วันนี้จะมาบอกเล่าประสบการณ์ การท่องเที่ยวของ ผู้หญิง 2 คนที่ตกลง ว่าจะไปท่องเที่ยว
อินโดนีเซีย โดยที่คนแรก ได้ดูภาพจากกล้องถ่ายรูปของเพื่อนชาวต่างชาติเลยทำให้รู้จัก
Gili Island คนที่สอง ได้ดูข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตและเกิดประทับใจภาพของ
Bromo mount จึงทำให้เกิดทริปนี้ขึ้น โดยเราทั้ง 2 เป็นพนักงานบริษัทเอกชน จึงทำให้การลางานค่อนข้างจำกัด โดยกำหนดการเดินทางคือวันที่ 10 - 15 กรกฎาคม 2014
โดยกำหนดการการเดินทาง โดยทางเราจำเป็นต้องบินไฟล์ Domestic เพราะสถานที่ท่องเที่ยวที่จะไปอยู่คนละเมือง
Flight Detail :
10 July 2014 Bangkok 06.15 - 11.30 Denpasar (Bali) โดยสายการบิน Air Asia
10 July 2014 Denpasar (Bali) 15.45 - 16.15 Lombok โดยสารการบิน Lion Air Indonesia
ไฟล์นี้ Delay ไปครึ่งชั่วโมง
โดยพักที่ Gili Island 3 คืน
13 July 2014 Lombok 15.45 - 16.05 Surabaya โดยสารการบิน Lion Air Indo
ซึ่งไฟล์นี้ถูกยกเลิก ทำให้ต้องรอไฟล์ต่อไปอีก 3 ชั่วโมง OMG!!!!
15 July 2014 Surabaya 13.15 - 16.30 Singapore โดยสารการบิน Jet Star
delay ไป 1 ชม. ปล. ไฟล์กลับจากสุราบายา มายัง กทม แอร์เอเชียพึ่งทำการยกเลิก ไฟล์บินตรง ไปเมื่อต้นเดือนกรกฎนี้เอง ไฟล์เราก็ถูกยกเลิกไปด้วย ทำให้ต้องหาไฟล์กลับใหม่ ซึ่งไม่มีไฟล์บินตรงมากทม.
15 July 2014 Singapore 20.40 - 22.05 Bangkok โดยสายการบิน Air Asia
วันแรกของการเดินทาง 10 July 2014
จากสนามบินดอนเมือง สู่สนามบินงูระห์ไร หรือที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ท่าอากาศยานนานาชาติเดนปาซาร์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะบาหลี
หลังจากนั้น ก็หาอะไรทานรองท้อง เพื่อนต่อไฟล์ภายในประเทศไปยัง Lombok ซึ่งต้องเดินไปยัง terminal สำหรับไฟล์ Domestic
เดินทางโดยสายการบิน Lion Air โดยใช้เครื่อง ATR 72 - 600 เป็นเครื่องบินใบพัด ใช้เวลาบินเพียง 30 นาที
ซึ่งบินผ่านภูเขาไฟ.........
เมื่อเดินทางมาถึงสนามบิน Lombok ทางเราได้ทำการจอง Private Transfer ไปยังเกาะ Gili Trawangan โดยตรง
ซึ่งเกาะ จะมีทั้งหมด 3 เกาะ คือ Gili Air, Gili Memo และ Gili Trawangan ซึ่งทางเราเลือกพักที่ Gili Trawangan เนื่องจากมีความหลายหลายของโรงแรม ร้านอาหารเยอะ และวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด
ระยะเวลาจากสนามบินไปถึงท่าเรือ senggigi ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และต่อด้วยเรือสปี๊ดโบ๊ท อีก 20 นาที ก็เดินทางถึงที่หมายในเวลาค่ำ
ที่พักของเราทั้ง 3 คืนบนเกาะ Gili Trawangan ตามลิงค์เลยจร้า
http://www.aston-international.com/eng/hotel-detail/244/aston-sunset-beach-resort---gili-trawangan?
นักท่องเที่ยวบนเกาะนิยมใช้จักรยานเป็นยานพาหนะ ซึ่งสามารถหาเช่าได้ แต่ที่โรงแรมนี้มีให้บริการ หรือจะใช้รถม้าก็ได้คะ
วันทีสองของการเดินทาง 11 July 2014
ตื่นเช้ามาด้วยการกินอาหารเช้า + บรรยากาศดีดี ทำให้เจริญอาหารขึ้นเยอะเลย
บรรยากาศภายในโรงแรม
หลังจากนั้นได้เวลาทัวร์รอบเกาะ ขอบอกก่อนนะว่าถนนรอบเกาะไม่มีถนนลาดยาง บางจุดไม่สามารถปั่นจักรยานได้ เพราะเป็นทราย ทำให้ต้องเข็น
เหนื่อยอีกแล้ว เมื่อปั่นไปเรื่อยๆ ด้วยความอยากรู้ ถีบ ถีบ เข็น เข็น จนสุดหาด แม่เจ้า ทางขาด เอางั้ยต่อ
เอ้าเดินไปสำรวจสิเพื่อน สรุปต้องยกจักรยานข้ามผ่านโขนหิน พร้อมกับน้ำทะเลซัดเข้าชายฝั่ง
วิว Gili Trawangan Island
บางหาดจะมีทรายสีดำปะปน สวยไปอีกแบบ
เมื่อปั่นมาถึงท่าเรือของเกาะ ก็จะเห็นนักท่องเที่ยว ทยอยกันเข้ามาส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเดินทางมาจากท่าเรือบาหลี โดยจะมีเรือของหลายบริษัท
บริเวณท่าเรือจะมีร้านอาหาร ที่พักหลากหลายรูปแบบ ซึ่ง ณ เวลานี้ หิวพอดี มีนักท่องเที่ยวหลากหลายสัญชาติ
เมื่อกินของคาว ก็ต้องต่อด้วยของหวาน ประจำเกาะนี้ (บรรยายกาศช่างเป็นใจ ในการกินข้าวโพดกับวิวทะเลสวยๆ)
ต่อมาช่วงบ่ายแก่ๆ ก็เป็นกิจกรรม ที่เป็นที่นิย ลำพังจะให้อาบแดดก็คงจะไม่ไหว เราเลยสรุปกันว่า เราจะเล่น Stand Up Paddle Board ซึ่งในประเทศไทยยังไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเล่นกันในทะเลที่ไม่มีคลื่น
โดยเราทำการเช่าที่ร้าน I
GT โดยมาอีตา Wendi เป็นคนจัดการให้ ราคาอยู่ที่ 100,000 Rupiah คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 280 บาท ต่อ 1 ชั่วโมง แต่หน้าตาเราเหมือนคนอินโด
wendi เลยแถมให้ อีกครึ่งชม. และเอาเราไป ปล่อยไว้ริมหาด
ลักษณะการเล่น จะเป็นการยืนสวยๆ และพายไปข้างหน้า ฝรั่งเค้าสามารถ แต่ไหงเราไม่สามารถยืนไว้ กลายเป้น Sitting Paddle Board ซะงั้น
1.กลัวตก
2.มีคลื่น
3.พายโต้คลื่น
4.กลัวตกและไม่สามารถกลับขึ้นมาบนบอร์ดได้ บลา บลา บลา ......
โดยกิจกรรมของเรา 1.30 ชม. เราใช้ไปแค่ 30 นาที
ไม่ไหวจริงๆ ยอมแพ้ ถีบจักรยานกัลบโรงแรมกันเถอะเรา ระหว่างทางกลับ เราต้องเติมพลัง โดยน้ำมะพร้าว ลูกโตๆ ในร้านเพลิงบ้านๆ ของชาวบ้านที่น่ารัก
ระหว่างทางกลับโรงแรม เราจะเห็นหน้าหาดของแต่ละโรงแรม เก้าอี้ชายหาด ต้นไม่ ทรายขาวๆ
กลับไปยังโรงแรม เพื่อนที่จะออกมาให้ทันพระอาทิตย์ตก แต่ดันนนนน มาช้าไปนิด
พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปแล้ว
ถึงเวลาอาหารค่ำแล้วสินะ ปั่นจักรยานไปกินอีกฝั่งนึง เพราะร้านอาหารเยอะ ถนนตอนกลางคืนไม่มีไฟ ต้องอาศัยไฟฉายในมือถือ กับแสงจากพระจันทร์
ใช้เวลาปั่นจากโรงแรมไปยังย่านชุมชน ประมาณ 20 นาที (เมื่อยนะเนี่ย)
เหมือนๆ บ้านเรา
Bintang ท้องถิ่นหรอ ต้องลองสินะ
เดี๋ยวจะรีบมาเขียน กิจกรรมดำน้ำ 3 เกาะและวันที่เหลืออีก 4 วันนะจ๊ะ
[CR] 2 สาวแบกเป้ Indonesia 6 วัน (Gili Island , Bromo Mount)
โดยกำหนดการการเดินทาง โดยทางเราจำเป็นต้องบินไฟล์ Domestic เพราะสถานที่ท่องเที่ยวที่จะไปอยู่คนละเมือง
Flight Detail :
10 July 2014 Bangkok 06.15 - 11.30 Denpasar (Bali) โดยสายการบิน Air Asia
10 July 2014 Denpasar (Bali) 15.45 - 16.15 Lombok โดยสารการบิน Lion Air Indonesia
13 July 2014 Lombok 15.45 - 16.05 Surabaya โดยสารการบิน Lion Air Indo
15 July 2014 Surabaya 13.15 - 16.30 Singapore โดยสารการบิน Jet Star
15 July 2014 Singapore 20.40 - 22.05 Bangkok โดยสายการบิน Air Asia
จากสนามบินดอนเมือง สู่สนามบินงูระห์ไร หรือที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ท่าอากาศยานนานาชาติเดนปาซาร์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะบาหลี
หลังจากนั้น ก็หาอะไรทานรองท้อง เพื่อนต่อไฟล์ภายในประเทศไปยัง Lombok ซึ่งต้องเดินไปยัง terminal สำหรับไฟล์ Domestic
เดินทางโดยสายการบิน Lion Air โดยใช้เครื่อง ATR 72 - 600 เป็นเครื่องบินใบพัด ใช้เวลาบินเพียง 30 นาที
ซึ่งบินผ่านภูเขาไฟ.........
เมื่อเดินทางมาถึงสนามบิน Lombok ทางเราได้ทำการจอง Private Transfer ไปยังเกาะ Gili Trawangan โดยตรง
ซึ่งเกาะ จะมีทั้งหมด 3 เกาะ คือ Gili Air, Gili Memo และ Gili Trawangan ซึ่งทางเราเลือกพักที่ Gili Trawangan เนื่องจากมีความหลายหลายของโรงแรม ร้านอาหารเยอะ และวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด
ระยะเวลาจากสนามบินไปถึงท่าเรือ senggigi ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และต่อด้วยเรือสปี๊ดโบ๊ท อีก 20 นาที ก็เดินทางถึงที่หมายในเวลาค่ำ
ที่พักของเราทั้ง 3 คืนบนเกาะ Gili Trawangan ตามลิงค์เลยจร้า
http://www.aston-international.com/eng/hotel-detail/244/aston-sunset-beach-resort---gili-trawangan?
นักท่องเที่ยวบนเกาะนิยมใช้จักรยานเป็นยานพาหนะ ซึ่งสามารถหาเช่าได้ แต่ที่โรงแรมนี้มีให้บริการ หรือจะใช้รถม้าก็ได้คะ
ตื่นเช้ามาด้วยการกินอาหารเช้า + บรรยากาศดีดี ทำให้เจริญอาหารขึ้นเยอะเลย
บรรยากาศภายในโรงแรม
หลังจากนั้นได้เวลาทัวร์รอบเกาะ ขอบอกก่อนนะว่าถนนรอบเกาะไม่มีถนนลาดยาง บางจุดไม่สามารถปั่นจักรยานได้ เพราะเป็นทราย ทำให้ต้องเข็น เหนื่อยอีกแล้ว เมื่อปั่นไปเรื่อยๆ ด้วยความอยากรู้ ถีบ ถีบ เข็น เข็น จนสุดหาด แม่เจ้า ทางขาด เอางั้ยต่อ เอ้าเดินไปสำรวจสิเพื่อน สรุปต้องยกจักรยานข้ามผ่านโขนหิน พร้อมกับน้ำทะเลซัดเข้าชายฝั่ง
วิว Gili Trawangan Island
บางหาดจะมีทรายสีดำปะปน สวยไปอีกแบบ
เมื่อปั่นมาถึงท่าเรือของเกาะ ก็จะเห็นนักท่องเที่ยว ทยอยกันเข้ามาส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเดินทางมาจากท่าเรือบาหลี โดยจะมีเรือของหลายบริษัท
บริเวณท่าเรือจะมีร้านอาหาร ที่พักหลากหลายรูปแบบ ซึ่ง ณ เวลานี้ หิวพอดี มีนักท่องเที่ยวหลากหลายสัญชาติ
เมื่อกินของคาว ก็ต้องต่อด้วยของหวาน ประจำเกาะนี้ (บรรยายกาศช่างเป็นใจ ในการกินข้าวโพดกับวิวทะเลสวยๆ)
ต่อมาช่วงบ่ายแก่ๆ ก็เป็นกิจกรรม ที่เป็นที่นิย ลำพังจะให้อาบแดดก็คงจะไม่ไหว เราเลยสรุปกันว่า เราจะเล่น Stand Up Paddle Board ซึ่งในประเทศไทยยังไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเล่นกันในทะเลที่ไม่มีคลื่น
โดยเราทำการเช่าที่ร้าน I GT โดยมาอีตา Wendi เป็นคนจัดการให้ ราคาอยู่ที่ 100,000 Rupiah คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 280 บาท ต่อ 1 ชั่วโมง แต่หน้าตาเราเหมือนคนอินโด wendi เลยแถมให้ อีกครึ่งชม. และเอาเราไป ปล่อยไว้ริมหาด
ลักษณะการเล่น จะเป็นการยืนสวยๆ และพายไปข้างหน้า ฝรั่งเค้าสามารถ แต่ไหงเราไม่สามารถยืนไว้ กลายเป้น Sitting Paddle Board ซะงั้น
1.กลัวตก
2.มีคลื่น
3.พายโต้คลื่น
4.กลัวตกและไม่สามารถกลับขึ้นมาบนบอร์ดได้ บลา บลา บลา ......
โดยกิจกรรมของเรา 1.30 ชม. เราใช้ไปแค่ 30 นาที
ไม่ไหวจริงๆ ยอมแพ้ ถีบจักรยานกัลบโรงแรมกันเถอะเรา ระหว่างทางกลับ เราต้องเติมพลัง โดยน้ำมะพร้าว ลูกโตๆ ในร้านเพลิงบ้านๆ ของชาวบ้านที่น่ารัก
ระหว่างทางกลับโรงแรม เราจะเห็นหน้าหาดของแต่ละโรงแรม เก้าอี้ชายหาด ต้นไม่ ทรายขาวๆ
กลับไปยังโรงแรม เพื่อนที่จะออกมาให้ทันพระอาทิตย์ตก แต่ดันนนนน มาช้าไปนิด พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปแล้ว
ถึงเวลาอาหารค่ำแล้วสินะ ปั่นจักรยานไปกินอีกฝั่งนึง เพราะร้านอาหารเยอะ ถนนตอนกลางคืนไม่มีไฟ ต้องอาศัยไฟฉายในมือถือ กับแสงจากพระจันทร์ ใช้เวลาปั่นจากโรงแรมไปยังย่านชุมชน ประมาณ 20 นาที (เมื่อยนะเนี่ย)
เหมือนๆ บ้านเรา
Bintang ท้องถิ่นหรอ ต้องลองสินะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น