>>>บันทึกการเดินทาง ตอน ผจญภัยแดนภูเขาไฟ อินโดนีเซีย : สรุปแผนการเดินทาง ค่าใช้จ่าย ละเอียด
http://ppantip.com/topic/32443073
สวัสดีค่ะ วันนี้มารีวิวกับการเดินทางครั้งใหม่กับผองเพื่อน ทริปวันที่ 4-10 มิถุนายน 2557 เป็นการแบกเป้ ที่สบ๊าย สบายมาก
เริ่มต้นก่อนเดินทางคือ เราจองตั๋วล่วงหน้า กทม - สุราบายา ไปแล้วนานมาก ( โปรโมชั่นหางแดง ไปกลับแค่ สามพันกว่าบาท ) แต่ก่อนเดินทาง 10 วัน มีข่าวร้ายที่สายการบินยกเลิกบินตรง ตั้งแต่เดือนมิถุนายน และเราเดินทางวันที่ 4 มิถุนายน ถือนับเป็นโชคดี ของการเดินทางอย่างนึงคือ ไฟล์ทของเราไม่โดนหางว่าว เล่นทำเอาใจหาย ใจคว่ำ โชคที่สองคือ เราแทบจะติดต่อเอเจนซี่เจ้าดัง คือ Pink house ไม่ได้เลย จนต้องตามหาเจ้าใหม่คือ Arif จนตกลงราคาได้ในท้ายสุด ( คุยรู้เรื่องกันบ้าง งงๆ บ้าง หยวนๆ กันไป )
--------------------------------
Plan
Day 1 :
4 June 2014
ดอนเมือง - สุราบายา ( อินโดนีเซีย )
Flight QZ 303 DMK 19:40 SUB 23:40
23.40 ถึงสนามบินสุราบายา ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
นั่งรถออกเดินทางไปโบรโม่ เพื่อพักตีนเขา เป็นระยะทาง 110 km.
( ต้องติดต่อ รถเช่าให้มารับที่สนามบิน พร้อมไปที่ภูเขาเลย )
Day 2 : 5 June
เที่ยวน้ำตก Madakaripura
เข้าที่พัก Bromo
เดินเล่นชมหมู่บ้าน
Day 3 : 6 June
ตื่นเช้าดูพระอาทิตย์ขึ้น
04.00 น. นั่งรถจิ๊บเดินทางไปยังจุดชมวิวยอด Penanjakan
07.00 น. ลงจากจุดชมวิวเพื่อเดินขึ้นปากปล่องภูเขาไฟ Bromo ไปต่อทุ่งหญ้าสะวันน่า
10.00 น. เช็คเอาท์ ออกเดินทางสู่อิเจี้ยน
------------------------------------
Bromo Volcano " ลมหายใจของเทพเจ้า "
ความจริงแล้ว ภูเขาที่เราเรียกกัน ไม่ใช่มีแค่ภูเขาไฟโบรโม่ แต่สามลูกที่เห็นเป็นส่วนหนึ่งของอุทยาน Bromo - Tengger - Semaru
สิ่งหนึ่งที่ไม่ได้บอก ก่อนไปเที่ยวที่นี่ให้ที่บ้านรู้คือ ภูเขาไฟที่เราไปเยือน ภูเขาไฟ Semaru ยังสามารถระเบิดได้อีกเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่คาดว่า ถ้าใกล้ระเบิดภูเขาไฟคงส่งสัญญาณเตือนก่อน ระเบิดล่าสุดคือเมื่อปี 2011
วันแรกถึงสนามบิน เจอคนขับรถ ก็เกือบตี 1 ใช้เวลาเดินทางเข้า Cemoro lawang ราวๆ 3 ชม. ณ ตอนนั้น เราหลับตลอดทาง จนพบว่า ตีห้า รถมาจอดให้ที่หน้าทางเข้าน้ำตก Madakaripura และเราจะเดินเข้าน้ำตกกันตอนตีห้า ! อยู่บนรถอากาศก็ธรรมดา พอลงไปหละก็ต้องรีบคว้าเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ หมวก เพราะอากาศเย็นจัด เฮ้ยย ...
ไปถึงปุ๊บ ต้องจ้างไกด์ พาเดินเข้าไป ( ในจินตนาการ เข้าใจว่า อ่อ น้ำตก จอดรถปุ๊บ เห็นเลย ) แต่ไม่ใช่ เราต้องถอดรองเท้า พับขากางเกง กล้องไม่กล้าเอาออกมาถ่ายเลย กลัวจะทำหล่นลงน้ำ จนหลังๆ มา เราไม่ควักกล้องออกมาอีกเลย จนไม่มีรูปน้ำตกเนี่ยแหละ เดินไปกันเกือบชม. พี่ไกด์ถามเราว่า มีเสื้อกันฝนมั้ย เราเข้าใจว่า เฮ้ย แค่ละอองน้ำตก ... เข้ นี่เรียกว่าเดินผ่านม่านน้ำตกเหอะเพ่ !! มันหนาว มันเปียก มันผจญภัย อยู่ในนั้นกันเกือบ 2 ชม.
จบจากน้ำตก ก็เข้าเช็คอินที่พัก เฮ้ยย หนาว ... แค่กลางวันยังหนาว จนต้องคิดว่า ไม่ไหวแล้ว เพื่อนร่วมทริป กันหนาวที่เตรียมมาคงไม่พอแน่ๆ เลยไปเช่าเสื้อหนาวกันเพิ่ม และจากนั้นเราก็เดินเล่นในหมู่บ้าน บอกได้คำเดียวว่า สวย เฮ้ย สวย สวยมาก ที่นี่ที่ไหน
ออกไปเดินเล่นรอบๆ หมู่บ้าน ยังกับไม่ใช่เอเชีย
เดินออกไปหามุมถ่ายรูปสวยๆ ช่วงเย็นๆ ก่อนพระอาทิตย์ตก ก็ลัดสวนเข้าไป ก็พบกับวิวสวยๆ จริงๆ เราอยากไปจุดชมวิว ... แต่เราหลงทาง 55+
แสงหมด อากาศเย็นลง เราก็เลยเดินกลับที่พัก
กลับมาที่พัก นั่งเล่น ถ่ายรูปกัน ห้าโมงเย็นก็มืดเห็นดาวแล้ว อากาศเย็นลง นั่งกินก๋วยเตี๋ยว ตั้งกล้องเล่น จากนั้นแยกย้ายกันไปนอนสามทุ่ม เพราะเราจะตื่นไปจุดชมวิวกันตอน ตี 3 และจะต้องตื่นยาวไปถึงเย็นอีกวัน
[CR] >>>บันทึกการเดินทาง ตอน ผจญภัยแดนภูเขาไฟ อินโดนีเซีย : Bromo หนาวมาก
http://ppantip.com/topic/32443073
สวัสดีค่ะ วันนี้มารีวิวกับการเดินทางครั้งใหม่กับผองเพื่อน ทริปวันที่ 4-10 มิถุนายน 2557 เป็นการแบกเป้ ที่สบ๊าย สบายมาก
เริ่มต้นก่อนเดินทางคือ เราจองตั๋วล่วงหน้า กทม - สุราบายา ไปแล้วนานมาก ( โปรโมชั่นหางแดง ไปกลับแค่ สามพันกว่าบาท ) แต่ก่อนเดินทาง 10 วัน มีข่าวร้ายที่สายการบินยกเลิกบินตรง ตั้งแต่เดือนมิถุนายน และเราเดินทางวันที่ 4 มิถุนายน ถือนับเป็นโชคดี ของการเดินทางอย่างนึงคือ ไฟล์ทของเราไม่โดนหางว่าว เล่นทำเอาใจหาย ใจคว่ำ โชคที่สองคือ เราแทบจะติดต่อเอเจนซี่เจ้าดัง คือ Pink house ไม่ได้เลย จนต้องตามหาเจ้าใหม่คือ Arif จนตกลงราคาได้ในท้ายสุด ( คุยรู้เรื่องกันบ้าง งงๆ บ้าง หยวนๆ กันไป )
--------------------------------
Plan
Day 1 :
4 June 2014
ดอนเมือง - สุราบายา ( อินโดนีเซีย )
Flight QZ 303 DMK 19:40 SUB 23:40
23.40 ถึงสนามบินสุราบายา ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
นั่งรถออกเดินทางไปโบรโม่ เพื่อพักตีนเขา เป็นระยะทาง 110 km.
( ต้องติดต่อ รถเช่าให้มารับที่สนามบิน พร้อมไปที่ภูเขาเลย )
Day 2 : 5 June
เที่ยวน้ำตก Madakaripura
เข้าที่พัก Bromo
เดินเล่นชมหมู่บ้าน
Day 3 : 6 June
ตื่นเช้าดูพระอาทิตย์ขึ้น
04.00 น. นั่งรถจิ๊บเดินทางไปยังจุดชมวิวยอด Penanjakan
07.00 น. ลงจากจุดชมวิวเพื่อเดินขึ้นปากปล่องภูเขาไฟ Bromo ไปต่อทุ่งหญ้าสะวันน่า
10.00 น. เช็คเอาท์ ออกเดินทางสู่อิเจี้ยน
------------------------------------
Bromo Volcano " ลมหายใจของเทพเจ้า "
ความจริงแล้ว ภูเขาที่เราเรียกกัน ไม่ใช่มีแค่ภูเขาไฟโบรโม่ แต่สามลูกที่เห็นเป็นส่วนหนึ่งของอุทยาน Bromo - Tengger - Semaru
สิ่งหนึ่งที่ไม่ได้บอก ก่อนไปเที่ยวที่นี่ให้ที่บ้านรู้คือ ภูเขาไฟที่เราไปเยือน ภูเขาไฟ Semaru ยังสามารถระเบิดได้อีกเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่คาดว่า ถ้าใกล้ระเบิดภูเขาไฟคงส่งสัญญาณเตือนก่อน ระเบิดล่าสุดคือเมื่อปี 2011
วันแรกถึงสนามบิน เจอคนขับรถ ก็เกือบตี 1 ใช้เวลาเดินทางเข้า Cemoro lawang ราวๆ 3 ชม. ณ ตอนนั้น เราหลับตลอดทาง จนพบว่า ตีห้า รถมาจอดให้ที่หน้าทางเข้าน้ำตก Madakaripura และเราจะเดินเข้าน้ำตกกันตอนตีห้า ! อยู่บนรถอากาศก็ธรรมดา พอลงไปหละก็ต้องรีบคว้าเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ หมวก เพราะอากาศเย็นจัด เฮ้ยย ...
ไปถึงปุ๊บ ต้องจ้างไกด์ พาเดินเข้าไป ( ในจินตนาการ เข้าใจว่า อ่อ น้ำตก จอดรถปุ๊บ เห็นเลย ) แต่ไม่ใช่ เราต้องถอดรองเท้า พับขากางเกง กล้องไม่กล้าเอาออกมาถ่ายเลย กลัวจะทำหล่นลงน้ำ จนหลังๆ มา เราไม่ควักกล้องออกมาอีกเลย จนไม่มีรูปน้ำตกเนี่ยแหละ เดินไปกันเกือบชม. พี่ไกด์ถามเราว่า มีเสื้อกันฝนมั้ย เราเข้าใจว่า เฮ้ย แค่ละอองน้ำตก ... เข้ นี่เรียกว่าเดินผ่านม่านน้ำตกเหอะเพ่ !! มันหนาว มันเปียก มันผจญภัย อยู่ในนั้นกันเกือบ 2 ชม.
จบจากน้ำตก ก็เข้าเช็คอินที่พัก เฮ้ยย หนาว ... แค่กลางวันยังหนาว จนต้องคิดว่า ไม่ไหวแล้ว เพื่อนร่วมทริป กันหนาวที่เตรียมมาคงไม่พอแน่ๆ เลยไปเช่าเสื้อหนาวกันเพิ่ม และจากนั้นเราก็เดินเล่นในหมู่บ้าน บอกได้คำเดียวว่า สวย เฮ้ย สวย สวยมาก ที่นี่ที่ไหน
ออกไปเดินเล่นรอบๆ หมู่บ้าน ยังกับไม่ใช่เอเชีย
เดินออกไปหามุมถ่ายรูปสวยๆ ช่วงเย็นๆ ก่อนพระอาทิตย์ตก ก็ลัดสวนเข้าไป ก็พบกับวิวสวยๆ จริงๆ เราอยากไปจุดชมวิว ... แต่เราหลงทาง 55+
แสงหมด อากาศเย็นลง เราก็เลยเดินกลับที่พัก
กลับมาที่พัก นั่งเล่น ถ่ายรูปกัน ห้าโมงเย็นก็มืดเห็นดาวแล้ว อากาศเย็นลง นั่งกินก๋วยเตี๋ยว ตั้งกล้องเล่น จากนั้นแยกย้ายกันไปนอนสามทุ่ม เพราะเราจะตื่นไปจุดชมวิวกันตอน ตี 3 และจะต้องตื่นยาวไปถึงเย็นอีกวัน