สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ว่าตามจริง การอยู่ปริวาส คือ ขั้นตอนหนึ่งของการลงโทษพระที่โดนอาบัติสังฆาทิเสส หรือเป็นขั้นตอนหนึ่ง ใน ๓ ขั้นตอนของการออกจากอาบัติสังฆาทิเสส ......ปริวาส--> มานัต --> อัพภาน
------------------------
เช่น สมมุตินาย ก. ไปบวชเป็นพระ ก. แล้วทำให้น้ำอสุจิเคลื่อน หรือ จีบผู้หญิง หรือ จับตัวผู้หญิง..หรือ ..ฯ ซึ่งจะต้องอาบัติสังฆาทิเสส ..เมื่อพระ ก. ทำผิดแล้ว ก็ปกปิดไว้นาน ๓ เดือน จึงเปิดเผยกับพระอื่นๆ ..
เมื่อพระ ก. จะแก้อาบัติสังฆาทิเสสนี้ ก็ต้องไปอยู่ปริวาสให้ครบนาน ๓ เดือน เท่ากับเวลาที่ปกปิดไว้
ลักษณะการอยู่ปริวาส คือ ทำตัวเหมือนนักโทษ ถูกควบคุม ไปหาอยู่ในสำนักที่หลบเงียบ ในป่าลึกๆยิ่งดี ... จะออกไปจากวัดหรือสำนักนั้นไม่ได้ในช่วงนั้น ถ้าจะออกนอกเขตวัด ต้องมีพระพี่เลี้ยงไปด้วย และห้ามอยู่ห่างตัวพระพี่เลี้ยง จะเดินไปไหน นั่งที่ไหนก็ตาม ต้องรักษาระยะห่างไม่เกิน ๑ ศอก คืบ(ระยะหัตถบาส) กับพระพี่เลี้ยง ไว้ตลอดเวลาจนกว่าจะกลับเข้าวัด ถ้าห่างเกิน ๑ ศอกคืบ ต้องถือว่าปริวาสวันนั้นเป็นโมฆะ ต้องนับใหม่
เมื่ออยู่ในเขตวัด ถ้ามีพระอาคันตุกะผ่านเข้ามาในเขตวัด ต้องไปเชิญพระอาคันตุกะมา แล้วสวดแจ้งให้เขาทราบว่า เรากำลังอยู่ปริวาส สวดเป็นภาษาบาลีตามแบบฉบับที่วางไว้ ถ้าไม่ได้สวด หรือลืมสวด พระอาคันตุกะกลับออกไปก่อน วันนั้นก็ถือว่าเป็นโมฆะอีก ต้องนับใหม่อีก ...
ไม่อาจจะร่วมนอน หรือร่วมฉันอาหารร่วมกับพระปกติได้ ต้องทำตัวเหมือนพระเพิ่งบวชใหม่ หรือคล้ายๆสามเณร คอยรับใช้พระ เวลานั่ง ต้องไปนั่งท้ายสุดของพระ คือนั่งต่อหัวแถวสามเณร และ ทุกๆเช้า เย็น ต้องสวดแจ้งให้คณะสงฆ์ในวัดรู้ สวดยาวพอควร ...
ทำไปแบบนี้เรื่อยๆจนครบกำหนดที่ปกปิดไว้นั้น (เช่นกรณีนี้ ๓ เดือน ก็ต้องทำไปจนครบ ๓ เดือน )
นั่นคือ การอยู่ปริวาสที่ถูกต้องสมบูรณ์ตามหลักวินัยกรรมในตำรา
ขั้นตอนต่อไป เมื่ออยู่ปริวาสครบกำหนดแล้ว ... ต่อจากนั้นไปอยู่มานัต อีก ๖ วัน ๖ คืน ทำคล้ายๆกัน แต่การอยู่ปริวาส ใช้พระพี่เลี้ยงเพียง รูปเดียวก็ได้ แต่เมื่อมาอยู่มานัต ขั้นนี้ ต้องมีพระพี่เลี้ยงอย่างน้อย ๔ รูป
เมื่ออยู่มานัตครบ ๖ วัน ๖ คืน ต่อจากนั้น ก็ไปเข้าหมู่สงฆ์ ขอให้เขาสวดอัพภานให้ ซึ่งเป็นสังฆกรรมขนาดใหญ่มาก คือ ต้องใช้พระอย่างน้อย ๒๐ รูป (จำนวนมากกว่าใช้พระเพื่อทำการอุปสมบท หรือการบวชพระ ซึ่งใช้แค่ ๑๐ รูป ก็พอ)
เมื่อหมู่สงฆ์สวดอัพภานเสร็จ ซึ่งสวดยาวพอควร คล้ายๆการสวดตอนสวดญัติบวชพระ ..นั่นคือ การออกจากอาบัติสังฆาทิเสสก็เสร็จสมบูรณ์
------------------------------------
(ที่เราเห็นวัดต่างๆ โฆษณาเรื่องการเข้าปริวาส ..นี่คือของปลอม ไม่ใช่ปราวาสจริงๆ เป็นการเล่นปาหิ่หาเงินเข้าวัด เท่านั้นเอง เพราะปกติ ชาวบ้านทั่วๆไป จะไม่เข้าใจว่า การเข้าปริวาส คืออะไร เข้าใจผิดไปว่าเป็นงานบุญ เพราะวัดที่ชักชวนก็ไม่บอกความจริงว่าคืออะไร ... จุดหมายแค่หาเงินเข้าวัดเท่านั้น)
------------------------
เช่น สมมุตินาย ก. ไปบวชเป็นพระ ก. แล้วทำให้น้ำอสุจิเคลื่อน หรือ จีบผู้หญิง หรือ จับตัวผู้หญิง..หรือ ..ฯ ซึ่งจะต้องอาบัติสังฆาทิเสส ..เมื่อพระ ก. ทำผิดแล้ว ก็ปกปิดไว้นาน ๓ เดือน จึงเปิดเผยกับพระอื่นๆ ..
เมื่อพระ ก. จะแก้อาบัติสังฆาทิเสสนี้ ก็ต้องไปอยู่ปริวาสให้ครบนาน ๓ เดือน เท่ากับเวลาที่ปกปิดไว้
ลักษณะการอยู่ปริวาส คือ ทำตัวเหมือนนักโทษ ถูกควบคุม ไปหาอยู่ในสำนักที่หลบเงียบ ในป่าลึกๆยิ่งดี ... จะออกไปจากวัดหรือสำนักนั้นไม่ได้ในช่วงนั้น ถ้าจะออกนอกเขตวัด ต้องมีพระพี่เลี้ยงไปด้วย และห้ามอยู่ห่างตัวพระพี่เลี้ยง จะเดินไปไหน นั่งที่ไหนก็ตาม ต้องรักษาระยะห่างไม่เกิน ๑ ศอก คืบ(ระยะหัตถบาส) กับพระพี่เลี้ยง ไว้ตลอดเวลาจนกว่าจะกลับเข้าวัด ถ้าห่างเกิน ๑ ศอกคืบ ต้องถือว่าปริวาสวันนั้นเป็นโมฆะ ต้องนับใหม่
เมื่ออยู่ในเขตวัด ถ้ามีพระอาคันตุกะผ่านเข้ามาในเขตวัด ต้องไปเชิญพระอาคันตุกะมา แล้วสวดแจ้งให้เขาทราบว่า เรากำลังอยู่ปริวาส สวดเป็นภาษาบาลีตามแบบฉบับที่วางไว้ ถ้าไม่ได้สวด หรือลืมสวด พระอาคันตุกะกลับออกไปก่อน วันนั้นก็ถือว่าเป็นโมฆะอีก ต้องนับใหม่อีก ...
ไม่อาจจะร่วมนอน หรือร่วมฉันอาหารร่วมกับพระปกติได้ ต้องทำตัวเหมือนพระเพิ่งบวชใหม่ หรือคล้ายๆสามเณร คอยรับใช้พระ เวลานั่ง ต้องไปนั่งท้ายสุดของพระ คือนั่งต่อหัวแถวสามเณร และ ทุกๆเช้า เย็น ต้องสวดแจ้งให้คณะสงฆ์ในวัดรู้ สวดยาวพอควร ...
ทำไปแบบนี้เรื่อยๆจนครบกำหนดที่ปกปิดไว้นั้น (เช่นกรณีนี้ ๓ เดือน ก็ต้องทำไปจนครบ ๓ เดือน )
นั่นคือ การอยู่ปริวาสที่ถูกต้องสมบูรณ์ตามหลักวินัยกรรมในตำรา
ขั้นตอนต่อไป เมื่ออยู่ปริวาสครบกำหนดแล้ว ... ต่อจากนั้นไปอยู่มานัต อีก ๖ วัน ๖ คืน ทำคล้ายๆกัน แต่การอยู่ปริวาส ใช้พระพี่เลี้ยงเพียง รูปเดียวก็ได้ แต่เมื่อมาอยู่มานัต ขั้นนี้ ต้องมีพระพี่เลี้ยงอย่างน้อย ๔ รูป
เมื่ออยู่มานัตครบ ๖ วัน ๖ คืน ต่อจากนั้น ก็ไปเข้าหมู่สงฆ์ ขอให้เขาสวดอัพภานให้ ซึ่งเป็นสังฆกรรมขนาดใหญ่มาก คือ ต้องใช้พระอย่างน้อย ๒๐ รูป (จำนวนมากกว่าใช้พระเพื่อทำการอุปสมบท หรือการบวชพระ ซึ่งใช้แค่ ๑๐ รูป ก็พอ)
เมื่อหมู่สงฆ์สวดอัพภานเสร็จ ซึ่งสวดยาวพอควร คล้ายๆการสวดตอนสวดญัติบวชพระ ..นั่นคือ การออกจากอาบัติสังฆาทิเสสก็เสร็จสมบูรณ์
------------------------------------
(ที่เราเห็นวัดต่างๆ โฆษณาเรื่องการเข้าปริวาส ..นี่คือของปลอม ไม่ใช่ปราวาสจริงๆ เป็นการเล่นปาหิ่หาเงินเข้าวัด เท่านั้นเอง เพราะปกติ ชาวบ้านทั่วๆไป จะไม่เข้าใจว่า การเข้าปริวาส คืออะไร เข้าใจผิดไปว่าเป็นงานบุญ เพราะวัดที่ชักชวนก็ไม่บอกความจริงว่าคืออะไร ... จุดหมายแค่หาเงินเข้าวัดเท่านั้น)
แสดงความคิดเห็น
การเข้าปริวาสกรรมของพระมีประโยชน์อย่างไร
การเข้าปริวาสกรรมของพระมีประโยชน์อย่างไรครับ ควรเข้าไหมครับ
เเล้วไม่เข้าได้ไหมครับ
ขอบคุณครับ