กราบสวัสดีชาวพันทิปงามๆสามครั้งไม่แบมืออีกรอบนะเจ้าคะ
เนื่องจากกระทู้ที่แล้วได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม(วัดโดยใช้สเกลไม่มาตรฐานอีกตามเคย) จขกท.เลยฮึกเหิมอยากจะเขียนกระทู้อีกสักรอบ โดยในคราวนี้จขกท.จะพาท่านไปสัมผัสกับประสบการณ์การใช้ชีวิตในหมู่บ้านที่ครั้งหนึ่งเคยโดนสึนามิพัดถล่มในปี 2011 มาแล้ว!(ผ่างๆๆ! ช่วยกันตกใจเป็นเพื่อน จขกท.หน่อยนะเคอะ)
หลายคนอาจสงสัยว่า เอ๊ะ ทำไมจขกท.มันใช้ชีวิตวนเวียนแต่กับภัยพิบัติเหลือเกิน หรือจริงๆแล้วหล่อนคือตัวนำภัยพิบัติมาสู่มนุษยชาติ(มโนขั้นสุด)
จขกท.ขอเท้าความในสปอยล์นิดนึง ใครอยากอ่านก็กดเปิดดูเลยฮ่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า จขกท.ได้เข้าร่วมโครงการ JENESYS 2.0 Disaster Prevention โดยทางญี่ปุ่นจัดร่วมกับสท.ของบ้านเรา
ขั้นตอนการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการก็มีอยู่ 2 ประเภทคือ 1.สมัครเข้าร่วมโดยผ่านทางมหาวิทยาลัย กับ2.ตัวสำรองที่เคยสมัครสอบโครงการ JENESYS 2.0 แบบแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมคราวที่แล้ว ทางสท.จะเป็นฝ่ายโทรแจ้งเองว่า เราได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโปรแกรมนี้ค่ะ จขกท.เป็นแบบที่ 2 นะเคอะ เลยไม่รู้ว่าเค้าไปประชาสัมพันธ์โครงการกันตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ไปนั่งปฐมนิเทศเรียบร้อยแล้ว
โครงการนี้จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักในการให้ความรู้เกี่ยวกับด้านการรับมือกับภัยพิบัติแก่ผู้เข้าร่วมโครงการโดยสามารถนำไปเผยแพร่ต่อไปในประเทศตนได้, การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับประเทศผู้เข้าร่วมและที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยในด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
ผู้เข้าร่วมโครงการก็เป็นนิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วประเทศจำนวน 72 คน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มแพทย์และพยาบาล กลุ่มวิศวกรรมศาสตร์(รวมสถาปัตย์) และกลุ่มสังคมศาสตร์(รวมแนวอักษร บัญชีเศรษฐศาสตร์และนิติด้วย)ค่ะ จากนั้นก็จะจับกลุ่มแบ่งย่อยซอยถี่ลงไปอีกสเตปแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ Iwate กับ Miyagi โดยกลุ่ม Iwate จะเป็นวิศวะ 24 คน สังคม 12 คน อีกกลุ่มคือ Miyagi จะเป็นแพทย์และพยาบาล 24 คน สังคม 12 คน จขกท.อยู่กลุ่ม Miyagi ค่ะ
โครงการนี้ จขกท.ให้ 10 เต็ม 10 เนื่องจากดูแลผู้ร่วมโครงการดีม๊ากมาก ความรู้แน่น ความสนุกเพียบ เพื่อนดี ชีวิตดีค่ะ
จขกท.เดินทางออกจากโตเกียวมุ่งสู่เมืองเซนไดโดยสารรถไฟชินคันเซน ขึ้นที่ Tokyo Station ช่วงเวลาที่ไปอนุมานเอาได้ว่าคงเป็นช่วงเวลาเร่งรีบของที่นั่น เพราะคนเยอะเดินสับเท้ากันพึ่บพั่บๆ(ขนาดวันเสาร์นะเนี่ย) บนชานชาลามีของฝากกระจุกกระจิกน่ารักอย่างช้อนส้อมชินคันเซน รถไฟชินคันเซน สมเป็นประเทศที่ทุกย่างก้าวมีของก่อกิเลสให้เงินปลิวหลุดจากกระเป๋าได้จริงๆค่ะ
สิ่งที่ตื่นตาตื่นใจของ จขกท.คือ เบาะรถมันหมุนกลับด้านเองได้
.
.
.
.
โอ้ววววว แม่เจ้า นึกว่าผีหลอก
ตอนนั้นก็ยืนชิวๆคุยกับเพื่อนรอขึ้นรถอยู่ ซักพักหางตาก็เหลือบไปเห็นเก้าอี้กำลังหมุนกึก
เห้ย...เอาแล้ว
นึก(มโน)ว่าตัวเองเป็นคุณริว จิตสัมผัส เลยแอบมองไปเรื่อยๆ อ้าว...มันก็หมุนกันทั้งรถเลยนี่หว่า เลยเข้าใจได้เองว่า ของเค้าไฮเทคจริงๆ (นั่ง TGV ยังต้องดูวิวแบบย้อนหลัง มึนหัวแทบสำรอกอาหารกลางวันเลยล่ะค่ะ)
มโนว่าตัวเองมีสัมผัสพิเศษเสร็จก็จับจองที่นั่งสำหรับอีกสองชั่วโมงถัดไปกันล่ะที่นี้ เบาะสองคนหรือสามคนก็ว่ากันไป
เนื่องจากชินคันเซนเป็นรถไฟที่วิ่งเร็วมาก การจะถ่ายวิวโดยใช้กล้องกากๆและคนถ่ายที่กากกว่าจึงเป็นไปได้ยากมาก เพราะขณะกำลังจะกดชัตเตอร์ อ่ะ แชะ... กลายเป็นอุโมงค์ไปในพริบตา
กดๆถ่ายๆอุโมงค์นี้อยู่หลายรอบ เพราะรถลอดอุโมงค์บ่อยมาก เลยหมดอารมณ์เก็บกล้องและเก็บบรรยากาศด้วยตาแทนค่ะ วิวในเมืองกับนอกเมืองนี่ต่างกับลิบลับ ตึกรามระฟ้าหายไปเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวกับภูเขาตัดกับท้องฟ้าสีจัดในฤดูร้อน ขอดื่มด่ำบรรยากาศแบบนี้ไปก่อนละกันนะคะ
ดื่มด่ำซักพักก็หลับค่ะ คร่อก...หลับกันทั้งรถเลยด้วย 555 ทางเจ้าหน้าที่รถไฟก็นำรถเข็นมาขายของเป็นระยะๆ มีทั้งของกินของฝากตามแคตตาล็อกหน้าเบาะเลยค่ะ
[SR] กาลครั้งหนึ่ง เมื่อฉันได้ไปใช้ชีวิตในหมู่บ้านที่ครั้งหนึ่งเคยโดนสึนามิพัดถล่มในปี 2011 มาแล้ว
เนื่องจากกระทู้ที่แล้วได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม(วัดโดยใช้สเกลไม่มาตรฐานอีกตามเคย) จขกท.เลยฮึกเหิมอยากจะเขียนกระทู้อีกสักรอบ โดยในคราวนี้จขกท.จะพาท่านไปสัมผัสกับประสบการณ์การใช้ชีวิตในหมู่บ้านที่ครั้งหนึ่งเคยโดนสึนามิพัดถล่มในปี 2011 มาแล้ว!(ผ่างๆๆ! ช่วยกันตกใจเป็นเพื่อน จขกท.หน่อยนะเคอะ)
หลายคนอาจสงสัยว่า เอ๊ะ ทำไมจขกท.มันใช้ชีวิตวนเวียนแต่กับภัยพิบัติเหลือเกิน หรือจริงๆแล้วหล่อนคือตัวนำภัยพิบัติมาสู่มนุษยชาติ(มโนขั้นสุด)
จขกท.ขอเท้าความในสปอยล์นิดนึง ใครอยากอ่านก็กดเปิดดูเลยฮ่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จขกท.เดินทางออกจากโตเกียวมุ่งสู่เมืองเซนไดโดยสารรถไฟชินคันเซน ขึ้นที่ Tokyo Station ช่วงเวลาที่ไปอนุมานเอาได้ว่าคงเป็นช่วงเวลาเร่งรีบของที่นั่น เพราะคนเยอะเดินสับเท้ากันพึ่บพั่บๆ(ขนาดวันเสาร์นะเนี่ย) บนชานชาลามีของฝากกระจุกกระจิกน่ารักอย่างช้อนส้อมชินคันเซน รถไฟชินคันเซน สมเป็นประเทศที่ทุกย่างก้าวมีของก่อกิเลสให้เงินปลิวหลุดจากกระเป๋าได้จริงๆค่ะ
สิ่งที่ตื่นตาตื่นใจของ จขกท.คือ เบาะรถมันหมุนกลับด้านเองได้
.
.
.
.
โอ้ววววว แม่เจ้า นึกว่าผีหลอก
ตอนนั้นก็ยืนชิวๆคุยกับเพื่อนรอขึ้นรถอยู่ ซักพักหางตาก็เหลือบไปเห็นเก้าอี้กำลังหมุนกึก
เห้ย...เอาแล้ว
นึก(มโน)ว่าตัวเองเป็นคุณริว จิตสัมผัส เลยแอบมองไปเรื่อยๆ อ้าว...มันก็หมุนกันทั้งรถเลยนี่หว่า เลยเข้าใจได้เองว่า ของเค้าไฮเทคจริงๆ (นั่ง TGV ยังต้องดูวิวแบบย้อนหลัง มึนหัวแทบสำรอกอาหารกลางวันเลยล่ะค่ะ)
มโนว่าตัวเองมีสัมผัสพิเศษเสร็จก็จับจองที่นั่งสำหรับอีกสองชั่วโมงถัดไปกันล่ะที่นี้ เบาะสองคนหรือสามคนก็ว่ากันไป
เนื่องจากชินคันเซนเป็นรถไฟที่วิ่งเร็วมาก การจะถ่ายวิวโดยใช้กล้องกากๆและคนถ่ายที่กากกว่าจึงเป็นไปได้ยากมาก เพราะขณะกำลังจะกดชัตเตอร์ อ่ะ แชะ... กลายเป็นอุโมงค์ไปในพริบตา
กดๆถ่ายๆอุโมงค์นี้อยู่หลายรอบ เพราะรถลอดอุโมงค์บ่อยมาก เลยหมดอารมณ์เก็บกล้องและเก็บบรรยากาศด้วยตาแทนค่ะ วิวในเมืองกับนอกเมืองนี่ต่างกับลิบลับ ตึกรามระฟ้าหายไปเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวกับภูเขาตัดกับท้องฟ้าสีจัดในฤดูร้อน ขอดื่มด่ำบรรยากาศแบบนี้ไปก่อนละกันนะคะ
ดื่มด่ำซักพักก็หลับค่ะ คร่อก...หลับกันทั้งรถเลยด้วย 555 ทางเจ้าหน้าที่รถไฟก็นำรถเข็นมาขายของเป็นระยะๆ มีทั้งของกินของฝากตามแคตตาล็อกหน้าเบาะเลยค่ะ