สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 23
เราว่าเรื่องนี้ คุณคิดผิดตรงที่ เงินที่สามีได้เพิ่มมา หลังจากคุณย้ายมาอยู่ด้วย เป็นเงินของคุณ มันเลยทำให้คุณฝังใจ ว่าควรได้
แต่จริง ๆ เงินส่วนนี้ มันไม่ใช่ของคุณหรอกค่ะ คุณไม่ใช่พนักงานบริษัทเค้า เขาจะมาให้เงินคุณได้อย่างไร
เงินส่วนที่เพิ่มมา เป็นสวัสดิการของสามีคุณ ที่บริษัทเขาจ่ายเพิ่มให้กับพนักงานของเขา เพราะค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เมื่อต้องมีภรรยา มาอยู่ด้วย
สิ่งที่เป็นของคุณคือครอบครัว คือ สามี คือลูก และทรัพย์สินทั้งหมดที่ครอบครัวคุณมีร่วมกัน อยากจะได้ อยากจะจ่าย อะไรยังไง ลองเปิดใจคุยกันดูนะคะ
เลิกคิดว่า สามีเอาส่วนของคุณไปเถอะค่ะ มันไม่สบายใจเปล่า ๆ
แต่จริง ๆ เงินส่วนนี้ มันไม่ใช่ของคุณหรอกค่ะ คุณไม่ใช่พนักงานบริษัทเค้า เขาจะมาให้เงินคุณได้อย่างไร
เงินส่วนที่เพิ่มมา เป็นสวัสดิการของสามีคุณ ที่บริษัทเขาจ่ายเพิ่มให้กับพนักงานของเขา เพราะค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เมื่อต้องมีภรรยา มาอยู่ด้วย
สิ่งที่เป็นของคุณคือครอบครัว คือ สามี คือลูก และทรัพย์สินทั้งหมดที่ครอบครัวคุณมีร่วมกัน อยากจะได้ อยากจะจ่าย อะไรยังไง ลองเปิดใจคุยกันดูนะคะ
เลิกคิดว่า สามีเอาส่วนของคุณไปเถอะค่ะ มันไม่สบายใจเปล่า ๆ
ความคิดเห็นที่ 33
หลายคนมองว่าสามีจขกท.ดีทุกอย่าง เลี้ยงทุกอย่างทำงานนอกบ้าน จขกท.ไม่ได้ทำอะไรเลย
นี่คุณมองผิดประเด็นนะครับ และมีลักษณะเหยียดเพศด้วย
งานบ้านเลี้ยงลูก นี่มีคุณค่าและศักดิ์ศรีเท่ากับ ผช.ทำงานนอกบ้านนะครับ แถมทำงานเต็มเวลาด้วย
เงินนี้จะค้ำประกันอนาคตได้ส่วนนึงเลย
(ปํญหาผชมีเมียน้อยส่วนนึงเพราะผช.คิดว่าตัวเองทำงานคนเดียว ถือเงินมีอำนาจ จะทำไรก็ได้
เมียก็ต้องจำใจทนเพราะไม่มีเงินและทักษะงานอะไรแล้ว ไปไหนไม่รอด น้ำตาตกในไปตามๆกัน
เราจะเห็นได้บ่อยๆที่ห้องชานเรือน)
หลายคนในนี้มองความรักแบบนิยาย เพ้อกันมากมาย ขาดเหตุผลมากมาย
หลายๆคู่กัดก้อนเกลือกินกันมา ท้ายสุดพอสบาย ผช.มีเมียน้อย เมียหลวงไม่มีจะกิน จะหาได้ทั่วไป
อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน มีสติเพื่อใจบ้างก็ดี
นี่คุณมองผิดประเด็นนะครับ และมีลักษณะเหยียดเพศด้วย
งานบ้านเลี้ยงลูก นี่มีคุณค่าและศักดิ์ศรีเท่ากับ ผช.ทำงานนอกบ้านนะครับ แถมทำงานเต็มเวลาด้วย
เงินนี้จะค้ำประกันอนาคตได้ส่วนนึงเลย
(ปํญหาผชมีเมียน้อยส่วนนึงเพราะผช.คิดว่าตัวเองทำงานคนเดียว ถือเงินมีอำนาจ จะทำไรก็ได้
เมียก็ต้องจำใจทนเพราะไม่มีเงินและทักษะงานอะไรแล้ว ไปไหนไม่รอด น้ำตาตกในไปตามๆกัน
เราจะเห็นได้บ่อยๆที่ห้องชานเรือน)
หลายคนในนี้มองความรักแบบนิยาย เพ้อกันมากมาย ขาดเหตุผลมากมาย
หลายๆคู่กัดก้อนเกลือกินกันมา ท้ายสุดพอสบาย ผช.มีเมียน้อย เมียหลวงไม่มีจะกิน จะหาได้ทั่วไป
อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน มีสติเพื่อใจบ้างก็ดี
ความคิดเห็นที่ 34
คห.33 คุณพูดคล้ายๆพ่อสามีเราเลยค่ะ จนเราอดจะตอบกระทู้นี้อีกครั้งไม่ได้
ตอนสามีบอกว่าจะให้เราเป็นแม่ฟลูไทม์ และเราขอให้เค้าให้เงินเราทุกเดือน(ขอเป็นเงินส่วนตัว)
พ่อสามีบอกกับลูกชายเค้าว่า "ห้ามลืมเด็ดขาด อย่าคิดว่า เมียนั่งๆนอนๆอยู่บ้าน
งานบ้าน งานครัว เค้าทำหมด ฉะนั้นควรให้บ้าง อย่าคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าครอบครัว
ทำงานนอกบ้านหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียว เพราะเมียของลูกก็เหนื่อยกับการดูแลบ้านและดูแลลูกเช่นกัน "
แต่ว่าเราได้มา เราจะใช้ จะซื้ออะไร เราขออนุญาตเค้าค่ะ มีใบเสร็จมาอ้างอิงเท่าที่จะหาได้
จนสามีเคยพูดว่า" พี่ให้เงินหนูไปดูแลแล้ว ไม่ต้องมาขออนุญาตหรือเอาใบเสร็จมาให้พี่หรอก เพราะเงินเป็นของหนู"
แต่เราก็เกรงใจค่ะ เราคิดเสมอว่า เงินมันมาจากน้ำพักน้ำแรงของเค้า ทุกวันนี้เราทำบัญชีรายรับ รายจ่าย ชัดเจน
แล้วก็ตั้งใจมากกับการเป็นภรรยาและแม่ที่ดี ทำงานบ้าน งานครัว งานดูแลสามี ลูก อย่างเต็มที่
เพื่อไม่ให้คนอื่นดูถูกสามี ว่าไปคว้าผญ.ที่รักสบายมาเป็นเมียค่ะ
ตอนสามีบอกว่าจะให้เราเป็นแม่ฟลูไทม์ และเราขอให้เค้าให้เงินเราทุกเดือน(ขอเป็นเงินส่วนตัว)
พ่อสามีบอกกับลูกชายเค้าว่า "ห้ามลืมเด็ดขาด อย่าคิดว่า เมียนั่งๆนอนๆอยู่บ้าน
งานบ้าน งานครัว เค้าทำหมด ฉะนั้นควรให้บ้าง อย่าคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าครอบครัว
ทำงานนอกบ้านหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียว เพราะเมียของลูกก็เหนื่อยกับการดูแลบ้านและดูแลลูกเช่นกัน "
แต่ว่าเราได้มา เราจะใช้ จะซื้ออะไร เราขออนุญาตเค้าค่ะ มีใบเสร็จมาอ้างอิงเท่าที่จะหาได้
จนสามีเคยพูดว่า" พี่ให้เงินหนูไปดูแลแล้ว ไม่ต้องมาขออนุญาตหรือเอาใบเสร็จมาให้พี่หรอก เพราะเงินเป็นของหนู"
แต่เราก็เกรงใจค่ะ เราคิดเสมอว่า เงินมันมาจากน้ำพักน้ำแรงของเค้า ทุกวันนี้เราทำบัญชีรายรับ รายจ่าย ชัดเจน
แล้วก็ตั้งใจมากกับการเป็นภรรยาและแม่ที่ดี ทำงานบ้าน งานครัว งานดูแลสามี ลูก อย่างเต็มที่
เพื่อไม่ให้คนอื่นดูถูกสามี ว่าไปคว้าผญ.ที่รักสบายมาเป็นเมียค่ะ
ความคิดเห็นที่ 27
เรื่องแบบนี้ใช้แค่ 3 คำ เหมือนในทุกๆเรื่องครับ
จริงใจ เชื่อใจ และ ถนอมน้ำใจ
1. จริงใจ คือ เรื่องนี้ต้องมาก่อนเลยครับ เป็นเรื่องง่ายๆที่คนเราไม่ค่อยทำกันครับ (เข้าใจว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่ความจริงใจมันต้องใช้ความตั้งใจมากๆครับ) จขกท ตั้งหัวกระทู้ว่า"ขอเงินใช้บ้าง" แต่ในกระทู้บอกว่า"เก็บเอาไว้เฉยๆ" หรือ "จะเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายลูก" มันไม่สำคัญว่าจะเป็นอะไรครับ แต่ต้องจริงใจ อย่าคิดอย่างนึง พูดอย่างนึง แล้วมาตั้งกระทู้อีกอย่างนึง
2. ถ้าความจริงใจไม่มี ความเชื่อใจซึ่งกันและกัน มันก็ไม่เกิดครับ... โดยเฉพาะหากเกิดความไม่ไว้ใจขึ้นมาแม้เพียงเล็กน้อย มันจะเหมือนเชื้อเพลิงที่เก็บไว้รอประกายไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ที่ จขกท ว่าไว้ในข้อสาม "3.กลับไทยไปเลย ในเมื่อชั้นไม่ได้เงินส่วนนี้ เทอก้จะไม่ได้ ฮ่าๆ" มันน่าจะแสดงให้เห็นถึงความไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันได้บางส่วนแล้ว
3. ถนอมน้ำใจ... ให้คิดถึงใจเขาใจเราครับ ต่อให้สามีเคยให้สัญญาไว้แล้ว แต่ถ้าคุณเป็นสามี ย้ายประเทศ(ค่าใช้จ่ายเยอะกว่าไทยน่ะครับ) แล้วยังต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องลูกอีก ต้องคิดด้วยว่า ถ้าแบ่งมาให้คุณใช้แล้วมันพอไหวไหม หรือเท่าไหร่ที่คิดว่าไม่เป็นภาระหนักอะไร อย่าคิดว่าได้เพิ่มเท่าไหร่ขอหมด ในการพูดคุยกัน ก็คุยกันดีๆครับ อย่าใช้อารมณ์ เหน็บแนม หรือ ขู่กลับไทย
จริงๆแล้วรายละเอียดอาจผิดพลาดหรือไม่ตรงกับความจริงของ จขกท ก็ได้ ขออภัยไว้ด้วย แต่ให้เป็นแนวทางในการใช้ชีวิตคู่ครับ
จริงใจ เชื่อใจ และ ถนอมน้ำใจ
1. จริงใจ คือ เรื่องนี้ต้องมาก่อนเลยครับ เป็นเรื่องง่ายๆที่คนเราไม่ค่อยทำกันครับ (เข้าใจว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่ความจริงใจมันต้องใช้ความตั้งใจมากๆครับ) จขกท ตั้งหัวกระทู้ว่า"ขอเงินใช้บ้าง" แต่ในกระทู้บอกว่า"เก็บเอาไว้เฉยๆ" หรือ "จะเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายลูก" มันไม่สำคัญว่าจะเป็นอะไรครับ แต่ต้องจริงใจ อย่าคิดอย่างนึง พูดอย่างนึง แล้วมาตั้งกระทู้อีกอย่างนึง
2. ถ้าความจริงใจไม่มี ความเชื่อใจซึ่งกันและกัน มันก็ไม่เกิดครับ... โดยเฉพาะหากเกิดความไม่ไว้ใจขึ้นมาแม้เพียงเล็กน้อย มันจะเหมือนเชื้อเพลิงที่เก็บไว้รอประกายไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ที่ จขกท ว่าไว้ในข้อสาม "3.กลับไทยไปเลย ในเมื่อชั้นไม่ได้เงินส่วนนี้ เทอก้จะไม่ได้ ฮ่าๆ" มันน่าจะแสดงให้เห็นถึงความไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันได้บางส่วนแล้ว
3. ถนอมน้ำใจ... ให้คิดถึงใจเขาใจเราครับ ต่อให้สามีเคยให้สัญญาไว้แล้ว แต่ถ้าคุณเป็นสามี ย้ายประเทศ(ค่าใช้จ่ายเยอะกว่าไทยน่ะครับ) แล้วยังต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องลูกอีก ต้องคิดด้วยว่า ถ้าแบ่งมาให้คุณใช้แล้วมันพอไหวไหม หรือเท่าไหร่ที่คิดว่าไม่เป็นภาระหนักอะไร อย่าคิดว่าได้เพิ่มเท่าไหร่ขอหมด ในการพูดคุยกัน ก็คุยกันดีๆครับ อย่าใช้อารมณ์ เหน็บแนม หรือ ขู่กลับไทย
จริงๆแล้วรายละเอียดอาจผิดพลาดหรือไม่ตรงกับความจริงของ จขกท ก็ได้ ขออภัยไว้ด้วย แต่ให้เป็นแนวทางในการใช้ชีวิตคู่ครับ
ความคิดเห็นที่ 37
ค่ะ ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นนะ ยินดีน้อมรับฟัง อาจจะจริงที่บางคนบอกว่าเงินส่วนนี้เป็นเงินของบริษัทให้สามีและยังเป็นส่วนของสามีอยู่
ไม่ใช่เงินที่เราสมควรจะได้ แล้วเพื่อนๆลองคิดกลับกันนะ ถ้าเราไม่ย้ายมาอยู่นี่ เค้าจะได้เงินส่วนนี้เพิ่มไหม
และถ้าใครที่บอกว่าเราย้ายมาแล้วสร้างค่าใช้จ่ายเพิ่มให้สามี เราว่ามันไม่จริง เพราะ
1. ได้ค่าเช่าบ้านเพิ่ม แต่เราสองคนยังอยู่ที่เดิม กลายเป็นมีรายได้เพิ่มขึ้น
2. ค่ากินวันละ 7.5 เหรียญ ถ้าไม่ย้ายมาเราไม่ได้ แต่ถ้าเรากินใช้ประหยัด สามีก้จะมีเงินเก็บจากตรงนี้เพิ่มขึ้น
3. สามีบอกว่า อยากได้อะไรจะซื้อให้ แต่เชื่อไหมตั้งแต่ย้ายมา ยังไม่เคยขอให้สามีซื้ออะไรให้ที่เป็นของส่วนตัวเลย นอกจากของกินบำรุงลูก
4. อย่างที่คห.บนบอก ขอเงินเป็นรายครั้งมันเหนื่อย เราว่าผู้หญิงมีโมเม้นท์ที่บางครั้งอยากซื้อของโดยที่ไม่จำเป็นต้องบอกสามีทุกครั้ง
คืออยากได้อะไร แบมือขอทุกครั้งเราว่าไม่ใช่อะค่ะ แล้ว ถ้าสมมุติในสิ่งที่เราอยากได้ แล้วสามีเห็นว่าไม่สมควร ไม่จำเป็น ให้เพราะความจำใจ
มันจะกลายเป็นปัญหาอีกไหม สู้ให้เงินเรามาสักนิดนึง เราอยากได้อะไรไปซื้อเองดีกว่า
5. บางคนบอกเราเห็นแก่ตัวเราอยากได้เงินมาเก็บคนเดียว มันก้ไม่ใช่นะคะ ถ้าเกิดปัญหาอะไรเราก้พร้อมที่จะนำเงินส่วนนี้ออกมาใช้ร่วมกับสามี
ยังไงก้ขอบคุณทุกคนมากนะคะ อ่อแล้วก้ไม่ได้แต่งงานกับสามีเพราะเงินนะคะ
ไม่ได้ลาออกมาเพื่อที่เกาะสามีกิน แต่สามีบอกให้เราตามออกมาอยู่กับเค้า ปรนนิบัติเค้า เพราะเค้าต้องการความเป็น "ครอบครัว"
ไม่ใช่แต่งแล้วต่างคน ต่างอยู่ บางคนอาจคิดไม่ถึงว่า กะอีแค่ลาออกตามสามีมา มันจะหนักหนาอะไรกัน สำหรับเรา เราว่ามันเสียสละนะ
จากพ่อแม่ จากครอบครัวมาอยู่ในอีกแวดล้อมนึง ชีวิตสังคมเปลี่ยนไป
กลางวันอยู่คนเดียว ทำงานบ้าน ทำกับข้าว รอสามีกลับมากินตอนเย็น กลางวันมีลูกในท้องเป็นเพื่อน บอกตรงๆเลยเหงามาก
ถ้าใครที่คิดว่ามันเป็นหน้าที่ที่ภรรยาต้องทำอยู่แล้ว ไม่สมควรมีสิ่งใดๆตอบแทน ต่างคนต่างทำหน้าที่ตัวเองไป ควรได้เงินแค่เท่าที่สามีจะให้
อันนั้นก้สุดแล้วคุณนะคะ
ไม่ใช่เงินที่เราสมควรจะได้ แล้วเพื่อนๆลองคิดกลับกันนะ ถ้าเราไม่ย้ายมาอยู่นี่ เค้าจะได้เงินส่วนนี้เพิ่มไหม
และถ้าใครที่บอกว่าเราย้ายมาแล้วสร้างค่าใช้จ่ายเพิ่มให้สามี เราว่ามันไม่จริง เพราะ
1. ได้ค่าเช่าบ้านเพิ่ม แต่เราสองคนยังอยู่ที่เดิม กลายเป็นมีรายได้เพิ่มขึ้น
2. ค่ากินวันละ 7.5 เหรียญ ถ้าไม่ย้ายมาเราไม่ได้ แต่ถ้าเรากินใช้ประหยัด สามีก้จะมีเงินเก็บจากตรงนี้เพิ่มขึ้น
3. สามีบอกว่า อยากได้อะไรจะซื้อให้ แต่เชื่อไหมตั้งแต่ย้ายมา ยังไม่เคยขอให้สามีซื้ออะไรให้ที่เป็นของส่วนตัวเลย นอกจากของกินบำรุงลูก
4. อย่างที่คห.บนบอก ขอเงินเป็นรายครั้งมันเหนื่อย เราว่าผู้หญิงมีโมเม้นท์ที่บางครั้งอยากซื้อของโดยที่ไม่จำเป็นต้องบอกสามีทุกครั้ง
คืออยากได้อะไร แบมือขอทุกครั้งเราว่าไม่ใช่อะค่ะ แล้ว ถ้าสมมุติในสิ่งที่เราอยากได้ แล้วสามีเห็นว่าไม่สมควร ไม่จำเป็น ให้เพราะความจำใจ
มันจะกลายเป็นปัญหาอีกไหม สู้ให้เงินเรามาสักนิดนึง เราอยากได้อะไรไปซื้อเองดีกว่า
5. บางคนบอกเราเห็นแก่ตัวเราอยากได้เงินมาเก็บคนเดียว มันก้ไม่ใช่นะคะ ถ้าเกิดปัญหาอะไรเราก้พร้อมที่จะนำเงินส่วนนี้ออกมาใช้ร่วมกับสามี
ยังไงก้ขอบคุณทุกคนมากนะคะ อ่อแล้วก้ไม่ได้แต่งงานกับสามีเพราะเงินนะคะ
ไม่ได้ลาออกมาเพื่อที่เกาะสามีกิน แต่สามีบอกให้เราตามออกมาอยู่กับเค้า ปรนนิบัติเค้า เพราะเค้าต้องการความเป็น "ครอบครัว"
ไม่ใช่แต่งแล้วต่างคน ต่างอยู่ บางคนอาจคิดไม่ถึงว่า กะอีแค่ลาออกตามสามีมา มันจะหนักหนาอะไรกัน สำหรับเรา เราว่ามันเสียสละนะ
จากพ่อแม่ จากครอบครัวมาอยู่ในอีกแวดล้อมนึง ชีวิตสังคมเปลี่ยนไป
กลางวันอยู่คนเดียว ทำงานบ้าน ทำกับข้าว รอสามีกลับมากินตอนเย็น กลางวันมีลูกในท้องเป็นเพื่อน บอกตรงๆเลยเหงามาก
ถ้าใครที่คิดว่ามันเป็นหน้าที่ที่ภรรยาต้องทำอยู่แล้ว ไม่สมควรมีสิ่งใดๆตอบแทน ต่างคนต่างทำหน้าที่ตัวเองไป ควรได้เงินแค่เท่าที่สามีจะให้
อันนั้นก้สุดแล้วคุณนะคะ
แสดงความคิดเห็น
จะพูดกับสามียังไงดีว่าขอเงินใช้บ้าง !!!
ก่อนเราตัดสินใจลาออกจากที่ทำงานย้ายตามมาอยู่กับสามี เงินเดือนประมาณ25K แต่ละเดือนจะมีเงินเก็บประมาณ60% (ไม่ค่อยได้ใช้จ่ายอะไร เพราะอยู่บ้านกับพ่อแม่) พอตอนนี้ลาออกมา กลายเป็นเงินส่วนตรงนี้หายไป มันรู้สึกเคว้งๆค่ะ คิดว่าจากที่เคยมีรายได้ประจำ ถึงจะไม่มากก้เถอะ แต่เราอยากมีเงินเก็บไว้เพื่อความอุ่นใจ ตอนนี้เงินเก็บประมาณ700K (เงินจากสินสอดและเงินเก็บตัวเอง) เราคิดว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆไม่อยากนำเงินตรงนี้มาใช้ เพราะตอนนี้ยังไม่มีความสามารถที่จะหารายได้เข้ามาได้ จึงอยากขอเงินสามีเป็นก้อน เป็นรายเดือนใช้บ้าง
ปัญหามันเกิดตรงที่ว่า บริษัทสามี มีสวัสดิการสำหรับภรรยาที่ติดตามสามีมาอยู่ต่างประเทศโดย ได้เงิน food allowance วันละ 7.5$ และเงินค่า house allowance เพิ่มอีกเดือนละ 350 $ (ก่อนหน้านี้สามีได้เดือนละ 700 $ ค่าเช่าหอ 650 $ บริษัทจะโอนเข้าบัญชีสามีโดยตรง) ก่อนย้ายมาเราถามสามีแล้วว่าเงินที่ได้เพิ่มมาส่วนนี้เค้าจะให้เราไหม เขาก้บอกว่า ก้ให้สิ แล้วเค้าจะเก็บไว้ทำไม ซึ่งถ้าเราได้เงินส่วนนี้กลายเป็นว่า เดือนนึงเราจะมีเงินเกือบๆ 18000 บาท แต่คือตอนนี้ย้ายมาอยู่ 3 เดือนแล้ว สามีให้เงินติดกระเป๋าแค่ 100$ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเค้าออกหมด ให้ติดกระเป๋าเฉยๆ
เราขอพูดตรงๆเลยนะคะ คือเราอยากได้เงินส่วนนี้ของเราอะค่ะ เราคิดว่ามันเป็นเงินที่สมควรได้ ซึ่งถ้าเราไม่ย้ายมาเค้าก้จะไม่ได้เงินส่วนนี้เช่นกัน ไม่รู้ว่าเพื่อนๆจะคิดว่าเรางกไปไหม เป็นสามีภรรยาจะคิดเล็กคิดน้อยหรือเปล่า แต่เราไม่อยากเอ่ยปากพูดก่อน เวลาไปชอปปิ้งสามีจะถามว่าอยากซื้ออะไร จะซื้อให้ เราบอกเราไม่อยากได้ของ อยากได้เงิน เค้าก้ถามว่าจะเอาเงินไปทำอะไร เราก้บอกว่าก้ไม่ทำอะไร เก็บไว้เฉยๆ เพื่อความอุ่นใจ เค้าบอกว่าถ้าคลอดแล้ว ค่าใช้จ่ายลูก ค่าคลอดลูก เค้าก้ต้องเป็นคนรับผิดชอบอยู่แล้ว เราจะเดือดร้อนเรื่องเงินไปทำไม
เพื่อนๆว่าเราจะทำไงดีคะ
1.จะเฉยๆปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ให้สามีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างจนลูกเข้าโรงเรียนแล้วเราค่อยหางานทำ
2.ยื่นคำขาดไปเลยว่า ชั้นอยากได้เงินส่วนนี้ของชั้น แล้วค่าใช้จ่ายจะเอาเงินส่วนนี้มาแบ่งเบาค่าใช้จ่ายลูก
3.กลับไทยไปเลย ในเมื่อชั้นไม่ได้เงินส่วนนี้ เทอก้จะไม่ได้ ฮ่าๆ
รบกวนขอความคิดเห็นด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ