แบบนี้พอจะเป็นเรื่องสั้นได้ไหมคะ "การบ้านของฉัน"

เรื่องสั้น...การบ้านของฉัน


ถึงไอน้ำ หลานรักของน้า

                       ตามที่หลานได้ขอร้องให้น้าได้ช่วยเล่าเหตุการณ์การรัฐประหารในประเทศไทยให้หลานทราบ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการทำรายงานส่งคุณครูนั้น น้าได้ส่งข้อมูลมาให้หลานแล้ว และส่วนที่เหลือจะส่งมาเพิ่มเติมในวันหลังอีกต่อไป


                       สมัยนานมาแล้วตอนข้าพเจ้ายังเด็กข้าพเจ้าจำได้ว่าผลงานชิ้นเยี่ยมของรัฐบาลที่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทุกสี่ปีตามครรลองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ประสบความสำเร็จและประทับใจอย่างยิ่งของข้าพเจ้าคือการส่งเสริมการท่องเที่ยว รัฐบาลสมัยนั้นเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้มาก

                       นั่นเป็นเมื่อสมัยยี่สิบกว่าปีก่อนซึ่งก็ผ่านมานานมากแล้ว ข้าพเจ้าในตอนนั้นอายุประมาณสิบสามสิบสี่ปีขณะกำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น วัยเด็กของข้าพเจ้านั้นมองอะไรก็สดใสไปหมด ไม่มีสิ่งใดเคลือบแฝง คิดเห็นอย่างไรก็เกิดความรู้สึกตามนั้นไม่มีสิ่งใดมาเจือปนให้เข้าข้างสิ่งนั้นสิ่งนี้ รัฐบาลในสายตาของข้าพเจ้าจึงดูบริสุทธิ์ ยิ่งใหญ่ และมีอำนาจมาก...

                        ฉันพักสายตาสักครู่โดยมองไปที่ต้นไม้หน้าบ้าน เห็นต้นมะม่วงกำลังออกผลเล็กๆ ส่วนต้นน้อยหน่าริมรั้วก็มีลูกเต็มต้น มองเห็นหลังคุณพ่อกำลังเดินเข็นรถเข็นเอาหัวอาหารและข้าวเปลือกไปให้ไก่ที่เล้าซึ่งอยู่บริเวณใกล้ท้องนาตรงข้ามบ้านของฉัน แล้วฉันก็อ่านข้อความที่คุณน้าส่งมาให้ต่อไป

                           ...สมัยโน้นการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งน่าจะอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์แล้วจึงเลือกตั้งได้หากข้าพเจ้าจำไม่ผิด ข้าพเจ้าไม่เคยคิดว่าจะไม่ไปเลือกตั้ง การเลือกตั้งสำหรับข้าพเจ้าก็คือการทำหน้าที่ของพลเมืองดี ตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด และเป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทยทุกคนที่ต้องออกไปใช้สิทธิ์เลือกตัวแทนเข้าไปทำงานในสภาผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติ ในวิชาสังคมศึกษานักเรียนทุกคนก็เรียนรู้กันถ้วนทั่ว

                         เหตุการณ์บ้านเมืองขณะนั้นอยู่ในภาวะปกติสุขดี สงบทั้งอีสาน เหนือ กลาง ใต้  ออก ตก คนไทยทุกหมู่เหล่าทุกภาคเป็นคนยิ้มง่ายอัธยาศัยดี สมดังสโลแกน “สยามเมืองยิ้ม”  ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะตกสะเก็ดเสียดุลการค้าระหว่างประเทศมากมาย แต่ก็ยังมีพ่อค้าหัวใสนำสินค้าต่างๆออกมาผ่อนขายให้ประชาชนได้เลือกผ่อนซื้อ  ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดต่างๆ รถจักรยานยนต์  หรือรถยนต์ เป็นต้น  สวนทางกับเศรษฐกิจในขณะนั้นที่ไม่สู้จะดีนัก

                         ไม่กี่ปีต่อมาเมื่อข้าพเจ้าสอบเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้  ก่อนหน้าข้าพเจ้าเดินทางไปพักอาศัยในหอพักของมหาวิทยาลัยก็เกิดเหตุการณ์วุ่นวายของบ้านเมืองเรา โดยมีม็อบขนาดใหญ่ขึ้นที่กรุงเทพมหานครฯ  ข้าพเจ้าได้รับข่าวสารจากเครื่องรับโทรทัศน์เป็นเวลาต่อเนื่องหลายวัน และโทรทัศน์เครื่องนั้นก็เป็นสื่ออย่างเดียวที่ทำให้ข้าพเจ้าได้เห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆของม็อบ

                         โดยปกตินอกเหนือการติดตามชมละครหลังข่าวภาคค่ำในบางวันแล้ว ข่าวเด่นประเด็นต่างๆที่น่าสนใจข้าพเจ้าก็ติดตามด้วยเช่นเดียวกัน ข่าวเด่นทีสุดและเด่นมากกว่าละครเรื่องใดในขณะนั้นก็คือข่าวม็อบในประเทศไทยซึ่งต่อต้านคณะรัฐประหารจากกลุ่มทหาร ภายหลังการยึดอำนาจจากนายกรัฐมนตรีที่ได้มาจากกระบวนการเลือกตั้งของประชาชน

                         คณะรัฐประหารได้ยึดอำนาจไว้เป็นเวลาประมาณหนึ่งปี ก่อนที่ม็อบจากประชาชนจะเกิดขึ้นด้วยสาเหตุว่าประชาชนที่รวมตัวกันเป็นม็อบมองว่าการทำการรัฐประหารในครั้งนั้นไม่เป็นการแสดงออกถึงการได้มาซึ่งอำนาจอธิปไตยโดยแท้จริง ส่วนทหารก็ให้เหตุผลว่ารัฐบาลมีการทุจริต (แบบผู้ดีอย่างหนัก ในสายตาของข้าพเจ้า)

                             ข้าพเจ้าแปลกใจพอสมควรที่ทหารมีโอกาส และอำนาจในการยึดอำนาจการปกครองประเทศไทยจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน  เพราะตั้งแต่เกิดมาจนอายุสิบแปดปีข้าพเจ้าก็เห็นเมืองไทยมีแต่ความสงบเรียบร้อยไม่มีเหตุการณ์น่าตกอกตกใจเช่นนี้ เกิดขึ้นเลย

                          จำได้ลางๆว่าการยึดอำนาจโดยการทำรัฐประหารของเหล่าทหารหาญนั้น ไม่มีการเสียเลือดเนื้อมีแต่การเสียอำนาจของฝ่ายรัฐบาล และม็อบนั้นก็ชุมนุมกันอย่างราบเรียบปกติดีไม่เสียเลือดเสียเนื้อแต่อย่างใดดังข่าวต่างๆที่เสนอบนจอโทรทัศน์สู่สาธารณะชนทั่วไปได้รับรู้ บางคราก็มีข่าวกระเซ็นกระสายออกมาจากแหล่งอื่นว่ามีการฆ่าฟันกัน จะโดยเหตุใดหรือเป็นความจริงหรือไม่นั้นข้าพเจ้าก็ไม่ได้สนใจนัก เพราะคิดว่าที่เห็นด้วยสื่อไม่น่ามีการนองเลือดถึงขั้นเสียชีวิตเกิดขึ้น....

                        ฉันเริ่มรู้สึกหดหู่ เพราะเดาเหตุการณ์ที่คุณน้าเล่าให้ฟัง บรรยากาศของบ้านเมืองในขณะนั้นคงจะไม่ปรองดอง มีการกระทบกระทั่งระหว่างผู้นำทางการเมืองและทางการทหารอย่างแน่นอนแต่ใคร หรือฝ่ายใดจะเป็นผู้ที่ถูกหรือผิดน้อยที่สุดนั้นฉันก็ไม่อาจทราบได้ หวังแค่ไม่ให้มีการนองเลือดจริงๆจังๆตามมาเลย

                         ..การพักที่หอพักนักศึกษา การร่วมกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่ การทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับรุ่นพี่ เปิดโอกาสให้ข้าพเจ้าได้รับรู้รับทราบเรื่องราวต่างๆของม็อบพอสมควร ที่บอร์ดของนักศึกษามีรูปภาพที่ถ่ายจากกล้องถ่ายภาพจำนวนมากแปะไว้ ข้าพเจ้าเดินเขาไปดูโดยไม่คิดว่าภาพม็อบที่ข้าพเจ้าสนใจนั้นจะมีภาพที่ข้าพเจ้านึกไม่ถึงอยู่ด้วย

                         ข้าพเจ้ารู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่งที่เห็นภาพคนในม็อบเสียชีวิต ภาพเลือดสีแดงเปรอะเปื้อนร่างผู้เสียชีวิตมากมายยังติดตาข้าพเจ้ามาจนบัดนี้ เหตุใดจึงมีการทำร้ายประชาชนข้าพเจ้าไม่เข้าใจเลยสักนิด แม้ว่าสื่อจะเคยนำเสนอข่าวออกมาว่าไม่มีการทำร้ายใครในม็อบจนเสียชีวิต แต่ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้ากลับคือภาพแห่งประวัติศาสตร์ด้านลบที่นำเสนอโดยคณะนักศึกษาซึ่งอายุก็อยู่ในวัยเยาวชนเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งบางคนก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะแต่อย่างใด...

                          น้ำตาของฉันเริ่มไหลรินคลอหน่วยตาทั้งคู่ ฉันสะอื้นไห้กับเรื่องราวในอดีตที่คุณน้าของฉันเจอ ก้มลงดึงคอเสื้อยืดสีเหลืองมาซับน้ำตา  เหตุการณ์ครั้งนั้นคงคล้ายกับการปะทะกันระหว่างกลุ่มการเมืองสองขั้วที่ฉันรับรู้ตลอดห้าหกปีมานี้ ฉันมองเห็นข่าวความชุลมุนวุ่นวายรถหลายคันเกิดเพลิงไหม้ การพูดจาปราศรัยอย่างรุนแรงผ่านทางโทรทัศน์

                           เหตุการณ์ที่ประชาชนบางกลุ่มแสดงออกถึงความไม่พอใจในการยึดอำนาจจากรัฐบาลชุดเก่าโดยคณะผู้ยึดอำนาจอ้างว่าเกิดการทุจริตคอรัปชั่นเหมือนเช่นในอดีตหลายครั้งหลายครา  และอดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งวางนโยบายเกี่ยวกับโครงการต่างๆเพื่อลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน เช่น โครงการสามสิบบาทรักษาทุกโรค หรือโครงการโอท็อป ท่านนั้นก็ไม่ได้กลับมาบ้านเกิดเมืองนอนของเขาอีกเลยหลังจากปี 2549 เป็นต้นมา


                         ...เหตุการณ์รัฐประหารครานั้นจึงเป็นเหตุการณ์แรกในชิวิตของข้าพเจ้าที่ได้สัมผัสโดยตรงจากสื่อสารมวลชนหลักและในรั้วมหาวิทยาลัยในประเทศไทย.

(วันนี้น้าจบแค่นี้ก่อนนะไอน้ำ หากมีเวลาจะเพิ่มเติมให้อีก...ตั้งใจเรียนนะคะหลานรัก)
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าเอาความยาวของเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบก็นับได้ว่าเป็นเรื่องสั้นค่ะ แต่ส่วนที่สำคัญในการเขียนเรื่องสั้น คือ เนื้อหาสาระที่อยู่ข้างใน และการดำเนินเรื่องด้วย ซึ่งเรื่องสั้น (คือ เรื่องสั้นจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องสั้นขนาดยาวที่อาจจะมี 3-4 ตอนจบ เพื่อให้เก็บความได้หมด) มักจะมีใจความสำคัญอยู่แค่ใจความเดียว หรือมีปมขัดแย้งสำคัญในเรื่องปมเดียว และสามารถคลี่คลายหรือนำไปสู่จุดจบได้ภายในตอนนั้นเองเลย


อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องใส่ใจด้วย แม้ว่าเรื่องสั้นจะเป็นเรื่องแต่งก็ตาม คือ ความสมจริงและความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ในเรื่องค่ะ เพราะเราเขียนเพื่อให้คนอ่านคิดตามและเชื่อในสิ่งที่เราเล่าว่ามันเป็นไปได้ ซึ่งในเรื่องนี้ ส่วนตัวอ่านแล้วก็จะมีคำถามนิดหน่อยว่า ทำไมครูถึงให้การบ้านในลักษณะนี้ แทนที่จะให้เด็กไปค้นคว้าเอง ซึ่งเหมาะกับการเรียนการสอนในระดับมัธยมปลายมากกว่า เป็นต้น

สิ่งที่ทำให้เรื่องสั้นสนุก คือ ไคลแม็กซ์ ของเรื่อง หรือจุคพีคที่สุดที่อารมณ์ทุกสิ่งทุกอย่างพุ่งขึ้นไปให้คนอ่านลุ้น แล้วค่อยคลี่คลายออกมา ซึ่งเรื่องนี้ ยังขาดจุดไคลแม็กซ์ หรือปมสำคัญที่นำไปสู่ข้อสรุปอยู่ค่ะ เพราะเหมือนเล่าไปเรื่อย ๆ แล้วสรุปจบมากกว่า

การเริ่มเขียนเรื่องสั้น ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากเรื่องยาก ๆ ค่ะ เอาง่าย ๆ ใกล้ ๆ ตัวนี่แหละ แต่ลองหาวิธีทำให้เรื่องธรรมดาน่าสนใจ เปิดตัวให้น่าสนใจ มีตัวละครไม่ต้องเยอะมากมายแต่ตัวละครนั้นต้องโดดเด่นพอที่จะดึงดูดความสนใจของคนอ่านได้ สำหรับเรื่องสั้น มีตัวละครแค่ 2-3 ตัว ก็สามารถดำเนินเรื่องได้แล้วค่ะ แต่คนเขียนต้องคุมให้อยู่แค่นั้นเอง สำหรับเหตุการณ์ในเรื่อง ให้ลองนึกภาพของเส้นกราฟดูนะคะ กราฟที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ดูมีชีวิตชีวากว่ากราฟที่เดินเป็นแนวระนาบ และในส่วนของตอนจบ พยายามจบเรื่องให้เด็ดขาด หรือ จบให้สมบูรณ์ค่ะ ไม่ต้องกั๊ก เลือกข้างใดข้างหนึ่งมาเลย จะทำให้เราชัดเจนกับตัวเองมากขึ้น และทำให้คนอ่านอ่านแล้วไม่ค้างคาหรือคาใจ อย่าลืมว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราเขียน ชะตากรรมของคนในเรื่องอยู่ที่เราจะลิขิตค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่