อยากจะเรียนถามผู้รู้ ว่าในกรณีแบบนี้แพทย์มีจรรยาบรรณหรือไม่
จขกท.มีพ่อเป็นผู้ป่วยโรคไต ที่ต้องเข้ารับการฟอกไตทางเส้นเลือดที่แขนซ้ายสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ที่รพ.แพร่คริสเตียน
ฟอกมาได้เป็นปกติประมาณปีกว่าๆ มีอาจารย์หมอจาก รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ (สวนดอก) มาออกหน่วย
ตรวจที่จ.แพร่ จึงให้พ่อไปทำการฉีดสีดูเส้นเลือด ว่ามีการอุดตันหรือไม่
และผลออกมาคือ เส้นเลือดตันบางส่วน หมอนัดให้มาทำการขยายหลอดเลือด โดยการผ่าตัด
โดยตอนที่นัดเป็นทีมแพทย์ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์หมอ
เมื่อพ่อกลับมาบ้าน พ่อก็บอกกับทุกคนในครอบครัวว่าจะไม่ไปผ่าตัดขยายหลอดเลือด
ถ้าทำตามขั้นตอนที่หมออธิบายมา เพราะพ่อกลัว
ก่อนถึงวันผ่า 1 วัน มีนายแพทย์ท่านหนึ่งใช้เบอร์มือถือส่วนตัวโทรมาแจ้งให้พ่อเข้าแอดมิท เพื่อรอผ่าตัด
พ่อก็ปฏิเสธไป แต่นายแพทย์ท่านนั้นก็โทรมาซ้ำๆ อีก 3 ครั้ง และไม่รู้ว่าคุยกันอย่างไร พ่อเปลี่ยนใจที่จะไปผ่า
นายแพทย์ท่านนี้ดำเนินการทุกอย่าง ทั้งแจ้งเรื่องคนไข้จะเข้ามาแอดมิท เมื่อเรามาถึงแพทย์ท่านนี้ก็เข้ามาถาม
เหมือนจะกลัวว่าเราจะไม่พาพ่อมารักษา จนกระทั่งการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้
และบอกว่าสามารถฟอกไตได้เป็นปกติ
หลังผ่าตัด 1 สัปดาห์ พ่อไปฟอกไตตามปกติ ปรากฎว่าฟอกได้แค่ 1 ชม. พ่อก็ปวดแขนตรงบริเวณ
หลอดเลือดที่ไปผ่าตัดมา และความดันตก จนต้องหยุดฟอกไต จขกท.นึกขึ้นได้จึงโทรเข้ามือถือนายแพทย์
คนที่เคยโทรตามพ่อให้ไปผ่าตัด เพื่อจะปรึกษาในฐานะที่แพทย์ท่านนั้นเป็นหนึ่งในทีมแพทย์ที่ทำการรักษาพ่อ
แต่ได้รับการตอบว่า "นี่เป็นเบอร์มือถือส่วนตัว คุณไม่ควรจะโทรมา" และแพทย์ท่านนี้ก็ไม่รับฟังปัญหาใดๆ
ของพ่อ จขกท.แม้แต่น้อย พร้อมกับให้ไปแจ้งที่ศูนย์ฟอกไตเอง ทั้งๆ ที่มันเกิดจากเส้นที่ไปผ่ามา
ต่างกับตอนที่เค้าโทรมาตามให้พ่อไปเข้ารับการผ่าตัดโดยสิ้นเชิง
ทำให้ จขกท.สงสัยเป็นอย่างมากว่า แพทย์ตอบแบบไม่รับผิดชอบชีวิตคนแบบนี้เลยหรือ
และทำไมแพทย์ใช้เบอร์มือถือส่วนตัวโทรมาตามคนไข้ให้ไปรับการรักษาได้ แต่เมื่อคนไข้มีปัญหา
หลังผ่าตัด จะโทรไปปรึกษาแพทย์ตามเบอร์นั้นไม่ได้
ค่ารักษาก็แพง ทั้งๆ ที่เป็น รพ.ของรัฐ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดตั้งแต่ฉีดสี ตรวจเลือด และผ่าตัด ประมาณ 110,000 บาท
ตอนนี้พ่อเสียใจ และบ่นว่าไม่น่าไปผ่าเลย
นี่คือจรรยาบรรณของแพทย์หรือ
จขกท.มีพ่อเป็นผู้ป่วยโรคไต ที่ต้องเข้ารับการฟอกไตทางเส้นเลือดที่แขนซ้ายสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ที่รพ.แพร่คริสเตียน
ฟอกมาได้เป็นปกติประมาณปีกว่าๆ มีอาจารย์หมอจาก รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ (สวนดอก) มาออกหน่วย
ตรวจที่จ.แพร่ จึงให้พ่อไปทำการฉีดสีดูเส้นเลือด ว่ามีการอุดตันหรือไม่
และผลออกมาคือ เส้นเลือดตันบางส่วน หมอนัดให้มาทำการขยายหลอดเลือด โดยการผ่าตัด
โดยตอนที่นัดเป็นทีมแพทย์ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์หมอ
เมื่อพ่อกลับมาบ้าน พ่อก็บอกกับทุกคนในครอบครัวว่าจะไม่ไปผ่าตัดขยายหลอดเลือด
ถ้าทำตามขั้นตอนที่หมออธิบายมา เพราะพ่อกลัว
ก่อนถึงวันผ่า 1 วัน มีนายแพทย์ท่านหนึ่งใช้เบอร์มือถือส่วนตัวโทรมาแจ้งให้พ่อเข้าแอดมิท เพื่อรอผ่าตัด
พ่อก็ปฏิเสธไป แต่นายแพทย์ท่านนั้นก็โทรมาซ้ำๆ อีก 3 ครั้ง และไม่รู้ว่าคุยกันอย่างไร พ่อเปลี่ยนใจที่จะไปผ่า
นายแพทย์ท่านนี้ดำเนินการทุกอย่าง ทั้งแจ้งเรื่องคนไข้จะเข้ามาแอดมิท เมื่อเรามาถึงแพทย์ท่านนี้ก็เข้ามาถาม
เหมือนจะกลัวว่าเราจะไม่พาพ่อมารักษา จนกระทั่งการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้
และบอกว่าสามารถฟอกไตได้เป็นปกติ
หลังผ่าตัด 1 สัปดาห์ พ่อไปฟอกไตตามปกติ ปรากฎว่าฟอกได้แค่ 1 ชม. พ่อก็ปวดแขนตรงบริเวณ
หลอดเลือดที่ไปผ่าตัดมา และความดันตก จนต้องหยุดฟอกไต จขกท.นึกขึ้นได้จึงโทรเข้ามือถือนายแพทย์
คนที่เคยโทรตามพ่อให้ไปผ่าตัด เพื่อจะปรึกษาในฐานะที่แพทย์ท่านนั้นเป็นหนึ่งในทีมแพทย์ที่ทำการรักษาพ่อ
แต่ได้รับการตอบว่า "นี่เป็นเบอร์มือถือส่วนตัว คุณไม่ควรจะโทรมา" และแพทย์ท่านนี้ก็ไม่รับฟังปัญหาใดๆ
ของพ่อ จขกท.แม้แต่น้อย พร้อมกับให้ไปแจ้งที่ศูนย์ฟอกไตเอง ทั้งๆ ที่มันเกิดจากเส้นที่ไปผ่ามา
ต่างกับตอนที่เค้าโทรมาตามให้พ่อไปเข้ารับการผ่าตัดโดยสิ้นเชิง
ทำให้ จขกท.สงสัยเป็นอย่างมากว่า แพทย์ตอบแบบไม่รับผิดชอบชีวิตคนแบบนี้เลยหรือ
และทำไมแพทย์ใช้เบอร์มือถือส่วนตัวโทรมาตามคนไข้ให้ไปรับการรักษาได้ แต่เมื่อคนไข้มีปัญหา
หลังผ่าตัด จะโทรไปปรึกษาแพทย์ตามเบอร์นั้นไม่ได้
ค่ารักษาก็แพง ทั้งๆ ที่เป็น รพ.ของรัฐ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดตั้งแต่ฉีดสี ตรวจเลือด และผ่าตัด ประมาณ 110,000 บาท
ตอนนี้พ่อเสียใจ และบ่นว่าไม่น่าไปผ่าเลย