#pingineurope EP.4 - การทัวร์(หลง)โคเปนเฮเกนครั้งแรกท่ามกลางความหนาวค่ะ

"แต่เราก็หากันจนเจอ มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา" (ร้องแบบประชดๆนะคะ)


มาแล้วคร้าบบบบ หายไปพักใหญ่ ข้าน้อยขออภัยค่ะ ไปแจมงานรับน้องของที่หอมาค่ะ หวังว่าจะเจอเหยื่อ มีหรือคะ จะไม่นก 5555 (ยังเปิดรับสมัครอยู่นะคะ) หัวเราะ

มาเล่าถึงครั้งแรกของการออกผจญภัยในเมืองโคเปนเฮเกนดีกว่าค่ะ

วันนั้นเป็นวันหลังจากที่จัดการเรื่อง Residence Permit กับ Health card เรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกจะเป็นวันพฤหัสค่ะ เพื่อนๆที่ไปอยู่ก่ปนเค้าเล่าถึงร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ที่ราคาไม่แพงมาก ถ้าเป็นอาหารกลางวันก็ 69 โครนค่ะ ซึ่งถ้าเทียบเป็นสกุลเงินสิงคโปร์ก็ประมาน $17.25 ซึ่งถือว่าถูกสำหรับบุฟเฟ่ต์(ในสิงคโปร์)ค่ะ ร้านอาหารชื่อ Cafe Dalle Valle เผื่อใครจะไปค่ะ เท่

เราก็ชวนแคสกับเอ็ดมาร์ไป ด้วยความที่พวก เราไม่มีอะไรทำ ปิ๊งกับแคสตั้งใจไว้แล้วว่ากินเสร็จก็ถือโอกาสเดินเล่นในเมืองดูเลยละกัน ซึ่งเราสองคนก็คิดแล้วว่าน่าจะเป็น Common Sense เลยไม่ได้บอกเอ็ดมาร์ค่ะ

เราก็เดินทางไปที่สถานี Nørreport แล้วก็เดินตามลายทางที่เพื่อนบอกมาค่ะ (ออกจากสถานี มองหาแมคโดนัล เดินข้ามถนนไปที่ฝั่งเดียวกับแมค เดินตรงเข้าไปในซอยด้านซ้ายของแมค แล้วเดินต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอร้าน ถ้าไม่เจอก็ยืนที่แมค ดูดอินเตอร์เน็ตแล้ว Google หาเอา ขอบคุณค่ะเพื่อน)

เราก็เดินต่อไปเรื่อยๆ เดินฝ่าความหนาวและลมแรงไปเรื่อยๆ วันนั้นอุณหภูมิ -2 องศาค่ะ แต่ถ้ากดดู มันจะบอกว่า "Feels like -13 deg C" เพราะลมแรงมากค่ะ พันตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยค่ะ อมยิ้ม20

พอเจอร้านแล้ว เราแทบจะกรี๊ดด้วยความดีใจค่ะ (เว่อร์) พอเข้าร้านแล้วรู้สึกอุ่นทันทีเบยย จากนั้นเราก็จัดการเริ่มกินค่ะ คือด้วยความที่เป็นคนกินเก่ง รู้สึกว่าเอ็ดมาร์จะช๊อกในความกินเก่งของปิ๊ง เพราะกินเยอกว่าเค้าที่เป็นผู้ชายค่ะ (แต่นางตัวเล็กนะคะ สูง 160กว่าๆเองมั้งคะ) เอารูปมาให้ดูค่ะ



เรากินเสร็จประมานบ่ายโมงค่ะ หลังจากที่จ่ายเงิน เอ็ดมาร์ก็ถามว่าจะไปไหนต่อ กลับบ้านเลยรึเปล่า? หนูกะแคสมองหน้ากันแล้วบอกว่า ไปเดินดูเมืองกันเถอะ

เท่านั้นละค่ะ เป็นเรื่อง เอ็ดมาร์(แอบ)โวย(เบาๆ) ว่าทำไมไม่บอกก่อนนนน เห็นมั้ยว่าไม่ได้เอากล้องมาด้วยยยย (เอ็ดมาร์เป็นคนเล่นกล้องค่ะ เป็นคนถ่ายรูปประจำคณะ ประจำรุ่นเลยค่ะ แต่งรูปก็เก่ง แต่ด้วยความเป็น Perfectionist ทำให้บางทีก็รอเงิบกว่าจะได้ดูรูป แต่ถ้าได้ดูแล้วบงกเลยค่ะ ว่าคุ้ม)!!!! แหม น่าเสียดาย นึกว่าจะได้รูปสวยๆซะแล้ว แต่เราก็เดินหน้าสำรวจเมืองกันต่อไปค่ะ

เราเดินต่อไปเรื่อยๆตามถนน Strøget ที่ถือว่าเป็นถนนช้อปปิ้งชื่อดังของเดนมาร์ก มีร้านแบรนด์ดังๆเยอะแยะเลยค่ะ แล้วตอนที่ไปยังอยู่ในช่วงเซลส์ด้วย แต่เป็นบุญของเอ็ดมาร์ค่ะที่ไม่ต้องทนกับอาการบ้าช้อปของปิ๊งกับแคส ส่วนตัวปิ๊งเป็นคนไม่ช้อปค่ะ ถ้าออกไปไหนกับเพื่อนหรือครอบครัว แล้วสาวๆอยากจะช้อป ปิ๊งจะไปนั่งรอกับพ่อที่ foodcourt ค่ะ ไม่ก็ยืนรอเพื่อนๆอยู่ข้างนอกร้าน บวกกับความที่เรารู้ตัวว่าเราไม่มีอะไรที่จำเป็นต้องซื้อ และความจน ทำให้ปิ๊งมองป้ายลด 70% แล้วเมินอย่างไร้ใยดีค่ะ แคสเป็นคนช้อป แต่ด้วยความที่พึ่งถึงและต้องการประหยัด นางได้ตัดใจให้เดินหน้าต่อไป ไม่เข้าไปในร้านค่ะ เท่


จากมุมนึงใน Strøget ค่ะ

เราสามคนก็เดินฝ่าลม (ที่แรงมากกก) มุ่งหน้าไปที่ Nyhavn ค่ะ Nyhavn (อ่านอย่างไม่มีความคล้องจองกับการสะกดว่า นิว ฮาวน์ ค่ะ เราอ่าน ไนเฮเว่นกันอยู่เป็นอาทิตย์ก่อนจะโดนบอกว่ามันผิดเฮ้ยยยย) คือรูปที่จะขึ้นในอากู๋ถ้าใครเซิร์ชหาคำว่าโคเปนเฮเกน นิวฮาวน์เป็นคล้ายๆท่าเรือที่มีตึกสีสวยๆขนาบข้างอยู่ค่ะ วันนั้นที่เราไป เรามีแต่รูปจากล้องโทรศัพท์หนู กะกล้องดิจิตอลของแคสค่ะ แต่ว่าเราได้วนไปแถวนั้นหลายรอบพร้อมกล้องของเอ็ดมาร์ ไว้ถึงตอนนั้นจะเอารูปสวยๆมาลงให้ดูด้วยค่ะ

ถ้าหนูจำไม่ผิด havn แปลว่า harbour แล้ว ny คือ ใหม่ค่ะ แปลเป็นภาษาอังกฤษสวยๆว่า New Harbour ค่ะ มีสมอด้วยย


สักนิด เค้าล้อเล่น


จิ๊กรูปของเอ็ดมาร์มาค่ะ ขอบคุณนะเธอ

เราเดินกันชิลล์มาก ถึงจะไม่เข้าไปในร้าน แต่เราก็แวะดูอยู่ข้างนอกแทบทุกร้านค่ะ ตอนนั้นก็สัก... บ่ายสองกว่าๆแล้วมั้งคะ ช่วงนั้น สี่โมงเย็นจะเริ่มมืด สี่ครึ่งถึง 5โมงนี่มืดสนิทเหมือนกับห้าทุ่มบ้านเราเลยค่ะ เราสามคนรู้ว่าตอนที่เราเซิร์ชหาว่ามีอะไรที่ต้องดูบ้างในโคเปนเฮเกน มีอยู่สองอย่างที่ขึ้นมาค่ะ คือ Nyhavn กับเงือกน้อย Little Mermaid

ขอสารภาพตามตรงว่าจากที่ดูในรูป ปิ๊งไม่เข้าใจค่ะว่าทำไม Little mermaid นี่ถึงได้เป็นหนึ่งใน must see ของโคเปนเฮเกน อาจจะเพราะหนูเคยเห็นรูปปั้นนางเงือกในเมืองไทยมาแล้วมั้งคะ นางเงือกจากเรื่องพระอภัยมณีอะค่ะ แต่อะ ไหนๆเค้าบอกว่าต้องดู แล้วแคสก็อยากเห็น เราไปดูก็ได้จ้ะ


นี่คือแผนที่ที่เค้าติดไว้ระหว่างทางค่ะ จากที่ดูแล้วไม่น่าจะยากนะคะ แค่เดินเลียบทะเลไป เดี๋วก็เจอ สีฟ้าคือ Nyhavn ค่ะ สีแดงคือเงือกน้อย

อ่อ เราลืมค่ะ ว่ายิ่งใกล้ทะเล ลมยิ่งแรง ที่ว่าหนาวแล้วหนาวขึ้นไปอีกค่ะ หนาวทรมานเลย มีการเดินหันหลังจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับลมที่ตีหน้าโครมๆด้วยค่ะ ติสท์มะ

จากแผนที่ เราก็เห็นว่าเดินง่ายๆ ตรงไปเดี๋ยวก็ถึงแล้ว แต่พอเดินจริงๆ โอ้โห..... เดินมานานแสนนานนนน ผ่านรูปปั้นมาเยอะมากกกก (มีเดวิดด้วยละ มาอยู่โคเปนเฮเกนได้ไงไม่รู้นะคะ) ไม่เจอสักที ย้อนกลับทางเดิม เลี้ยวไปอีกทาง ก็ยังไม่เจอ สุดท้ายก็เดินไปตามทางเดิม (แล้วจะย้อนให้เหนื่อยทำไม) เดินกันไปเรื่อยๆค่ะ ลมก็แรงขึ้น ฟ้าก็ครึ้มลง โอ๊ยยยย อารมณ์แต่ละคนเหมือนฟ้าเลยค่ะ 555


เอาเดวิดมาให้ดูค่ะ

ทุกครั้งที่เห็นอะไรเป็นเงาอยู่ไกลๆ ฝั่งทะเล เราก็จะหวังสุดใจทุกครั้งเลยค่ะ ว่าจะเป็นเดอะลิตเติ้ลเมอร์เมด

กว่าเราจะเจอ ปาเข้าไปประมาน 4 โมงค่ะ แหมมมมมมมมมมม่ บ่องตง ว่าพอเจอแล้วความรู้สึกของพวกเราคือ ห้ะ....?!?! ทำไมมันมีแค่นี้ ร้องไห้ (เพราะเราเดินฝ่าลมกันมานานค่ะ แล้วนางเงือกตัวไม่ใหญ่ ความรู้สึกตอนนั้นเลยแบบ แอบเจ็บ)


เจอกันแล้วนะจ๊ะเงือกจ๋า <3

ถ่ายรูปกันพอประมาน (ว่าฉันมาถึงแล้วนะยะ) เราก็หาทางกลับบ้านเพราะว่ามืดแล้ว และลมแรงขึ้นเรื่อยๆ จากวันนั้นเราก็เตือนทุกๆคนที่อยากไปดูนางเงือกว่าอย่าไปเล้ยยยยยยย มันก็เหมือนในรูปแหละ แต่มีเหรอคะที่เค้าจะฟัง 5555

เรายังพูดกันอยู่ว่าโชคดีจังเลย ที่กินกันมาเต็มที่จากบุฟเฟ่ต์ ไม่งั้นคงหิวหมดแรงกันแน่ๆค่ะ เพราะตอนที่เราเดินถึงสถานีรถไฟรอจะกลับบ้าน รู้ตัวเลยค่ะว่าหิวกัน(โฮกกก)เลยค่ะ

สรุป: โพสนี้ไม่มีอะไรนอกจากบ่นให้ฟังค่ะ ว่าถ้าจะไปไหน ดูให้ดีก่อนว่าต้องเดินกี่กิโล แล้วลมจะแรงมากมั้ย -.-

อ้อ เอาประวัติของนางเงือกซะหน่อยดีกว่าค่ะ

หลายๆคนคงจะคุ้นชื่อ Hans Christian Andersen ดีนะคะ เขาเป็นนักเขียนชาวเดนมาร์กค่ะ บ้านเกิดถึงจะไม่ได้อยู่ในโคเปนเฮเกน แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวกับเขาค่ะ แต่ถ้าไม่รู้จักเขา... อย่างน้อยเรื่องที่เขาเขียนก็ต้องเคยผ่านหูผ่านตามาแน่นอนค่ะ คลาสสิคฝุดๆค่ะ ก็มีตัวอย่างเช่นลูกเป็ดขี้เหร่ เงือกน้อย เด็กหญิงไม้ขีดไฟ (เศร้าอะเรื่องนี้ T.T)ค่ะ เคยได้ยินกันมาแล้วแน่นอน (ใช่ปะคะ..? แหะๆ)

เรื่อง The little mermaid ก็ได้ไปทำเป็นหนังดิสนีย์ในชื่อเดียวกัน(นางแรงนะคะ พึ่งย้อนไปดู แหมมมมมม) เป็นหนังคลาสสิคที่ใครๆก็ต้องรู้จัก จัดอยู่ในหมวดเดียวกับซินเดอเรลล่า ไมก็สโนว์ไวท์

ที่มาของรูปปั้น The little mermaid คือ.. เรื่องมีอยู่ว่า ลูกชายเจ้าของ Calrsberg นางเกิดไปติดใจสาวนักเต้นบัลเล่ต์จากการแสงดเรื่องเงือกน้อยผจญภัย และได้สั่งให้ศิลปินชาวเดนมาร์กที่ชื่อ เอ็ดวาร์ด อีริกเซ่น ให้หล่อรูปปั้นเงือกน้อยนี้ขึ้นมาโดยใช้สาวบัลเล่ต์เป็นแบบเปลือย แต่นางไม่ยอม เลยได้แค่เคร้าโครงหน้าจากสาวบัลเล่ต์ ส่วนหุ่นได้ภรรยาของเอ็ดวาร์ดเป็นแบบนั่นเองค่ะ

ลงทุนเนอะ แค่ชอบนี่ทำรูปปั้นให้เลย หมั่นไส้จริง ชิๆๆๆ

เอาละค่ะ จบแค่นี้ก่อนนะคะ การหลงทางของพวกเราพึ่งแค่เริ่มต้นค่ะ ยังมีอีกเยอะค่ะ อย่าพึ่งเบื่อกันก่อนนะคะ


พวกเราสามหน่อค่ะ เค้าล้อเล่น สภาพตอนนั้น น่าสงสารเน้ออออ

ลิ้งค์รวมกระทู้ #pingineurope ทั้งหมดค่ะ ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่