อาจเก่าไปสักหน่อยที่จะพูดถึงเรื่องนี้
แต่เพราะเพิ่งอ่านนิยายจบ
อยากจะบอกว่าฟีลลิ่งระหว่างนิยายกับภาพยนตร์
คนละฟีลลิ่งคนละเรื่องเลย
และนี่คือความแตกต่างที่ผมพบ
เมื่อเปรียบเทียบกันในทั้ง 2 เวอร์ชั่น

1. ช่วงเวลาขณะเล่าเรื่อง
นิยาย - เล่าหลังเหตุการณ์จบแล้ว
หนัง - เล่าขณะเกิดเหตุการณ์

2. มุมมองของผู้ถ่ายทอดเหตุการณ์
นิยาย - มุมมองจากผู้รอดชีวิตทั่วโลก
หนัง - มุมมองจากสายตาแบรด พิตต์คนเดียว
อันนี้ทำให้เราเกิดความรู้สึกร่วมว่ามันเป็น World War จริงๆ
และเห็นว่าสถานการณ์มันเลวร้ายยังไง

3. ประเด็นหลักที่ต้องการสื่อ
นิยาย - การใช้ชีวิตของมนุษย์ขณะเกิดเหตุการณ์และหลังจากนั้น
หนัง - การเอาตัวรอดจากฝูงซอมบี้และหาต้นตอของโรค
ข้อนี้คือความแตกต่างอย่างที่สุดระหว่างฉบับนิยายกับฉบับภาพยนตร์
ขณะที่ประเด็นในหนังเป็นเซอร์ไววัลเอาชีวิตรอดตามแบบขนบหนังซอมบี้ทั่วไป
นิยายกลับเป็นอะไรที่แตกต่างออกไปมาก
และเป็นจุดที่ผมยกย่องให้ต้นฉบับนิยายเหนือชั้นกว่า
และเสียดายที่หนังไม่อาจนำเสนอประเด็นเดียวกับนิยายได้
ตอนหนึ่งที่ผมชอบมากในนิยายคือตอนที่ว่าด้วยระบอบเศรษฐกิจในยุคก่อนสงครามและหลังสงคราม

"ก่อนสงครามซอมบี้เกิดขึ้น คุณทำงานหาเงิน
เอาเงินนั้นไปจ้างคนมาดูแลบ้าน ทำสวน ขัดส้วม
ซึ่งทำให้คุณมีเวลาว่างมากขึ้น
แล้วคุณก็เอาเวลาว่างนั้นไปทำเงินเพิ่มขึ้น
แต่ตอนนี้เหตุการณ์มันเปลี่ยนไป
ความสำคัญลำดับแรกไม่ใช่การหาเงินอีกแล้ว
แต่เป็นการขัดส้วมในบ้านคุณเองนั่นแหละ"

"หล่อนรับไม่ได้จากที่เคยเป็นผู้คัดตัวนักแสดงซีรี่ย์ทำเงิน 3 ปีติดต่อกัน
ทำเงินได้ปีละหลายล้านเหรียญ
แต่ตอนนี้กลับต้องทำงานเป็นแม่บ้าน
แถมเป็นลูกศิษย์ของคนที่เคยเป็นแม่บ้านให้กับเธออีก"

"นายหน้าอสังหา ผู้แทนค้าหุ้น พนักงานออฟฟิศ ฯลฯ
ไม่ใช่อาชีพที่โลกนี้ต้องการอีกต่อไป
ตอนนี้เราไม่ต้องการพวกปกขาว
แต่ต้องการคนที่จะลงไปทำงานคลุกฝุ่น"

จะเห็นว่าประเด็นสำคัญไม่ใช่การสู้หรือเอาตัวรอดจากซอมบี้
แต่เป็นว่ามนุษย์เราจะใช้ชีวิตอย่างไรในโลกที่เปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ
ซึ่งน่าเสียดายว่าในหนังไม่ได้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวเลย