เนื่องจากได้อ่านความคิดเห็นต่างๆ นานา เกี่ยวกับการซื้อตัวนักเตะ และแต่ละท่านก็อคติกับการซื้อตัวของทีมเสียเหลือเกิน อยากได้นู้นได้นี่ ซื้อตัวนี้มาทำไม? ทำไม?ไม่เอาตัวนู้น ซื้อย่างนี้ก็ลุ้นตกชั้น *$&%^$#(@)_!!!?? บลาๆ อะไรทั้งหลายแหล่ เชียร์หงส์ ลองเข้าใจวัฒนธรรมของทีม ท่านจะทราบว่า ทีมที่มีกองเชียร์ที่ดีที่สุดในโลก แฟนลิเวอร์พูลส่วนใหญ่เขาคิดอย่างไร? ทุกทีมเขาก็อยากเป็นแชมป์ไม่ไม่น้อยไปกว่าเรา วัฒนธรรมอันดีงามเราความรักษาไว้เถอะครับ บางทีถ้าศึกษาความเป็นมาของทีมจะเข้าใจเสน่ห์ของลิเวอร์พูล ได้ไม่ยาก ... ปล.ขอบ่นบ้างครับ บางทีไปอ่านบางความคิดเห็นก็อดไม่ได้จริงๆ
***(ขอขอบคุณบทความที่มา
http://www.thekop.in.th)***
แปลจากบทความที่อนุญาตให้อ่านฟรีของเวบไซท์ The Tomkins Times เป็นบทความคุณภาพที่ยาวมากๆ ใครไม่ชอบบทความยาวๆก็เลี้ยวซ้ายผ่านตลอดได้เลยครับ ^^
งานนี้ไม่ได้แปลเอง เป็นคุณ Ratiwit Yodsuwan ที่มีน้ำใจกรุณาสละเวลาและสายตามาแปลบทความนี้ให้อ่านกัน และแปลได้ดีจริงๆ ขอบคุณมากๆครับ
I
ใครหลายๆคนกล่าวว่า Liverpool เอาแต่ซื้อผู้เล่นโนเนม จากสโมสรที่ไม่ใช่ทอปคลาสของโลก แต่ดันขายผู้เล่นที่โด่งดังที่ที่สุดไปให้หนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (ในช่วงนี้)
มันจึงไม่มีทางเลยเลยที่ Liverpool จะแกร่งขึ้น (ตามหน้ากระดาษ) แต่นี่เราจะพูดถึงแค่สิบเอ็ดผู้เล่นตัวจริงแค่นั้นเหรอ?
การซื้อผู้เล่นเจ๋งๆเข้ามา แน่นอนว่ามีส่วนช่วยพัฒนาทีมเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นผู้เล่นที่เคยเป็นสิบเอ็ดตัวจริงซีซั่นที่แล้ว อาจจะกลายเป็นแค่ตัวสำรองก็ได้ แต่มันไม่ได้ง่ายที่จะจัดหาผู้เล่นดีๆเข้ามา เรารู้กันว่านักฟุตบอลที่โดนเด่นไปด้วยพรสวรรค์มีใครบ้าง แต่ด้วยค่าตัว ค่าเหนื่อย ทำให้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับ Liverpool ซึ่งเป็นสโมสรมีฐานะการเงินที่ไม่ได้หรูหรามากนัก สโมสรไม่สามารถที่จะใช้เงินเพื่อผู้เล่นในระดับทอป 3 ของประเทศได้ และผู้เล่นระดับสุดยอดหลายคนยังอยู่กับสโมสรที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องย้ายทีม
จำได้ไหมตอนที่ Suarez ย้ายมาทีมเรา ค่าเหนื่อยเขาอยู่ที่แค่ 70,000 ปอนด์ต่อสัดาห์ ต่อมาเขาถึงได้ต่อสัญญาที่ทำให้เขากลายเป็นคนที่รับเงินสูงที่สุดในสโมสรที่ 200,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ (ยังน้อยกว่าที่ City, Chelsea และ Man Utd สามารถจ่ายอยู่นิดหน่อย) แต่ถ้าคุณสามารถโยนเงินไปที่คนใดคนหนึ่งถึง 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ นั่นหมายความว่าผู้เล่นคนนั้นได้รับรางวัลตอบแทนสิ่งที่เขาได้ทำมาตลอดการค้าแข้งที่ผ่านมาของเขา ไม่เฉพาะแค่สิ่งที่เขาทำที่สโมสรของคุณ
ซึ่งการจ่ายเงินแบบนี้จะก่อให้เกิดความอันตราย... ไม่เพียงแค่เหล่านักเตะที่ทำงานหนักมาตลอดอาจจะไม่พอใจ มันอาจจะทำลายความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทำลายโครงสร้างเพดานเงินเดือน จนส่งผลไปสู่การขึ้นเงินเดือนสำหรับคนอื่นๆด้วยเหมือนกัน
นับถึงตอนนี้ ผู้เล่นที่เราได้มา มีทั้ง Emre Can, 20 (£10m); Adam Lallana, 26 (£16m-£23m); Lazar Markovic, 20 (£20m); Rickie Lambert, 32 (£4m); และ Dejan Lovren, 25 (£20m) ซึ่งผมคิดว่า อย่างมากคงจ่ายไม่เกิน 100,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ต่อคน ส่วน Divock Origi, 19 (£10m) ก็ได้ตกลงเรียบร้อย และจะกลับไปเล่นให้ Lille อีก 1 ปี อีกทั้งเมื่อดีล ของ Remy ล่มไปแล้ว เรายังมีที่ว่างสำหรับผู้เล่นใหม่เพิ่มอีกอย่างน้อยคนนึง
เห็นๆเลยว่า เหล่าผู้เล่นที่ได้เอ่ยชื่อมาไม่มีใครซักคนที่เป็น superstar และส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุที่ดี ยกเว้นแต่ Lambert
มีแค่ Lallana (อายุ 26 ) ที่อยู่ในช่วงอายุที่ดีที่ผมจะจ่ายเพื่อตำแหน่งที่ไม่ใช่ผู้รักษาประตูหรือ กองหลังตัวกลาง (ตำแหน่งที่ผู้เล่นส่วนใหญ่จะพีคและเล่นได้ถึงอายุประมาณ 33) แต่อยากจะบอกว่า คุณไม่สามารถเติมเต็มทีมของคุณด้วยผู้เล่นหนุ่มๆและคาดหวังว่าเขาจะฉายแสงทั้งหมดได้ ยังคงต้องมีผู้เล่นเก๋าๆไว้คอยประคองพวกเข้าด้วย
Liverpool มีเพียงแค่ Gerrard Lambert และผู้เล่นสำรองอย่าง Toure ที่อายุเกิน 30 แต่ก็มีแค่ Gerrard ที่จะสามารถเป็นผู้เล่นตัวจริงได้ ส่วนที่เหลือพวกเขายังเป็นผู้เล่นหนุ่มๆเท่านั้น ดังนั้นการซื้อผู้เล่นอายุ 26 เพียงคนเดียว อาจจะยังดูน้อยไปหน่อย
ผมยังไม่เห็นเหมือนกันว่าทำไมเราต้องตัดสินคนจากสโมสรเดิมที่พวกเค้าเล่น Southampton อาจจะไม่ใช่สโมสรดังอะไร แต่ถ้าสโมสรเดิมของพวกเขาคือ Udinese คงไม่ได้ดูดีกว่ากันเท่าไหร่นะ (น่าจะกัด เรื่อง Sanchez – ผู้แปล) ถึงแม้มันจะจริงที่ว่า เดี๋ยวนี้เพชรในตมมันหายากหน่อย แต่ลองดู ในยุคทองของสโมสรที่ผ่านมา ช่วงปี 1977-84 เราซื้อผู้เล่นมาจาก Coventry, Brighton (สองครั้ง), Shamrock Rovers, Ayr United, Luton, Vancouver Whitecaps, Middlesbrough (สามครั้ง), Chester, Home Farm, Hereford, Partick Thistle และ St Mirren.
คุณคิดว่า Graeme Souness จะเป็นได้แค่ผู้เล่นระดับโบโร่ไปตลอดรึเปล่า? หรือ Hansen จะพัฒนาตัวเองจากผู้เล่น จาก Partick Thistle ได้ไหม? Bob Praisley เป็นผู้ที่ซื้อผู้เล่นได้ชาญฉลาดที่สุดของสโมสร เขาไม่ได้มองแค่ "การเสริมผู้เล่นจากทีมระดับยูโรเปี้ยนคัพ เข้าสู่ทีมแชมป์ยุโรปของเขา" เขาเสริมผู้เล่นที่เขาคิดว่าจะช่วยพัฒนาคุณภาพของทีมได้ แม้ว่าเขาเหล่านั้นจะไม่เคยเล่นเกมดาร์บี้แมตช์ใหญ่ๆ หรือเกมในระดับยุโรปมาก่อน.. คุณภาพผู้เล่น ไม่ใช่การมองแค่ประวัติการเล่น ผู้เล่นที่เคยเล่นสโมสรใหญ่ๆ อาจจะมีประโยชน์ แต่สุดท้ายมันก็อยู่ที่ความสามารถของแต่ละคนอยู่ดี
ปีที่แล้ว Southampton มีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเกิดจากการจัดการที่ยอดเยี่ยมและผู้เล่นในระดับ top 4 ประมาณ 5-6 คน ผสมผสานกับการช่วยเหลือของนักเตะโนเนม กับเหล่าดาวรุ่งที่มีศักยภาพ แต่ถ้าพวกเขามีผู้เล่นในระดับ top 4 ทั้ง 11 คนและผู้เล่นระดับ top 4 อีกในม้านั่งสำรอง พวกเขาคงจบใน top 4 ไปแล้วล่ะ...
แต่เมื่อในความเป็นจริงเหตุการณ์แบบนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะกับสโมสรที่มีเงินไม่มากนัก และเมื่อพวกเขาทำผลงานได้ดีในฤดูกาลที่แล้ว ผู้เล่นอย่าง Lallana, Schneiderlin, Shaw, Lambert และ Lovren อาจจะรวมไปถึง Jay Rodriguez และ Wanyama ต่างทำผลงานในระดับเดียวกับผู้เล่นในระดับ top4 จึงได้รับความสนใจ ส่วนดาวรุ่งอีกคนอย่าง Calum Chambers ก็เพิ่งย้ายไป Arsenal
ซึ่งแบบนี้ก็คล้ายๆกับกรณีของ Jordan Henderson ที่ Sunderland นะแหล่ะ พวกเขาเล่นในทีมได้ดีทีเดียว แต่น่าเสียดายที่องค์ประกอบโดยรวมไม่เพียงพอที่จะทำให้ทีมไปได้ไกลกว่าจุดนี้ ซึ่งไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเลย.... ( ถ้ามองถึงตรรกะที่ว่าผู้เล่นแต่ละคนจะเล่นดีไม่เท่ากับทีมที่เขาเคยเล่นให้, Henderson อาจจะเป็นข้อยกเว้น )
ที่สำคัญที่สุด นักเตะของ Southampton ต่างเคยเล่นในแบบที่ต้องบีบกดดันพื้นที่ และจ่ายบอลอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว (น่าจะหมายถึง น่าจะปรับตัวได้ดีครับ - ผู้แปล)
จริงๆ ผมก็รู้สึกไม่สบายใจนักหรอกที่เห็นทีมซื้อตัวผู้เล่นจากทีมเล็กทีมนึงเยอะเป็นพิเศษ (โดยเฉพาะผู้เล่นที่เล่นเป็นส่วนนึงของความสำเร็จ) แต่เอาจริงแล้ว Southampton ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องขายเพื่อทำกำไรหนิ เขายังมีทางเลือกที่จะรั้งนักฟุตบอลเหล่านี้ไว้ แล้วยังไงล่ะ ตอนนี้ Southamton มีเงินให้ใช้จ่ายมากมาย และได้ซื้อผู้เล่นที่มีความสามารถอย่างน้อยแล้ว 2 คน (พวกคุณกำลังสงสาร เพราะคิดว่าทีมนี้จะลงเตะด้วยผู้เล่นแค่ 4 คนเหรอ?)
Atletico Madrid กับ Chelsea เป็นตัวอย่างที่ดีในเคสแบบนี้ ทีมตราหมีเป็นทีมที่ถือว่าขายนักเตะกินเพื่อทำกำไรได้ตลอดเวลาอย่างชาญฉลาด นับย้อนไปตั้งแต่ 2007 ทุกๆครั้งที่เขาขายดาวยิงออกไป เขายังคงสามารถหาตัวแทนได้เสมอ (สิ่งเหล่านี้เป็นความต่อเนื่องมาจากสโมสร Lyon ที่เริ่มสร้างโมเดลที่ว่า Soccernomics) เมื่อ Torres ย้ายไป Liverpool พวกเขามี Aguero เข้ามาแทน ต่อมา Aguero ย้ายไป Mancity ก็มี Falcao เข้ามาแทนอีก เมื่อ Falao ย้ายไปฝรั่งเศส เขาก็ได้ Diego Costa เข้ามาทำประตูให้ และตอนนี้ Costa ถูกขายเพื่อทำกำไรอย่างมหาศาล (จริงๆแล้ว Costa ยังเทียบไม่ได้กับ Torres Aguero หรือ Falcao ในช่วงพีคหรอก แต่เขามีฤดูกาลที่ดีมากๆ เมื่อปีที่แล้วต่างหาก)
สิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะพวกเขามีนักฟุตบอลที่มีประสบการณ์ช่วยประคอง ไม่ว่าจะเป็น Forlan หรือ Villa แน่นอว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก ทีมตราหมีคือทีมที่แตกฉานในเรื่องของการใช้จ่ายในเรื่องค่าเหนื่อย ค่าตัวนักเตะ และสามารถเปลี่ยนไปเป็นความสำเร็จอย่างเหนือความคาดหมายทั้งในลีก และฟุตบอลยุโรปในปีเดียวกัน (ซึ่งมันเกิดขึ้นได้ยากมาก และเป็นสัญญาณของความมีคุณภาพอย่างแท้จริง) พวกเขาเดินหมากในตลาดซื้อขายได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าพวกเขาอาจจะใช้โชคในการซื้อขายหมดไปแล้วหรือไม่ก็ตาม (อย่างเช่น Lyon ในตอนนี้) แต่ทั้งสองสโมสร (Lyon, Atletico Madrid) ต่างประสบความสำเร็จในการใช้จ่ายเรื่องค่าจ้างโดยการใช้ระบบ scout เข้ามาช่วย และที่แน่นอน พวกเขาไม่กลัวที่จะขายดาราดังๆออกไป
ตอนนี้ ทีม Liverpool ถูกจับตามองในสองทิศทาง แฟนๆ ต้องการดาราดังเพื่อทดแทนการจากไปของ Suarez แต่ดูเหมือนสโมสรจะขยับช้าเหลือเกิน แต่จริงแล้ว ดาราดังเหล่านั้น อาจจะไม่ใช่การเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยมเสมอไป
ทั้งนี้ทั้งนั้น Suarez ก็ไม่ใช่ดาราดังตอนที่เขามาที่นี่.. Alonso หรือTorres ก็เช่นกัน ตอนนั้นพวกเขายังเป็นแค่ดาวรุ่งอายุ 23 หรือน้อยกว่านั้นอยู่เลย ซึ่งตอนนั้นหลายคนยังตั้งคำถามกับการซื้อตัวพวกเขาด้วยซ้ำ (Alonso เล่นช้าไปไหม , Torres จะทำประโยชน์ได้จริงหรือ หรือ Suarez จะกัดใครอีกรึเปล่า?) คนทั่วไปแทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำตอน Raheem Stering เซ็นสัญญา ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์เมื่อ 4 ปีก่อน แต่ตอนนี้เป็นไงล่ะ ถือเป็นดีลที่โคตรคุ้มเลย แม้ว่าตอนนี้เราต้องการผู้เล่นที่นำมาใช้ใช้ได้เลย แต่เราก็ต้องทำการซื้อขายแบบมององค์รวมควบคู่กันไป
และอย่างที่ผมทวิตออกไปไม่กี่วันที่แล้ว “Liverpool เคยซื้อผู้เล่น world class ในขณะที่เขาถูกขนานนามว่าเป็น World class มาบ้างรึเปล่า?”
ผมมาลองคิดถึงทั้งผู้เล่นที่ชื่อเสียงในระดับ World class ( ที่เคยเล่น และเกือบจะได้มาเล่นให้เรา) ผมว่า Michael Laudrup น่าจะใกล้เคียงที่สุดในปี 1983 แต่จริงๆ แล้ว เขาถูกยกให้เป็น World class ในปีถัดมาอีกตะหาก Jari Litmanen เคยถูกยกให้อยู่ในระดับนั้น แต่การมา Anfield ของเขาก็เป็นช่วงขาลงแล้ว (คล้ายๆช่วงที่ Ian Rush ย้ายกลับมาในปี 1988) บางทีผมอาจจะมองข้ามบางคนไป แต่ผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมของ Liverpool ต่างถูกยกย่องให้เป็นผู้เล่นระดับสูงเมื่อมาเล่นให้ที่นี่เท่านั้น ไม่ใช่ก่อนที่เขาจะมา!!
(ยังมีต่อ)
ขอบคุณ The Tomkins Times: Are Liverpool Buying Wisely?
Ratiwit Yodsuwan แปลครับ
ที่มา
http://www.thekop.in.th/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=152128
แฟนหงส์แดงที่ไม่เข้าใจเรื่องการซื้อตัว ควรอ่าน!!
***(ขอขอบคุณบทความที่มา http://www.thekop.in.th)***
แปลจากบทความที่อนุญาตให้อ่านฟรีของเวบไซท์ The Tomkins Times เป็นบทความคุณภาพที่ยาวมากๆ ใครไม่ชอบบทความยาวๆก็เลี้ยวซ้ายผ่านตลอดได้เลยครับ ^^
งานนี้ไม่ได้แปลเอง เป็นคุณ Ratiwit Yodsuwan ที่มีน้ำใจกรุณาสละเวลาและสายตามาแปลบทความนี้ให้อ่านกัน และแปลได้ดีจริงๆ ขอบคุณมากๆครับ
I
ใครหลายๆคนกล่าวว่า Liverpool เอาแต่ซื้อผู้เล่นโนเนม จากสโมสรที่ไม่ใช่ทอปคลาสของโลก แต่ดันขายผู้เล่นที่โด่งดังที่ที่สุดไปให้หนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (ในช่วงนี้)
มันจึงไม่มีทางเลยเลยที่ Liverpool จะแกร่งขึ้น (ตามหน้ากระดาษ) แต่นี่เราจะพูดถึงแค่สิบเอ็ดผู้เล่นตัวจริงแค่นั้นเหรอ?
การซื้อผู้เล่นเจ๋งๆเข้ามา แน่นอนว่ามีส่วนช่วยพัฒนาทีมเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นผู้เล่นที่เคยเป็นสิบเอ็ดตัวจริงซีซั่นที่แล้ว อาจจะกลายเป็นแค่ตัวสำรองก็ได้ แต่มันไม่ได้ง่ายที่จะจัดหาผู้เล่นดีๆเข้ามา เรารู้กันว่านักฟุตบอลที่โดนเด่นไปด้วยพรสวรรค์มีใครบ้าง แต่ด้วยค่าตัว ค่าเหนื่อย ทำให้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับ Liverpool ซึ่งเป็นสโมสรมีฐานะการเงินที่ไม่ได้หรูหรามากนัก สโมสรไม่สามารถที่จะใช้เงินเพื่อผู้เล่นในระดับทอป 3 ของประเทศได้ และผู้เล่นระดับสุดยอดหลายคนยังอยู่กับสโมสรที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องย้ายทีม
จำได้ไหมตอนที่ Suarez ย้ายมาทีมเรา ค่าเหนื่อยเขาอยู่ที่แค่ 70,000 ปอนด์ต่อสัดาห์ ต่อมาเขาถึงได้ต่อสัญญาที่ทำให้เขากลายเป็นคนที่รับเงินสูงที่สุดในสโมสรที่ 200,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ (ยังน้อยกว่าที่ City, Chelsea และ Man Utd สามารถจ่ายอยู่นิดหน่อย) แต่ถ้าคุณสามารถโยนเงินไปที่คนใดคนหนึ่งถึง 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ นั่นหมายความว่าผู้เล่นคนนั้นได้รับรางวัลตอบแทนสิ่งที่เขาได้ทำมาตลอดการค้าแข้งที่ผ่านมาของเขา ไม่เฉพาะแค่สิ่งที่เขาทำที่สโมสรของคุณ
ซึ่งการจ่ายเงินแบบนี้จะก่อให้เกิดความอันตราย... ไม่เพียงแค่เหล่านักเตะที่ทำงานหนักมาตลอดอาจจะไม่พอใจ มันอาจจะทำลายความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทำลายโครงสร้างเพดานเงินเดือน จนส่งผลไปสู่การขึ้นเงินเดือนสำหรับคนอื่นๆด้วยเหมือนกัน
นับถึงตอนนี้ ผู้เล่นที่เราได้มา มีทั้ง Emre Can, 20 (£10m); Adam Lallana, 26 (£16m-£23m); Lazar Markovic, 20 (£20m); Rickie Lambert, 32 (£4m); และ Dejan Lovren, 25 (£20m) ซึ่งผมคิดว่า อย่างมากคงจ่ายไม่เกิน 100,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ต่อคน ส่วน Divock Origi, 19 (£10m) ก็ได้ตกลงเรียบร้อย และจะกลับไปเล่นให้ Lille อีก 1 ปี อีกทั้งเมื่อดีล ของ Remy ล่มไปแล้ว เรายังมีที่ว่างสำหรับผู้เล่นใหม่เพิ่มอีกอย่างน้อยคนนึง
เห็นๆเลยว่า เหล่าผู้เล่นที่ได้เอ่ยชื่อมาไม่มีใครซักคนที่เป็น superstar และส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุที่ดี ยกเว้นแต่ Lambert
มีแค่ Lallana (อายุ 26 ) ที่อยู่ในช่วงอายุที่ดีที่ผมจะจ่ายเพื่อตำแหน่งที่ไม่ใช่ผู้รักษาประตูหรือ กองหลังตัวกลาง (ตำแหน่งที่ผู้เล่นส่วนใหญ่จะพีคและเล่นได้ถึงอายุประมาณ 33) แต่อยากจะบอกว่า คุณไม่สามารถเติมเต็มทีมของคุณด้วยผู้เล่นหนุ่มๆและคาดหวังว่าเขาจะฉายแสงทั้งหมดได้ ยังคงต้องมีผู้เล่นเก๋าๆไว้คอยประคองพวกเข้าด้วย
Liverpool มีเพียงแค่ Gerrard Lambert และผู้เล่นสำรองอย่าง Toure ที่อายุเกิน 30 แต่ก็มีแค่ Gerrard ที่จะสามารถเป็นผู้เล่นตัวจริงได้ ส่วนที่เหลือพวกเขายังเป็นผู้เล่นหนุ่มๆเท่านั้น ดังนั้นการซื้อผู้เล่นอายุ 26 เพียงคนเดียว อาจจะยังดูน้อยไปหน่อย
ผมยังไม่เห็นเหมือนกันว่าทำไมเราต้องตัดสินคนจากสโมสรเดิมที่พวกเค้าเล่น Southampton อาจจะไม่ใช่สโมสรดังอะไร แต่ถ้าสโมสรเดิมของพวกเขาคือ Udinese คงไม่ได้ดูดีกว่ากันเท่าไหร่นะ (น่าจะกัด เรื่อง Sanchez – ผู้แปล) ถึงแม้มันจะจริงที่ว่า เดี๋ยวนี้เพชรในตมมันหายากหน่อย แต่ลองดู ในยุคทองของสโมสรที่ผ่านมา ช่วงปี 1977-84 เราซื้อผู้เล่นมาจาก Coventry, Brighton (สองครั้ง), Shamrock Rovers, Ayr United, Luton, Vancouver Whitecaps, Middlesbrough (สามครั้ง), Chester, Home Farm, Hereford, Partick Thistle และ St Mirren.
คุณคิดว่า Graeme Souness จะเป็นได้แค่ผู้เล่นระดับโบโร่ไปตลอดรึเปล่า? หรือ Hansen จะพัฒนาตัวเองจากผู้เล่น จาก Partick Thistle ได้ไหม? Bob Praisley เป็นผู้ที่ซื้อผู้เล่นได้ชาญฉลาดที่สุดของสโมสร เขาไม่ได้มองแค่ "การเสริมผู้เล่นจากทีมระดับยูโรเปี้ยนคัพ เข้าสู่ทีมแชมป์ยุโรปของเขา" เขาเสริมผู้เล่นที่เขาคิดว่าจะช่วยพัฒนาคุณภาพของทีมได้ แม้ว่าเขาเหล่านั้นจะไม่เคยเล่นเกมดาร์บี้แมตช์ใหญ่ๆ หรือเกมในระดับยุโรปมาก่อน.. คุณภาพผู้เล่น ไม่ใช่การมองแค่ประวัติการเล่น ผู้เล่นที่เคยเล่นสโมสรใหญ่ๆ อาจจะมีประโยชน์ แต่สุดท้ายมันก็อยู่ที่ความสามารถของแต่ละคนอยู่ดี
ปีที่แล้ว Southampton มีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเกิดจากการจัดการที่ยอดเยี่ยมและผู้เล่นในระดับ top 4 ประมาณ 5-6 คน ผสมผสานกับการช่วยเหลือของนักเตะโนเนม กับเหล่าดาวรุ่งที่มีศักยภาพ แต่ถ้าพวกเขามีผู้เล่นในระดับ top 4 ทั้ง 11 คนและผู้เล่นระดับ top 4 อีกในม้านั่งสำรอง พวกเขาคงจบใน top 4 ไปแล้วล่ะ...
แต่เมื่อในความเป็นจริงเหตุการณ์แบบนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะกับสโมสรที่มีเงินไม่มากนัก และเมื่อพวกเขาทำผลงานได้ดีในฤดูกาลที่แล้ว ผู้เล่นอย่าง Lallana, Schneiderlin, Shaw, Lambert และ Lovren อาจจะรวมไปถึง Jay Rodriguez และ Wanyama ต่างทำผลงานในระดับเดียวกับผู้เล่นในระดับ top4 จึงได้รับความสนใจ ส่วนดาวรุ่งอีกคนอย่าง Calum Chambers ก็เพิ่งย้ายไป Arsenal
ซึ่งแบบนี้ก็คล้ายๆกับกรณีของ Jordan Henderson ที่ Sunderland นะแหล่ะ พวกเขาเล่นในทีมได้ดีทีเดียว แต่น่าเสียดายที่องค์ประกอบโดยรวมไม่เพียงพอที่จะทำให้ทีมไปได้ไกลกว่าจุดนี้ ซึ่งไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเลย.... ( ถ้ามองถึงตรรกะที่ว่าผู้เล่นแต่ละคนจะเล่นดีไม่เท่ากับทีมที่เขาเคยเล่นให้, Henderson อาจจะเป็นข้อยกเว้น )
ที่สำคัญที่สุด นักเตะของ Southampton ต่างเคยเล่นในแบบที่ต้องบีบกดดันพื้นที่ และจ่ายบอลอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว (น่าจะหมายถึง น่าจะปรับตัวได้ดีครับ - ผู้แปล)
จริงๆ ผมก็รู้สึกไม่สบายใจนักหรอกที่เห็นทีมซื้อตัวผู้เล่นจากทีมเล็กทีมนึงเยอะเป็นพิเศษ (โดยเฉพาะผู้เล่นที่เล่นเป็นส่วนนึงของความสำเร็จ) แต่เอาจริงแล้ว Southampton ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องขายเพื่อทำกำไรหนิ เขายังมีทางเลือกที่จะรั้งนักฟุตบอลเหล่านี้ไว้ แล้วยังไงล่ะ ตอนนี้ Southamton มีเงินให้ใช้จ่ายมากมาย และได้ซื้อผู้เล่นที่มีความสามารถอย่างน้อยแล้ว 2 คน (พวกคุณกำลังสงสาร เพราะคิดว่าทีมนี้จะลงเตะด้วยผู้เล่นแค่ 4 คนเหรอ?)
Atletico Madrid กับ Chelsea เป็นตัวอย่างที่ดีในเคสแบบนี้ ทีมตราหมีเป็นทีมที่ถือว่าขายนักเตะกินเพื่อทำกำไรได้ตลอดเวลาอย่างชาญฉลาด นับย้อนไปตั้งแต่ 2007 ทุกๆครั้งที่เขาขายดาวยิงออกไป เขายังคงสามารถหาตัวแทนได้เสมอ (สิ่งเหล่านี้เป็นความต่อเนื่องมาจากสโมสร Lyon ที่เริ่มสร้างโมเดลที่ว่า Soccernomics) เมื่อ Torres ย้ายไป Liverpool พวกเขามี Aguero เข้ามาแทน ต่อมา Aguero ย้ายไป Mancity ก็มี Falcao เข้ามาแทนอีก เมื่อ Falao ย้ายไปฝรั่งเศส เขาก็ได้ Diego Costa เข้ามาทำประตูให้ และตอนนี้ Costa ถูกขายเพื่อทำกำไรอย่างมหาศาล (จริงๆแล้ว Costa ยังเทียบไม่ได้กับ Torres Aguero หรือ Falcao ในช่วงพีคหรอก แต่เขามีฤดูกาลที่ดีมากๆ เมื่อปีที่แล้วต่างหาก)
สิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะพวกเขามีนักฟุตบอลที่มีประสบการณ์ช่วยประคอง ไม่ว่าจะเป็น Forlan หรือ Villa แน่นอว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก ทีมตราหมีคือทีมที่แตกฉานในเรื่องของการใช้จ่ายในเรื่องค่าเหนื่อย ค่าตัวนักเตะ และสามารถเปลี่ยนไปเป็นความสำเร็จอย่างเหนือความคาดหมายทั้งในลีก และฟุตบอลยุโรปในปีเดียวกัน (ซึ่งมันเกิดขึ้นได้ยากมาก และเป็นสัญญาณของความมีคุณภาพอย่างแท้จริง) พวกเขาเดินหมากในตลาดซื้อขายได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าพวกเขาอาจจะใช้โชคในการซื้อขายหมดไปแล้วหรือไม่ก็ตาม (อย่างเช่น Lyon ในตอนนี้) แต่ทั้งสองสโมสร (Lyon, Atletico Madrid) ต่างประสบความสำเร็จในการใช้จ่ายเรื่องค่าจ้างโดยการใช้ระบบ scout เข้ามาช่วย และที่แน่นอน พวกเขาไม่กลัวที่จะขายดาราดังๆออกไป
ตอนนี้ ทีม Liverpool ถูกจับตามองในสองทิศทาง แฟนๆ ต้องการดาราดังเพื่อทดแทนการจากไปของ Suarez แต่ดูเหมือนสโมสรจะขยับช้าเหลือเกิน แต่จริงแล้ว ดาราดังเหล่านั้น อาจจะไม่ใช่การเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยมเสมอไป
ทั้งนี้ทั้งนั้น Suarez ก็ไม่ใช่ดาราดังตอนที่เขามาที่นี่.. Alonso หรือTorres ก็เช่นกัน ตอนนั้นพวกเขายังเป็นแค่ดาวรุ่งอายุ 23 หรือน้อยกว่านั้นอยู่เลย ซึ่งตอนนั้นหลายคนยังตั้งคำถามกับการซื้อตัวพวกเขาด้วยซ้ำ (Alonso เล่นช้าไปไหม , Torres จะทำประโยชน์ได้จริงหรือ หรือ Suarez จะกัดใครอีกรึเปล่า?) คนทั่วไปแทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำตอน Raheem Stering เซ็นสัญญา ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์เมื่อ 4 ปีก่อน แต่ตอนนี้เป็นไงล่ะ ถือเป็นดีลที่โคตรคุ้มเลย แม้ว่าตอนนี้เราต้องการผู้เล่นที่นำมาใช้ใช้ได้เลย แต่เราก็ต้องทำการซื้อขายแบบมององค์รวมควบคู่กันไป
และอย่างที่ผมทวิตออกไปไม่กี่วันที่แล้ว “Liverpool เคยซื้อผู้เล่น world class ในขณะที่เขาถูกขนานนามว่าเป็น World class มาบ้างรึเปล่า?”
ผมมาลองคิดถึงทั้งผู้เล่นที่ชื่อเสียงในระดับ World class ( ที่เคยเล่น และเกือบจะได้มาเล่นให้เรา) ผมว่า Michael Laudrup น่าจะใกล้เคียงที่สุดในปี 1983 แต่จริงๆ แล้ว เขาถูกยกให้เป็น World class ในปีถัดมาอีกตะหาก Jari Litmanen เคยถูกยกให้อยู่ในระดับนั้น แต่การมา Anfield ของเขาก็เป็นช่วงขาลงแล้ว (คล้ายๆช่วงที่ Ian Rush ย้ายกลับมาในปี 1988) บางทีผมอาจจะมองข้ามบางคนไป แต่ผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมของ Liverpool ต่างถูกยกย่องให้เป็นผู้เล่นระดับสูงเมื่อมาเล่นให้ที่นี่เท่านั้น ไม่ใช่ก่อนที่เขาจะมา!!
(ยังมีต่อ)
ขอบคุณ The Tomkins Times: Are Liverpool Buying Wisely?
Ratiwit Yodsuwan แปลครับ
ที่มา http://www.thekop.in.th/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=152128