มิเตอร์ที่บ้านเริ่มมีปัญหาเมื่อตอนต้นเดือนเมษายนค่ะ ซึ่งก็คือรอบการใช้น้ำของเดือนมีนาคม พนักงานที่มาอ่านค่าบอกว่าจะแจ้งทางประปาให้มาเปลี่ยนให้ เดือนนี้จึงยังไม่เรียกเก็บ
พอมาถึงต้นเดือนพฤษภาคมก็ยังไม่มีพนักงานมาเปลี่ยนให้ เมื่อพนักงานมาอ่านค่าเค้าบอกว่า ให้เราไปแจ้งเปลี่ยนเอง พร้อมคิดเงินรวบยอด 2 เดือนเป็นจำนวน 1,057 บาท แบ่งเป็นของเดือนเมษา 1,000 ลิตร 150 บาท (รอบการใช้น้ำเดือนมีนา) เดือนพฤษภา 39,000 ลิตร 778 บาท (รอบการใช้น้ำเดือนเมษา) รวมค่าบริการกับภาษีก็พันกว่า (โดยมีเลขในมาตรอยู่ที่ 5141 จากครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนมีนา 5101)
ทีนี้ทางเราก็ไม่ว่างไปแจ้งเปลี่ยนเดือนมิถุนากับกรกฏาจึงเป็นค่าน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 14,000 ลิตร รวมค่าบริการกับภาษีเป็นเงิน 299.60 บาท
(ในบิลค่าน้ำระบุว่าเลขในมาตรครั้งก่อน 5141 และเลขในมาตรครั้งนี้ 5141 คือ มาตรน้ำหยุดเดินที่เลขนี้)
เราได้ไปทำการแจ้งเปลี่ยนมาตรราวๆวันที่ 21 หรือ 22 กรกฏาคมไม่แน่ใจนัก มีพนักงานมาเปลี่ยนให้ในวันที่ 24 แต่เปลี่ยนให้อย่างไรไม่ทราบท่อน้ำรั่ว กว่าจะมาแก้ไขให้ก็วันที่ 25 ตอนหกโมงครึ่ง มาแล้วก็ทำไม่ได้นะคะ ไม่มีอะไหล่ กว่าบ้านเราจะใช้น้ำได้ก็วันที่ 26 บ่าย
พอถึงต้นเดือนสิงหาคือซึ่งก็คือรอบการใช้น้ำของเดือนกรกฏา มีเลขในมาตรตัวใหม่อยู่ที่ 5 (เท่ากับ 5,000 ลิตร) แต่มีการแจ้งในบิลว่า
มีน้ำค้างในมาตรอยู่ 79,000 ลิตร รวมเงินที่ต้องชำระ 1,964.52 บาท
คือมันเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ยคะ ที่จะมีน้ำค้างอยู่ในมาตร เพราะเลขมันหยุดอยู่ที่ 5141 ซึ่งได้ทำการชำระไปแล้วในบิลเดือนพฤษภา แล้วโดยปกติที่บ้านจะใช้น้ำอยู่ 17,000 - 23,000 ลิตร มีที่ใช้น้อยกว่าแต่ไม่เกินนี้ ค่าน้ำจะอยู่ที่ 380 - 490 บาท ไม่เคยเกิน 500 บาท
โทรไปถาม call center ว่ากรณีมาตรน้ำตายคิดเงินอย่างไร เค้าบอกว่าจะเอายอดก่อนที่มาตรจะตาย 3 เดือนย้อนหลังมาคิดค่าเฉลี่ย (ซึ่งยอด 14,000 ลิตรของเดือนมิถุนาและกรกฏาน่าจะถูกต้อง)
ดังนั้นตามความคิดเรา ก็น่าจะเป็นค่าเฉลี่ย 14,000 + 5,000 ลิตรของเดือนนี้ ซึ่งค่าน้ำก็ไม่น่าเกิน 500 บาท
เราเลยไปการประปาเมื่อวันจันทร์ (4/8/57) เพื่อสอบถามว่า 79,000 ลิตรมาจากไหน เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องก็ดูข้อมูลการใช้น้ำแล้วก็คิ้วขมวดนิดนึงอ่ะค่ะ ได้ยินเค้างึมงัมกับตัวเองว่าเฉลี่ยผิดรึเปล่า แล้วก็ขอเบอร์ติดต่อบอกว่าเดี๋ยวจะให้เจ้าหน้าที่เช็คอีกทีแล้วจะติดต่อกลับไป ส่วนบิลใบนี้อย่าเพิ่งไปจ่าย
แต่วันนี้ก็ยังไม่มีใครติดต่อมาเลยค่ะ เราอาจจะคิดมากไปก็ได้ พนักงานอาจจะยุ่งจนยังไม่ได้เช็คให้ แต่มันก็เป็นกังวลอ่ะค่ะ เพราะคิดว่าไม่น่าจะใช้เวลานาน กลัวว่าเดี๋ยวจะเลยกำหนดจ่ายแล้วยังไม่ได้เรื่องเราจะโดนตัดน้ำอีก คือถ้าพรุ่งนี้ยังไม่มีการติดต่อมาเราว่าวันพฤหัสเราจะเข้าไปอีก
จึงอยากขอคำปรึกษากับท่านสมาชิกทุกท่านค่ะ
- ถ้าจำนวนน้ำ 79,000 ลิตรเป็นค่าที่ถูกต้องที่เราต้องจ่ายจริง เราจะขอให้เค้าชี้แจงได้มั้ยว่าตัวเลขนี้มาจากไหน คือเราไม่มีปัญหาถ้าต้องจ่าย แต่เราก็อยากรู้ เพราะตัวเลขต้องมีที่มาที่ไป และทางประปามีสิทธิจะไม่ชี้แจงเราได้หรือไม่
- กรณีมาตรน้ำตายมีวิธีคิดเงินอื่นนอกจากเอาค่าเฉลี่ยของ 3 เดือนมาคิดรึเปล่าคะ คือตอนไปยื่นเรื่องมีพนักงานอีกคนบอกว่ามีกำหนดอัตรารายวันต้องคิดลงไปด้วย (เราก็ไม่เข้าใจเพราะรู้สึกว่าคิดยังไงก็ไม่น่าจะได้เท่านี้ เธอเลยบอกให้เราไปถามหัวหน้าเธอเอาเองซึ่งก็คือคนที่บอกกับเราว่าจะตรวจสอบให้ใหม่แล้วจะติดต่อกลับไป) มีใครพอมีประสบการณ์หรือทราบวิธีคิดพอจะแนะเราได้บ้างมั้ยคะ
ของที่บ้านเป็นการประปาส่วนภูมิภาคค่ะ ผู้ใช้น้ำประเถท 241(T2) คิดอัตราค่าน้ำแบบขั้นบันได
0 - 10 คิดหน่วยละ 17 บาท
11 - 20 " 20 บาท
21 - 30 " 21 บาท
31 - 50 " 22 บาท
ขอคำปรึกษาเรื่องการคิดค่าน้ำกรณีมาตรวัดน้ำตายค่ะ (เดือนนี้ถูกเรียกเก็บมากกว่าปกติ 3 เท่า)
พอมาถึงต้นเดือนพฤษภาคมก็ยังไม่มีพนักงานมาเปลี่ยนให้ เมื่อพนักงานมาอ่านค่าเค้าบอกว่า ให้เราไปแจ้งเปลี่ยนเอง พร้อมคิดเงินรวบยอด 2 เดือนเป็นจำนวน 1,057 บาท แบ่งเป็นของเดือนเมษา 1,000 ลิตร 150 บาท (รอบการใช้น้ำเดือนมีนา) เดือนพฤษภา 39,000 ลิตร 778 บาท (รอบการใช้น้ำเดือนเมษา) รวมค่าบริการกับภาษีก็พันกว่า (โดยมีเลขในมาตรอยู่ที่ 5141 จากครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนมีนา 5101)
ทีนี้ทางเราก็ไม่ว่างไปแจ้งเปลี่ยนเดือนมิถุนากับกรกฏาจึงเป็นค่าน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 14,000 ลิตร รวมค่าบริการกับภาษีเป็นเงิน 299.60 บาท
(ในบิลค่าน้ำระบุว่าเลขในมาตรครั้งก่อน 5141 และเลขในมาตรครั้งนี้ 5141 คือ มาตรน้ำหยุดเดินที่เลขนี้)
เราได้ไปทำการแจ้งเปลี่ยนมาตรราวๆวันที่ 21 หรือ 22 กรกฏาคมไม่แน่ใจนัก มีพนักงานมาเปลี่ยนให้ในวันที่ 24 แต่เปลี่ยนให้อย่างไรไม่ทราบท่อน้ำรั่ว กว่าจะมาแก้ไขให้ก็วันที่ 25 ตอนหกโมงครึ่ง มาแล้วก็ทำไม่ได้นะคะ ไม่มีอะไหล่ กว่าบ้านเราจะใช้น้ำได้ก็วันที่ 26 บ่าย
พอถึงต้นเดือนสิงหาคือซึ่งก็คือรอบการใช้น้ำของเดือนกรกฏา มีเลขในมาตรตัวใหม่อยู่ที่ 5 (เท่ากับ 5,000 ลิตร) แต่มีการแจ้งในบิลว่า
มีน้ำค้างในมาตรอยู่ 79,000 ลิตร รวมเงินที่ต้องชำระ 1,964.52 บาท
คือมันเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ยคะ ที่จะมีน้ำค้างอยู่ในมาตร เพราะเลขมันหยุดอยู่ที่ 5141 ซึ่งได้ทำการชำระไปแล้วในบิลเดือนพฤษภา แล้วโดยปกติที่บ้านจะใช้น้ำอยู่ 17,000 - 23,000 ลิตร มีที่ใช้น้อยกว่าแต่ไม่เกินนี้ ค่าน้ำจะอยู่ที่ 380 - 490 บาท ไม่เคยเกิน 500 บาท
โทรไปถาม call center ว่ากรณีมาตรน้ำตายคิดเงินอย่างไร เค้าบอกว่าจะเอายอดก่อนที่มาตรจะตาย 3 เดือนย้อนหลังมาคิดค่าเฉลี่ย (ซึ่งยอด 14,000 ลิตรของเดือนมิถุนาและกรกฏาน่าจะถูกต้อง)
ดังนั้นตามความคิดเรา ก็น่าจะเป็นค่าเฉลี่ย 14,000 + 5,000 ลิตรของเดือนนี้ ซึ่งค่าน้ำก็ไม่น่าเกิน 500 บาท
เราเลยไปการประปาเมื่อวันจันทร์ (4/8/57) เพื่อสอบถามว่า 79,000 ลิตรมาจากไหน เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องก็ดูข้อมูลการใช้น้ำแล้วก็คิ้วขมวดนิดนึงอ่ะค่ะ ได้ยินเค้างึมงัมกับตัวเองว่าเฉลี่ยผิดรึเปล่า แล้วก็ขอเบอร์ติดต่อบอกว่าเดี๋ยวจะให้เจ้าหน้าที่เช็คอีกทีแล้วจะติดต่อกลับไป ส่วนบิลใบนี้อย่าเพิ่งไปจ่าย
แต่วันนี้ก็ยังไม่มีใครติดต่อมาเลยค่ะ เราอาจจะคิดมากไปก็ได้ พนักงานอาจจะยุ่งจนยังไม่ได้เช็คให้ แต่มันก็เป็นกังวลอ่ะค่ะ เพราะคิดว่าไม่น่าจะใช้เวลานาน กลัวว่าเดี๋ยวจะเลยกำหนดจ่ายแล้วยังไม่ได้เรื่องเราจะโดนตัดน้ำอีก คือถ้าพรุ่งนี้ยังไม่มีการติดต่อมาเราว่าวันพฤหัสเราจะเข้าไปอีก
จึงอยากขอคำปรึกษากับท่านสมาชิกทุกท่านค่ะ
- ถ้าจำนวนน้ำ 79,000 ลิตรเป็นค่าที่ถูกต้องที่เราต้องจ่ายจริง เราจะขอให้เค้าชี้แจงได้มั้ยว่าตัวเลขนี้มาจากไหน คือเราไม่มีปัญหาถ้าต้องจ่าย แต่เราก็อยากรู้ เพราะตัวเลขต้องมีที่มาที่ไป และทางประปามีสิทธิจะไม่ชี้แจงเราได้หรือไม่
- กรณีมาตรน้ำตายมีวิธีคิดเงินอื่นนอกจากเอาค่าเฉลี่ยของ 3 เดือนมาคิดรึเปล่าคะ คือตอนไปยื่นเรื่องมีพนักงานอีกคนบอกว่ามีกำหนดอัตรารายวันต้องคิดลงไปด้วย (เราก็ไม่เข้าใจเพราะรู้สึกว่าคิดยังไงก็ไม่น่าจะได้เท่านี้ เธอเลยบอกให้เราไปถามหัวหน้าเธอเอาเองซึ่งก็คือคนที่บอกกับเราว่าจะตรวจสอบให้ใหม่แล้วจะติดต่อกลับไป) มีใครพอมีประสบการณ์หรือทราบวิธีคิดพอจะแนะเราได้บ้างมั้ยคะ
ของที่บ้านเป็นการประปาส่วนภูมิภาคค่ะ ผู้ใช้น้ำประเถท 241(T2) คิดอัตราค่าน้ำแบบขั้นบันได
0 - 10 คิดหน่วยละ 17 บาท
11 - 20 " 20 บาท
21 - 30 " 21 บาท
31 - 50 " 22 บาท