มีปัญหาการขอแต่งงาน จำเป็นไหมที่ต้องให้ผู้ใหญ่ของฝ่ายชายมาคุยกับผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง

สวัสดีคะ มีปัญหาที่อยากให้พี่ๆ เพื่อนๆที่อยู่ในพันทิปช่วยแนะนำคะ

คือเรามีปัญหาคิดไม่ตกว่าครจะทำยังไงดีกับการแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนนี้ เบื้องต้น เรากับแฟน คบกันมาเกือบ 13 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งระหว่างเรากับแฟนนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรในเรื่องการคบกัน เพราะค่อนข้างพยายามทำความเข้าใจและจูนกันเรื่อยๆ ซึ่งปีนี้เรามีแพลนว่าจะแต่งงานกัน  แต่ปัญหาเกิดจาก พ่อแม่ของแฟนไม่ชอบเรา (โดยที่เราไม่สามารถหาสาเหตุได้) แฟนเราก็ให้คำตอบอะไรไม่ได้ ไม่ชัดเจนว่ายังไง ทำไม เรามาดูตัวเองก็เป็นคนทำงานคนนึง อาจจะไม่ร่ำรวย แต่ก็เพิ่งเริ่มทำกิจการเล็กๆของตัวเองเพิ่มอีกอย่าง(จากการแนะนำของแฟน) เรื่องเจ้าชู้หรือว่าพฤติกรรมคบซ้อนไม่มี ซ้ำค่อนข้างจะเป็นมิตร แถมยังใจเย็นและประนีประนอมสุดๆ โดยส่วนตัวคิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนมีพิษมีภัยกับใคร ครอบครัวก็เป็นคนฐานะปานกลาง พ่อแม่เป็นข้าราชการ มีหน้าที่การงานที่ดี มีบ้าน มีรถของตัวเอง(ผ่อนอยู่) มีร้านอาหารเล็กๆ เอาว่าไม่ได้ไปลักขโมยทรัพย์สินหรืออะไรของใครมา  ทีนี้ เมื่อถึงเรื่องการแต่งงานที่บ้านของเราก็รับรู้คะ ว่าคบกันมานานมาก และก็ให้ความเอ็นดู ให้โอกาสฝ่ายชายมาก (ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเขารู้ไหม)

แต่จนป่านนี้ ทางผู้ใหญ่ของบ้านเขาก็ยังไม่มีการมาพูดคุยกัน หรือขอเราเป็นเรื่องเป็นราวกับผู้ใหญ่ทางบ้านเรา  ซึ่งเขาได้บอกกับเราว่า แค่เขาแสดงความจริงใจในการแต่งงานกับเรา การที่เขาขัดใจพ่อแม่มาแต่งกับเรา คือการให้ที่สูงสุดของเขาแล้ว ^^!!!  เอิ่มมมม  คือว่าเราก็พยายามทำความเข้าใจเขานะ แต่เขาไม่ได้ทำความเขาใจเรื่องนี้กับเราเท่าไหร่ว่า เราเป็นฝ่ายหญิง การที่ฝ่ายชายเข้ามาคุย มาบอกว่าจะแต่งงานกัน แต่เจ้าตัวบอกว่า แค่เขาคนเดียวก็พอ เพราะถ้ารอให้พ่อแม่มาขอให้ก็คงไม่ได้แต่ง....แถมยังดูท่าว่าจะไม่มางานแต่งของลูกชายด้วย เอิ่มมมมม   เราก็พยายามแก้ปัญหาว่าเอ้าถ้าพ่อแม่ไม่สะดวกก็ไปขอให้ญาติผู้ใหญ่ที่เราเคารพ เรารู้จัก ก้คือยายมาเป็นผู้ใหญ่เจรจาสู่ขอกันก็พอรับได้ โดยทางเราก็จะให้ยายเราเป็นฝ่ายเจ้าสาวแทนพ่อกับแม่ก็ได้...ผลจากการคุย ก็ได้รับการโยนให้ไปคุยกับพี่สาวคนโตของแม่อีกที....เอิ่มมมมมม  จนป่านนี้ก็ยังไม่มีคำตอบจากสวรรค์ว่าจะยังไงจะให้ใครมาคุย  

ทีนี้ขอเล่าพื้นเพของแฟนเราก่อนเพื่อประกอบการพิจารณาคะ เขาเป็นลูกชายคนโต คนแรกของบ้าน มีน้องสาวอีก 2 คน ตอนนี้ก็ช่วยงานของที่บ้านเขาอยู่ เป็นกิจการงานช่างสาขาหนึ่ง ในจังหวัดเดียวกัน ฐานะทางบ้านค่อนข้างดีคะ เป็นประเภท รู้จักค่าของเงิน ทางบ้านเป็นเศรษฐีเงินเย็น ไม่นิยมการมีหนี้สิน ไม่กู้ไม่ผ่อน ซื้อสด ไม่แต่งตัว ไม่ชอบเที่ยว ไม่ค่อยเอาสังคม ซึ่งเขาก็ได้รับบุคลิกนี้มาพอสมควร ซึ่งตอนนี้การที่เขาแสดงออกจากทางตัวเขาเองว่าเขาสู้มากๆเพื่อเรา( อันนี้ก็เชื่ออยู่แหละ เพราะงานนี้หินอยู่ "คือว่าเราเชื่อว่าเรารักกันมากพอที่จะสู้ไปด้วยกัน") ไอ้เรื่องความรัก ความใส่ใจตลอดเวลาที่ผ่านมาทำให้เรายังจับมือกันอยู่แม้ว่าจะผ่านเรื่องราวมามากมาย ซึ่งก็ผ่านไปได้ด้วยดี ... แต่นี่แค่เรา 2 คน ... เมื่อทางบ้านเขาไม่ชอบเรา เราก็ได้รับคำแนะนำจากน้าสะไภ้ที่เรานับถือว่า จงใช้เวลาและ  ปิดหู...เมื่อได้ยินเรื่องไม่ดี  ปิดตา...เมื่อเวลาเขาทำอะไรไม่ดีให้เราเห็น  ปิดปาก...อย่าโต้เถียง ให้เรื่องยาว ดังนั้นที่ไหนละที่จะทไให้ครอบครัวเล็กๆของเราสามารถอยู่อย่างมีความสุขตามอัธภาพได้ ถ้าไม่ใช่ครอบครัวอของเรา เราใช้ความพยายามมาตลอดตั้งแต่คบกันแรกๆ ให้ที่บ้านเอ็นดู โดยเฉพาะพ่อที่ค่อนข้างจะดุ หวงลูก และโหดกับหนุ่มๆที่เข้ามาหา และแม่ที่ขอแค่เขาให้ความเคารพรัก เหมือนเป็นลูกอีกคนก็พอ... มันไม่ง่ายนะ เหมือนที่เขาบอกว่ามันไม่ง่าย แต่เราทำได้ ทำไมเขาไม่ถามตัวเอง? หรือว่าที่เห็นว่าพ่อแม่เอ็นดูเพราะคิดว่าตัวเองน่าเอ็นดู ??? เข้าใจผิดละขี้เหร่

ถึงประเด็นซักที ขอโทษที่ร่ายยาวคะ
     1. สถานการณ์เปลี่ยนไปเนื่องจากไม่มีผู้ใหญ่ทางเขามาพูดคุยให้เป็นเรื่องเป็นราว มีแต่เราและเขาที่เตรียมงานกัน ที่สำคัญที่บ้านของเรางานแต่งงานของเราเป็นงานแต่งงานแรกของที่บ้านและเราเป็นลูกสาวคนโต และโดยนิสัยของผู้ใหญ่ ก็ต้องให้ผู้ใหญ่อีกฝ่ายเป็นคนมาพูดสู่ขอเพื่อเป็นการยืนยัน รับรองว่าเราจะเข้าไปอยู่ในครอบครัวเขาอีกคน ทีนี้ไม่มี แถมยังจะไม่มา เขาก็เลยออกอาการไม่อยากให้แต่งงานกันแล้ว เพราะทางโน้นออกตัวมาซะแรง เฮ้อ...
คำถาม...ทำยังไงดีคะที่จะบอกฝ่ายโน้นให้เข้าใจ...บางครั้งอยากเข้าไปถามผู้ใหญ่เองเลยว่า ปัญหาคืออะไร หรือจะให้เรามาขอผู้ชายแต่งเข้าบ้าน แค่คิดคะ เพราะคงโดนเตะออกจากบ้าน โทษฐานห้าวเกินหญิง ซึ่งจริงๆก็ห้าวๆอยู่(สารภาพ)

     2. เนื่องจากทางโน้นไม่ห้ามแต่ไม่ยุ่ง งานแต่งงานเลยเกิดจากเงินเก็บฝ่ายชาย ซึ่งก็มีไม่มาก อย่าถามสินสอดทองหมั้น เพราะแค่คิดก็ปวดใจเจ็บใจ เข้าใจ และสงสารตัวเองและแฟน  ทางผู้ใหญ่ของเรานี่สิ...พอรู้ว่าสินสอดไไม่มี มีแค่แหวนทอง ขุ่นพระ แม่เราดันเข้าใจแม้จะสงสารตัวเองก็ตามว่าเลี้ยงลูกสาวมาอย่างดีมีคนมาขอแต่งงานทีก็เหมือนหนีตามกันแล้วมาขอขมา...หัวเราะทั้งน้ำตา (เราสงสารแม่ และรู้สึกแย่กับตัวเอง แต่ก็ไม่อยากกดดันฝ่ายชายมาก เพราะเรามีเท่านี้จริงๆ หรือว่าบอกเราไม่หมดเท่านั้นเอาเป็นว่าเชื่อแล้วกัน...แม่ก็พยายามหาทางให้งานออกมาไม่น่าเกลียดต่อไป หาเรื่องให้แม่ปวดหัวแท้ๆเรา)

     3. พิธีการ จากที่ร่ายยาวข้างต้นคงคิดว่างานแต่งคงพิธีการเพรียบ แต่จริงๆแล้วเรากับเขาพอจะรู้ตัวว่าทำได้ไม่มากตามงบประมาณที่จำกัด เลยตกลงว่าเราจะยกน้ำชาขอพรผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือและสนิทสนม (ขอบอกว่าสงสารแม่จริงๆที่คงหวังอะไรกับลูกสาวคนนี้ไม่ได้มาก เพราะขันหมากกันประตู อะไรจิปาถะที่น่าจะเป็นความทรงจำของเราไม่มี...แม่ดันเข้าใจเราอีกแหนะ บอกว่าดีจะไม่ต้องเหนื่อย...ไม่เปลือง..."แม่ใครอ่ะ โลกสวยซะ") แล้วทางกลางวันเป็นอันจบ ทีนี้ปัญหาเกิดตรงที่ทางฝ่ายแฟนพ่อแม่จะไม่มา เพราะไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไง "งานแต่งลูกชาย คนโต งานแต่งแรกของบ้านเขาเหมือนกัน " เล่นกันงี้เลยเรอะ...จากปากแฟน(จะเชื่อเขาได้ไหมเนี่ย หรือต้องให้เจ้เข้าไปขอตี๋เองไหม)   ((ขุ่นพระ...แล้วบ้านชั้นนี่เป็นชนชั้นไหน ไม่มีเกียรติ ไม่มีค่า ไม่มี...่าอะไรให้น่านับถือแล้วหรือไง)) ประเด็นเกิดตรงนี้ เพราะถ้าตัดพิธีนี้ออก หนีตามกันเลยก็ได้ไม่ต้องจัดมันหรอกงานแต่งงานน่ะ จัดเป็นงานขอขมาแทนเลยละกัน   อันนี้ต่างหากที่ทางเรารับไม่ได้  เราควรทำไงดี เพราะดูท่าว่าถ้าไม่มีผู้ใหญ่ทางนู้นมา มีสิทธิงานล่ม เราก็เหนื่อยมากเรื่องนี้ ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วเหมือนกัน
หลายปีที่ผ่านมาเราอาจจะทำอะไรไม่เข้าตาทางบ้านแฟนบ้าง เช่นเราดูห้าว คล่อง กว่าแฟน เสียงดัง พูดชัดถ้อยชัดคำ กว่าแฟน ทำนู่นทำนี่ทำนั่นทำโน่น มากกว่าแฟน แล้ว ไม่ดีเหรอ ถ้าลูกชายเขามาอยู่กับเรา ก็ไม่ต้องทำอะไรนอกจากคิดแล้วให้เราทำ เพราะสิ่งที่เรามี คือบู๊ ส่วนที่เขามีคือ บุ๋น ไม่ดีตรงไหน
ตอนนี้มีปัญหาจริงๆคะ ถ้าเลิกคนที่เจ็บคือเรา เพราะทางบ้านเขาอยากได้นางฟ้ามาเป็นสะไภ้ เหลือแค่เราปล่อยมือเขาไป เขาคงได้สะไภ้นางฟ้าสมใจ...แต่คิดบ้างไหมว่านางฟ้า เขาจะมองลูกชายคุณเป็นเทวดาที่คู่ควรหรือเปล่า

สุดท้ายจะจบยังไง ถ้าเราเลิกกันไป คนที่น่าจะเสียใจที่สุดก็คือเรา เพราะเรารัก เราอดทน และยืนข้างจับมือกับลูกชายเขามานาน  แล้วสุดท้ายกลายเป็นคนที่เขาไม่เห็นค่า ไม่แม้แต่จะให้เกียรติหรือมองอนาคตลูกชายของเขา หากแต่งงานเข้าบ้านเราในลักษณะนี้บ้างเลยเหรอว่า ทางเราที่เป็นมิตร ให้ความเมตตา ให้โอกาสเขาจะรักเขา เมตตาเขาเหมือนเดิมไหม ถ้าทางบ้านเราโดนทำร้ายจิตใจจากคนที่เป็นพ่อแม่ของเขาขนาดนี้ ใจเขาใจเรานะ น้องสาวก็มี แค่อยากย้อนคำถามนี้ว่า ถ้าเกิดขึ้นกับน้องเขา พ่อแม่เขาจะรู้สึกยังไง อยากให้ช่วยคิดหน่อยค่ะ ขอกำลังใจให้สู้ต่อ ให้แนวทาง วิธีคิด อะไรก็ได้ที่จะทำให้เราสามารถฝ่าฟันและจับมือกันได้ต่อไป

ขอบคุณที่อดทนอ่าน ว่าที่เจ้าสาวที่เครียดจนนอนไม่หลับ ว่าจะได้เป็นเจ้าสาว หรืออดีตว่าที่เจ้าสาว
ถึงเขาคนนั้น...เราเข้าใจคุณนะ แต่อยากให้เขาใจเราบ้าง มันไม่ง่ายที่จะผ่านเรื่องนี้ แต่อีกไม่กี่เดือนละนะ อย่าทำให้เวลาดีๆของเราตั้ง 13 ปีเป็นอดีตที่เจ็บปวดเลย ขอร้อง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่