สวัสดีครับ
ขออนุญาต นำคอลัมน์ "ม็อกค่าปาท่องโก๋" ที่ผมเขียนประจำในเนชั่นสุดสัปดาห์นั้น มาเผยแพร่ให้ได้อ่านกัน เพื่อขอคำแนะนำ คำติชม เพื่อปรับปรุงงานเขียนต่อไปในอนาคตเรื่อยๆครับ ขอบคุณครับ
เนชั่นสุดสัปดาห์ เล่มที่ 1156 - 1157
Mr. Coffee : การได้มากลับมาเล่นหนังอีกครั้ง รู้สึกอย่างไร และครั้งนี้ กลับมาเล่นหนังได้อย่างไร
มิน : จากที่หนังเรื่องก่อน (With love ด้วยรัก) เป็นหนังเรื่องแรก มินไม่ได้เล่นในบทบาทที่เยอะเท่าไหร่ และตอนนั้นยังเด็กอยู่ด้วย ส่วนครั้งนี้เริ่มจากที่ตอนแรกทาง m๓๙ ส่งบทมาให้มินก่อน และบอกว่าอยากร่วมงานกับมินมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสสักที บทที่ส่งมาให้เป็นร่างแรก ถ้ามินรู้สึกไม่สบายใจตรงไหน คุยกันได้ อ่านครั้งแรก บทแรงมาก! ชื่อเรื่องก็น่ากลัว นางเอกเป็นคนยังไงเนี่ย คือเราเคยเห็นหนังไทยที่มีผู้หญิงที่เล่นแล้วภาพลักษณ์ดูแรง แล้วมินไม่สบายใจ ตอนแรกเก็บบทไว้สองอาทิตย์ ไม่ได้ตอบอะไรไป ตอนนั้นยังรู้สึกว่าร้ายเหมือนกันนะ สำหรับบทในร่างแรก มีการใช้ภาษาและกริยาที่รุนแรง เพื่อจะสร้าง character ให้ตัวนางเอก ดูเป็นนางมารร้าย แต่พอมินได้มีโอกาสเข้าไปคุยกับพี่แฉะ (องอาจ เจียมเจริญพรกุล) ผู้กำกับ พี่แฉะบอกว่า นางมารร้าย คือ ยายตัวร้าย ที่แสบจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน เหมือนกิ้งก่า ในตัวมีอะไรหลายด้านมาก มีหลายมุม อยู่ที่ว่าเค้าจะเลือกใช้มุมไหนกับใคร คือเรื่องนี้เป็นเรื่องราวความรักของผู้หญิงผู้ชายคู่หนึ่งที่ โรแมนติก แต่มีผู้หญิงมีความรุนแรง เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นคนนิสัยไม่ดีคนหนึ่ง และวันหนึ่งเขาได้รับบทเรียนในชีวิต ต้องติดตามชีวิตรักของสองคนนี้ คือความรักมันไม่สูตรตายตัว อยู่ที่ว่าเราทำให้ดีที่สุดหรือทำเพื่อมันแค่ไหน มันอาจมีจุดผิดพลาด แต่มินว่ามันก็เป็นเรื่องโรแมนติกสำหรับมินเหมือนกัน เรื่องมันน่ารัก ไม่มีเหตุผล ตกหลุมรักกันได้ นางเอกก็เลวแหล่ะ แต่พระเอกก็ให้อภัยได้ และนางเอกก็จะได้เรียนรู้
Mr. Coffee : การที่มินได้กลับมารับบทบาทในหนังอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้ มินรู้สึกอย่างไรกับวงการหนัง
มิน : มินชอบมากเลยค่ะ ติดใจสุดๆ หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ทำให้มินหลงใน charater บุษบา ที่สุด มินไม่เคยหลงรัก character ตัวไหนมากเท่าตัวนี้มาก่อน เวลาพูดถึง character นี้ มินจะรู้สึกสนุกและสุดในทุกๆ ด้าน บุษบาเป็นคนที่อยากทำอะไรแล้วทำ เป็นตัวของตัวเอง แต่มีกรอบในการป้องกันตัวเอง ไม่อยากจะรักใครเพื่อป้องกันการเสียใจ และเป็นที่มาที่ไปของในเรื่องว่า ทำไมจะต้องมีวิก มีกรอบเพื่อปกป้องความอ่อนแอของตัวเอง ที่ไม่อยากให้ใครเห็น
Mr. Coffee : บุษบา ในหนังเรื่องนี้ มีลักษณะแตกต่างหรือคล้ายกับตัวจริงของมินอย่างไรบ้าง คิดว่าตัวเองมีความเป็นนางมารร้ายหรือไม่
มิน : ตอนที่มินรับเล่น มินรู้สึก Wow! มินบอกพี่แฉะว่า บุษบานี้อยู่ตัวมินอยู่แล้ว ในที่นี้หมายถึงความร่าเริง และความเป็นยัยตัวแสบ แต่การกระทำของบุษบานี่ มินไม่ได้ทำ ความบ้าพลัง ความร่าเริง พอพี่แฉะอธิบายให้มินฟังเป็นซีนๆ มินตกลงเล่นเลยค่ะ มินมองว่าความเป็นนางมารร้าย มีในตัวผู้หญิงทุกคน มินอยากแสดงบทนี้เพราะมินอยากเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่สื่อออกมาให้ได้เข้าใจว่า ผู้หญิงคิดอะไร อาเล็ก เป็นตัวแทนของผู้ชายที่ออกมาสื่อว่า ผู้ชายก็มีหัวใจนะ ถึงแม้ในการโปรโมตจะเน้นผู้หญิง ในเรื่องมีผู้หญิงเยอะ แต่หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังของผู้หญิงเพียงอย่างเดียว หนังดูได้ทุกเพศทุกวัย ในหนังจะได้เห็นทั้งมุมของ อาเล็ก และมุมของมินในหนัง
Mr. Coffee : อยากให้พูดถึงบท เหนือสมุทร
มิน : ตัวละครเหนือสมุทร เป็นผู้ชายที่น่ารัก และมีอยู่จริงนะ ในโลกเรา น่ารัก อารมณ์ดี เป็นสุภาพบุรุษ เป็นลูกที่รักแม่ เป็นผู้ชายที่ Perfect เค้าไม่เคยเจออะไรที่เลวร้ายในชีวิต จนกระทั่งวันหนึ่ง กราฟชีวิตก็ตกลงมาสุด เสียใจที่สุดในชีวิต แต่ก็จะมีความสุขอีกครั้งหนึ่ง บุษบาใช้ชีวิตสุดขั้วสุดๆ เหนือสมุทรใช้ชีวิตธรรมดามากๆ แล้ว สองคนนี้มาเจอกันได้ยังไง ทำไมเหนือสมุทรถึงเอาบุษบาอยู่ และทำไมบุษบาถึงเอาเหนือสมุทรอยู่ ทั้งคู่เป็นความรักที่ลงตัว เหนือสมุทรเป็นผู้ชายที่ดีมาก ใครได้เป็นแฟนก็ โอ้ว เป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิง หล่อ รวย รักครอบครัว เล่นกีฬา รักแฟนมาก
Mr. Coffee : แล้วการทำงานร่วมกับ อาเล็ก (ธีรเดช เมธาวราวุธ) เป็นอย่างไร และเมื่อเอาอาเล็กไปเทียบกับเหนือสมุทร เป็นอย่างไร
มิน : โอ๊ย อาเล็กกับเหนือสมุทรหรือคะ คนละขั้วเลย อาเล็กนี่คือ นายตัวร้าย ตอนที่เจออาเล็กครั้งแรก มินบอกเลยว่าอาเล็กนี่นิสัยเหมือนกับมินเด๊ะเลย ต่างกันแค่เพศชายกับเพศหญิง คือไม่มีใครยอมใครเลย มินเป็นพวกชอบเอาชนะเวลาเจอเพื่อนรุ่นเดียวกัน พอเจอกันนะ เหมือนกับเราเจอเงาตัวเองที่เราทำอะไรมันไม่ได้ ประมาณว่า “แกหยุดเดี๋ยวนี้นะ” แล้วมีเสียง Echo “แกหยุดเดี๋ยวนี้นะ” คือไม่ว่ามินจะทำอะไร อาเล็กจะกวนประสาทมินได้ตลอด เหมือนเป็นเพื่อนกัน อายุเท่ากัน เล่นกันได้แบบสบายใจ เวลาร่วมงานแล้วสบายใจ ถ่ายหนังดึกแค่ก็ลุยด้วยกัน แต่อย่าให้ว่างนะ ว่างเมื่อไหร่ตีกันทันที ไม่มีอะไรเหมือนเหนือสมุทรเลยค่ะ ร้าย!
Mr. Coffee : ทำไมผู้ชาย ถึงควรจะดูหนังเรื่องนี้ หนังให้แง่คิดอะไรบ้าง
มิน : เพราะไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่มีความรัก อาเล็ก ก็เป็นตัวแทนของผู้ชายที่จะมาบอกเล่าว่า ผู้ชายเองก็มีความรู้สึก คือส่วนใหญ่ผู้ชายในโลกจะต้องยอมผู้หญิง ผู้หญิงก็นะ สุดๆ ผู้ชายที่รักแฟนก็จะยอมผู้หญิง แต่อาเล็กก็จะมาสื่อว่า ผู้ชายก็เสียใจเป็น คือมันเป็นเรื่องใกล้ตัว เรื่องนี้เป็นความน่ารักระหว่างคู่รัก แต่ที่ต้องเน้นผู้หญิงก็เพราะว่า เรื่องราวความรักจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไร้ความแสบของผู้หญิง คือผู้หญิงเป็นตัวดำเนินความรัก เป็นสีสันของความรัก ผู้ชายเป็นตัวควบคุมตัวแปร สุดท้าย ความรักก็คือความเข้าใจ ทำผิดแล้วให้อภัยได้
Mr. Coffee : แสดงว่าผู้หญิงก็จะได้แง่คิดอะไรดีๆ จากเรื่องนี้เหมือนกัน
มิน : ผู้หญิงก็จะได้แง่คิดว่า เฮ้ย มันใช่ แฟนเป็นอย่างนี้จริงๆ ด้วย มันคือสิ่งที่คุณจะต้องเคยเห็นเรื่องแบบนี้ในเรื่องราวของความรัก ไม่ว่าจะเป็นความรักของเพื่อน ของพี่น้องพ่อแม่ คนใกล้ตัว หนังจึงดูได้ทุกเพศทุกวัย หนังเรื่องนี้ ผู้หญิงจะเป็นสีสันของความรัก บางครั้งก็โกรธก็เหวี่ยงเป็นสีแดง ผู้ชายก็รู้แต่แกล้งยอม หนังเรื่องนี้ให้ความบันเทิงและข้อคิดของความรักที่ดี อยากให้มาดูและได้เข้าใจความรักมากขึ้น ในเรื่องบุษบาจะเป็นตัวสร้างเรื่องตลอด เป็นการรวมความร้ายของผู้หญิงมาดู และความน่ารักของผู้ชายที่ถึงร้ายก็รัก
Mr. Coffee : หนังแนวตลกนี้ถือว่ามินถนัดหรือไม่
มิน : ถนัดมากค่ะ ผู้กำกับบอกว่าเลือกมินกับอาเล็กเพราะสองคนนี้ ตลก หนังเรื่องนี้ ถ้าคนเครียดมาเล่นก็ยากเหมือนกัน แต่มินกับอาเล็กมีมุกอีกเยอะมากในหัว จนอาเล็กบ่นว่าอยากเล่นบทมินบ้าง หลังๆ เริ่มอยากเล่นเป็นตุ๊ด (หัวเราะ)
Mr. Coffee : แล้วถ้าในอนาคตถ้ามีหนังแนวอื่นมา จะเล่นหรือไม่
มิน : มินเล่นได้หมดค่ะ จริงๆ แล้วตัวตนของมินเป็นคนตลก เป็นคนร่าเริง แต่มินได้รับบทยากตั้งแต่เข้าวงการ มินเป็นคนที่แบกเรื่องแย่ๆ ไม่ได้นาน แต่บทที่มินได้มีตั้งแต่เข้าวงการมา มีแต่ร้องไห้ๆๆ ดราม่าตลอด คนติดภาพว่ามินเศร้า น่าสงสาร ทั้งที่ชีวิตจริงมินร่าเริงมาก หนังเรื่องนี้จะเป็นอีกด้านของมินที่คนไม่ได้เห็น จะได้เปลี่ยนจากบทดราม่า ชีวิตตกต่ำ เป็นคนรวย ไฮโซ แต่ที่จริงไม่ว่าจะบทไหนก็เป็นเรื่องราวชีวิตจริงๆ ของเรา คนที่อยู่รอบๆ ตัวเรา และสังคมของเรา
Mr. Coffee : อยากให้เล่าถึงความแตกต่างระหว่างหนังกับละคร
มิน : สำหรับมิน หนังจะไม่ค่อยมีจังหวะแบบที่เป็นมุมเท่าไหร่ คือละครกล้องจะต้องตัดจังหวะ กล้องจะมีหลายตัว ต้องคอยตามมุมกล้อง มุมนี้มุมนั้น ละครเราจะสังเกตได้ว่าทำไมชอบพูดคนเดียวหน้ากล้อง พูดหน้ากระจก เพราะ Basic จริงๆแล้วละครเกิดมาจากสมัยก่อนที่ไม่มีทีวีแล้วมีละครวิทยุ จนถูกพัฒนามาอยู่ในจอแก้ว เอาบทมาใช้ คือถ้าเราพากย์ มันก็จะเป็นแบบ “ชั้นจะไม่ยอมให้แกหลุดออกไปเป็นอันขาด” ด้วยน้ำเสียง เรียกว่าเราขย้อนอารมณ์ต่างๆ ออกมาในการแสดง แต่หนัง เราเก็บอารมณ์ไว้ข้างใน แล้วให้เขามาดูเรา ให้เขามาทายเรา แต่ละครจะบอกออกมาเลย ร้ายก็คือร้าย ตานี่ร้ายไปถึงไหนถึงไหน ดูรู้เลยว่าอีนี่เล่นร้าย คือเราขย้อนบทให้เขาดูว่า ฉันร้ายนะ ฉันคิดร้ายอยู่นะ ฉันคิดดีอยู่นะ ต้องเห็นชัดเจน คำพูดชัดเจน น้ำเสียงชัดเจน ชัดถ้อยชัดคำ นอกเสียจากว่าละครจะเป็นแนวสืบสวนสอบสวนพลิกแพลง เพื่อให้คนเข้าใจผิด แต่นั่นก็คือการเล่นเพื่อให้คนเข้าใจผิด แต่หนังนี่คือ บางทีก็ยืนนิ่ง จริงๆ แล้วคืออารมณ์ของคนจริงๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตมนุษย์เรา เวลาเราเสียใจเราก็จะนั่งนิ่งๆ เราจะไม่ค่อยคิดอะไรหรอก เราจะร้องให้แบบจริงๆ ไม่ใช้ร้องไห้น้ำตาหยดติ๋งๆ ต่อหน้ากล้องแล้วก็พูดบท พูดบท พูดบท แต่หนังค่อนข้างจะ Dialogue น้อยกว่า เน้นอารมณ์ เน้นให้คนมาดู และทายว่าคิดอะไร ทำอะไร ตัวละครนี้เป็นยังไง หนังเนี่ยเอาคนดูเข้ามาดูเรา แต่ละครเราขย้อนออกไปให้คนดู เราผลักอะไรทุกอย่างที่เราแสดงออกไป มันใหญ่ไปหมด เวลาดูหนังเราเหมือนนั่งดูชีวิตเพื่อนเรา คนข้างๆเรา เหมือนเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสังคม ในชีวิตจริง แต่ละครถึงแม้จะมีเค้าโครงของความเป็นจริง แต่มันถูกปรุงแต่งให้เรื่องสนุกและใหญ่ขึ้น ส่วนหนังต้องเข้าไปดูและทำความเข้าใจ เพราะว่าเราเล่าด้วยภาพ ไม่ค่อยพูด เล่าด้วยอารมณ์ตัวละคร มี Dialogue นิดนึง เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น เป็นเรื่องของอารมณ์ที่เยอะกว่าในละคร และในละครเหมือนเป็นการพากย์ตัวเองไปในตัว เพราะว่า Dialogue จะเยอะมาก จะทำอะไรต้องมีตัวละครมาสื่อว่าคิดอะไร ทำอะไร เหมือนพากย์ตัวละครนั้นๆไปอีกที แต่หนัง เราไม่พากย์ตัวเอง
Mr. Coffee : ชอบดูหนังแนวไหน
มิน : มินชอบดูหนังโรแมนติกคอมมิดี้ แบบเรื่องนี้ที่เล่นค่ะ มินเลือกเล่นเรื่องนี้เพราะมินชอบ เชื่อป่ะ มินนั่งดู Teaser หนังตัวเองมาจะเป็น 200 รอบแล้ว มินชอบและรู้สึกตื่นเต้นกับหนังเรื่องนี้มาก และอยากให้คนได้มาดู มินรู้สึกว่า มินใส่อะไรลงไปในตัวละครนี้เยอะที่สุดที่มินเคยทำมาเลยค่ะ มินเข้าใจสิ่งที่พี่แฉะ (องอาจ เจียมเจริญพรกุล) ผู้กำกับคิด พี่แฉะให้มา 70% อีก 30% มินใส่เต็มเลยค่ะ การเล่นหูเล่นตา มินเล่นเรื่องนี้ละเอียดที่สุดเท่าที่มินเคยทำมา มินเข้าถึงได้จริงๆ ตอนนี้ยังมีแต่คนบ่นว่ามินเป็นบุษบาไปแล้ว มินเองก็เริ่มไม่แน่ใจตัวเองแล้วเหมือนกันค่ะ (หัวเราะ)
Mr. Coffee : อยากให้ยกตัวอย่างหนังที่ชื่นชอบ
มิน : เมื่อวานพึ่งดูเลยค่ะ The Notebook เรื่องนี้มินดูประมาณ 20 รอบได้แล้ว ดูกี่ครั้งมินก็ร้องไห้ เป็นเรื่องราวความรักที่เจ๋งมาก การที่คนสองคนจะเข้าใจและรักกันมากๆโดยที่ยังมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่มันเป็นเรื่องยากมาก อยู่กันไปด้วยกันจนตาย อีกเรื่องก็ About Time มินชอบหนังแนวนี้ คือตลก แบบไม่ตั้งใจตลก และแฝงข้อคิดที่ดีด้วย มินเชื่อว่าหนังรักยังสร้างกันไปได้อีกตลอดกาล หนังไทยที่ชอบก็อย่าง The Letter เป็นเรื่องราวความรัก ที่มหัศจรรย์มาก
Mr. Coffee : นอกจากหนังและละคร มีงานอย่างอื่นที่มินอยากทำหรือไม่ เช่น พิธีกร ร้องเพลง เล่นละครเวที ฯลฯ
มิน : ละครเวทีมินก็อยากเล่นนะคะร้องเพลงมินชอบร้องอยู่แล้ว แต่ถ้าให้ออก Single มินขอเล่นละครก่อน มินชอบ ละครไม่ได้เล่นได้ง่ายๆ การแสดงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับมิน เล่นยังไงให้ดี เล่นยังไงให้คนชอบ เล่นให้ใครดู มินคิดเยอะมาก ทำการบ้านเยอะมาก ดู Series เกาหลี Series ฝรั่ง ละคร เยอะมากเพื่อหาว่า “ร้าย” คืออะไร ร้ายแบบไหนคนเกลียด รายแบบไหนคนหลงรัก
Mr. Coffee : อยากฝากอะไรถึงคนดูหนังไทย
มิน : มินว่าวงการหนังไทยก้าวมาอีกขึ้นหนึ่งแล้ว ถึงแม้เทคโนโลยีอาจจะไม่ได้เทียบได้กับระดับโลก แต่หนังไทยหลายเรื่องก็ดังแทบจะทุกปี และคนไทยก็เริ่มยอมรับอะไรแบบนี้มากขึ้น ตอนนี้มินหลงรักหนังไทย มินดูหนังมากขึ้น ชอบการทำหนัง สนใจเบื้องหลัง เพื่อจะได้เข้าใจ เราเริ่มมีภาพปะติดติดปะต่อในหัวแล้ว อยากให้คนไทยเปิดใจรับหนังไทยให้มากขึ้นค่ะ
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : จังหวะชีวิต “มิน พีชญา” {สัมภาษณ์ มิน-พีชญา}
ขออนุญาต นำคอลัมน์ "ม็อกค่าปาท่องโก๋" ที่ผมเขียนประจำในเนชั่นสุดสัปดาห์นั้น มาเผยแพร่ให้ได้อ่านกัน เพื่อขอคำแนะนำ คำติชม เพื่อปรับปรุงงานเขียนต่อไปในอนาคตเรื่อยๆครับ ขอบคุณครับ
เนชั่นสุดสัปดาห์ เล่มที่ 1156 - 1157
Mr. Coffee : การได้มากลับมาเล่นหนังอีกครั้ง รู้สึกอย่างไร และครั้งนี้ กลับมาเล่นหนังได้อย่างไร
มิน : จากที่หนังเรื่องก่อน (With love ด้วยรัก) เป็นหนังเรื่องแรก มินไม่ได้เล่นในบทบาทที่เยอะเท่าไหร่ และตอนนั้นยังเด็กอยู่ด้วย ส่วนครั้งนี้เริ่มจากที่ตอนแรกทาง m๓๙ ส่งบทมาให้มินก่อน และบอกว่าอยากร่วมงานกับมินมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสสักที บทที่ส่งมาให้เป็นร่างแรก ถ้ามินรู้สึกไม่สบายใจตรงไหน คุยกันได้ อ่านครั้งแรก บทแรงมาก! ชื่อเรื่องก็น่ากลัว นางเอกเป็นคนยังไงเนี่ย คือเราเคยเห็นหนังไทยที่มีผู้หญิงที่เล่นแล้วภาพลักษณ์ดูแรง แล้วมินไม่สบายใจ ตอนแรกเก็บบทไว้สองอาทิตย์ ไม่ได้ตอบอะไรไป ตอนนั้นยังรู้สึกว่าร้ายเหมือนกันนะ สำหรับบทในร่างแรก มีการใช้ภาษาและกริยาที่รุนแรง เพื่อจะสร้าง character ให้ตัวนางเอก ดูเป็นนางมารร้าย แต่พอมินได้มีโอกาสเข้าไปคุยกับพี่แฉะ (องอาจ เจียมเจริญพรกุล) ผู้กำกับ พี่แฉะบอกว่า นางมารร้าย คือ ยายตัวร้าย ที่แสบจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน เหมือนกิ้งก่า ในตัวมีอะไรหลายด้านมาก มีหลายมุม อยู่ที่ว่าเค้าจะเลือกใช้มุมไหนกับใคร คือเรื่องนี้เป็นเรื่องราวความรักของผู้หญิงผู้ชายคู่หนึ่งที่ โรแมนติก แต่มีผู้หญิงมีความรุนแรง เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นคนนิสัยไม่ดีคนหนึ่ง และวันหนึ่งเขาได้รับบทเรียนในชีวิต ต้องติดตามชีวิตรักของสองคนนี้ คือความรักมันไม่สูตรตายตัว อยู่ที่ว่าเราทำให้ดีที่สุดหรือทำเพื่อมันแค่ไหน มันอาจมีจุดผิดพลาด แต่มินว่ามันก็เป็นเรื่องโรแมนติกสำหรับมินเหมือนกัน เรื่องมันน่ารัก ไม่มีเหตุผล ตกหลุมรักกันได้ นางเอกก็เลวแหล่ะ แต่พระเอกก็ให้อภัยได้ และนางเอกก็จะได้เรียนรู้
Mr. Coffee : การที่มินได้กลับมารับบทบาทในหนังอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้ มินรู้สึกอย่างไรกับวงการหนัง
มิน : มินชอบมากเลยค่ะ ติดใจสุดๆ หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ทำให้มินหลงใน charater บุษบา ที่สุด มินไม่เคยหลงรัก character ตัวไหนมากเท่าตัวนี้มาก่อน เวลาพูดถึง character นี้ มินจะรู้สึกสนุกและสุดในทุกๆ ด้าน บุษบาเป็นคนที่อยากทำอะไรแล้วทำ เป็นตัวของตัวเอง แต่มีกรอบในการป้องกันตัวเอง ไม่อยากจะรักใครเพื่อป้องกันการเสียใจ และเป็นที่มาที่ไปของในเรื่องว่า ทำไมจะต้องมีวิก มีกรอบเพื่อปกป้องความอ่อนแอของตัวเอง ที่ไม่อยากให้ใครเห็น
Mr. Coffee : บุษบา ในหนังเรื่องนี้ มีลักษณะแตกต่างหรือคล้ายกับตัวจริงของมินอย่างไรบ้าง คิดว่าตัวเองมีความเป็นนางมารร้ายหรือไม่
มิน : ตอนที่มินรับเล่น มินรู้สึก Wow! มินบอกพี่แฉะว่า บุษบานี้อยู่ตัวมินอยู่แล้ว ในที่นี้หมายถึงความร่าเริง และความเป็นยัยตัวแสบ แต่การกระทำของบุษบานี่ มินไม่ได้ทำ ความบ้าพลัง ความร่าเริง พอพี่แฉะอธิบายให้มินฟังเป็นซีนๆ มินตกลงเล่นเลยค่ะ มินมองว่าความเป็นนางมารร้าย มีในตัวผู้หญิงทุกคน มินอยากแสดงบทนี้เพราะมินอยากเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่สื่อออกมาให้ได้เข้าใจว่า ผู้หญิงคิดอะไร อาเล็ก เป็นตัวแทนของผู้ชายที่ออกมาสื่อว่า ผู้ชายก็มีหัวใจนะ ถึงแม้ในการโปรโมตจะเน้นผู้หญิง ในเรื่องมีผู้หญิงเยอะ แต่หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังของผู้หญิงเพียงอย่างเดียว หนังดูได้ทุกเพศทุกวัย ในหนังจะได้เห็นทั้งมุมของ อาเล็ก และมุมของมินในหนัง
Mr. Coffee : อยากให้พูดถึงบท เหนือสมุทร
มิน : ตัวละครเหนือสมุทร เป็นผู้ชายที่น่ารัก และมีอยู่จริงนะ ในโลกเรา น่ารัก อารมณ์ดี เป็นสุภาพบุรุษ เป็นลูกที่รักแม่ เป็นผู้ชายที่ Perfect เค้าไม่เคยเจออะไรที่เลวร้ายในชีวิต จนกระทั่งวันหนึ่ง กราฟชีวิตก็ตกลงมาสุด เสียใจที่สุดในชีวิต แต่ก็จะมีความสุขอีกครั้งหนึ่ง บุษบาใช้ชีวิตสุดขั้วสุดๆ เหนือสมุทรใช้ชีวิตธรรมดามากๆ แล้ว สองคนนี้มาเจอกันได้ยังไง ทำไมเหนือสมุทรถึงเอาบุษบาอยู่ และทำไมบุษบาถึงเอาเหนือสมุทรอยู่ ทั้งคู่เป็นความรักที่ลงตัว เหนือสมุทรเป็นผู้ชายที่ดีมาก ใครได้เป็นแฟนก็ โอ้ว เป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิง หล่อ รวย รักครอบครัว เล่นกีฬา รักแฟนมาก
Mr. Coffee : แล้วการทำงานร่วมกับ อาเล็ก (ธีรเดช เมธาวราวุธ) เป็นอย่างไร และเมื่อเอาอาเล็กไปเทียบกับเหนือสมุทร เป็นอย่างไร
มิน : โอ๊ย อาเล็กกับเหนือสมุทรหรือคะ คนละขั้วเลย อาเล็กนี่คือ นายตัวร้าย ตอนที่เจออาเล็กครั้งแรก มินบอกเลยว่าอาเล็กนี่นิสัยเหมือนกับมินเด๊ะเลย ต่างกันแค่เพศชายกับเพศหญิง คือไม่มีใครยอมใครเลย มินเป็นพวกชอบเอาชนะเวลาเจอเพื่อนรุ่นเดียวกัน พอเจอกันนะ เหมือนกับเราเจอเงาตัวเองที่เราทำอะไรมันไม่ได้ ประมาณว่า “แกหยุดเดี๋ยวนี้นะ” แล้วมีเสียง Echo “แกหยุดเดี๋ยวนี้นะ” คือไม่ว่ามินจะทำอะไร อาเล็กจะกวนประสาทมินได้ตลอด เหมือนเป็นเพื่อนกัน อายุเท่ากัน เล่นกันได้แบบสบายใจ เวลาร่วมงานแล้วสบายใจ ถ่ายหนังดึกแค่ก็ลุยด้วยกัน แต่อย่าให้ว่างนะ ว่างเมื่อไหร่ตีกันทันที ไม่มีอะไรเหมือนเหนือสมุทรเลยค่ะ ร้าย!
Mr. Coffee : ทำไมผู้ชาย ถึงควรจะดูหนังเรื่องนี้ หนังให้แง่คิดอะไรบ้าง
มิน : เพราะไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่มีความรัก อาเล็ก ก็เป็นตัวแทนของผู้ชายที่จะมาบอกเล่าว่า ผู้ชายเองก็มีความรู้สึก คือส่วนใหญ่ผู้ชายในโลกจะต้องยอมผู้หญิง ผู้หญิงก็นะ สุดๆ ผู้ชายที่รักแฟนก็จะยอมผู้หญิง แต่อาเล็กก็จะมาสื่อว่า ผู้ชายก็เสียใจเป็น คือมันเป็นเรื่องใกล้ตัว เรื่องนี้เป็นความน่ารักระหว่างคู่รัก แต่ที่ต้องเน้นผู้หญิงก็เพราะว่า เรื่องราวความรักจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไร้ความแสบของผู้หญิง คือผู้หญิงเป็นตัวดำเนินความรัก เป็นสีสันของความรัก ผู้ชายเป็นตัวควบคุมตัวแปร สุดท้าย ความรักก็คือความเข้าใจ ทำผิดแล้วให้อภัยได้
Mr. Coffee : แสดงว่าผู้หญิงก็จะได้แง่คิดอะไรดีๆ จากเรื่องนี้เหมือนกัน
มิน : ผู้หญิงก็จะได้แง่คิดว่า เฮ้ย มันใช่ แฟนเป็นอย่างนี้จริงๆ ด้วย มันคือสิ่งที่คุณจะต้องเคยเห็นเรื่องแบบนี้ในเรื่องราวของความรัก ไม่ว่าจะเป็นความรักของเพื่อน ของพี่น้องพ่อแม่ คนใกล้ตัว หนังจึงดูได้ทุกเพศทุกวัย หนังเรื่องนี้ ผู้หญิงจะเป็นสีสันของความรัก บางครั้งก็โกรธก็เหวี่ยงเป็นสีแดง ผู้ชายก็รู้แต่แกล้งยอม หนังเรื่องนี้ให้ความบันเทิงและข้อคิดของความรักที่ดี อยากให้มาดูและได้เข้าใจความรักมากขึ้น ในเรื่องบุษบาจะเป็นตัวสร้างเรื่องตลอด เป็นการรวมความร้ายของผู้หญิงมาดู และความน่ารักของผู้ชายที่ถึงร้ายก็รัก
Mr. Coffee : หนังแนวตลกนี้ถือว่ามินถนัดหรือไม่
มิน : ถนัดมากค่ะ ผู้กำกับบอกว่าเลือกมินกับอาเล็กเพราะสองคนนี้ ตลก หนังเรื่องนี้ ถ้าคนเครียดมาเล่นก็ยากเหมือนกัน แต่มินกับอาเล็กมีมุกอีกเยอะมากในหัว จนอาเล็กบ่นว่าอยากเล่นบทมินบ้าง หลังๆ เริ่มอยากเล่นเป็นตุ๊ด (หัวเราะ)
Mr. Coffee : แล้วถ้าในอนาคตถ้ามีหนังแนวอื่นมา จะเล่นหรือไม่
มิน : มินเล่นได้หมดค่ะ จริงๆ แล้วตัวตนของมินเป็นคนตลก เป็นคนร่าเริง แต่มินได้รับบทยากตั้งแต่เข้าวงการ มินเป็นคนที่แบกเรื่องแย่ๆ ไม่ได้นาน แต่บทที่มินได้มีตั้งแต่เข้าวงการมา มีแต่ร้องไห้ๆๆ ดราม่าตลอด คนติดภาพว่ามินเศร้า น่าสงสาร ทั้งที่ชีวิตจริงมินร่าเริงมาก หนังเรื่องนี้จะเป็นอีกด้านของมินที่คนไม่ได้เห็น จะได้เปลี่ยนจากบทดราม่า ชีวิตตกต่ำ เป็นคนรวย ไฮโซ แต่ที่จริงไม่ว่าจะบทไหนก็เป็นเรื่องราวชีวิตจริงๆ ของเรา คนที่อยู่รอบๆ ตัวเรา และสังคมของเรา
Mr. Coffee : อยากให้เล่าถึงความแตกต่างระหว่างหนังกับละคร
มิน : สำหรับมิน หนังจะไม่ค่อยมีจังหวะแบบที่เป็นมุมเท่าไหร่ คือละครกล้องจะต้องตัดจังหวะ กล้องจะมีหลายตัว ต้องคอยตามมุมกล้อง มุมนี้มุมนั้น ละครเราจะสังเกตได้ว่าทำไมชอบพูดคนเดียวหน้ากล้อง พูดหน้ากระจก เพราะ Basic จริงๆแล้วละครเกิดมาจากสมัยก่อนที่ไม่มีทีวีแล้วมีละครวิทยุ จนถูกพัฒนามาอยู่ในจอแก้ว เอาบทมาใช้ คือถ้าเราพากย์ มันก็จะเป็นแบบ “ชั้นจะไม่ยอมให้แกหลุดออกไปเป็นอันขาด” ด้วยน้ำเสียง เรียกว่าเราขย้อนอารมณ์ต่างๆ ออกมาในการแสดง แต่หนัง เราเก็บอารมณ์ไว้ข้างใน แล้วให้เขามาดูเรา ให้เขามาทายเรา แต่ละครจะบอกออกมาเลย ร้ายก็คือร้าย ตานี่ร้ายไปถึงไหนถึงไหน ดูรู้เลยว่าอีนี่เล่นร้าย คือเราขย้อนบทให้เขาดูว่า ฉันร้ายนะ ฉันคิดร้ายอยู่นะ ฉันคิดดีอยู่นะ ต้องเห็นชัดเจน คำพูดชัดเจน น้ำเสียงชัดเจน ชัดถ้อยชัดคำ นอกเสียจากว่าละครจะเป็นแนวสืบสวนสอบสวนพลิกแพลง เพื่อให้คนเข้าใจผิด แต่นั่นก็คือการเล่นเพื่อให้คนเข้าใจผิด แต่หนังนี่คือ บางทีก็ยืนนิ่ง จริงๆ แล้วคืออารมณ์ของคนจริงๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตมนุษย์เรา เวลาเราเสียใจเราก็จะนั่งนิ่งๆ เราจะไม่ค่อยคิดอะไรหรอก เราจะร้องให้แบบจริงๆ ไม่ใช้ร้องไห้น้ำตาหยดติ๋งๆ ต่อหน้ากล้องแล้วก็พูดบท พูดบท พูดบท แต่หนังค่อนข้างจะ Dialogue น้อยกว่า เน้นอารมณ์ เน้นให้คนมาดู และทายว่าคิดอะไร ทำอะไร ตัวละครนี้เป็นยังไง หนังเนี่ยเอาคนดูเข้ามาดูเรา แต่ละครเราขย้อนออกไปให้คนดู เราผลักอะไรทุกอย่างที่เราแสดงออกไป มันใหญ่ไปหมด เวลาดูหนังเราเหมือนนั่งดูชีวิตเพื่อนเรา คนข้างๆเรา เหมือนเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสังคม ในชีวิตจริง แต่ละครถึงแม้จะมีเค้าโครงของความเป็นจริง แต่มันถูกปรุงแต่งให้เรื่องสนุกและใหญ่ขึ้น ส่วนหนังต้องเข้าไปดูและทำความเข้าใจ เพราะว่าเราเล่าด้วยภาพ ไม่ค่อยพูด เล่าด้วยอารมณ์ตัวละคร มี Dialogue นิดนึง เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น เป็นเรื่องของอารมณ์ที่เยอะกว่าในละคร และในละครเหมือนเป็นการพากย์ตัวเองไปในตัว เพราะว่า Dialogue จะเยอะมาก จะทำอะไรต้องมีตัวละครมาสื่อว่าคิดอะไร ทำอะไร เหมือนพากย์ตัวละครนั้นๆไปอีกที แต่หนัง เราไม่พากย์ตัวเอง
Mr. Coffee : ชอบดูหนังแนวไหน
มิน : มินชอบดูหนังโรแมนติกคอมมิดี้ แบบเรื่องนี้ที่เล่นค่ะ มินเลือกเล่นเรื่องนี้เพราะมินชอบ เชื่อป่ะ มินนั่งดู Teaser หนังตัวเองมาจะเป็น 200 รอบแล้ว มินชอบและรู้สึกตื่นเต้นกับหนังเรื่องนี้มาก และอยากให้คนได้มาดู มินรู้สึกว่า มินใส่อะไรลงไปในตัวละครนี้เยอะที่สุดที่มินเคยทำมาเลยค่ะ มินเข้าใจสิ่งที่พี่แฉะ (องอาจ เจียมเจริญพรกุล) ผู้กำกับคิด พี่แฉะให้มา 70% อีก 30% มินใส่เต็มเลยค่ะ การเล่นหูเล่นตา มินเล่นเรื่องนี้ละเอียดที่สุดเท่าที่มินเคยทำมา มินเข้าถึงได้จริงๆ ตอนนี้ยังมีแต่คนบ่นว่ามินเป็นบุษบาไปแล้ว มินเองก็เริ่มไม่แน่ใจตัวเองแล้วเหมือนกันค่ะ (หัวเราะ)
Mr. Coffee : อยากให้ยกตัวอย่างหนังที่ชื่นชอบ
มิน : เมื่อวานพึ่งดูเลยค่ะ The Notebook เรื่องนี้มินดูประมาณ 20 รอบได้แล้ว ดูกี่ครั้งมินก็ร้องไห้ เป็นเรื่องราวความรักที่เจ๋งมาก การที่คนสองคนจะเข้าใจและรักกันมากๆโดยที่ยังมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่มันเป็นเรื่องยากมาก อยู่กันไปด้วยกันจนตาย อีกเรื่องก็ About Time มินชอบหนังแนวนี้ คือตลก แบบไม่ตั้งใจตลก และแฝงข้อคิดที่ดีด้วย มินเชื่อว่าหนังรักยังสร้างกันไปได้อีกตลอดกาล หนังไทยที่ชอบก็อย่าง The Letter เป็นเรื่องราวความรัก ที่มหัศจรรย์มาก
Mr. Coffee : นอกจากหนังและละคร มีงานอย่างอื่นที่มินอยากทำหรือไม่ เช่น พิธีกร ร้องเพลง เล่นละครเวที ฯลฯ
มิน : ละครเวทีมินก็อยากเล่นนะคะร้องเพลงมินชอบร้องอยู่แล้ว แต่ถ้าให้ออก Single มินขอเล่นละครก่อน มินชอบ ละครไม่ได้เล่นได้ง่ายๆ การแสดงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับมิน เล่นยังไงให้ดี เล่นยังไงให้คนชอบ เล่นให้ใครดู มินคิดเยอะมาก ทำการบ้านเยอะมาก ดู Series เกาหลี Series ฝรั่ง ละคร เยอะมากเพื่อหาว่า “ร้าย” คืออะไร ร้ายแบบไหนคนเกลียด รายแบบไหนคนหลงรัก
Mr. Coffee : อยากฝากอะไรถึงคนดูหนังไทย
มิน : มินว่าวงการหนังไทยก้าวมาอีกขึ้นหนึ่งแล้ว ถึงแม้เทคโนโลยีอาจจะไม่ได้เทียบได้กับระดับโลก แต่หนังไทยหลายเรื่องก็ดังแทบจะทุกปี และคนไทยก็เริ่มยอมรับอะไรแบบนี้มากขึ้น ตอนนี้มินหลงรักหนังไทย มินดูหนังมากขึ้น ชอบการทำหนัง สนใจเบื้องหลัง เพื่อจะได้เข้าใจ เราเริ่มมีภาพปะติดติดปะต่อในหัวแล้ว อยากให้คนไทยเปิดใจรับหนังไทยให้มากขึ้นค่ะ