เรื่องของเรื่องคือเมื่อบ่ายนี้ผมขับรถกลับต่างจังหวัดพร้อมภรรยาเพื่อกลับไปหาลูกสาวช่วงหยุดยาวนี้ ระหว่างที่ขับรถมาด้วยความเร็วดั่งชูมัคเกอร์เข้าสิงบนเส้นสายเอเชียช่วงสิงห์บุรี-ชัยนาท ผมมองเห็นป้ายเตือนว่ามีสี่แยกข้างหน้าและมองเห็นไฟเขียวสี่แยกหนึ่งกำลังสาดแสงจ้า เหล่าเพื่อนร่วมทางข้างหน้าต่างตะบี้ตะบันห้อตะบึงให้ผ่านแยกอย่างเมามัน อ๊ะ!! แบบนี้ก็แหล่มเบย อ้าาา... ไฟเพิ่งเขียว เรามาเร็วแบบนี้รอดแน่ๆ... แต่แค่พริบตาเดียวอีกแค่ 200 เมตรจะถึงแยก ไอ้ไฟเขียวดวงนั้นมันเริ่มกระพริบ!!
"พ่ออองงงงงงง" ผมอุทานลั่น (คงไม่ใช่ผมคนเดียว) นึกในใจเอาไงดีฟระ.. ปลอดภัยดีกว่า ลูกรออยู่ ผมเลยถอนคันเร่งกดเบรค แต่ด้วยความเร็วระดับ f1 ที่กดมาทำให้เบรคแรงๆทีเดียวไม่ไหว เลยต้องเบรคแล้วปล่อยแล้วเบรคเพื่อเอากำลังเครื่องช่วย ขณะที่เบรคผมก็แหงะมองกระจกหลัง เท่านั้นแหละ! ไอ้คันหลังเจ้ากรรมแมร่ง.. สวมวิญญาณรอซซี่สี่ล้อหม้อ(พัก)เช็ดพื้นมาเลย ไอ้ชูฯ(เทียม)จะเบรคเลยต้องปล่อยไหล อ้าวๆๆๆ เหลืองแล้ว งี๊ต้องจัดหน่อยละ ผมจะกดแพดเดิลชิพเพื่อหนีก็หาไม่เจอ อ้อ.. รถตรูวีออสนี่หว่า เอาวะ!! ไหนๆก็ไม่มีธงตราหมากรุกโบกสะบัด เลยต้องตัดใจเบรค เพราะข้างหน้าแยกฝั่งซ้ายขวาพี่เล่นเบิ้ลจนพ่วงเขย่าเพลาขโยก ขืนเราฝ่าไปไม่ดีแน่ เอี๊ยยยยดดดดด!!! รถจอดสนิท
"เรารอดแล้วที่รัก" ผมหันไปบอกเมียจ๋าด้วยความภาคภูมิใจเหมือนสอบใบขับขี่ผ่านในท่าสแนช
เธอหันมายิ้มให้ด้วยสีหน้าตกใจในความเก่งของสามีพร้อมบอกว่า"ทำไมไม่เร่งข้ามไปเลยล่ะเธอ"
"เดี๋ยวไม่หนุกน่ะ ไม่อยากให้คัมรี่ข้างหลังตามเหนื่อย กว่าจะทันเราอีกทีคงสะพานเดชานู่นเลย" แน่ะ...กลัวตายยังไม่วายโม้
เธอหันมาตอบว่า "ที่ฉันสงสัยเพราะว่าเธอจอดเลยเส้นนะ"????!!!!
อ้าว!!! เฟร็ดเฟร่!!! นี่ตรูจอดเกือบกลางสี่แยกเลยเหรอเนี่ยะ ไม่ได้การละ ถอยๆๆๆๆ อ้าว!!?? ไอ้รอซซี่ม่างงงง จอดตรงเส้นหยุดพอดี แล้วจะถอยไงล่ะเนี่ย เอาวะ... เดี๋ยวก็คงเขียว ระหว่างนั้นเองผมสังเกตุด้วยหางตาพญาเหยี่ยวเห็นเงาไหวๆ ข้างรถ ไอ้เราก็โบกมือด้วยสัญชาตญาณปฏิเสธพวกมาลัยเสี่ยงรัก ข้าวเกรียบ หนังสือต่างๆ แต่เอ๊ะ! ไม่ไปสักทีวะ ชักมีโมโหเลยหันไปมอง เท่านั้นแหละ วูบไปทั้งร่าง น้ำตาผมเอ่อมาคลอเบ้าทั้งสองตา นี่มันสวรรค์กำหนดใช่ไหม ดวงดีสุดๆ เลยเรา ม่างงงงง.... ตำรวจ 4-5 นายกำลังติดป้ายรณรงค์ 5 จอมตรงเสาเกาะกลางแยกพอดี!!! โอยยยยย เมิงจะมาติดอะไรกันตอนนี้ ฝนกำลังจะตกฟ้ามืดๆเลย ลมก็แรง พวกพี่โทรปรึกษาหมอช้างรึยังเนี่ย ป้ายพวกนี้ติดสุ่มสี่สุ่มห้าลูกค้าไม่เห็นนะครับ ผิดลักขณาราศรี สิบล้อมีเสยนะ ระหว่างที่คิดอะไรไปเรื่อยนั่นเอง ผมเห็นตำรวจนายนึงชี้ให้ผู้หมู่หนุ่มๆ เดินมาหาผม
"สวัสดีครับ ขออนุญาตดูใบขับขี่ด้วยครับ" ผู้หมู่หนุ่มน้อยตะเบ๊ะพร้อมทักคำแรก
"เอ่อฺ... พี่มาเร็วน่ะครับ เบรคไม่ทัน แต่ไม่ฝ่าไฟแดงนะ" ตอบไม่ได้ตรงคำถามเล้ย
"นั่นแหละครับ ผมขอดูใบขับขี่พี่ด้วยนะครับ" นั่นไง เอาตูแน่ๆ ผมเลยหยิบให้ดูแต่ขอโทษนะ ใบขับขี่ผมใส่ไว้ในช่องใสของกระเป๋าสตางค์ 555 ยอมแพ้พี่เถอะน้อง
"พี่ครับ ผมต้องขอใบขับขี่พี่จริงๆนะครับ" !!!!??? เอาล่ะสิ งานนี้ขืนยึกยักเอาเราหนักแน่ ผมเลยต้องหยิบออกให้ผู้หมู่ไป เท่านั้นแหละครับ แกเรียกผมให้ไปที่ป้อมเลย เดินดุ่มๆๆๆๆ เอาแล้วสิ กวน ีน ไว้เยอะด้วย ผมเลยหันไปหาศรีภรรยาเพื่อจะบอกว่าเดี๋ยวจะไปเคลียร์กะตำรวจซะหน่อย พระเจ้าช่วย!!! เมียผมตกใจตำรวจจนสลบไปเสียแล้ว ผมร้องโหยหวนปานตีโง่พร้อมอมมืด ส่งเสียงเมียเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น นึกในใจ เอาไงดีวะ ถ้าไม่รีบเอาเมียไปส่งหมอเดี๋ยวเป็นไรไปต้องมาหักคอเราแน่ แต่ถ้าขับไปเลยรับรองมีขบวนตำรวจร่วมไปด้วยแน่ๆ ด้วยความกลัวว่าพี่ๆตำรวจจะลำบากเลยให้เมียลำบากคนเดียวดีกว่า เพราะมีแต่คนบอกว่ามนุษย์เมียแก่ง่ายตายช้า รอดแน่ๆ ผมเชื่อคนง่ายด้วยสิ ผมเลยวนไปจอดหน้าป้อมพร้อมฝากเมียไว้กับพี่ป๋อง กพล ที่มาด้วยกัน(เอ่อ.. เมียผมชอบฟัง The shock CD น่ะครับ)
เมื่อถึงป้อม ผู้หมู่หน้ามนคนหน้าเข้มนั่งในป้อมพร้อมเปิดกระจกรอให้เราเข้าไปสั่งเครื่องดื่ม. ถุ้ยยยยส์ ..... รอเชือดเราเต็มที่ ไอ้ผมก็ด้วยความเจอศึกหงสาแถวบางกอกมาหลายสมรภูมิ เตรียมควักดาบเหล็กไหลใบแดงๆเพื่อไล่หมู่ออกจากป้อม(สันดานไม่ดี อย่าเอาเยี่ยงอย่าง) ฉับพลันนั้นเองเสียงที่ผมได้ยินเมื่อถึงหน้ากระจกที่เปิดไว้คือ
"หน้าพี่นี่เหมือนทาเคชิช่องสามเลยครับ ขอลายเซ็นต์ด้วยครับ" เฮ้ย!!!! ไม่ใช่ละเมิง
"พี่ครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ ปกติเคสแบบนี้พวกเราจะอะลุ่มอะหล่วย เพราะแยกนี้เป็นทางหลวงใหญ่ เข้าใจว่ามากันเร็ว และพี่พยายามเบรคแล้ว ไม่ฝืนจะฝ่าไป แต่อีตอนที่พี่เบรค ที่ยืนข้างๆ เป็นผู้กำกับพอดี กะลังดูลูกน้องติดป้าย ผมเลยต้องดำเนินการตามนายสั่ง หวังว่าพี่คงเข้าใจ"
"ช่วงนี้หางานให้ตำรวจทำกันจัง ต้องขอโทษด้วยนะครับ รณรงค์อย่างแรงเลยช่วงนี้น่ะครับ" เสียงผู้หมวดอาวุโสที่นั่งด้านในบอกออกมา
เชื่อไหมครับ ...แค่ 2 ประโยคจากตำรวจ 2 นายพร้อมกิริยาที่เค้าแสดงออกมา ไอ้กำแพงที่ผมตั้งมาตั้งแต่ในรถ พังครืน ณ บัดนาวเลย กลับมีความรู้สึกอับอายพุ่งเข้ามาปะทะใบหน้าและหูสองข้าง นี่เรากำลังจะทำอะไรนี่... ยัดเงิน สินบน กลบเกลื่อนความผิดมันใช่เหรอวะ สติผมกลับมาทันที
"เราจอดเลยเส้นหยุดเพราะไอ้รอซซี่มันขับจี้ มันขับจี้ทำให้เราเบรคไม่ทัน เราเบรคไม่ทันเพราะเราขับเร็วเกินไป แล้วถ้าเราฝ่าไปอาจกลายเป็นซุปตาร์ของกู้ภัยก็ได้ โอยยยยๆๆๆๆ แล้วคนที่เรารักเค้าจะเป็นอย่างไร สาวน้อยของพ่อ(ลูกสาวผมกำลังจะสองขวบ)จะอยู่ยังไง บลาๆๆๆๆๆๆ"
"น้องจะเอาเท่าไหร่" แน่ะ.. ยัง ยังจะนิสัยนะ
"ผมออกใบเสร็จนะครับพี่ ค่าปรับสองร้อยครับ" หาาา!!! นี่น้องปรับตามราคารถป่าวเนี่ย พี่อุตส่าเตรียมมาเป็นฟ่อน(ฟางในปากตัวเอง)
"จัดไปครับ ผิดก็ว่าตามผิด พี่มาเร็วเอง" คนดีขึ้นมาเชียวเรา จริงๆ ความละอายเต็มอกละครับ
ระหว่างที่ผู้หมู่หนุ่มน้อยกำลังเขียนใบสั่งก็คุยกันเรื่อยเปื่อย ผู้หมวดอาวุโสก็แจมเป็นระยะ สิ่งนึงที่น่าสนใจมากคือไฟแดงตามทางสายหลัก แกบอกว่าเมื่อก่อนแยกนี้ชนกันบ่อยมากเนื่องจากสัญญาณไฟเขียวเป็นแบบเขียวแล้วเหลืองเลย ทำให้รถที่มาด้วยความเร็วปานขี่เมฆสีทองของซึงหงอคง ทำการซั่มกะคันอื่นๆประจำ แกเลยทำเรื่องขอเปลี่ยนเป็นแบบเขียวกระพริบก่อนจะเหลือง ซึ่งผมก็เห็นด้วยกะแกนะ เพราะส่วนตัวแล้วเอาไม่เคยอยู่กะไฟเขียวแล้วเหลืองทันทีมาหลายครั้งแล้ว ไอ้แบบกระพริบก่อนยังมีเวลาให้ตัดสินใจ(เบรค)
สุดท้ายมีนายดาบอีกท่านนึงเดินถือเอากาแฟกระป๋องมาให้
"เอานี่ครับ แก้ง่วงครับ ขอโทษด้วยนะครับนายอยู่พอดี น้องก็นะ ตำรวจยืนเต็มแยกยังเอาจนได้นะ" นี่จะขอโทษกันกี่คนครับเพ่!!!
เท่านั้นแหละครับ ฮากันทั้งป้อม หัวเราะกันทั้งตำรวจทั้งคนขับ ปรับ 200 แถมก่อนกลับยังยกมือสวัสดีด้วย
"สวัสดีครับพี่ ไปข้างหน้าอย่าขับเร็วเกินนะครับมันอันตราย" เล่นเอาอึ้งเลย นี่จะประกวด สภ มารยาทงามกันหรือไร
ที่เล่ามาทั้งหมดอยากบอกแค่ว่า ถ้าตำรวจปฏิบัติโดยสุภาพพร้อมชี้แจงกับประชาชนด้วยเหตุผลแบบสุภาพชนกันแล้ว ผมเชื่อว่าหลายท่านยินดีจ่ายค่าปรับแบบไม่ตะขิดตะขวงใจ
ส่วนท่านใดติดนิสัย จ่ายนอกระบบ ก็เพลาๆบ้างนะครับ บางข้อหาคุยดีๆก็มีแต่รอยยิ้มครับ เป็นการช่วยลดสันดานคอรัปชั่นไปอีกทาง และเป็นการเคารพตัวเองด้วยครับ
ส่วนเคสผม ผมเคืองผู้กำกับคนเดียว ไม่งั้นนะกรูรอดแล้ว 555
อ้อ ลืมบอกไปว่า สุดท้าย เมียผมแกล้งหลับครับ รักสามีมากไหมล่ะที่ร้ากกกก
สุขสันต์วันหยุดยาวครับ
เป็นจอมล้ำ! โดนจนได้ แต่ทำไมในใจมันแปลกๆ
"พ่ออองงงงงงง" ผมอุทานลั่น (คงไม่ใช่ผมคนเดียว) นึกในใจเอาไงดีฟระ.. ปลอดภัยดีกว่า ลูกรออยู่ ผมเลยถอนคันเร่งกดเบรค แต่ด้วยความเร็วระดับ f1 ที่กดมาทำให้เบรคแรงๆทีเดียวไม่ไหว เลยต้องเบรคแล้วปล่อยแล้วเบรคเพื่อเอากำลังเครื่องช่วย ขณะที่เบรคผมก็แหงะมองกระจกหลัง เท่านั้นแหละ! ไอ้คันหลังเจ้ากรรมแมร่ง.. สวมวิญญาณรอซซี่สี่ล้อหม้อ(พัก)เช็ดพื้นมาเลย ไอ้ชูฯ(เทียม)จะเบรคเลยต้องปล่อยไหล อ้าวๆๆๆ เหลืองแล้ว งี๊ต้องจัดหน่อยละ ผมจะกดแพดเดิลชิพเพื่อหนีก็หาไม่เจอ อ้อ.. รถตรูวีออสนี่หว่า เอาวะ!! ไหนๆก็ไม่มีธงตราหมากรุกโบกสะบัด เลยต้องตัดใจเบรค เพราะข้างหน้าแยกฝั่งซ้ายขวาพี่เล่นเบิ้ลจนพ่วงเขย่าเพลาขโยก ขืนเราฝ่าไปไม่ดีแน่ เอี๊ยยยยดดดดด!!! รถจอดสนิท
"เรารอดแล้วที่รัก" ผมหันไปบอกเมียจ๋าด้วยความภาคภูมิใจเหมือนสอบใบขับขี่ผ่านในท่าสแนช
เธอหันมายิ้มให้ด้วยสีหน้าตกใจในความเก่งของสามีพร้อมบอกว่า"ทำไมไม่เร่งข้ามไปเลยล่ะเธอ"
"เดี๋ยวไม่หนุกน่ะ ไม่อยากให้คัมรี่ข้างหลังตามเหนื่อย กว่าจะทันเราอีกทีคงสะพานเดชานู่นเลย" แน่ะ...กลัวตายยังไม่วายโม้
เธอหันมาตอบว่า "ที่ฉันสงสัยเพราะว่าเธอจอดเลยเส้นนะ"????!!!!
อ้าว!!! เฟร็ดเฟร่!!! นี่ตรูจอดเกือบกลางสี่แยกเลยเหรอเนี่ยะ ไม่ได้การละ ถอยๆๆๆๆ อ้าว!!?? ไอ้รอซซี่ม่างงงง จอดตรงเส้นหยุดพอดี แล้วจะถอยไงล่ะเนี่ย เอาวะ... เดี๋ยวก็คงเขียว ระหว่างนั้นเองผมสังเกตุด้วยหางตาพญาเหยี่ยวเห็นเงาไหวๆ ข้างรถ ไอ้เราก็โบกมือด้วยสัญชาตญาณปฏิเสธพวกมาลัยเสี่ยงรัก ข้าวเกรียบ หนังสือต่างๆ แต่เอ๊ะ! ไม่ไปสักทีวะ ชักมีโมโหเลยหันไปมอง เท่านั้นแหละ วูบไปทั้งร่าง น้ำตาผมเอ่อมาคลอเบ้าทั้งสองตา นี่มันสวรรค์กำหนดใช่ไหม ดวงดีสุดๆ เลยเรา ม่างงงงง.... ตำรวจ 4-5 นายกำลังติดป้ายรณรงค์ 5 จอมตรงเสาเกาะกลางแยกพอดี!!! โอยยยยย เมิงจะมาติดอะไรกันตอนนี้ ฝนกำลังจะตกฟ้ามืดๆเลย ลมก็แรง พวกพี่โทรปรึกษาหมอช้างรึยังเนี่ย ป้ายพวกนี้ติดสุ่มสี่สุ่มห้าลูกค้าไม่เห็นนะครับ ผิดลักขณาราศรี สิบล้อมีเสยนะ ระหว่างที่คิดอะไรไปเรื่อยนั่นเอง ผมเห็นตำรวจนายนึงชี้ให้ผู้หมู่หนุ่มๆ เดินมาหาผม
"สวัสดีครับ ขออนุญาตดูใบขับขี่ด้วยครับ" ผู้หมู่หนุ่มน้อยตะเบ๊ะพร้อมทักคำแรก
"เอ่อฺ... พี่มาเร็วน่ะครับ เบรคไม่ทัน แต่ไม่ฝ่าไฟแดงนะ" ตอบไม่ได้ตรงคำถามเล้ย
"นั่นแหละครับ ผมขอดูใบขับขี่พี่ด้วยนะครับ" นั่นไง เอาตูแน่ๆ ผมเลยหยิบให้ดูแต่ขอโทษนะ ใบขับขี่ผมใส่ไว้ในช่องใสของกระเป๋าสตางค์ 555 ยอมแพ้พี่เถอะน้อง
"พี่ครับ ผมต้องขอใบขับขี่พี่จริงๆนะครับ" !!!!??? เอาล่ะสิ งานนี้ขืนยึกยักเอาเราหนักแน่ ผมเลยต้องหยิบออกให้ผู้หมู่ไป เท่านั้นแหละครับ แกเรียกผมให้ไปที่ป้อมเลย เดินดุ่มๆๆๆๆ เอาแล้วสิ กวน ีน ไว้เยอะด้วย ผมเลยหันไปหาศรีภรรยาเพื่อจะบอกว่าเดี๋ยวจะไปเคลียร์กะตำรวจซะหน่อย พระเจ้าช่วย!!! เมียผมตกใจตำรวจจนสลบไปเสียแล้ว ผมร้องโหยหวนปานตีโง่พร้อมอมมืด ส่งเสียงเมียเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น นึกในใจ เอาไงดีวะ ถ้าไม่รีบเอาเมียไปส่งหมอเดี๋ยวเป็นไรไปต้องมาหักคอเราแน่ แต่ถ้าขับไปเลยรับรองมีขบวนตำรวจร่วมไปด้วยแน่ๆ ด้วยความกลัวว่าพี่ๆตำรวจจะลำบากเลยให้เมียลำบากคนเดียวดีกว่า เพราะมีแต่คนบอกว่ามนุษย์เมียแก่ง่ายตายช้า รอดแน่ๆ ผมเชื่อคนง่ายด้วยสิ ผมเลยวนไปจอดหน้าป้อมพร้อมฝากเมียไว้กับพี่ป๋อง กพล ที่มาด้วยกัน(เอ่อ.. เมียผมชอบฟัง The shock CD น่ะครับ)
เมื่อถึงป้อม ผู้หมู่หน้ามนคนหน้าเข้มนั่งในป้อมพร้อมเปิดกระจกรอให้เราเข้าไปสั่งเครื่องดื่ม. ถุ้ยยยยส์ ..... รอเชือดเราเต็มที่ ไอ้ผมก็ด้วยความเจอศึกหงสาแถวบางกอกมาหลายสมรภูมิ เตรียมควักดาบเหล็กไหลใบแดงๆเพื่อไล่หมู่ออกจากป้อม(สันดานไม่ดี อย่าเอาเยี่ยงอย่าง) ฉับพลันนั้นเองเสียงที่ผมได้ยินเมื่อถึงหน้ากระจกที่เปิดไว้คือ
"หน้าพี่นี่เหมือนทาเคชิช่องสามเลยครับ ขอลายเซ็นต์ด้วยครับ" เฮ้ย!!!! ไม่ใช่ละเมิง
"พี่ครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ ปกติเคสแบบนี้พวกเราจะอะลุ่มอะหล่วย เพราะแยกนี้เป็นทางหลวงใหญ่ เข้าใจว่ามากันเร็ว และพี่พยายามเบรคแล้ว ไม่ฝืนจะฝ่าไป แต่อีตอนที่พี่เบรค ที่ยืนข้างๆ เป็นผู้กำกับพอดี กะลังดูลูกน้องติดป้าย ผมเลยต้องดำเนินการตามนายสั่ง หวังว่าพี่คงเข้าใจ"
"ช่วงนี้หางานให้ตำรวจทำกันจัง ต้องขอโทษด้วยนะครับ รณรงค์อย่างแรงเลยช่วงนี้น่ะครับ" เสียงผู้หมวดอาวุโสที่นั่งด้านในบอกออกมา
เชื่อไหมครับ ...แค่ 2 ประโยคจากตำรวจ 2 นายพร้อมกิริยาที่เค้าแสดงออกมา ไอ้กำแพงที่ผมตั้งมาตั้งแต่ในรถ พังครืน ณ บัดนาวเลย กลับมีความรู้สึกอับอายพุ่งเข้ามาปะทะใบหน้าและหูสองข้าง นี่เรากำลังจะทำอะไรนี่... ยัดเงิน สินบน กลบเกลื่อนความผิดมันใช่เหรอวะ สติผมกลับมาทันที
"เราจอดเลยเส้นหยุดเพราะไอ้รอซซี่มันขับจี้ มันขับจี้ทำให้เราเบรคไม่ทัน เราเบรคไม่ทันเพราะเราขับเร็วเกินไป แล้วถ้าเราฝ่าไปอาจกลายเป็นซุปตาร์ของกู้ภัยก็ได้ โอยยยยๆๆๆๆ แล้วคนที่เรารักเค้าจะเป็นอย่างไร สาวน้อยของพ่อ(ลูกสาวผมกำลังจะสองขวบ)จะอยู่ยังไง บลาๆๆๆๆๆๆ"
"น้องจะเอาเท่าไหร่" แน่ะ.. ยัง ยังจะนิสัยนะ
"ผมออกใบเสร็จนะครับพี่ ค่าปรับสองร้อยครับ" หาาา!!! นี่น้องปรับตามราคารถป่าวเนี่ย พี่อุตส่าเตรียมมาเป็นฟ่อน(ฟางในปากตัวเอง)
"จัดไปครับ ผิดก็ว่าตามผิด พี่มาเร็วเอง" คนดีขึ้นมาเชียวเรา จริงๆ ความละอายเต็มอกละครับ
ระหว่างที่ผู้หมู่หนุ่มน้อยกำลังเขียนใบสั่งก็คุยกันเรื่อยเปื่อย ผู้หมวดอาวุโสก็แจมเป็นระยะ สิ่งนึงที่น่าสนใจมากคือไฟแดงตามทางสายหลัก แกบอกว่าเมื่อก่อนแยกนี้ชนกันบ่อยมากเนื่องจากสัญญาณไฟเขียวเป็นแบบเขียวแล้วเหลืองเลย ทำให้รถที่มาด้วยความเร็วปานขี่เมฆสีทองของซึงหงอคง ทำการซั่มกะคันอื่นๆประจำ แกเลยทำเรื่องขอเปลี่ยนเป็นแบบเขียวกระพริบก่อนจะเหลือง ซึ่งผมก็เห็นด้วยกะแกนะ เพราะส่วนตัวแล้วเอาไม่เคยอยู่กะไฟเขียวแล้วเหลืองทันทีมาหลายครั้งแล้ว ไอ้แบบกระพริบก่อนยังมีเวลาให้ตัดสินใจ(เบรค)
สุดท้ายมีนายดาบอีกท่านนึงเดินถือเอากาแฟกระป๋องมาให้
"เอานี่ครับ แก้ง่วงครับ ขอโทษด้วยนะครับนายอยู่พอดี น้องก็นะ ตำรวจยืนเต็มแยกยังเอาจนได้นะ" นี่จะขอโทษกันกี่คนครับเพ่!!!
เท่านั้นแหละครับ ฮากันทั้งป้อม หัวเราะกันทั้งตำรวจทั้งคนขับ ปรับ 200 แถมก่อนกลับยังยกมือสวัสดีด้วย
"สวัสดีครับพี่ ไปข้างหน้าอย่าขับเร็วเกินนะครับมันอันตราย" เล่นเอาอึ้งเลย นี่จะประกวด สภ มารยาทงามกันหรือไร
ที่เล่ามาทั้งหมดอยากบอกแค่ว่า ถ้าตำรวจปฏิบัติโดยสุภาพพร้อมชี้แจงกับประชาชนด้วยเหตุผลแบบสุภาพชนกันแล้ว ผมเชื่อว่าหลายท่านยินดีจ่ายค่าปรับแบบไม่ตะขิดตะขวงใจ
ส่วนท่านใดติดนิสัย จ่ายนอกระบบ ก็เพลาๆบ้างนะครับ บางข้อหาคุยดีๆก็มีแต่รอยยิ้มครับ เป็นการช่วยลดสันดานคอรัปชั่นไปอีกทาง และเป็นการเคารพตัวเองด้วยครับ
ส่วนเคสผม ผมเคืองผู้กำกับคนเดียว ไม่งั้นนะกรูรอดแล้ว 555
อ้อ ลืมบอกไปว่า สุดท้าย เมียผมแกล้งหลับครับ รักสามีมากไหมล่ะที่ร้ากกกก
สุขสันต์วันหยุดยาวครับ