อยากแบ่งปันข้อมูลคร่าวๆ จากการไปฟังผู้รู้เล่าถึงโอกาสการเข้าไปเปิดตลาดการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านค่ะ เผื่อจะมีประโยชน์ แต่ข้อมูลเชิงลึกคุณจะต้องติดต่อกับผู้ทำธุรกิจโดยตรงค่ะ
นี่เป็นเวลาสำหรับนักลงทุน ผู้ประกอบการ SME ของไทยจริงๆ ที่ควรหันมาศึกษาช่องทางการนำสินค้าไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพม่า ลาว เวียดนาม เพราะตลาดไทยตอนนี้ก็เริ่มตัน แต่ตลาดเพื่อนบ้านที่กำลังพัฒนามีความต้องการสินค้าไทยจำนวนมาก เพราะเค้าเชื่อว่าสินค้าไทยคุณภาพดี อีกอย่าง หลายคนเดินทางมาทำงานในไทย ใช้ของไทย กลับไปเยี่ยมบ้านก็เอาสินค้าไทยไปให้ครอบครัว เพื่อนฝูงใช้ ก็ชอบกัน เป็นช่องทางการทำตลาดอย่างหนึ่ง แต่คำถามคือ เริ่มต้นจะต้องทำอย่างไร ก็อยากแบ่งปันจากสิ่งที่ผู้รู้เล่าให้ฟังนะคะ
1. ควรติดต่อกับหน่วยงานที่จะสามารถพาคุณไปสำรวจสถานที่จริงได้ เช่น กระทรวงพาณิชย์ BOI ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เช่น ของกสิกรที่เค้ามีการให้ข้อมูลตรงนี้อยู่ และติดต่อกับสมาคมผู้ประกอบการไทยในประเทศนั้น ที่เวียดนาม พม่าจะมีสมาคมแบบนี้อยู่ จุดประสงค์คือให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ หรือให้ Solution ในการทำธุรกิจในประเทศนั้นๆ เลย หรือร่วมเป็นหุ้นส่วนด้วย บางครั้งคุณจำเป็นต้องมีหุ้นส่วนเป็นคนประเทศนั้นๆ เพราะเค้าไม่อนุญาตให้ถือหุ้นได้ 100 % บางคนใช้คนขับรถ คนในโรงงาน คนรู้จักของหุ้นส่วน ที่ไว้ใจได้เข้ามาถือหุ้นด้วย
2. เวียดนาม ก็เป็นประเทศที่น่าสนใจในการเข้าไปตั้งโรงงาน มีนิคมอุตสาหกรรมรองรับเยอะมาก และรัฐบาลกำลังเปิดประเทศด้วย ได้ไปดูที่โฮจิมินทร์
เจริญมากๆ น่าจะพอๆ กับกรุงเทพเลย แต่เราเสียดายไม่มีเวลาไปดูว่าเค้าขายอะไรกันบ้าง แต่เพื่อนบอกว่าสินค้านี่ของไทยเลย มี Big C ด้วย และก็มีโอกาสไปพบผู้ประกอบการในเวียดนามค่ะ ฟังเค้าเล่าปัญหาที่พบ เช่น เรื่องกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงบ่อยมาก ต้องระวังดีๆ หากจะเปิดโรงงานควรศึกษาว่าต้องใช้ใบอนุญาตใดบ้าง ที่เวียดนามคุณจะได้รับสิทธิในการเช่าที่ดินนะคะ แต่ต้องจ่ายค่าเช่าก้อนใหญ่ รายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ ไว้มีข้อมูลแล้วจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
คนเวียดนามเป็นคนขยัน อดทน แต่ผู้ประกอบการต้องเข้าใจวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันด้วย จะไปใช้วิธีรุนแรงหรือเอาเปรียบกันไม่ได้ เนื่องจากเค้าพร้อมจะย้ายโรงงานทันทีที่คุณปฏิบัติต่อเค้าไม่ดี ต้องเข้าใจค่ะว่าคนเวียดนามผ่านชีวิตสงครามมาแล้ว อยู่ในภาวะถูกกดขี่มานาน
มีสิ่งที่เราต้องเรียนรู้อีกเยอะค่ะ อย่างที่เวียดนามคนจะใช้มอร์เตอไซต์เป็นหลัก จะเยอะมากๆ เวลาจะข้ามถนนก้าวเท้าลงถนนไปแล้วอย่าหันหลังกลับเด็ดขาด เดี๋ยวเค้างง มอร์เตอไซต์เค้าจะหลบเราเองค่ะ ลองมาแล้วค่ะไม่สามารถข้ามเองได้ ต้องทำตัวติดกับคนเวียดนามตอนข้าม เจอคนคนขับสามล้อใจดีพาข้ามด้วย
ลองมาดูพม่าบ้างค่ะ
3. พูดถึงการค้าชายแดนกับพม่านะคะ ถ้าคุณมีสินค้าและอยากนำสินค้าเข้าไปขายในพม่า อย่างที่บอกสินค้าไทยขายได้ พวกอุปโภค บริโภค หรือแม้แต่พวกบริการต่างๆ เช่น คาร์แคร์ โรงแรม ร้านอาหาร แต่คุณภาพของสินค้าและบริการก็ต้องดีจริงด้วย สำหรับคนที่สนใจจะนำสินค้าเข้าไปขาย ก็ต้องศึกษาการขนส่งไว้ค่ะ อาจลองติดต่อกับตัวแทนจำหน่ายที่อยู่แนวชายแดนก็ได้ ให้เค้ารับซื้อของเรา ตัวแทนเหล่านี้เค้าจะรับซื้อของจากหลายเจ้าค่ะ แนะนำควรเข้าพบด้วยท่าทีนอบน้อม เนื่องจากเค้ารับซื้อจากหลายๆ เจ้า เค้ามีสิทธิปฏิเสธเราได้ เวลาจะขนสินค้าไม่จำเป็นต้องใช้รถบรรทุกของเราก็ได้ แต่ใช้บริการรถขนส่งของตัวแทนเหล่านี้จะถูกมาก หลังจากนั้นเราอาจว่าจ้างบริษัทโลจิสติกส์ได้ มีไปเปิดแล้วค่ะ
4. ควรเข้าไปศึกษาเส้นทาง สำรวจพื้นที่ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเส้นทางขนส่งสินค้า บางแห่งถนนแคบ แออัด เป็นเส้นทางภัยธรรมชาติ ไม่มีจุดจอดพัก บางแห่ง เช่น เวียดนาม จำกัดความเร็ว สำหรับการนำสินค้าตัวอย่างไปเสนอ ผู้รู้แนะนำว่าไม่ต้องใช้รถของเราเอง แต่สามารถนำสินค้าตัวอย่างส่งไปกับรถประจำทางได้ สินค้าไม่หาย แต่คุณก็แพ็คดีๆ หรือใช้บริการสายการบินราคาประหยัดได้ในการขนสินค้าตัวอย่าง
5. สินค้าที่สามารถทำตลาดได้ พวกเกี่ยวกับยานยนต์ โทรศัพท์มือถือ ซิมมือถือ สินค้าอุปโภคบริโภคได้หมด ที่นั่นจะนิยมสินค้าไทย และสามารถมองทุกอย่างเป็นธุรกิจได้หมด เช่น คนไทยสั่งปลามากิน พบว่าปลาตัวใหญ่มากแต่ทำไมช่วงหางมันถึงไม่สุก รู้ทีหลังคือกระทะมันมีขนาดเล็กมาก เลยทอดไม่ทั่วถึง เป็นโอกาสในการขายกระทะ เป็นต้น เค้าแนะนำว่าให้เข้าไปศึกษาวิถีชีวิตคน จะเห็นเองว่าควรขายอะไร แต่สินค้าก็ต้องดีจริงด้วย
6. การหาหุ้นส่วนไม่จำเป็นต้องเป็นคนใหญ่คนโต แต่ควรเป็นคนที่คุยแล้วไว้ใจได้ ซื่อสัตย์ต่อกัน เพราะต้องคบกันยาวและคนไทยเข้าไปไม่ควรไปเสนอให้เค้าแก้กฎหมายเพื่อเอื้อให้กับคนไทย แต่ควรเน้นการหาพันธมิตรที่ดีมากกว่า
สรุปคือผู้รู้แนะนำให้หาพันธมิตรที่ดีในการทำธุรกิจ เข้าไปศึกษาสภาพตลาด เส้นทางขนส่งด้วยตนเอง ปรึกษาคนที่เค้าทำมาก่อน และที่สำคัญการค้าชายแดนจะไม่เหมือนการค้าแบบระบบปกติ ต้องทำใจ การขนถ่ายสินค้ายังใช้แรงงานคนขนอยู่เลยเหมือนกองทัพมด
สำหรับคนที่ตั้งใจหรือสนใจจะทำตรงนี้ก็ขอคำปรึกษาได้จากหน่วยงาน สมาคมที่เกี่ยวข้องได้ค่ะ ถามเราอาจจะไม่ได้รับคำตอบ ผู้ที่มีประสบการณ์ตรงก็เข้ามาเสริมต่อยอดได้ค่ะ
โอกาสสำหรับสินค้าไทยเข้าไปตีตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน
นี่เป็นเวลาสำหรับนักลงทุน ผู้ประกอบการ SME ของไทยจริงๆ ที่ควรหันมาศึกษาช่องทางการนำสินค้าไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพม่า ลาว เวียดนาม เพราะตลาดไทยตอนนี้ก็เริ่มตัน แต่ตลาดเพื่อนบ้านที่กำลังพัฒนามีความต้องการสินค้าไทยจำนวนมาก เพราะเค้าเชื่อว่าสินค้าไทยคุณภาพดี อีกอย่าง หลายคนเดินทางมาทำงานในไทย ใช้ของไทย กลับไปเยี่ยมบ้านก็เอาสินค้าไทยไปให้ครอบครัว เพื่อนฝูงใช้ ก็ชอบกัน เป็นช่องทางการทำตลาดอย่างหนึ่ง แต่คำถามคือ เริ่มต้นจะต้องทำอย่างไร ก็อยากแบ่งปันจากสิ่งที่ผู้รู้เล่าให้ฟังนะคะ
1. ควรติดต่อกับหน่วยงานที่จะสามารถพาคุณไปสำรวจสถานที่จริงได้ เช่น กระทรวงพาณิชย์ BOI ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เช่น ของกสิกรที่เค้ามีการให้ข้อมูลตรงนี้อยู่ และติดต่อกับสมาคมผู้ประกอบการไทยในประเทศนั้น ที่เวียดนาม พม่าจะมีสมาคมแบบนี้อยู่ จุดประสงค์คือให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ หรือให้ Solution ในการทำธุรกิจในประเทศนั้นๆ เลย หรือร่วมเป็นหุ้นส่วนด้วย บางครั้งคุณจำเป็นต้องมีหุ้นส่วนเป็นคนประเทศนั้นๆ เพราะเค้าไม่อนุญาตให้ถือหุ้นได้ 100 % บางคนใช้คนขับรถ คนในโรงงาน คนรู้จักของหุ้นส่วน ที่ไว้ใจได้เข้ามาถือหุ้นด้วย
2. เวียดนาม ก็เป็นประเทศที่น่าสนใจในการเข้าไปตั้งโรงงาน มีนิคมอุตสาหกรรมรองรับเยอะมาก และรัฐบาลกำลังเปิดประเทศด้วย ได้ไปดูที่โฮจิมินทร์
เจริญมากๆ น่าจะพอๆ กับกรุงเทพเลย แต่เราเสียดายไม่มีเวลาไปดูว่าเค้าขายอะไรกันบ้าง แต่เพื่อนบอกว่าสินค้านี่ของไทยเลย มี Big C ด้วย และก็มีโอกาสไปพบผู้ประกอบการในเวียดนามค่ะ ฟังเค้าเล่าปัญหาที่พบ เช่น เรื่องกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงบ่อยมาก ต้องระวังดีๆ หากจะเปิดโรงงานควรศึกษาว่าต้องใช้ใบอนุญาตใดบ้าง ที่เวียดนามคุณจะได้รับสิทธิในการเช่าที่ดินนะคะ แต่ต้องจ่ายค่าเช่าก้อนใหญ่ รายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ ไว้มีข้อมูลแล้วจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
คนเวียดนามเป็นคนขยัน อดทน แต่ผู้ประกอบการต้องเข้าใจวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันด้วย จะไปใช้วิธีรุนแรงหรือเอาเปรียบกันไม่ได้ เนื่องจากเค้าพร้อมจะย้ายโรงงานทันทีที่คุณปฏิบัติต่อเค้าไม่ดี ต้องเข้าใจค่ะว่าคนเวียดนามผ่านชีวิตสงครามมาแล้ว อยู่ในภาวะถูกกดขี่มานาน
มีสิ่งที่เราต้องเรียนรู้อีกเยอะค่ะ อย่างที่เวียดนามคนจะใช้มอร์เตอไซต์เป็นหลัก จะเยอะมากๆ เวลาจะข้ามถนนก้าวเท้าลงถนนไปแล้วอย่าหันหลังกลับเด็ดขาด เดี๋ยวเค้างง มอร์เตอไซต์เค้าจะหลบเราเองค่ะ ลองมาแล้วค่ะไม่สามารถข้ามเองได้ ต้องทำตัวติดกับคนเวียดนามตอนข้าม เจอคนคนขับสามล้อใจดีพาข้ามด้วย
ลองมาดูพม่าบ้างค่ะ
3. พูดถึงการค้าชายแดนกับพม่านะคะ ถ้าคุณมีสินค้าและอยากนำสินค้าเข้าไปขายในพม่า อย่างที่บอกสินค้าไทยขายได้ พวกอุปโภค บริโภค หรือแม้แต่พวกบริการต่างๆ เช่น คาร์แคร์ โรงแรม ร้านอาหาร แต่คุณภาพของสินค้าและบริการก็ต้องดีจริงด้วย สำหรับคนที่สนใจจะนำสินค้าเข้าไปขาย ก็ต้องศึกษาการขนส่งไว้ค่ะ อาจลองติดต่อกับตัวแทนจำหน่ายที่อยู่แนวชายแดนก็ได้ ให้เค้ารับซื้อของเรา ตัวแทนเหล่านี้เค้าจะรับซื้อของจากหลายเจ้าค่ะ แนะนำควรเข้าพบด้วยท่าทีนอบน้อม เนื่องจากเค้ารับซื้อจากหลายๆ เจ้า เค้ามีสิทธิปฏิเสธเราได้ เวลาจะขนสินค้าไม่จำเป็นต้องใช้รถบรรทุกของเราก็ได้ แต่ใช้บริการรถขนส่งของตัวแทนเหล่านี้จะถูกมาก หลังจากนั้นเราอาจว่าจ้างบริษัทโลจิสติกส์ได้ มีไปเปิดแล้วค่ะ
4. ควรเข้าไปศึกษาเส้นทาง สำรวจพื้นที่ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเส้นทางขนส่งสินค้า บางแห่งถนนแคบ แออัด เป็นเส้นทางภัยธรรมชาติ ไม่มีจุดจอดพัก บางแห่ง เช่น เวียดนาม จำกัดความเร็ว สำหรับการนำสินค้าตัวอย่างไปเสนอ ผู้รู้แนะนำว่าไม่ต้องใช้รถของเราเอง แต่สามารถนำสินค้าตัวอย่างส่งไปกับรถประจำทางได้ สินค้าไม่หาย แต่คุณก็แพ็คดีๆ หรือใช้บริการสายการบินราคาประหยัดได้ในการขนสินค้าตัวอย่าง
5. สินค้าที่สามารถทำตลาดได้ พวกเกี่ยวกับยานยนต์ โทรศัพท์มือถือ ซิมมือถือ สินค้าอุปโภคบริโภคได้หมด ที่นั่นจะนิยมสินค้าไทย และสามารถมองทุกอย่างเป็นธุรกิจได้หมด เช่น คนไทยสั่งปลามากิน พบว่าปลาตัวใหญ่มากแต่ทำไมช่วงหางมันถึงไม่สุก รู้ทีหลังคือกระทะมันมีขนาดเล็กมาก เลยทอดไม่ทั่วถึง เป็นโอกาสในการขายกระทะ เป็นต้น เค้าแนะนำว่าให้เข้าไปศึกษาวิถีชีวิตคน จะเห็นเองว่าควรขายอะไร แต่สินค้าก็ต้องดีจริงด้วย
6. การหาหุ้นส่วนไม่จำเป็นต้องเป็นคนใหญ่คนโต แต่ควรเป็นคนที่คุยแล้วไว้ใจได้ ซื่อสัตย์ต่อกัน เพราะต้องคบกันยาวและคนไทยเข้าไปไม่ควรไปเสนอให้เค้าแก้กฎหมายเพื่อเอื้อให้กับคนไทย แต่ควรเน้นการหาพันธมิตรที่ดีมากกว่า
สรุปคือผู้รู้แนะนำให้หาพันธมิตรที่ดีในการทำธุรกิจ เข้าไปศึกษาสภาพตลาด เส้นทางขนส่งด้วยตนเอง ปรึกษาคนที่เค้าทำมาก่อน และที่สำคัญการค้าชายแดนจะไม่เหมือนการค้าแบบระบบปกติ ต้องทำใจ การขนถ่ายสินค้ายังใช้แรงงานคนขนอยู่เลยเหมือนกองทัพมด
สำหรับคนที่ตั้งใจหรือสนใจจะทำตรงนี้ก็ขอคำปรึกษาได้จากหน่วยงาน สมาคมที่เกี่ยวข้องได้ค่ะ ถามเราอาจจะไม่ได้รับคำตอบ ผู้ที่มีประสบการณ์ตรงก็เข้ามาเสริมต่อยอดได้ค่ะ