แค่บอกว่าจะเป็นหนังผีเรื่องใหม่ โดยค่าย GTH และมีจุดขายที่น่าสนใจ คือ การดึงสามนักแสดงดาวรุ่งจาก
"Hormones" มารับบทนำ.. นั่นก็ถือว่า ช่วยสร้างกระแสให้
"ฝากไว้..ในกายเธอ" หรือ ชื่อภาษาอังกฤษที่เป็นตัวตั้งต้นของโปรเจคต์ว่า
"The Swimmers" ได้เลยทันที
ยี่ห้อ GTH ที่ถ้าจะไม่นึกถึง.. หนังรักตลกอารมณ์ดี.. หนังดีมีจบ(โลก)สวย.. ก็จะเป็น หนังผีที่ทำได้มีมาตรฐานดีกว่าหนังผีไทยโดยทั่วไป ซึ่งอย่างหลังก็เป็นจุดหลักที่ทำให้คนตัดสินใจไม่ยากจะดูหนังผีจาก GTH
ส่วนชื่อของ ฮอร์โมน ที่กำลังพลุ่งพล่าน มาแต่ซีซั่นแรกปีกลาย จนถึงตอนนี้ที่กำลังฉายซีซั่นสอง ก็ถือว่าเป็นการสร้าง Landmark ให้หนังได้ ซึ่งมันก็ดีตรงที่ยังช่วยโหนกระแสให้ ฮอร์โมน ได้ดีต่อไป และก็สร้างความแตกต่างอีกทางที่ได้เห็นกลุ่มนักแสดงในเรื่องนั้น มาเล่นกับบทบาทอื่นที่อาจท้าทายความสามารถมากกว่าเดิม ซึ่งเป็นการช่วยโหมกระแสความดังของดาราให้มากขึ้น เป็นผลดีต่อเนื่องเพื่อจะได้มีงานเข้ามาที่หลากหลายมากขึ้น
แต่กับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้มองว่า GTH คือ ค่ายที่สร้างหนังผีที่ดีมากๆให้ประเทศไทย มันก็ยังแค่มีงานที่โชว์ภาพรวมเป็นค่าเฉลี่ยได้ดูดี คือ ถ้าเต็มสิบ รวมทุกเรื่องกันมาก็อยู่ในระดับเฉลี่ยที่ 7 ..หากงานที่ดีอย่าง
4 แพร่ง,5 แพร่ง เด็กหอ ชัตเตอร์ หรือ
บอดี้ ศพ#19 ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่เกิน 7 (ขอไม่รวม "พี่มาก" เพราะทางของหนังมันตั้งใจตลกมากกว่าจะขายเรื่องผีๆ) งานที่ผมนั้น มองว่าต่ำกว่า 7 เลย ก็จะมี
แฝด,โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต และ
ลัดดาแลนด์
ซึ่ง 2 ใน 3 เรื่องนั้น ก็เป็นหนังของผู้กำกับ
"โสภณ ศักดาพิศิษฐ์" คนที่เป็นเจ้าของงานเดียวกับ ฝากไว้..ในกายเธอ นี่แหละ
ดังนั้น ความคาดหวังของผมในตอนแรกที่มีต่องานชิ้นล่าสุดนี้ ของผู้กำกับที่เคยทำให้ผม 'เกลียด' ลัดดาแลนด์ ได้ มันเลยแทบจะไม่มี.. กระทั่งมีสามนักแสดงจาก ฮอร์โมน ที่ผมก็ค่อนข้างชมชอบฝีมือ แต่ผมก็ยังไม่ได้เพิ่มความคาดหวังที่เขาบอกว่าจะมี สามคนนี้ อยู่ดี
โปรแกรมหน้าฯ คือ หนังที่อยู่ในกลุ่มอาจพอให้อภัยได้ในความมือใหม่หัดกำกับ แต่มองหาความสดใหม่ของหนังเอง ก็แทบจะไม่มี (จบอย่างไร ก็นึกไม่ออกแล้วด้วย ตอนนี้) แต่กับ ลัดดาแลนด์ ที่มาหลอกผีแบบเบอร์เต็ม ต้องการให้สะดุ้งทุก 2-3 นาทีอย่างนั้น นี่มันคือ หนังผีที่อยู่ในอุดมคติแห่งความน่าเบื่อเลย แถมตอนจบ ก็ถือว่า เป็นความบ้าบอเลอะเทอะ แบบที่อุตส่าห์ขอฉีกแนว แต่เป็นการฉีกหนังของตัวเองแบบยากจะประกบคืนซะมากกว่า
ฝากไว้..ในกายเธอ จึงอาจเป็นหนัง GTH ที่อยู่ในกระแส ให้ชวนต้องดู (ซึ่งถือว่าไหลไปตามกระแสการโปรโมตของค่ายนี้ที่ทำได้ดีเสมอ) แต่ก็จะดู แค่อยากรู้ว่า จะมีมุขหลอกผีใหม่ๆ มาขายได้บ้างมั้ย (และก็อยากรู้ว่า น้องเก้า จะเซ็กซี่ในชุดว่ายน้ำ ได้ถึงเบอร์ไหน.. ตามประสาผู้ชายอยากเห็นของสวยๆงามๆคนนึง
)
พอไม่คาดหวังอะไรมาก เราก็กลับได้พบโปรเจกต์หนังผี GTH ที่น่าสนใจ เพราะแทนที่จะเล่าเรื่องโดยใช้ ผี นำ คน ตาม.. หนังกลับเลือก จะให้ คน นำ โดยมีผี ตามอยู่ห่างๆ และบทจะมาเสนอหน้าก็ มาแบบไม่โฉ่งฉ่าง และไม่ล้น
ซึ่งนี่กลายเป็นจุดที่ทำให้เรา มีความรู้สึกอยากตามหนังไปได้เรื่อยๆ ..แม้โดยโครงสร้างมันจะไม่ใช่เรื่องราวที่แปลกใหม่อะไรมากมาย แต่การที่หนังขายความน่ากลัว ผ่านนักแสดงที่สวมบทเป็น คน ก็นับไปขัดกับความรู้สึกโดยปกติของหนังค่ายนี้ที่ว่า เราต้อง กลัวผี มากกว่าจะกลัวคน ด้วยกันเองซะแล้ว
แล้วที่ยิ่งสร้างความน่าสนใจเพิ่มขึ้นไปอีก ก็คือ การลำดับเรื่องในหนัง ที่ไม่เดินในทางตรง นับจาก 1 ถึง 10 ให้เข้าใจกันง่ายๆ แต่เลือกจะเล่าแบบสลับกันยุ่งเหยิง ไทม์ไลน์ในหนังมองดูสับสน แต่ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่เอาตัวรอดมาได้สำหรับ ฝากไว้ฯ เพราะการเชื่อมซีนที่โยกย้ายวันเวลาไปๆมาๆนี่แหละ มันสร้างเหตุ เล่าสถานการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง แทบไม่รู้สึกสะดุดกึก ในทุกครั้งที่หนังจะโยกไปหาอดีต หรือข้ามไปอนาคต
มันทำให้เราได้ดูหนังแบบได้เห็นอะไรบางอย่างก่อนเวลาอันควร แล้วค่อยย้อนมาดูอดีตของตัวละครที่นำมาสู่ปัจจุบัน และได้เห็นถึงผลพวงของการกระทำ ความรู้สึก หรือการตัดสินใจ ที่ช่วยให้เรามองเห็นทางออกของปัญหา ที่นำมาสู่ตอนจบของหนังที่โดยส่วนตัว ถือว่า ชอบที่เป็นแบบนั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อาจมีคนส่วนมากที่รู้สึกว่าตอนจบ มันง่ายไปมั้ย? ที่ตัวละครนั้น จะไม่ได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อแบบสาหัส เอาให้ถึงวายวอด.. แต่ผมกลับมองว่า นี่คือ การเลือกจบ ที่กล้าจะจบ แบบฉีกทาง ทั้งฉีกในขนบ GTH ที่ตัวละครควรจะหมดโอกาสไปต่อ และยังไปฉีกการจบในแบบฉบับของหนังละครในบ้านเรา ที่มักจะลงเอยว่า ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว เท่านั้น
เพราะถ้ามองโดยมุมมองของ มนุษย์ปุถุชน ทั่วไป.. ถามว่า จำเป็นมั้ย? ที่ทุกผลกรรม มันจะติดจรวด และทุกๆคนที่ประพฤติผิด ต้องได้รับการลงโทษที่สาสมที่สุด.. มันยังมีตั้งมากมายไป ที่คนเคยทำผิด ยังมีชีวิตอยู่รอด แต่ก็หารู้ไม่ว่า ความเคยผิดมาก่อนนี่แหละ ที่จะคอยตามหลอกหลอนความเป็นอยู่ของคนๆนั้น จนกว่าจะถึงวันหมดสิ้นลมหายใจ
ซึ่งนั่นแหละ คือ การรับกรรมอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มันออกจะทุกข์ทรมานกว่าด้วยซ้ำ เพราะมันคือการทำให้คนๆหนึ่ง ได้ตายไปช้าๆ ด้วยความรู้สึกผิดที่ยังคงคาใจอยู่ไปชั่วชีวิต.. แทนที่จะตายไวๆ เพื่อจะได้ไปรับใช้มัจจุราช ก็กลายเป็นว่า ชีวิตยังคงวนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร ต้องชดใช้ผลกรรมโดยค้นพบว่าตัวเองเสียสูญความเป็นคนไปตลอดกาล
จากที่เคยลั้ลล้ามีความสุข ชีวิตวัยรุ่นแสนจะเฟี้ยวเงาะ กลับกลายเป็นคนที่อมทุกข์ โตเป็นผู้ใหญ่ที่อยู่อย่างคลาดเคลา แล้วระแวงคนอื่นๆอยู่ตลอดเวลา (อันนี้ไม่ใช่เฉพาะวิญญาณที่จะตามหลอกหลอน.. แต่คนธรรมดาทั่วไปก็อยู่ในจุดที่ควรระแวงได้ด้วย)
ถ้ามองในมุมกลับ โดยไม่อ้างว่ารู้สึกว่ามันจบง่ายเกินไป!! (ซึ่งตอนแรกก็อึ้งๆนิดนึง แต่พอกลับมาลองตีความดีๆอีกที..) นี่อาจจะเป็นตอนจบที่แสนจะไม่สงบสุขที่สุด สำหรับหนังผี หรือหนังไทยอีกเรื่องหนึ่งก็เป็นได้
ก่อนหน้าจะถึงตอนจบ ก็มีส่วนที่ให้เราได้เห็นการคิดละเอียดของผู้กำกับ.. คือ ถามว่า ทำได้อย่างละเมียด หรือสมจริงทุกอย่างมั้ย? มันคงไม่ใช่แน่ๆ (ถ้าอยากรู้ว่า หมายถึงอะไร ก็ลองไปอ่าน กระทู้แนะนำ ที่พูดเรื่องความสมจริง ดูก็ได้ครับ) แต่มันส่งผลต่ออารมณ์หนังมั้ย? ผมว่าค่อนข้างจะแรงใช้ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตั้งแต่ การที่หนังให้เราได้เห็น การจากไปของ "ไอซ์" ซึ่งมีฉากที่ แม่ ขอให้ลูกตามกลับบ้าน.. มันคือ จุดที่ทำให้เราได้เห็น ความคิดของวัยรุ่น เพียงชั่ววูบ มันอาจเปลี่ยนชีวิตของคนเป็นพ่อแม่ ไปตลอดกาล.. การที่ แม่ พูดว่า "ไอซ์ ไม่รักแม่แล้วหรอ" ยิ่งไปขยี้กับการใช้ชีวิตในช่วงเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมาของเด็กคนหนึ่ง ที่แม่หวงและห่วงมากแค่ไหน แต่สุดท้าย ลูกกลับมองเห็นแค่ คนอื่นดีกว่าผู้ให้กำเนิด
ซึ่งมันเป็นจุดสะกิดใจที่ชวนให้วัยรุ่นกลับมาย้อนคิดถึงตัวเองว่า ที่แล้วมา.. เราลืมใครอีกคนไปหรือเปล่า คนอื่นอาจไม่รักเรา แต่เขาคนนั้นที่เป็นบุพการี ยังรักเราอยู่มั้ย? กลับไม่เคยคิดถาม.. อยากได้คนนั้นคนนี้ มาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต แต่เหมือนจะลืมไปแล้วว่า ก่อนหน้าจะเป็นโตมาเป็นเรา ก็เคยผูกพันเป็นหนึ่งชีวิต ของคนที่ดูแลเราดียิ่งกว่าชีวิตของเขาเอง
แล้วในส่วนที่เป็นเรื่องของ "เพิร์ธ" ก็กลับมาขยี้ เรื่องของแม่ อีกครั้ง โดยให้เห็นถึงความรักแบบแทบเป็นแทบตาย ที่เห็นลูกเหมือนจะเป็นจะตายกับสถานการณ์ที่ลูกกลายเป็นคนบ้าคนหนึ่ง.. ซึ่งมันอาจเป็นความตลกในสายตาคนอื่น แต่มันไม่ใช่เรื่องตลกสำหรับคนเป็นแม่แน่นอน
อาจเป็นได้ทั้งความบังเอิญ และความตั้งใจที่ ฝากไว้ฯ พูดถึงประเด็นพ่อแม่และวัยรุ่น และเข้าฉายในช่วงเวลาที่ลูกอาจจะอยากชวนแม่ไปดูหนัง หรือลูกที่ดูหนังเรื่องนี้ แล้วคิดได้ จะกลับมานึกถึงความรู้สึกของคนเป็น แม่ เพิ่มขึ้นอีกสักนิด
แต่จะยังไง ผมก็ว่า ความตั้งใจนี้ ถือว่าเป็นส่วนดีของหนังไปเลย
อีกจุดหนึ่ง คือ การที่หนังให้เราได้เห็นความอุบาทว์ของการไม่เจตนาจะให้ท้อง แล้วเลือกทางออกที่น่าอดสูอย่างการทำแท้ง.. ซึ่งถือเป็นขั้น Advance จากที่ ซีรี่ส์ ฮอร์โมน เคยเล่าเอาไว้ แต่ยังไม่ถึงเบอร์เต็มแบบในหนัง ฝากไว้ฯ
หนังเสนอท่าทีที่จริงจัง และให้เห็นถึงการตัดสินใจระหว่างสองตัวละคร ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะพอจะเป็นผู้ใหญ่อย่างใครเขา กลับคิดด้วยมุมของเด็กๆ แก้ไขในทางที่เคยได้รู้มา โดยก็ไม่มีความรู้หรอกว่า มันดีจริงมั้ย?.. แต่ที่แรงยิ่งกว่า คือ การกระทำของตัวละครที่มีสิทธิ์จะเป็น พ่อคน แต่กลับคิดว่า ลูกตน ไม่ควรเกิดมา จึงเลือกทางที่เป็นฆาตกรอำมหิต (และการเสนอภาพตอนนี้ ก็หลอกหลอนรุนแรงยิ่งกว่า การปรากฎตัวของ ผี ในหนังเรื่องนี้ แบบว่าเอาทุกซีนรวมกัน ก็ยังสยองไม่เท่าฉากนี้)
มันยิ่งทำให้เราได้เห็นแรงจูงใจของ เพิร์ธ ที่มีต่อชีวิตคน.. ว่า เขาคนนี้ สามารถจะทำทุกอย่างได้ โดยไม่สนว่าใครจะคิดอย่างไง คนใกล้ตัวจะเห็นด้วยมั้ย? แต่ถ้ามันทำให้เขาดูสูงขึ้น หรือบริสุทธิ์ขึ้น ก็ไม่ลังเลที่จะทำ มันจึงนำมาซึ่งฉากการฆ่าคน ที่ดูฉลาดมากพอ จะทำให้เขาหลุดพ้นคดีได้
แล้วก็โชคดีนัก ที่หนังฉลาดพอ จะนำเสนอเส้นทางการพ้นผิดของ เพิร์ธ โดยทำให้รู้สึกว่า ที่ทำไปนั้น คนมีชีวิตอยู่ยังคงเจ็บปวด และทรมานที่เลือกทำ หนำซ้ำยังพบว่าตัวเอง คือ จุดเริ่มต้นของความผิดพลาดล้วนๆ
แต่ถึงยังไง.. ถ้าวัยรุ่น ดูหนังเรื่องนี้ แล้วคิดเป็น ก็(หวังว่า)น่าจะทำให้มีสติมากขึ้น ก่อนที่จะมีอะไรกับคนรักของตัวเอง
v v v v v อ่านต่อใน คห.ถัดไปครับ v v v v v
{ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์} ฝากไว้..ในกายเธอ | ฝากเอาไว้..ให้เธอ(วัยHormonesพลุ่งพล่าน)ดู
ยี่ห้อ GTH ที่ถ้าจะไม่นึกถึง.. หนังรักตลกอารมณ์ดี.. หนังดีมีจบ(โลก)สวย.. ก็จะเป็น หนังผีที่ทำได้มีมาตรฐานดีกว่าหนังผีไทยโดยทั่วไป ซึ่งอย่างหลังก็เป็นจุดหลักที่ทำให้คนตัดสินใจไม่ยากจะดูหนังผีจาก GTH
ส่วนชื่อของ ฮอร์โมน ที่กำลังพลุ่งพล่าน มาแต่ซีซั่นแรกปีกลาย จนถึงตอนนี้ที่กำลังฉายซีซั่นสอง ก็ถือว่าเป็นการสร้าง Landmark ให้หนังได้ ซึ่งมันก็ดีตรงที่ยังช่วยโหนกระแสให้ ฮอร์โมน ได้ดีต่อไป และก็สร้างความแตกต่างอีกทางที่ได้เห็นกลุ่มนักแสดงในเรื่องนั้น มาเล่นกับบทบาทอื่นที่อาจท้าทายความสามารถมากกว่าเดิม ซึ่งเป็นการช่วยโหมกระแสความดังของดาราให้มากขึ้น เป็นผลดีต่อเนื่องเพื่อจะได้มีงานเข้ามาที่หลากหลายมากขึ้น
แต่กับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้มองว่า GTH คือ ค่ายที่สร้างหนังผีที่ดีมากๆให้ประเทศไทย มันก็ยังแค่มีงานที่โชว์ภาพรวมเป็นค่าเฉลี่ยได้ดูดี คือ ถ้าเต็มสิบ รวมทุกเรื่องกันมาก็อยู่ในระดับเฉลี่ยที่ 7 ..หากงานที่ดีอย่าง 4 แพร่ง,5 แพร่ง เด็กหอ ชัตเตอร์ หรือ บอดี้ ศพ#19 ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่เกิน 7 (ขอไม่รวม "พี่มาก" เพราะทางของหนังมันตั้งใจตลกมากกว่าจะขายเรื่องผีๆ) งานที่ผมนั้น มองว่าต่ำกว่า 7 เลย ก็จะมี แฝด,โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต และลัดดาแลนด์
ซึ่ง 2 ใน 3 เรื่องนั้น ก็เป็นหนังของผู้กำกับ "โสภณ ศักดาพิศิษฐ์" คนที่เป็นเจ้าของงานเดียวกับ ฝากไว้..ในกายเธอ นี่แหละ
ดังนั้น ความคาดหวังของผมในตอนแรกที่มีต่องานชิ้นล่าสุดนี้ ของผู้กำกับที่เคยทำให้ผม 'เกลียด' ลัดดาแลนด์ ได้ มันเลยแทบจะไม่มี.. กระทั่งมีสามนักแสดงจาก ฮอร์โมน ที่ผมก็ค่อนข้างชมชอบฝีมือ แต่ผมก็ยังไม่ได้เพิ่มความคาดหวังที่เขาบอกว่าจะมี สามคนนี้ อยู่ดี
โปรแกรมหน้าฯ คือ หนังที่อยู่ในกลุ่มอาจพอให้อภัยได้ในความมือใหม่หัดกำกับ แต่มองหาความสดใหม่ของหนังเอง ก็แทบจะไม่มี (จบอย่างไร ก็นึกไม่ออกแล้วด้วย ตอนนี้) แต่กับ ลัดดาแลนด์ ที่มาหลอกผีแบบเบอร์เต็ม ต้องการให้สะดุ้งทุก 2-3 นาทีอย่างนั้น นี่มันคือ หนังผีที่อยู่ในอุดมคติแห่งความน่าเบื่อเลย แถมตอนจบ ก็ถือว่า เป็นความบ้าบอเลอะเทอะ แบบที่อุตส่าห์ขอฉีกแนว แต่เป็นการฉีกหนังของตัวเองแบบยากจะประกบคืนซะมากกว่า
ฝากไว้..ในกายเธอ จึงอาจเป็นหนัง GTH ที่อยู่ในกระแส ให้ชวนต้องดู (ซึ่งถือว่าไหลไปตามกระแสการโปรโมตของค่ายนี้ที่ทำได้ดีเสมอ) แต่ก็จะดู แค่อยากรู้ว่า จะมีมุขหลอกผีใหม่ๆ มาขายได้บ้างมั้ย (และก็อยากรู้ว่า น้องเก้า จะเซ็กซี่ในชุดว่ายน้ำ ได้ถึงเบอร์ไหน.. ตามประสาผู้ชายอยากเห็นของสวยๆงามๆคนนึง )
พอไม่คาดหวังอะไรมาก เราก็กลับได้พบโปรเจกต์หนังผี GTH ที่น่าสนใจ เพราะแทนที่จะเล่าเรื่องโดยใช้ ผี นำ คน ตาม.. หนังกลับเลือก จะให้ คน นำ โดยมีผี ตามอยู่ห่างๆ และบทจะมาเสนอหน้าก็ มาแบบไม่โฉ่งฉ่าง และไม่ล้น
ซึ่งนี่กลายเป็นจุดที่ทำให้เรา มีความรู้สึกอยากตามหนังไปได้เรื่อยๆ ..แม้โดยโครงสร้างมันจะไม่ใช่เรื่องราวที่แปลกใหม่อะไรมากมาย แต่การที่หนังขายความน่ากลัว ผ่านนักแสดงที่สวมบทเป็น คน ก็นับไปขัดกับความรู้สึกโดยปกติของหนังค่ายนี้ที่ว่า เราต้อง กลัวผี มากกว่าจะกลัวคน ด้วยกันเองซะแล้ว
แล้วที่ยิ่งสร้างความน่าสนใจเพิ่มขึ้นไปอีก ก็คือ การลำดับเรื่องในหนัง ที่ไม่เดินในทางตรง นับจาก 1 ถึง 10 ให้เข้าใจกันง่ายๆ แต่เลือกจะเล่าแบบสลับกันยุ่งเหยิง ไทม์ไลน์ในหนังมองดูสับสน แต่ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่เอาตัวรอดมาได้สำหรับ ฝากไว้ฯ เพราะการเชื่อมซีนที่โยกย้ายวันเวลาไปๆมาๆนี่แหละ มันสร้างเหตุ เล่าสถานการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง แทบไม่รู้สึกสะดุดกึก ในทุกครั้งที่หนังจะโยกไปหาอดีต หรือข้ามไปอนาคต
มันทำให้เราได้ดูหนังแบบได้เห็นอะไรบางอย่างก่อนเวลาอันควร แล้วค่อยย้อนมาดูอดีตของตัวละครที่นำมาสู่ปัจจุบัน และได้เห็นถึงผลพวงของการกระทำ ความรู้สึก หรือการตัดสินใจ ที่ช่วยให้เรามองเห็นทางออกของปัญหา ที่นำมาสู่ตอนจบของหนังที่โดยส่วนตัว ถือว่า ชอบที่เป็นแบบนั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก่อนหน้าจะถึงตอนจบ ก็มีส่วนที่ให้เราได้เห็นการคิดละเอียดของผู้กำกับ.. คือ ถามว่า ทำได้อย่างละเมียด หรือสมจริงทุกอย่างมั้ย? มันคงไม่ใช่แน่ๆ (ถ้าอยากรู้ว่า หมายถึงอะไร ก็ลองไปอ่าน กระทู้แนะนำ ที่พูดเรื่องความสมจริง ดูก็ได้ครับ) แต่มันส่งผลต่ออารมณ์หนังมั้ย? ผมว่าค่อนข้างจะแรงใช้ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้