากด้านหลังอีกครั้งผมจำเสียงเธอได้ดี
"สวัสดีครับ คุณมาทำอะไรที่นี่?" มันเหมือนเป็นคำอุทานมากกว่าคำถามสำหรับผม
"สบายใจได้ ดิฉันไม่ได้มาดักพบคุณหรอกค่ะ ร้านนี้เป็นร้านโปรดของดิฉันตั้งนานแล้ว" เธอตอบก่อนจะหันไปสบตากับเจ้าของร้าน
* * * * * *
"ผมมั่นใจว่าหญิงสาวคนนี้ต้องเกี่ยวข้องกับการขโมยรูปภาพครับผม " ผมกล่าวกับหัวหน้า ทางโทรศัพท์ อย่างไรก็ตามทางหน่วยเหนือไม่ได้ให้คำตอบใดๆกลับมาผมไม่มีสิทธิ์ปฏิบัติโดยปราศจากคำสั่ง
"สรร ต้องเชื่อกูนะ" ผมกล่าวหลังจากวางโทรศัพท์ลง
"ไอเชื่อก็เชื่ออยู่หรอกแต่จะให้ทำไงวะงานนี้ก็ต้องเฝ้าอีกงานก็ต้องทำ"
"เอางี้ไปเฝ้าเธอไว้เดี๋ยวกูจะอยู่เฝ้าแถวๆพิพิธภัณฑ์ให้เอง จะได้เห็นว่ากูไม่ได้คิดไปเอง"
ผมต้องจับเธอให้ได้และจับให้ได้พร้อมหลักฐาน!
* * * ** * * * * *
กลางดึกวันสุดท้ายของภารกิจ สัญญาณกันขโมยแผดเสียงดังลั่น แต่ช้าไปรูปภาพได้หายไปแล้วตำรวจหลายนายได้วิ่งดักไปยังทางออกเช่นกันกับผม แต่อะไรบางอย่างทำให้ผมฉุกคิดได้ว่าผมควรไปดักอยู่ที่ "ทางเข้า" ตามคาดผมพบ "เธอ" ปืนประจำตัวของผมถูกชักออกมาไวกว่าความคิด
"ยกมือขึ้น" ผมกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดลึกๆแล้วในใจผมหวังว่าไม่ใช่เธอ
"คุณกำลังเข้าใจผิด" เธอกล่าวแต่สายตาจริงจังของผมทำให้เธอยกมือขึ้นอย่างช้าๆ
ในชั่ววินาทีเธอชักปืนออกมาจากเอวยิงเข้าใส่ผม ก่อนจะวิ่งหนีไป
ผมรวบรวมสติได้อีกครั้งก่อนจะวิ่งตามเธอไป เธออาจจะชักปืนเร็วแต่อย่างไรก็ตามเธอยิงไม่แม่นนัก ผมขับรถคันหนึ่งที่หาได้บริเวณนั้นไล่ตามเธอไป
ผมไล่ตามเธอมาถึงท่าเรือจอดและลงจากรถด้วยเสียงที่เบาที่สุด ปืนในมือถูกกระชับแน่น เหงื่อเม็ดโตๆแข่งกันออกมาแต่ใบหน้าผมกลับรู้สึกร้อนผ่าวภายในโกดังท่าเรือเงียบสนิท ความมืดปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ ผมรู้สึกอยากด่าตัวเองที่ไม่ได้นำวิทยุติดตัวมาด้วย งานนี้เท่ากับว่าผมอาจจะอยู่ท่ามกลางศัตรู เธออาจจะกำลังพาพรรคพวกออกตามล่าตัวผมอยู่ก็เป็นได้ เพราะจากรูปการณ์แล้ว ผมเป็นคนเดียวที่ตามเธอมาถึงที่นี่บางทีผมควรจะออกจากที่นี่ไปและขอกำลังเสริม
ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียง . . . เสียงฝีเท้าคนเดิน
ใกล้เข้ามา เสียงฝีเท้าหนักแน่น ผมปลดเซฟปืน ภาวนาให้เกิดเสียงเบาที่สุด
เสียงฝีเท้าค่อยๆช้าลง ผมเดาว่า มันคงรู้ตัวแล้ว วินาทีปะทะอาจะเกิดขึ้นได้ในทุกๆวินาทีต่อจากนี้
ผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง มันเต้นดังคล้ายกับกลัวว่าจะไม่ได้เต้นอีกแล้วในชีวิตนี้
ผมเหวี่ยงตัวออกมาจากที่กำบังเป็นเวลาเดียวกันกับที่มันโผล่หน้าออกมา มันกลับเป็นไอ้สรร!
เสียงถอนหายใจแบบโล่งอกดังออกมาจากเราทั้งคู่ก่อนจะลดปืนลง
"ตามมาได้ยังไงวะ" ผมถามแต่ก่อนที่มันจะทันได้ตอบอะไร
"ลดปืนลง แกถูกจับแล้ว" เสียงของเธอตวาดดังออกมาก่อนที่ต้นเสียงจะค่อยๆเดินออกมาช้าๆ สายตาจับจ้องไปที่บุคคลข้างหลังผม. . .ไอ้สรร?
กริ๊ก เสียงปืนลูกโม่แบบเดียวกันกับของผมถูกขึ้นไกจี้เข้าที่ขมับ ผมสัมผัสได้ถึงความเย็นจากปากกระบอกปืน
"วางปืนลงคุณสายตรวจหรือคุณไม่ห่วงว่าผมจะระเบิดขมับไอโง่นี่" ผมรู้สึกมือไม้อ่อนมิน่า ทำไมเกือบทุกที่ที่ผมไปซุ่มตรวจถึงเจอเธอทุกครั้งไป เธอเป็นสายตรวจเหมือนผม ไม่สิเธอเก่งกว่าผมมาก เธออ่านเกมส์ออกส่วนผมคือคนที่ถูกหลอก
แววตาของเธอสงบนิ่งอยู่ชั่วขณะเธอขบริมฝีปากตัวเองเบาๆและ ลั่นไก
เปรี้ยง !
กระสุนถากขมับของผมไป เลือดไหลซิบ ก่อนจะพุ่งเข้าตรงกลางหน้าผากเพื่อนร่วมงานที่ดีที่สุดของผมผมรู้สึกได้ถึงร่างของ ร.ต.อ.สรร กระตุกก่อนจะหงายหลังล้มลงไป
ชั่วขณะหนึ่งในอากาศคละคลุ้งไปด้วยเลือด แต่คล้ายกับผมเห็นหยดน้ำตา มันเป็นหยดน้ำตาที่ปะปนอยู่ในอากาศที่เต็มไปด้วยคาวเลือดมันเป็นความเสียใจแต่ไม่ใยดีของผู้พิทักษ์กฏหมาย
ร.ต.อ.สรร หรือ สรรสร้าง บุญทำ ตายแล้ว
"เอ้าคุณตำรวจอย่ามัวแต่อึ้งสิคะรีบตามไปเอารูปภาพคืนมาเร็ว" เธอกล่าวน้ำเสียงเย็นชา
ผมรู้สึกเนื้อตัวสั่นเทา การตายของเพื่อนร่วมงานต่อหน้าต่อตาทำให้ผมแทบอาเจียนผมมั่นใจว่าสีหน้าของผมคงดูแย่มากๆในสายตาของเธอ
"งั้นคุณขับรถกลับไปตามกำลังเสริมละกันเดี๋ยวชั้นจะรีบตามลงไปในเรือเอง"
เธอกล่าวก่อนจะหันหลังและหายวูบไปในความมืด
เสียงหวูดเรือไฟดังขึ้นสองสามครั้ง
* * * * * *
ผมเดินไปที่ศพของ ร.อ. สรรสร้าง บุญทำ ยิ้มเยาะเล็กๆก่อนจะควานหากุญแจรถมันเปื้อนเลือดนิดหน่อยแต่นั่นไม่เป็นปัญหาเขาช่างเป็นเพื่อนที่แสนดี เขายอมทำตามแผนที่ผมวางไว้ทุกอย่าง ขโมย,ดักเฝ้าสายตรวจอีกคน ถึงแม้การตายของเขาจะไม่ได้รวมอยู่ในแผนการตั้งแต่แรกก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ใข่ข้อเสียแต่อย่างใดเงินหลายสิบล้านจากการขายรูปจะกลายเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว
ในรถของสรร มีรูปเด็กหญิงตัวน้อยและภรรยาเด่นหลาอยู่บนแผงคอนโซล ใครเล่าจะเชื่อว่าชายหนุ่มที่ดูเสเพล เฮฮา จะเป็นคนรักครอบครัว และเมื่อเหลียวมองไปยังเบาะด้านหลังผมเห็นรูปภาพที่ขโมยมาถูกวางไว้อย่างเรียบร้อย ผมตรวจเช็คดูก่อนจะขับรถออกไป
ผม จุดบุหรี่ขึ้นสูบอย่างช้า ๆ ไฟสีแดงสว่างวาบท่ามกลางความมืดยามราตรี ความเงียบสงัดช่วยขับอากาศที่เย็นอยู่แล้วในเดือนธันวาคมให้เย็นขึ้นไปอีก ผมยังคงพอมีเวลาอยู่บ้างก่อนที่ฟ้าจะสว่าง ก่อนที่ทุกคนจะไหวตัวทัน ผมคิดถึงเธอ ใช่ผมคงคิดถึงเธอมากทีเดียว ผมรู้ได้จากการมองว่าเธอเป็นคนที่เด็ดเดี่ยว แต่จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ยิงสามีตัวเองได้ด้วยสายตาแบบนั้น
ผมเดินจากไปพร้อมภาพที่ ไอสรรขโมยมาทิ้งซากรถยนต์ที่ถูกไฟลุกท่วมไว้เบื้องหลัง ภายในรถภาพของคน 3 คนที่ดูมีความสุขกำลังถูกเปลวไฟค่อยๆกลืนกินและเปลี่ยนมันเป็นเถ้าถ่านสีดำไร้ความทรงจำมันเป็นภาพของ สรร ,เด็กหญิงคนหนึ่ง และเธอ . . ภรรยาของเขา
ฝากบล๊อคไว้ด้วยครับ http://tronutsu.blogspot.com/ : ))