วิญญาณต้องการผลบุญ?

ขอถามนึดนึงค่ะ  เพราะสงสัยมานาน

ท่านที่ปฎิบัติธรรมหรือสามารถไขข้อสงสัยนี้มาตอบได้จะยินดีมากค่ะ

ส่วนตัวเชื่อว่ามีวิญญาณหรือจะเรียกว่าอะไรก็ตามแต่ วนเวียนอยู่รอบๆเรา  หรืออยู่ร่วมกับเราเพียงแต่เรามองไม่เห็นเท่านั้น

เหมือนคลื่นวิทยุ ที่เรารู้ว่ามีอยู่แต่มองไม่เห็นกันเองเท่านั้น

มาถึงข้อสงสัยที่ว่า วิญญาณต้องการบุญเพื่อให้หลุดพ้นกรรมหรือความทรมานจริงหรือ  แบบที่เราต้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้

การเจริญวิปัสนาเป็นการสร้างบุญ  คนเราสามารถทำได้  แล้วทำไมวิญญาณไม่ทำกันเองคะ  จะได้ได้บุญด้วย  ไม่ต้องมาขอใคร

เคยได้ยินคำตอบว่าเพราะวิญญาณได้รับความทุกข์ทรมานจนไม่สามารถปฎิบัติได้  แล้ววิญญาณทั่วไปที่ไม่ได้รับความทรมานทำไมไม่ปฎิบัติล่ะคะ

พระพุทธเจ้าเคยกล่าวถึงวิญญาณในเรื่องบุญ-กรรมอย่างไรบ้างคะ


สงสัยจริงๅค่ะดอกไม้


ป.ล. ไม่มีเจตนาหวงบุญหรือว่าไม่ต้องการอุทิศส่วนบุญ  แต่ไม่เข้าใจว่าวิญญาณทำไมต้องได้รับความลำบาก  ถ้าไม่มีใครทำบุญให้เขาจะพ้นทุกข์ได้มั๊ย
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
ถ้าจะให้พูดแบบตรงๆ ก็ต้องบอกว่า...เป็นคนโง่เมื่อตายไปก็เป็นโอปปาติกะโง่
ตอนเป็นคนนิสัยชอบขอชอบอ้อนวอนไม่ยอมลงมือทำด้วยตัวเอง...เมื่อตายไปก็มีนิสัยติดตัวไปด้วย..แก้ไม่หาย
คนที่ไม่เชื่อว่าชีวิตหลังความตายมีจริง...ต่อให้เขาตายไปแล้วก็ยังคงเชื่ออยู่อย่างนั้น
เชื่อว่าตัวเขายังไม่ตาย...เลยไม่ยอมไปไหน...ยังคงวนเวียนใช้ชีวิตเดินไปมาอยู่ในบ้านเหมือนที่ตัวเองเคยทำตอนมีชีวิต
ก็เลยกลายเป็นบ้านผีเฮี้ยนเป็นที่ทดสอบความกล้าของพวกล่าผี

ถามตัวเองดูก็ได้....ตอนนี้ยังมีชีวิตมีความสุขสบาย...มีคำสอนของศาสนาพุทธให้เลือกปฏิบัติ...เราลงมือปฏิบัติแล้วหรือยัง
ทั้งๆ ที่รอบตัวของเรามีแต่ความทุกข์ให้เห็นให้ศึกษาเรียนรู้...แต่เรายังคงประมาทไม่สนใจ
ตายไปแล้วก็ยังคงติดนิสัยความประมาทอยู่อย่างนั้นไม่เคยเปลี่ยน...การเปลี่ยนนิสัย..เปลี่ยนความเชื่อที่ฝังแน่นอยู่ในสันดาน
มันเป็นเรื่องยากไม่ว่าจะเป็นคนหรือไม่..

โลกมนุษย์สามารถปิดบังอำพรางความทุกข์ได้...
เบื่อเหงาเศร้าก็ไปฟังเพลงดูหนังเดินเที่ยวห้าง...ร้อนก็เข้าห้องแอร์อาบน้ำ..หนาวก็ห่มผ้า
แต่โลกหลังความตายมันเป็นโลกของจิตล้วนๆ...คนขี้เหงาก็จะจมอยู่กับความเหงาอยู่อย่างนั้นนานแสนนาน
ถ้าเราฝันร้ายมีคนมาปลุกให้ตื่นฝันร้ายของเราก็จะหายไป...แต่ถ้าเรามีแต่จิตไม่มีร่างกายเพื่อจะให้ใครมาปลุกให้ตื่น
เราก็จะคงฝันร้ายอยู่อย่างนั้นนานแสนนาน...จนกว่าจิตมันจะตื่นด้วยตัวของมันเอง...จากเห็นผิดเป็นเห็นชอบ
จากจิตที่จมอยู่กับอกุศลกลายเป็นจิตที่เป็นกุศล.....ซึ่งมันก็ยากแสนเข็ญ

ผู้ปฏิบัติธรรมใช้ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับร่างกายและจิตใจ...รูปและนาม...ในการศึกษาหาทางเพื่อหลุดพ้นจากความทุกข์
ปุถุชนใช้ความทุกข์ในการทำร้ายตัวเอง...เอาความทุกข์จากความรักในอดีตที่จบไปนานแล้วมานั่งคิดจนทำให้ตัวเองร้องไห้และเป็นทุกข์ได้ในปัจจุบัน
นี่คือนิสัยบารมีที่สะสมมาต่างกัน...จะหวังให้ปุถุชนคนชั่วกลับมาคิดดีทำดี...หวังให้อริยะบุคคลทำสิ่งชั่วๆ...มันก็เลยยากพอกัน

ดูที่จิตใจของเราเวลานี้...ถ้ายังกินอิ่มนอนหลับในห้องแอร์เย็นสบายแต่เราก็ยังคงทุกข์ใจ
ก็อย่าหวังว่าตายไปแล้วเราจะยังสามารถมีความสุขขึ้นมาได้..
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน...ผลเกิดจากเหตุ...
อยากได้รับผลอย่างไรก็จงสร้างเหตุอย่างนั้น...อยากมีความสุขก็ต้องขยันสร้างเหตุแห่งความสุข
แต่หากอยากมีความสุขแต่ดันขยันสร้างเหตุที่นำไปสู่ความทุกข์....ความสุขที่หวังก็คงไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้

พระพุทธเจ้าท่านเตือนมาสองพันกว่าปีว่า "อย่าประมาท"
ใครเชื่อและลงมือปฏิบัติตามก็จะมีความสุขทั้งในปัจจุบันและอนาคต...ส่วนคนที่ไม่เชื่อยังคงคิดชั่วทำชั่ว
ก็คงต้องไปเสี่ยงตายเอาดาบหน้า...ไม่มีใครช่วยใครได้...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมขอรับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่